&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทารกในครรภ์มีการก่อตัวของของระบบประสาทและสมอง🧠ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ในครรภ์ และเริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามช่วงอายุครรภ์ โดยคุณพ่อคุณแม่👫สามารถช่วยกระตุ้นการพัฒนาของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังการคลอดของลูกได้เลยค่ะ นับตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์คุณพ่อคุณแม่อาจจะตื่นเต้นและรอวันที่ได้เจอหน้าลูกน้อย ดังนั้นทางเราจึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการกระตุ้นการพัฒนาสมองของทารกเพื่อให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีสมวัยมาให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ทราบค่ะ<hr>การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี?นับตั้งแต่กระบวนการปฏิสนธิสมบูรณ์ ไข่กับสเปิร์มจะสร้างเป็นตัวอ่อน ซึ่งตัวอ่อนในท้องของคุณแม่🤰ก็จะเริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ พร้อมกับสร้างอวัยวะรวมทั้งเซลล์สมองที่มีการเพิ่มจำนวนและขนาดอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นเนื้อสมองและเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเส้นใยประสาทเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่👫ควรเริ่มกระตุ้นการพัฒนาการสมองของลูกน้อยตั้งแต่อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ ไปจนถึงอายุ 2 ขวบ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่จะใส่ใจเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาของลูก<hr>ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ดีการที่ลูกจะมีพัฒนาการที่ดีนั้นมักเกี่ยวข้องกับหลายๆ ปัจจัย โดยปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาของลูกน้อยในครรภ์ การพัฒนาการของวัยทารก รวมไปถึงการพัฒนาของระดับสติปัญญา🧠✨และการเรียนรู้ตั้งแต่ในครรภ์ไปจนถึงหลังคลอดมีดังนี้พันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่พันธุกรรมของลูกน้อยนอกจากหน้าตา👶 สีผิว และสีผมที่ได้รับการถ่ายทอดมาแล้ว ยีน🧬ทั้งหมดในร่างกายยังมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและระบบประสาทด้วยการรับประทานอาหารและสารอาหารที่คุณแม่ได้รับในขณะตั้งครรภ์ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ต้องใส่ใจกับสุขภาพมากที่สุด ดังนั้นการใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสารอาหารต่างๆ🥗 ที่คุณแม่รับประทานเข้าไปจะส่งผลกับทารกในครรภ์&nbsp;ระบบการทำงานของร่างกายคุณแม่เสียงการทำงานของหัวใจ🫀 เสียงการบีบตัวของลำไส้ หรือเสียงการเคลื่อนไหวของกระแสโลหิตล้วนมีความสำคัญ เพราะลูกน้อยในท้องของคุณแม่สามารถได้ยิน👂เสียงพวกนี้ ซึ่งจะกระตุ้นเรื่องการพัฒนาการได้ยินของลูกน้อยอารมณ์ของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์หากคุณแม่มีความเครียดมาก😡ในระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบกับการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์ด้วย<hr>วิธีการช่วยกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในครรภ์ลูบหน้าท้องกระตุ้นความรู้สึกการที่คุณแม่ลูบหน้าท้องเบาๆ🤰จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนความรู้สึกได้ชวนลูกคุยบ่อยๆ หรือเปิดเสียงดนตรีให้ลูกฟังลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่สามารถได้ยินเสียงผ่านผนังหน้าท้อง🎧🤰 ซึ่งทารกในครรภ์จะได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่อายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป การที่คุณพ่อคุณแม่มีการพูดคุยกับลูกส่งผลให้ทารกมีความคุ้นเคยจากเสียง และคุณแม่สามารถหยิบหนังสือ📖🗣️มาอ่านออกเสียงให้ลูกน้อยฟัง โดยเสียงจากคุณแม่จะกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อสมองที่มีความซับซ้อนของการได้ยิน ตีความเสียง และส่วนความทรงจำ นอกจากนี้การเปิดเพลง🎶ให้ลูกฟังทำให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ดีด้วย😄ส่องไฟฉายบริเวณผิวท้องของคุณแม่เพื่อกระตุ้นการมองเห็นคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการส่วนการมองเห็น👁️ ด้วยการดึงดูดความสนใจของทารกในครรภ์ โดยการส่องไฟฉาย🔦 เลื่อนไป-มา หรือ เปิด-ปิดไฟฉาย พร้อมกับพูดคุยและเล่นกับลูกน้อยไปด้วย แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทำในที่มืด🌌จะช่วยเรื่องการมองเห็นได้ดีกว่าที่สว่าง และควรเริ่มทำตั้งแต่ทารกเริ่มดิ้นไปจนถึงวันที่คลอด&nbsp;การนั่งโยกเก้าอี้ หรือการออกกำลังกายจะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกคุณแม่สามารถนั่งโยกเก้าอี้🪑หน้า-หลัง พร้อมเอามือลูบหน้าท้องไปพรางๆ และเปิดเพลงฟัง🎵 หรือออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยกระตุ้นเรื่องการพัฒนาด้านเซลล์ประสาทการทรงตัวและพัฒนาเรื่องระบบประสาทการสัมผัสของทารก&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์🍲 หมั่นดูแลร่างกายให้พร้อมจนถึงวันคลอด และนอกจากการบำรุงร่างกายที่ดีแล้ว คุณแม่ควรออกกำลังกาย🚶‍♀️แต่พอเหมาะ ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์ เพื่อเป็นการช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดี โดยเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับการกระตุ้นสมอง🧠และระบบประสาทตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังการคลอด🤱

การพัฒนาสมองของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์เป็นยังไงนะ?

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกลทำให้เรามีโอกาสได้พูดคุยจากคนต่างชาติได้ง่ายขึ้น รวมถึงเมื่อทำงานก็มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ดังนั้นการสอนให้ลูกพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาก็จะทำให้ลูกได้เปรียบ ซึ่งเราจะมีวิธีสอนลูกอย่างไรให้ลูกสามารถพูดสองภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติและเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>กลยุทธ์การสอนภาษาที่สองให้ลูก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/02b963da-73a5-46ef-aa16-b55346fac01c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรจะสอนลูกพูดภาษาที่สองตั้งแต่เมื่อไหร่ดี?คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกพูดภาษาที่สอง🔤ได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ได้เลยค่ะ โดยอาจอ่านนิทาน หรือ เปิดเพลงให้ฟังโดยใช้ภาษาที่สองก็จะทำให้ลูกทำความคุ้นเคยและเริ่มรับรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะหากคุณแม่พูดกับลูกในครรภ์🤰บ่อยๆ ลูกก็จะเกิดการเรียนรู้และมีความคุ้นเคยกับมันค่ะ&nbsp;หลังคลอด คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสอนต่อได้เลยจนลูกอายุ 7 ขวบ เพราะหลังจากนั้นลูกจะมีความคิดเป็นของตนเองและอาจต่อต้าน หรือ อาจรู้สึกสับสน รวมถึงยังเป็นวัยที่เข้าเรียนและได้รับการเรียนจากโรงเรียน🏫แล้วด้วยค่ะ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่คือกุญแจสำคัญเทคนิคที่ดีที่สุดในการสอนลูกพูดสองภาษาคือตัวคุณพ่อ👨และคุณแม่👩เองค่ะ เพราะหากคุณพ่อคุณแม่พูดภาษาที่สองกับลูกในชีวิตประจำวันทุกๆวันๆ ทำให้เป็นเรื่องปกติลูกก็จะสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งภาษา🔤ที่ใช้ในทุกๆวัน โดยเวลาคุยกับลูกก็ไม่ควรแปลให้ลูก ให้เริ่มพูดคำง่ายๆก่อนเช่น Dog, Go, Yes, No แล้วค่อยพูดยาวๆเป็นประโยคก็จะทำให้ลูกค่อยๆเข้าใจเองค่ะ&nbsp;<hr>วิธีทำให้ลูกจดจำได้ง่ายขึ้น<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/b2348de6-6aa2-40cf-8391-07d3ea8352e9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เปิดการ์ตูนให้ลูกดู📺คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดการ์ตูนที่เป็นภาษาที่สองให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกซึมซึบสำเนียงและการออกเสียงที่ถูกต้อง อาจเปิดเพลงที่เป็นภาษาที่สอง หรือ อ่านนิทานภาษาที่สองให้ลูกฟัง เมื่อลูกได้ฟังบ่อยๆก็จะทำให้ลูกจดจำคำศัพท์ต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ&nbsp;โปสเตอร์ภาษา หนัง หนังสืออ่าน📖ก็เป็นอีกตัวช่วยที่เป็นประโยชน์เมื่อสอนภาษาที่สองให้เจ้าตัวเล็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสอดแทรกภาษาที่สองผ่านกิจกรรมต่างๆได้ โดยไม่ควรทำให้เป็นเรื่องที่จริงจังเพราะลูกจะเกิดการต่อต้านและจะไม่อยากเรียนรู้ค่ะ&nbsp;ทำกิจกรรมอื่นพร้อมกับสอนภาษาไปด้วยเมื่อทำกิจกรรมพร้อมๆกับการเรียนรู้ภาษา🔤จะทำให้เด็กเรียนรู้และจดจำได้มากกว่า ดังนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยออกไปข้างนอกลองชวนลูกพูดคุยและลองบอกคำศัพท์ต่างๆ เมื่อพบสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆระหว่างทาง หรืออาจเปิดเพลง🎶ภาษาที่สองให้ลูกเต้นตามจังหวะเพลงไปด้วย หรือจะชวนลูกดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษโดยไม่มีซับ เพื่อให้ลูกได้ดูและฟังการกระทำของตัวละคร และจับความหมายของคำพูดนั้นๆ<hr>อยากให้พูดเก่งต้องให้ลูกคิดเป็นภาษาอังกฤษ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/8a8ddc4c-7c2c-4bee-8d34-f7bc23f7c0aa.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">วิธีทำให้ลูกคิดเป็นภาษาที่สองเทคนิคสำคัญที่ทำให้ลูกเก่งพูดสองภาษาคือการฝึกให้ลูกคิดเป็นภาษาอังกฤษ🔤แล้วสื่อสารออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลกลับจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยพยายามสื่อสารกับลูกด้วยภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องแปลความหมายให้ฟัง แม้ว่าในช่วงแรกของการพูดลูกอาจจะไม่เข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่พูดถึงอะไร คุณพ่อ👨คุณแม่👩สามารถบอกใบ้โดยการชี้หรือทำท่าทางประกอบเพื่อให้ลูกเข้าใจ แทนการแปลหรือบอกให้ลูกฟังแล้วลูกจะเข้าใจได้เองค่ะ&nbsp;ใช้ความอดทนการจะฝึกให้ลูกพูดภาษาที่สองนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องใช้ความอดทน และรอให้ลูกเรียนรู้ คอยพูดคุยกับลูกเป็นภาษาที่สอง และชมเชยเมื่อลูกทำสำเร็จลูกก็จะมีกำลังใจในการพูดและเรียนรู้เองค่ะ&nbsp;

เคล็ดลับฝึกให้ลูกพูดสองภาษาตั้งแต่เด็ก

เมื่อมีทารกเกิดใหม่แน่นอนว่าทุกคนในบ้านต่างก็ดีใจ และก็อยากชื่นชมความน่ารักของน้องใหม่ พร้อมทั้งต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งในบางครั้งเรา คนในครอบครัว หรือ เพื่อนที่มาเยี่ยมนั้น ก็อาจเผลอทำอะไรที่ไม่ควรทำกับทารกไปโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งวันนี้เราจึงได้นำข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่ควรทำกับทารกมาฝากกันแล้วค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>ทำแบบนี้อันตราย!<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/12df3307-972d-43a9-9df7-3f44238d19fa.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ควรจับทารกเหวี่ยงคุณพ่อบางท่านอาจจะชอบจับลูกน้อยเหวี่ยงไปมา เพราะลูก👶ก็ดูสนุกสนานหัวเราะใหญ่ ซึ่งที่จริงแล้วการจับทารกเหวี่ยงนั้นมีความอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะหากไปจับในบริเวณแขนหรือขาแล้วจับเหวี่ยง จะทำให้ลูกเสี่ยงกระดูก หรือ ข้อต่อหักได้🦴 ดังนั้นอย่าจับลูกเหวี่ยงจะดีที่สุดนะคะไม่ควรเขย่าตัวทารกบางคนเมื่อลูกร้องไห้มากๆ และไม่รู้ว่าจะให้ลูกหยุดร้องไห้ด้วยวิธีไหนดี จึงเขย่าตัวทารก ซึ่งการเขย่าตัวทารกนั้นมีความอันตรายกว่าที่คิด เพราะมีผลให้เส้นเลือดในดวงตา👀หรือสมอง🧠ฉีกขาดได้ รวมถึงอาจทำให้ประสาทตาของทารกหลุดลอก ยิ่งกว่านั้นแผลที่เกิดขึ้นในสมองของทารกอาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราไม่ควรจะไปเขย่าตัวทารกนะคะ&nbsp;<hr>ข้อห้ามที่ไม่ควรทำกับทารก<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/8508ebb1-54c6-4894-b16d-4ac9b32de99c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ควรให้ทานอาหารเสริมก่อนอายุ 6 เดือนเนื่องจากว่าระบบกระเพาะอาหารของทารกนั้นยังเจริญไม่เต็มที่ดังนั้นเมื่อทานอาหารเสริม🍲ก็จะทำให้เกิดอาหารย่อยไม่ได้ และอาจทำให้ลำไส้อุดตัน และลำไส้เน่าตามมาได้นั่นเองค่ะไม่ควรจุ๊บปากหรือหอมแก้มทารกเหตุผลนั้นเป็นเพราะ เราอาจเป็นตัวนำพาเชื้อโรค🦠ที่ไม่แสดงอาการในผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดีกว่า ไปให้กับทารกที่มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าได้นั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด มือเท้าปาก เริม หัด อีสุกสีใสและอื่นๆ อีกโดยควรรอให้ทารกอายุครบ 3 เดือนจะดีกว่านะคะ &nbsp;ไม่ควรดัดขาทารกอาจมีความเชื่อที่บอกว่าจะต้องดัดขา🦵ทารกเพื่อป้องกันขาโก่ง หรือไม่ควรให้ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพราะเชื่อว่าจะทำให้ขาโก่ง ซึ่งความจริงแล้วการดัดขาทารกอาจทำให้ทารกเจ็บ และการดัดขาเองก็ไม่สามารถสร้างแรงกดกับกระดูกขาได้ แถมการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็ไม่ได้ทำให้ขาโก่งด้วย<hr>ระวังสิ่งเหล่านี้<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/776d10c5-4aab-4acc-bdfd-16caf4193367.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ล้างมือก่อนจับทารกการจับทารกทั้งๆที่มือ✋ยังไม่สะอาด อาจทำให้เชื้อโรคต่างๆแพร่สู่ทารกได้ ดังนั้นก่อนสัมผัสก็ควรจะล้างมือ รวมถึงคอยล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆของทารกอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและแบคทีเรียต่างๆค่ะ&nbsp;ไม่ควรพาออกนอกบ้านก่อนอายุ 3 เดือนเนื่องจากระบบต่างๆของทารกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงภูมิคุ้มยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพาน้องออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ🦠 ต่างๆ (ยกเว้นไปโรงพยาบาลตามนัดของคุณหมอ)ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อทารกโดยเฉพาะเพราะว่าผิวของทารกมีความบอบบางมากดังนั้นการใช้สบู่ แชมพู🧴 หรือของต่างๆของผู้ใหญ่ อาจทำให้มีสารตกค้างและเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ&nbsp;เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับข้อระวังต่างๆ ทราบอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมบอกคนรอบข้างเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยกันนะคะ&nbsp;

ระวัง! แบบนี้ไม่ควรทำกับทารก!

คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นลูกนอนบิดตัว ซึ่งทารกนอนบิดตัวนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ และจะเกิดจากอาหารการกิน รวมถึงสามารถเกิดได้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน&nbsp;<hr>ทารกนอนบิดตัว<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/1b3d1310-35a8-475f-ae02-9cacece72cf6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ทารกนอนบิดตัวปกติหรือไม่?ทารกนอนบิดตัว เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะการนอนบิดตัวก็คล้ายๆกับผู้ใหญที่บิดขี้เกียจตอนที่เพิ่งตื่นนอน ซึ่งแพทย์👨&zwj;⚕️มองว่าเป็นการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อ&nbsp;สาเหตุที่ทำให้ทารกนอนบิดตัวทารกนอนบิดตัวนั้นอาจมีสาเหตุจากการให้ทานนม🍼เยอะเกินไป หรือ overfeeding จะรู้ได้ว่าให้ทารกทานนมเยอะเกินไปเมื่อ ทารกมีการแหวะนมบ่อยๆ และมีการบิดตัวไปมาผิดปกติ ซึ่งเกิดจากความไม่สบายตัว ในบางรายอาจเป็นไข้ ก็ต้องรีบพาพบแพทย์โดยด่วนนะคะ หรือ ทารกมีเสียงร้อง😭ผิดปกติ หรือ ทารกอาจร้องเสียงครืดคราดในลำคอ เมื่อท้องอืดจากการได้รับนมมากไปค่ะ<hr>การบิดตัวของทารกจากอาการโคลิก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/59d8ea3f-4586-43b4-9aa3-b68e2248f18d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อาการปวดบิดตัวของทารกที่สามารถพบได้บ่อยๆ คืออาการที่เกิดจากโคลิค😭 &nbsp;ซึ่งหลายๆคนเคยได้ยินกันมาแล้วว่าคือการที่เด็กจะร้องไห้หนักมาก และร้องไห้เป็นเวลา ซึ่งจะเกิดในเด็กที่มีอายุ 3 สัปดาห์ - 3 เดือน ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งจะมีอาการร่วมดังต่อไปนี้✨ร้องไห้หนักติดต่อกัน 3 ชั่วโมง/วันขึ้นไป&nbsp;✨ร้องไห้ติดต่อกัน 3 วัน/สัปดาห์ และอาจจะเป็นนานมากกว่า 3 เดือน✨มีอาการร้องไห้แผดเสียงเหมือนว่ากำลังโมโห💢✨ร้องไห้แทบขาดใจ✨มีปฏิกิริยางอขาเข้าหาหน้าท้อง✨งอตัว✨กำมือแน่นคล้ายจะทำร้ายตัวเอง👊✨มีอาการบิดตัวไปมาดูไม่สบายตัว<hr>วิธีการรับมือเมื่อลูกมีอาการโคลิค<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/189420b7-6ca8-4f64-ada8-27f8360436bc.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คอยปลอบและอุ้มลูกอย่างใกล้ชิดเมื่อลูกร้องโคลิค✨ไม่ควรให้นม🍼ปริมาณมากเกินไป✨อุ้มให้ลูกเรอทุกครั้งเพื่อไล่ลม💨✨หมั่นดูว่าผ้าอ้อมเต็มหรือไม่และเปลี่ยนให้บ่อยๆ✨ดูสภาพอากาศว่าร้อน☀️หรือหนาวเกินไปหรือเปล่า✨เรื่องของนมที่คุณแม่ดื่มตอนให้นมบุตร✨หากลูกกินนมวัว🥛 หรือนมถั่วเหลืองแล้วแหวะนม ถ่ายเหลว ผื่นขึ้น นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกร้องโคลิคทั้งนี้ทั้งนั้นหากลูกยังคงมีอาการปวดบิด ร้องไห้นานจนหน้าแดง มีไข้ มีการหายใจผิดปกติ หรือมีสีอุจจาระที่เปลี่ยนไป ก็ควรจะพาลูกไปหาหมอ👨&zwj;⚕️โดยด่วนค่ะ

สาเหตุที่ทารกนอนบิดตัว

เมื่อเกิดมา กล้ามเนื้อคอของทารกจะค่อยๆ มีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ พออายุครบ 3 เดือนกล้ามเนื้อคอก็จะเริ่มแข็งแรงดี วันนี้เราจะมาดูว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้างที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาให้กล้ามเนื้อคอของลูกแข็งแรงเร็วขึ้นกันค่ะ<hr>พัฒนาการกล้ามเนื้อคอ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/d923d252-806d-4224-b3c2-852cede5ecf9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">💖อายุ 1 เดือนเมื่ออายุครบ 1 เดือน เนื่องจากกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงพอ ทารกจะยกศรีษะได้เพียงชั่วขณะ ดังนั้นช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรอุ้มลูกน้อยอย่างระมัดระวัง โดยคอยประคองช่วงคอทุกครั้งนะคะ🙂&nbsp;💖อายุ 2 เดือน&nbsp;เมื่ออายุครบ 2 เดือน ทารกจะสามารถนอนคว่ำ และจะสามารถยกศีรษะชันคอได้ประมาณ 45 องศาค่ะ💖อายุ 3 เดือนในเดือนนี้ทารกจะนอนคว่ำ และสามารถชัดคอได้ประมาณ 90 องศา&nbsp;💖อายุ 4 เดือนลูกน้อยจะสามารถชัดคอได้นานขึ้น และสามารถใช้แขนยันตัวขึ้นได้ กล้ามเนื้อคอ ไหล่ หลัง และสะโพกมีความแข็งแรงขึ้น✔️💖อายุ 5 เดือนขณะนอนคว่ำ ลูกน้อย👶จะสามารถใช้มือยันตัวขึ้นโดยที่ข้อศอกเหยียดตรงได้ หากคุณพ่อคุณแม่จับลูกน้อยให้อยู่ในท่านั่ง คอของลูกน้อยจะไม่พับและจะสามารถตั้งศีรษะตรงได้💖อายุ 6 เดือนลูกน้อยจะสามารถโน้มตัวไปข้างหน้าและใช้มือยันขณะนั่งได้แล้ว<hr>ลูกน้อยคอแข็งช้าเป็นอะไรไหม?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/c787fe1b-ddbc-464f-bc1e-4e3a4675dd55.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกของตนเองคอแข็งช้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าลูกน้อย👶อาจมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หรือ ระบบประสาท เพื่อให้แน่ใจคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบนะคะ✔️คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เมื่อลูกน้อยไม่สามารถยกศีรษะให้พ้นพื้นได้แม้จะอายุครบ 3 เดือนแล้ว หรือ เมื่อจับลูกนอนคว่ำ ไม่มีการชันคอ หรือยกศีรษะขึ้น เมื่ออายุครบ 4 เดือน<hr>วิธีสร้างกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/b6cdfb32-881f-47de-b364-65ea68773198.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คุณพ่อและคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นได้โดยการอุ้มพาดบ่าบ่อยๆ ลูกน้อยจะได้ชัดคอเพื่อมองไปรอบๆ&nbsp;✨นำโมบายมาแขวนไว้เหนือเตียงที่ลูกน้อยนอน✔️หรือ สามารถยกโมบายให้ลูกน้อยใช้มือคว้า ลูกน้อยจะยกตัวขึ้นระหว่างที่พยายามคว้า✨คุณพ่อคุณแม่สามารถเรียกชื่อและพูดคุยกับลูกน้อย👶บ่อยๆ ลูกน้อยจะหันมาตามเสียงเรียกหรือเสียงคุย✨ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ และลองเล่นจ๊ะเอ๋กับลูกน้อยก็จะทำให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวตาม และอารมณ์ดีด้วยค่ะ🙂

ฝึกกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง! ฮึบ!

น้ำหอมหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หลายๆคนใช้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและเสน่ห์ให้กับเรา แต่เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วจะสามารถใช้น้ำหอมต่อไปได้หรือไม่ จะมีผลกระทบอะไรต่อทารกในครรภ์หรือเปล่า เราไปดูกันเลยค่ะ<hr>ท้องแล้วยังสามารถใช้น้ำหอมได้ไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/f9698c9f-6bad-4a79-814a-e2d706a699a0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หลีกเลี่ยงน้ำหอม?จากงานวิจัยพบว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอม เทียนหอม สเปร์หอม ไมโครเวฟ รวมถึงการใช้พลาสติก👃หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ผสมน้ำหอมไม่เพียงเท่านั้นคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมที่ถูกผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่🧼 ผงซักฟอง น้ำยาซักผ้า ของใช้ในครัวเรือนและของใช้ต่างๆ<hr>งานวิจัยบ่งบอกว่าอย่างไร?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/977ed452-80f2-4831-8950-86c3191db518.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">งานวิจัยจาก University Of Illinois พบว่าสารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมนั้นมีผลต่อการพัฒนาสมอง🧠 โดยได้ทำการทดลองในหนูที่ตั้งครรภ์ และพบว่าหนูที่ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำหอมและพลาสติกนั้น ลูกหนูที่เกิดมามีระดับปัญญาที่แย่กว่าโดยการทดลองยังสรุปได้ว่าแม้ว่าแม่หนู🐁จะไม่ได้รับผลกระทบแต่ลูกหนูนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงน้ำหอม สเปรย์ต่างๆ และพลาสติกนั่นเองค่ะ<hr>หลังคลอดล่ะ ใช้น้ำหอมได้ไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/d1291243-5ae9-49da-a651-0352ade1f37d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้วก็ยังไม่ควรใช้น้ำหอมเพราะผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหอม โคโลญจน์ สเปรย์ฉีดตัวหลายๆตัวมีส่วนผสมของสารเคมีที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกน้อยได้ โดยหายลูกยังอ่อน👶อยู่ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายจากน้ำหอมเหล่านี้โดยการศึกษาของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในปี 1991 พบว่าสารเคมี 95% ในน้ำหอมเป็นสารประกอบที่ทำมาจากปิโตเลียม รวมถึง Greenpeace ยังพบว่าแบรนด์น้ำหอมชื่อดังกว่า 36 แบรนด์ มีส่วนประกอบของสารเคมีที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ อย่างพาทาเลต และ มัสค์สังเคราะห์ ซึ่งสารเคมีสองตัวนี้สามารถมีผลกระทบต่อกระแสเลือด🩸ในสมอง🧠 &nbsp;รวมถึงยังทำให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้สุดท้ายนี้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมยังพบว่าสารเคมี Linalool ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในน้ำหอมสามารถกระทบต่อระบบหายใจและยังก่อให้เกิดอาการง่วงและซึมเศร้าได้อีกด้วย😴 (ขอบคุณข้อมูลจาก Anna O&#39;rourke,her)ทราบอย่างนี้แล้วหากเป็นไปได้ก็ควรเลี่ยงการฉีดน้ำหอมกันไปก่อนเพื่อพัฒนาการและสุขภาพที่แข็งแรงของลูกน้อยนะคะ

ท้องแล้วฉีดน้ำหอมอยู่ระวัง! อันตรายกับลูกในครรภ์

คุณพ่อคุณแม่หลายๆคน ไม่กล้าพาลูกไปตากแดดข้างนอกเพราะกลัวว่าแสงแดดจะเป็นตัวทำร้ายผิวของลูก เพราะทารกยังมีผิวที่บอบบาง แต่ความจริงแล้วหากเลือกช่วงเวลาการพาลูกน้อยออกไปตากแดดได้อย่างเหมาะสม แสงแดดก็สามารถเป็นประโยชน์ให้กับลูกน้อยได้นะคะ&nbsp;<hr>ข้อดีของการตากแดดยามเช้า<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2702/937a4dc8-a068-434b-823f-d5be41ed8c54.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงไหนที่ควรพาลูกตากแดด?แม้ว่าผู้ปกครองหลายๆท่านอาจจะกังวลอยู่ว่าจะพาลูกน้อยตากแดด⛅ได้จริงหรอ แต่ผิวของลูกบอบบางนะ แต่จริงๆแล้ว หากเลือกที่จะตากแดดในยามเช้าซึ่งมีแสงแดดอ่อนๆ ก็จะมีประโยชน์ต่อทารกได้นะคะ&nbsp;แสงแดดดีอย่างไร?🌞วิตามินดีหากพาลูกน้อยตากแดดในยามเช้าลูกก็จะได้รับวิตามินดีค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของทารกจะต้องการโดนรังสียูวีอย่างน้อย 15 นาทีแต่ไม่ควรเกิน 30 นาทีในแต่ละวัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสีโทนผิวของทารกโดยในทารกที่มีผิวคล้ำก็จะต้องการเวลาในการตากแดด⛅มากกว่าค่ะ ข้อดีเมื่อลูกน้อยได้รับวิตามินดีคือ มันจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมที่เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างกระดูก🦴และฟัน รวมถึงเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย🌞ลดอาการตัวเหลืองในทารกแสงแดดจะสามารถช่วยลดอาการตัวเหลืองในทารก👶ที่เกิดจากการเจริญเติบโตของบิลิรูบินเมื่อแรกเกิด หากผู้ปกครองพาลูกไปรับแสงแดดประมาณ 15-20 ต่อวันในช่วงเช้า จะสามารถลดอาการตัวเหลืองของลูกได้🌞ช่วยควบคุมระดับอินซูลินแม้ว่าแสงแดดจะไม่ได้เป็นตัวช่วยให้ระดับของอินซูลินดีโดยตรง แต่วิตามินดีที่ได้รับมาจากแสงแดดสู่ร่างกายนั้นจะเป็นตัวช่วยควบคุมระดับของอินซูลิน📉 ฉะนั้นหากลูกได้รับแสงแดดตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อยจะสามารถช่วยป้องกันภาวะโรคเบาหวานได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยในการป้องกันโรคเบาหวานได้ค่ะ🌞ฮอร์โมนเซโรโทนินนอกจากนั้นแสงแดดยังช่วยในเรื่องของการผลิตเซโรโทนินให้ดีขึ้น ซึ่งฮอร์โมนเซโรโทนินเป็นที่รู้จักกันในนามของฮอร์โมนแห่งความสุขนั่นเอง ซึ่งจะช่วยควบคุมการย่อยอาหาร และการนอนหลับในทารก💤อีกด้วยค่ะ&nbsp;🌞เพิ่มระดับพลังงานแสงแดดธรรมชาติจะเป็นตัวควบคุมการผลิตเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับและตื่นนอน เมื่อทารกได้รับแสงแดด⛅ระหว่างวันก็จะทำให้ระดับของเมลาโทนินลดลงและเพิ่มระดับพลังงานในที่สุดค่ะ<hr>พาทารก 0-6 เดือนตากแดดอย่างไรดี<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2702/c0a594fd-fb2c-477b-9cdb-4b0cdfdd6bba.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงเวลาที่เหมาะสมช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพาลูกน้อยแรกเกิดถึง 6 เดือนการเดินเล่นคือช่วงเวลาก่อน 10 โมงเช้า🕐 หรือช่วงเวลาหลังบ่าย 4 โมง แต่ไม่ควรให้ลูกโดนแสงโดยตรง ให้ใช้รถเข็นเด็กที่มีผ้าคลุมกันแดด และไม่ควรทาครีมกันแดดให้ลูก เพราะผิวของทารกจะไม่สามารถขับเคมีในครีมกันแดดได้&nbsp;วิธีเตรียมตัวเมื่อพาลูกไปเดินตากแดดควรสวมใส่ชุดมีความเบาบางเพื่อให้หายใจได้สะดวก โดยควรจะใส่หมวกเพื่อป้องกันแสงแดดโดนใบหน้า หู คอ และศรีษะของลูกน้อย👶โดยตรง รวมถึงใส่เสื้อผ้าที่มีความยาวคลุมแขนและขาของทารกรวมถึงควรซื้อแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันยูวีเอและยูวีบีได้ เพื่อลดการสัมผัสของแสงยูวี⛅กับดวงตาของลูกน้อย การป้องกันตั้งแต่ยังเล็กจะลดโอกาสจอประสาทตาถูกทำลาย ต้อกระจกและปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับดวงตาเมื่อออกไปข้างนอกให้กางร่ม☂️ให้ลูก หรือเปิดร่มในรถเข็นเด็ก รวมถึงเมื่อให้ลูกนั่งรถยนต์ส่วนตัวก็ควรจะมีที่บังแสงแดดแบบตาข่าย รวมถึงควรใช้ฟิมล์หน้าต่างที่สามารถกรองยูวีได้มากที่สุดหากเป็นไปได้<hr class="vb_h2">พาทารก 6-12 เดือนตากแดดอย่างไรดี<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2702/7e992d34-18c0-4f9e-8d00-e8e9bbcc1c5b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงเวลาที่เหมาะสมผู้เชี่ยวชาญแนะนำช่วงเวลาในการพาทารกออกแสงแดดไว้คือช่วงเวลา 7 ถึง 10 โมงเช้า โดยควรตากแดดเวลาประมาณ 10-15 นาที🕐 ซึ่งช่วงเวลาที่ทารกจะได้รับประโยชน์สูงที่สุดคือช่วงหลังพระอาทิตย์ขึ้นหนึ่งชั่วโมงและช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกหนึ่งชั่วโมง โดยไม่ควรให้ลูกตากนานเกิน 30 นาที เพราะหากเกินกว่านั้นอาจทำให้ลูกเกิดอาการแสบร้อน ระคายเคือง เกิดรอยแดงได้ค่ะ&nbsp;วิธีเตรียมตัวเมื่อพาลูกไปเดินตากแดด⛅&nbsp;ควรจะยังใส่เสื้อผ้า หมวก ร่มตามข้างต้นเพื่อป้องกันลูกน้อย👶อยู่แต่ให้เพิ่มครีมกันแดดให้ลูกด้วย โดยตอนนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถทาครีมกันแดดให้ลูกน้อยได้แล้ว ซึ่งควรเลือกครีมกันแดดสำหรับทารกโดยเฉพาะ และควรมีค่า SPF อย่างน้อย 30 และสามารถป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบีได้ค่ะ

พาลูกตากแสงแดดยามเช้าดีไหม?

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมลูกถึงร้องไห้งอแงหนัก นอกจาก หิว หรือ รู้สึกไม่สบายตัวแล้วยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทารกร้องไห้ เหตุผลเหล่านั้นคืออะไรเราไปดูกันค่ะ<hr>เหตุผลที่ทารกร้องไห้<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/3c4c5aa8-59ae-45e1-93ef-53decd227cb2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ร้องเพราะหิวการร้องไห้เพราะหิวเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะนึกถึง เพราะนมแม่นั้นจะย่อยง่ายและเป็นปกติที่ลูกจะรู้สึกหิวบ่อย โดยควรให้นมแม่กับลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมงแล้วสังเกตว่าลูกหยุดร้องหรือไม่ หรือยังไม่หยุดร้องแปลว่าอาจมาจากสาเหตุอื่นและหากหยุดร้องแปลว่าถูกต้องแล้วค่ะ✨ร้องเพราะปวดท้องแต่ในเด็กบางคนที่ร้องไห้หนัก😭 อาจมีเหตุผลอื่นเช่น มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บางคนร้องไห้นาน 2-3 ชั่วโมงก็มีค่ะ ความเชื่อและงานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าเหตุผลหลักที่ทารก👶ร้องมักมาจากการมีลม☁️ในกระเพาะอาหารมากทำให้รู้สึกอึดอัดท้อง จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ทารกทานนมแม่เท่านั้นในช่วง 0-3 เดือน เพราะนมแม่จะย่อยได้ง่ายกว่าจึงลดการเกิดลมในท้องได้✨ร้องเพราะผ้าอ้อมเปียกเวลาลูกร้องไห้ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมคอยเช็คผ้าอ้อมของลูกนะคะว่าเปียกหรือไม่&nbsp;✨ร้องเพราะง่วงนอนบางครั้งลูกอาจรู้สึกเหนื่อย หรือง่วงนอน แต่ไม่หลับ นั่นเป็นเพราะสภาพแวดล้อมรอบๆตัวอาจไม่เอื้ออำนวยให้ลูกนอน เช่นมีคนเยอะเสียงดัง อากาศร้อนเป็นต้นค่ะ✨ร้องโดยไม่มีเหตุผลโดยในทารก👶บางคนอาจร้องไห้วันละ 2-3 ชั่วโมงโดยไม่มีเหตุผล และ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งสามารถพบได้ในเด็กวัยก่อน 3 เดือน คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านอาจหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ว่าทำไมลูกถึงไม่หยุดร้องไห้ ยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงดูลูกในช่วง 2-3 เดือนแรก มักพยายามหาเหตุผลต่างๆ ว่าลูกน้อยร้องเพราะอะไรจนเกิดความเครียด😞<hr>ร้องไห้โคลิก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/33ceebc5-bb88-472f-889a-4291b748a7e4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ร้องไห้โคลิกคืออะไร...?ทารกที่ร้องไห้มากๆ และร้องไห้เป็นช่วงเวลา🕐จะเรียกว่าร้องโคลิก ซึ่งทารกจะร้องไห้เก่งและจะร้องเป็นเวลาเดิม เช่น ทุกๆ 4 โมงเย็น โดยยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากสาเหตุใด✨จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกร้องโคลิกหากเป็นการร้องโคลิก😭 &nbsp;ทารกจะยังเจริญอาหารและยังทานนมได้เยอะ น้ำหนักของลูกน้อยก็จะขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยอาการโคลิกนี้จะหายไปเองหลังผ่าน 3 เดือนไปแล้วค่ะ<hr>สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/7b7acb58-e8dc-4b1d-b57e-999c47a18921.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สังเกตลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่พยายามสังเกตพฤติกรรมและอารมณ์พื้นฐานของลูก โดยพยายามตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกทันที (ใน 6 เดือนแรก) เพื่อที่ว่าลูกจะได้ไว้ใจและเกิดความผูกพันกับพ่อแม่ โดยให้พยายามสัมผัสลูกบ่อยๆจะทำให้ลูกร้องน้อยลงได้✨ไม่วิตกกังวลจนเกินไปคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป ให้สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และอาจผลัดกันเลี้ยงดูลูกพร้อมกับเปิดเพลงเบาๆ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรทำใจไว้ล่วงหน้าว่าลูกน้อยในช่วง 3 เดือนแรกอาจมีอาการร้องไห้หนัก😭 โดยอาจจะหาเหตุผลได้ หรือ หาเหตุผลไม่ได้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คืออดทนและใจเย็น โดยหากยังรู้สึกไม่สบายใจ อาจลองพาน้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูความผิดปกติของร่างกายได้นะคะ🏥

หนูร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน!

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยืนยันการจำแนกสารให้ความหวานเทียม แอสปาร์แตมเป็นสารที่ &#39;มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; หรือ &#39;Possibly carcinogenics to humans&#39; ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ &nbsp;📢 ในขณะที่ข้อโต้แย้งด้านความปลอดภัยยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็กล่าวได้ว่าแอสปาร์แตมสามารถพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มลดน้ำหนัก เจลาติน หมากฝรั่ง ไอศกรีม ยาสีฟัน ยาอมแก้ไอ ผลิตภัณฑ์จากนม แล้วแบบนี้เราจะมีโอกาสเป็นมะเร็งหรือไม่ สารนี้จะหายไปจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเลยหรือไม่ คุณแม่หลายๆท่านกำลังสับสนกับเรื่องนี้🤰🏻 บิลลี่ จึงขออาสามาเช็กข้อเท็จจริงค่ะ!😉<hr>ทำความรู้จักกับแอสปาร์แตม<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/a78f736e-d227-4c42-ad06-239b9f974e58.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🍹แอสปาร์แตม.....มีรสหวานกว่าน้ำตาล 200 เท่า แทบไม่มีแคลอรีเลย🙅🏻&zwj;♀️ หลายๆท่านอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อของแอสปาร์แตม ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถพบเจ้าแอสปาร์แตมนี้ในชีวิตประจำวันของเราได้ โดยสารนี้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากได้รับการอนุมัติในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2524 จึงเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้อาหารมีรสหวาน 👅 ในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกโดยปัจจุบันยังคงมีการใช้ในอาหารและเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ อย่าง Coke Zero, Diet Coke หมากฝรั่ง ลูกอม โยเกิร์ต ไอศรีม ซอส และขนมอีกหลากหลายชนิด แต่ไม่นานมานี้องค์กรอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศให้เจ้าสารที่ถูกใช้ในเชิงเพื่อสุขภาพ กลายเป็นสารก่อมะเร็งแทน ข่าวนี้ทำให้ผู้อ่านหลายๆท่านหนักใจ เพราะเราต่างต้องเคยบริโภคสารนี้กันทั้งนั้น&nbsp;<hr>รู้จักประเภทของสารก่อมะเร็ง<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/6f376079-8bc4-4a7f-858e-dfbfe564c4d5.jpeg" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">องค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ WHO ได้ประกาศให้แอสปาร์แตมเป็นสารที่ &#39;มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; หรือ &#39;Possibly carcinogenics to humans&#39;💥 ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ &nbsp;โดย IARC ได้ระบุให้แอสปาร์แตมเป็นสารก่อมะเร็งในระดับ 2B ซึ่งการนิยามสารก่อมะเร็งของ IARC สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ๆดังนี้ระดับที่ 1&nbsp;เป็นสารกลุ่มที่มีหลักฐานบ่งชี้มากพอในเชิงสถิติ ว่าก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ สารกลุ่มนี้ตามกฎหมายและข้อกำหนดขององค์กรอาหารและยาในแต่ละประเทศ จะต้องไม่ถูกเติมหรือมีการปนเปื้อนในอาหารอยู่แล้ว มักเป็นสารที่ถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและวัสดุอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ได้แก่ สารหนูหรืออาร์เซนิค หรือสารในกลุ่มเบนซีนค่ะระดับที่ 2A&nbsp;เป็นสารกลุ่มที่มีหลักฐานงานวิจัยออกมายืนยันเช่นกันว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ยังถือว่ามีจำนวนงานวิจัยที่น้อย จึงได้แต่ใช้คำว่า &ldquo;มีแนวโน้มที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&rdquo; แทน ยังไม่สามารถยืนยันได้เพราะยังมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือไม่เพียงพอค่ะ อย่างไรก็ตามสารในกลุ่มนี้ก็ยังมีหลักฐานบ่งชี้เพียงพอว่าก่อมะเร็งได้ในสัตว์ทดลองค่ะ ยกตัวอย่างเช่นซิลิกาที่ใช้ทำซองดูดความชื้นนั่นเองค่ะระดับที่ 2Bเป็นสารที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ส่วนหนึ่งบ่งชี้ว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะยืนยัน ในกรณีของการก่อมะเร็งในสัตว์ก็มีแต่ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าสามารถก่อมะเร็งได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งเจ้าแอสปาร์แตมเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ นั่นทำให้เราสามารถตีความได้ว่า ทางองค์กรอนามัยโลกให้ข้อมูลว่าแอสปาร์แตมอาจจะก่อมะเร็งทั้งในสัตว์และในคน แต่ยังเป็นหลักฐานที่มีจำนวนน่าเชื่อถือไม่เพียงพอ เมื่อคำนวณความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติค่ะระดับที่ 3&nbsp;เป็นสารที่ยังไม่มีข้อมูลว่าสามารถก่อมะเร็งได้ทั้งในร่างกายมนุษย์เองและร่างกายของสัตว์ค่ะ<hr>สรุปแล้วแอสปาร์แตมอันตรายแค่ไหน<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/ff5fad7d-077c-48e5-9878-afa7a89598e2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">แอสปาร์แตมก่อมะเร็งจริงหรือไม่?โดยความจริงแล้วสารระดับ 2B นั้นสามารถพบได้ในส่วนผสมในของที่เรารับประทานหรือใช้กันในชีวิตประจำวัน🍽️ อย่าง กรดคาเฟอิกในกาแฟ ว่างหางจระเข้ น้ำมันมะพร้าว รวมถึงกิมจิและผักดองอื่นๆด้วย ซึ่งคนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่ากับสารทดแทนความหวาน หลักฐานจึงยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าแอสปาร์แตมจะทำให้เราเป็นมะเร็งจริงๆ แม้กระทั่งหลักฐานในสัตว์ทดลองเองก็ยังไม่ได้มีจำนวนมากพอที่จะยืนยันได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า ไม่ได้ห้ามบริโภคเป็นอาหาร และไม่ได้หมายความว่าการรับประทานแอสปาร์แตมจะทำให้เกิดมะเร็ง แต่มีความจำเป็นที่จะต้องจำกัดปริมาณในการรับประทานสารให้ความหวานเทียมค่ะ🙌🏻 &nbsp;ยังสามารถรับประทานน้ำอัดลม 0% ได้หรือไม่?ยังสามารถรับประทานได้ค่ะ โดยค่าที่ปลอดภัยในการรับประทานแอสปาร์แตมจะอยู่ที่ไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม👀 หากจะพูดให้เห็นภาพ หากคุณผู้อ่านมีน้ำหนักตัวประมาณ 50 กิโลกรัมนั่นหมายความว่าคุณผู้อ่านสามารถรับประทานแอสปาร์แตมได้ในปริมาณที่ปลอดภัยไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในน้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลหนึ่งกระป๋อง มักใส่แอสปาร์แตมไม่เกิน 300 มิลลิกรัม นั่นแปลว่าคุณผู้อ่านสามารถรับประทานน้ำอัดลมชนิดนั้นได้ประมาณ 6-7 กระป๋องโดยประมาณเลย ซึ่งนับเป็นปริมาณที่ค่อนข้างเยอะมากต่อวัน หากไม่ได้ติดน้ำอัดลมกลุ่มนี้ เรามักจะกินไม่ถึงปริมาณที่มีความเสี่ยงว่าจะก่อมะเร็งอยู่แล้วค่ะ🫡&nbsp;<hr>ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/48fba531-9963-4673-a79c-12bb7740267d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🍹สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จากการศึกษาที่ประกาศโดย American Society for Reproductive Medicine ในปี 2559 📑 สารให้ความหวานเทียมในเครื่องดื่ม 0% จะลดความสามารถของผู้หญิงในการปฏิสนธิและส่งผลต่อสุขภาพของเซลล์ไข่ โดยหากบริโภคในระหว่างตั้งครรภ์ ว่ากันว่าอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์และทำให้เด็กเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลมที่มีระดับน้ำตาลสูงหากเป็นไปได้นะคะ!🙅🏻&zwj;♀️🍹 แล้วคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกอยู่ล่ะ?หากคุณมีโรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่าฟีนิลคีโตนูเรีย (PKU) ซึ่งไม่สามารถเผาผลาญแอสปาร์แตมได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการรับประทานสิ่งที่มีแอสปาร์แตม 🚫 โดยไม่ใช่เพียงคุณแม่และลูกน้อยเท่านั้นที่ควรเลี่ยง แต่ยังรวมถึงแม่ที่วางแผนหรือกำลังตั้งครรภ์ด้วย ในกรณีของทารกแรกเกิด ทารกจะได้รับการทดสอบที่โรงพยาบาลหลังคลอด ดังนั้นหากมีความผิดปกติก็สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลจนมากเกินไปนะคะ!แม้ว่ากระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารและยาจะได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารให้ความหวาน แต่คุณพ่อคุณแม่บางคนก็ยังคงกังวล ท่ามกลางความขัดแย้งเรื่องแอสปาร์แตม หัวหน้าสำนักโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหารของ WHO แนะนำว่าควรพิจารณา &#39;การดื่มน้ำแทนเครื่องดื่มที่มีรสหวาน🥛&#39; แทนที่จะมองหาของหวานอื่นทดแทน ลองเลิกนิสัยชอบความหวานและพึ่งพาอาหารแปรรูป แล้วหันมาใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพกันดูนะคะ 💖

สารให้ความหวานในน้ำอัดลมก่อให้เกิดมะเร็ง?

เราอาจพบปัญหาการนอนของทารกในวัยแรกเกิดได้ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ คือ การห่อตัวทารกด้วยผ้า<hr>การห่อตัวทารกแรกเกิด<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/606cf8f5-c3b8-4e48-80cd-44eb2f08a64d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สาเหตุของปัญหาทารกแรกเกิดอาจจะยังไม่สามารถปรับต้วกับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ทำให้เกิดปัญหาในการนอน❌✨การห่อทารกด้วยผ้าห่อตัวช่วยอย่างไรการห่อทารกด้วยผ้าห่อทำให้ทารกเหมือนอยู่ในมดลูก จึงทำให้ทารกนอนหลับง่ายขึ้น ลดอาการงอแง😭 ตื่นตกใจ หรือสะดุ้งตื่นเวลานอน&nbsp;✨เมื่อไหร่ที่ควรหยุดห่อควรห่อทารกถึงอายุ 2 เดือนเท่านั้น หรือหากทารกสามารถนอนหลับเองได้ดีแล้วก็สามารถหยุด❌ห่อตัวได้เลย✨ทำไมถึงควรหยุดห่อเมื่อทารกโตขึ้นจะสามารถนอนหลับได้ดีขึ้นเอง นอกจากนี้เมื่อทารก👶อายุ 2 เดือนจะเริ่มสามารถเคลื่อนไหวและกลิ้งไปมาได้แล้ว ดังนั้นการห่อทารกไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้<hr>ข้อควรระวังในการห่อทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/39a5a38d-6cdd-4d67-b274-a80d9f2b87a4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ห่อแล้วให้นอนหงายท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก เพื่อป้องกันไม่ให้ทารก👶หายใจไม่ออกจนอาจทำให้เกิดการเสียชีวิต หรือที่เรียกว่าการไหลตาย (SIDS)✨ห่อให้พอดีการห่อทารกแน่นจนขา🦵งอหรือเหยียดตรงมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรพันผ้าโดยให้ทารกยังสามารถขยับสะโพกและขาได้เล็กน้อย&nbsp;<hr>วิธีห่อทารกอย่างปลอดภัย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/e1860461-7980-4621-af80-1c9ec23e4060.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">จากคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (The American Academy of Pediatrics) ได้บอกวิธีห่อตัวของทารกอย่างปลอดภัยไว้ ดังนี้ค่ะ&nbsp;✨หากห่อตัวทารก คอยดูให้ทารกนอนหลับในท่าหงาย และระวังไม่ให้ลูกนอนตะแคงหรือคว่ำในขณะหลับ&nbsp;✨รวมถึงควรจัดผ้าปูที่นอน🛏️ให้ตึงเสมอ เพราะหากผ้าปูที่นอนหรือผ้าปูรองนอนมีความหย่อนหรือผ้าห่อตัวของทารกมีการห่อไว้หลวมๆ ก็อาจทำให้ผ้าหลุดออกจากเตียงหรือจากตัวของทารก👶 ได้ และหากผู้ปกครองไม่ได้เฝ้าดูอยู่ขณะนั้นก็อาจทำให้ลูกขาดอากาศหายใจหากหน้าของลูกเข้าไปซุกที่ผ้าทั้งหลายได้ค่ะ&nbsp;✨ที่สำคัญคือจะต้องคอยระวังไม่ให้ที่นอนมีลักษะที่นุ่มจนเกินไป หรือมีลักษณะบุ่มเป็นแอ่ง เพราะอาจทำให้ลูกหน้าคว่ำแล้วเกิดหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้ค่ะ💀 รวมถึงควรจะแยกของเล่น ตุ๊กตา🧸 หมอน ผ้าห่มอื่นๆ ออกจากที่นอนของทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้คุณพ่อคุณแม่เผลอทับโดยไม่ตั้งใจค่ะ&nbsp;✨การห่อตัวทารกจะทำให้อุณหภูมิร่างกายของลูกสูง🌡️กว่าปกติ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรระวังไม่ให้ลูกร้อนจนเกินไป โดยให้สังเกตว่าลูกมีเหงื่อ💦ออกตามตัวไหม แก้มแดงหรือเปล่า ผมเปียก มีผื่นจากความร้อน หรือหายใจเร็วกว่าปกติไหมนะคะ&nbsp;

เอาผ้าห่อตัวทารกจริงๆแล้วดีหรือไม่?

Kh&ocirc;ng người phụ nữ n&agrave;o m&agrave; kh&ocirc;ng muốn m&igrave;nh đẹp, bởi vậy mỹ phẩm l&agrave; vật dụng kh&ocirc;ng thể thiếu trong tủ đồ c&aacute; nh&acirc;n của mỗi người. Tuy nhi&ecirc;n mẹ bầu d&ugrave;ng mỹ phẩm c&oacute; ảnh hưởng g&igrave; tới thai nhi kh&ocirc;ng lu&ocirc;n l&agrave; c&acirc;u hỏi được nhiều mẹ quan t&acirc;m nhất.💄<hr>Mẹ bầu d&ugrave;ng mỹ phẩm c&oacute; được kh&ocirc;ng?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3926/452b95a0-df0c-4ea2-a060-d6a5f19963b9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Khi mang bầu, song song với việc h&oacute;c m&ocirc;n trong cơ thể mẹ thay đổi đột ngột l&agrave; hiện tượng biến đổi ngo&agrave;i da của mẹ. Mẹ c&oacute; thể bị l&ecirc;n mụn, sạm da, da tiết ra nhiều dầu&hellip;. Những l&uacute;c n&agrave;y mẹ thường rất lo lắng v&agrave; nhu cầu t&igrave;m đến c&aacute;c loại mỹ phẩm để che bớt khuyết điểm. Tuy nhi&ecirc;n tr&ecirc;n thực tế c&aacute;c loại mỹ phẩm tr&ecirc;n thị trường hiện nay d&ugrave; &iacute;t hay nhiều đều chứa những th&agrave;nh phần h&oacute;a học c&oacute; thể g&acirc;y ảnh hưởng cho mẹ v&agrave; b&eacute;.🤰V&igrave; vậy, nếu c&oacute; thể trong 3 th&aacute;ng đầu của thai kỳ mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n d&ugrave;ng mỹ phẩm l&agrave; tốt nhất mẹ nh&eacute;. Vậy kh&ocirc;ng thể d&ugrave;ng mỹ phẩm khi mang bầu ư? C&oacute; thể👌, nhưng mẹ phải lựa chọn c&aacute;c loại mỹ phẩm c&oacute; th&agrave;nh phần chiết xuất tự nhi&ecirc;n, an to&agrave;n, kh&ocirc;ng g&acirc;y hại cho sức khỏe của mẹ v&agrave; con.<hr>Những th&agrave;nh phần mỹ phẩm kh&ocirc;ng n&ecirc;n sử dụng khi mang bầu<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3926/9fbdd8ac-ee75-449b-8162-b120fffce8d1.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👛RetinolRetinol c&ograve;n gọi l&agrave; Retinyl palmitate hoặc retin-A, l&agrave; một dạng th&ugrave; h&igrave;nh của Vitamin A được mọi người truyền tai nhau với c&aacute;c t&iacute;nh năng phục hồi da tuyệt vời. Tuy nhi&ecirc;n th&agrave;nh phần n&agrave;y c&oacute; thể khiến con tăng khả năng bị dị tật thai nhi như n&atilde;o, tim, cột sống. Mẹ n&ecirc;n chọn c&aacute;c sản phẩm chứa vitamin C hoặc th&agrave;nh phần tự nhi&ecirc;n sẽ an to&agrave;n hơn.😍👛Kem chống nắng c&oacute; chứa c&aacute;c chất g&acirc;y hại cho thai nhiNhững chất thường c&oacute; trong kem chống nắng như: oxybenzone, methyl anthranilate, homosalate, avobenzone,&hellip; g&acirc;y rối loạn nội tiết tố, dễ dẫn đến vấn đề thần kinh, b&eacute;o ph&igrave;, tăng động giảm ch&uacute; &yacute; ở trẻ nhỏ. Nếu mẹ thấy c&oacute; những th&agrave;nh phần n&agrave;y trong loại kem chống nắng mẹ đang d&ugrave;ng th&igrave; dừng sử dụng ngay mẹ nh&eacute;.👀👛ParabenL&agrave; một loại chất h&oacute;a học hạn chế sự ph&aacute;t triển của vi khuẩn🦠, gi&uacute;p bảo quản mỹ phẩm nhưng n&oacute; c&oacute; thể ảnh hưởng đến sự tăng trưởng v&agrave; c&acirc;n nặng của con. Nặng hơn, nếu mẹ bị ngộ độc, nguy cơ sảy thai c&oacute; thể xảy ra nữa đ&oacute; ạ.👛Acid salicylic v&agrave; Benzoyl peroxideTăng nội tiết tố cơ thể v&agrave; sản xuất androgen khiến mẹ dễ nổi mụn hơn khi mang thai. Kem trị mụn v&agrave; tẩy tế b&agrave;o chết l&agrave; 2 sản phẩm ti&ecirc;u biểu chứa th&agrave;nh phần n&agrave;y, được khuyến c&aacute;o l&agrave; kh&ocirc;ng n&ecirc;n sử dụng khi mang bầu. Nếu mẹ l&ecirc;n qu&aacute; nhiều mụn, mẹ đừng tự mua thuốc b&ocirc;i m&agrave; h&atilde;y đến bệnh viện da liễu để thăm kh&aacute;m👩&zwj;⚕️, c&ograve;n tẩy tế b&agrave;o chết th&igrave; mẹ c&oacute; thể d&ugrave;ng bằng th&agrave;nh phần tự nhi&ecirc;n nh&eacute; mẹ.👛HydroquinoneL&agrave; th&agrave;nh phần c&oacute; trong c&aacute;c sản phẩm l&agrave;m trắng da, cải thiện th&acirc;m n&aacute;m. Mẹ lo lắng v&igrave; l&agrave;n da sạm m&agrave;u khi mang bầu n&ecirc;n thường cầu cứu c&aacute;c sản phẩm l&agrave;m trắng da nhưng mẹ ơi, hiện tượng n&agrave;y dần dần sẽ biến mất sau thai kỳ n&ecirc;n kh&ocirc;ng cần qu&aacute; lo lắng đ&acirc;u ạ.😇👛Tinh dầu thơmMẹ n&ecirc;n tr&aacute;nh sử dụng tinh dầu hoa nh&agrave;i v&igrave; ch&uacute;ng c&oacute; thể g&acirc;y thắt tử cung hoặc tinh dầu hương thảo, c&acirc;y x&ocirc; thơm g&acirc;y tăng huyết &aacute;p. Kh&ocirc;ng phải tất cả c&aacute;c loại tinh dầu đều t&aacute;c dụng tốt cho sức khỏe mẹ.🧚👛Muối nh&ocirc;m aluminum chloride hexahydrateLăn khử m&ugrave;i vẫn l&agrave; lựa chọn tối ưu mỗi khi mẹ muốn cơ thể tho&aacute;ng m&aacute;t v&agrave; kh&ocirc;ng d&iacute;nh mồ h&ocirc;i cả ng&agrave;y. Th&agrave;nh phần muối nh&ocirc;m c&oacute; trong c&aacute;c lăn khử m&ugrave;i cần phải tr&aacute;nh xa trong thời gian mang thai n&ecirc;n mẹ h&atilde;y hạn chế d&ugrave;ng nh&eacute;.🍃

Mang thai nhưng vẫn dùng mỹ phẩm?

Trong qu&aacute; tr&igrave;nh mang bầu ngo&agrave;i c&aacute;c bữa ăn ch&iacute;nh th&igrave; sử dụng c&aacute;c loại hạt v&agrave;o bữa ăn phụ vừa gi&uacute;p mẹ bầu giảm cơn đ&oacute;i nhanh vừa tốt cho sức khỏe mẹ bầu nữa đ&oacute; ạ.😜<hr>Lợi &iacute;ch của c&aacute;c loại hạt đối với mẹ bầu<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3672/3eeaa989-06e4-427c-8077-1bd0d8141c5b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥜Một số chất dinh dưỡng ti&ecirc;u biểu c&oacute; trong c&aacute;c loại hạtHầu hết c&aacute;c loại hạt đều chứa nhiều protein, chất xơ, chất b&eacute;o kh&ocirc;ng b&atilde;o h&ograve;a, Omega 3, L-arginine (một loại amino axit cần thiết để tạo ra protein trong cơ thể), vitamin B vitamin E, A9 v&agrave; nhiều dưỡng chất kh&aacute;c.💪🥜Lợi &iacute;ch đối với chế độ ăn của mẹ bầuC&aacute;c loại hạt cung cấp nguồn dưỡng chất d&agrave;nh cho cả mẹ v&agrave; b&eacute;. Một số nghi&ecirc;n cứu chỉ ra mẹ bầu sử dụng c&aacute;c hạt dinh dưỡng trong thai kỳ gi&uacute;p b&eacute; c&oacute; thể hạn chế gặp phải t&igrave;nh trạng dị ứng hạt khi được sinh ra. Đồng thời cải thiện nhận thức v&agrave; sự th&ocirc;ng minh của b&eacute; sau n&agrave;y đ&oacute; ạ.🧠<hr>C&aacute;c loại hạt tốt d&agrave;nh cho b&agrave; bầu c&oacute; thể sử dụng được trong thai kỳ<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3672/f8d203ac-0b0e-4d63-91fc-7f2ef3b524bc.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥜Hạt &oacute;c ch&oacute;Hạt &oacute;c ch&oacute; với h&igrave;nh dạng giống với bộ n&atilde;o bao gồm th&agrave;nh phần c&oacute; chứa h&agrave;m lượng cao Omega 3, vitamin E, axit hữu cơ v&agrave; photpho gi&uacute;p k&iacute;ch th&iacute;ch sự ph&aacute;t triển của n&atilde;o bộ. B&ecirc;n cạnh đ&oacute; c&aacute;c th&agrave;nh phần kh&aacute;c c&oacute; trong hạt c&ograve;n gi&uacute;p giảm mức cholesterol c&oacute; trong m&aacute;u🩸 ngăn ngừa t&igrave;nh trạng cao huyết &aacute;p cải thiện hệ miễn dịch, cải thiện giấc ngủ cho mẹ nữa đ&oacute;.🥜Hạt hạnh nh&acirc;nNhờ h&agrave;m lượng cao vitamin E v&agrave; c&aacute;c kho&aacute;ng chất c&oacute; trong hạt gi&uacute;p cải thiện hệ ti&ecirc;u h&oacute;a cho mẹ v&agrave; điều chỉnh tốt lượng đường trong m&aacute;u nhờ đ&oacute; l&agrave;m giảm c&aacute;c nguy cơ bị tiền sản giật, một triệu chứng rất nguy hiểm trong thai kỳ.🤰🥜Hạt chiaHạt chia chứa nhiều chất xơ l&agrave;m giảm triệu chứng t&aacute;o b&oacute;n trong thai kỳ hơn nữa n&oacute; c&ograve;n gi&agrave;u Omega 3, axit folic ngăn ngừa dị tật về ống thần kinh cho c&aacute;c b&eacute; nữa đ&oacute; ạ.🦸🥜Hạt senHạt sen trong đ&ocirc;ng y từ l&acirc;u đ&atilde; nổi tiếng c&oacute; t&aacute;c dụng an thần gi&uacute;p ngủ ngon, ăn ngon miệng n&ecirc;n c&aacute;c mẹ bầu mắc chứng mất ngủ, kh&oacute; ngủ th&igrave; hạt sen sẽ l&agrave; một lựa chọn tuyệt vời để c&oacute; một giấc ngủ hiệu quả.😴🥜Hạt b&iacute;Hạt b&iacute; chứa nhiều h&agrave;m lượng cao chất xơ gi&uacute;p mẹ bầu cải thiện hệ ti&ecirc;u h&oacute;a, tốt cho sức khỏe tim mạch.💖🥜Hạt lạcHạt lạc hay c&ograve;n gọi l&agrave; đậu phộng l&agrave; nguồn cung tuyệt vời protein v&agrave; axit folic hỗ trợ ph&aacute;t triển tr&iacute; n&atilde;o v&agrave; ngăn ngừa dị tật thai nhi.⚡🥜Hạt dẻHạt dẻ l&agrave; một trong những loại hạt tốt cho b&agrave; bầu bởi n&oacute; c&oacute; nhiều protein, chất b&eacute;o, canxi, sắt, phốt pho, kẽm v&agrave; c&aacute;c vitamin cung cấp chất dinh dưỡng to&agrave;n diện cho mẹ bầu với t&aacute;c dụng gi&uacute;p cơ xương tốt v&agrave; c&oacute; khả năng gi&uacute;p mẹ bầu giảm mệt mỏi trong qu&aacute; tr&igrave;nh mang thai.🦴<hr>Những lưu &yacute; khi sử dụng hạt trong qu&aacute; tr&igrave;nh mang bầu<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3672/1ac084a8-b2fe-4e75-8370-92f196654b98.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Baby Billy m&aacute;ch mẹ mẹo nhỏ khi ăn n&egrave;. Nếu c&aacute;c mẹ cảm thấy kh&oacute; ăn trực tiếp c&aacute;c loại hạt th&igrave; c&oacute; thể chế biến th&agrave;nh c&aacute;c m&oacute;n kh&aacute;c như những m&oacute;n sữa hạt, ch&aacute;o hạt để dễ ăn hơn.😋Nếu thấy c&oacute; t&igrave;nh trạng bị dị ứng n&ecirc;n loại bỏ thực phẩm đ&oacute; ra khỏi chế độ ăn. C&aacute;c mẹ cũng kh&ocirc;ng n&ecirc;n ăn qu&aacute; nhiều c&aacute;c loại hạt trong c&ugrave;ng một ng&agrave;y sẽ dẫn đến đầy bụng kh&oacute; ti&ecirc;u m&agrave; kh&ocirc;ng thể ăn th&ecirc;m c&aacute;c thực phẩm kh&aacute;c nữa ạ.🙅&zwj;♀️C&aacute;c loại hạt phải được bảo quản trong v&ugrave;ng k&iacute;n, c&aacute;ch tốt nhất l&agrave; bảo quản trong hộp thủy tinh được đặt ở nơi tho&aacute;ng m&aacute;t hoặc đặt trong ngăn m&aacute;t của tủ lạnh.🧊T&oacute;m lại c&aacute;c loại hạt l&agrave; nguồn dinh dưỡng chất b&eacute;o, chất kho&aacute;ng, vitamin, Axit folic tốt. C&aacute;c mẹ bầu ch&uacute;ng m&igrave;nh th&iacute;ch loại hạt n&agrave;o nhất ạ? Th&iacute;ch loại n&agrave;o l&agrave; phải ăn lu&ocirc;n loại đ&oacute; c&aacute;c mẹ nh&eacute;.🥰

Các loại hạt tốt dành cho mẹ bầu

Ch&uacute;c mừng bố mẹ bước v&agrave;o một giai đoạn mới. Bố mẹ đ&atilde; l&ecirc;n kế hoạch sinh con như thế n&agrave;o rồi? Baby Billy tập hợp tất cả, bố mẹ h&atilde;y bỏ t&uacute;i ngay những điều cần chuẩn bị trước khi mang thai nh&eacute;.😗<hr>Mẹ đ&atilde; sẵn s&agrave;ng cho mang thai chưa?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3582/cd0c5388-5b25-4b0a-a6e5-0008f1e7331c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🤰Kh&aacute;m sức khỏe trước khi mang thaiMục ti&ecirc;u ch&iacute;nh của kh&aacute;m sức khỏe tiền sản l&agrave; t&igrave;m ra những yếu tố c&oacute; thể g&acirc;y ảnh hưởng xấu đến qu&aacute; tr&igrave;nh mang thai của mẹ. X&aacute;c định c&aacute;c yếu tố n&agrave;y sớm gi&uacute;p tăng cơ hội mang thai v&agrave; em b&eacute; ra đời được khỏe mạnh hơn.👩&zwj;⚕️B&aacute;c sĩ sẽ t&igrave;m hiểu về tiền sử bệnh của vợ chồng v&agrave; gia đ&igrave;nh hai b&ecirc;n, c&aacute;c loại thuốc m&agrave; mẹ đang sử dụng, sức khỏe của bố. Ngo&agrave;i ra, b&aacute;c sĩ cũng đưa lời khuy&ecirc;n về những thực phẩm n&ecirc;n ăn v&agrave; kh&ocirc;ng n&ecirc;n ăn trước khi mang thai, tập thể dục như thế n&agrave;o, ti&ecirc;m ph&ograve;ng vắc xin đầy đủ, những th&oacute;i quen xấu mẹ n&ecirc;n từ bỏ. Nếu mẹ đang mắc những bệnh như đ&aacute;i th&aacute;o đường, huyết &aacute;p cao, trầm cảm hay c&aacute;c bệnh c&oacute; thể di truyền sang con, mẹ sẽ được tư vấn những rủi ro v&agrave; biện ph&aacute;p để đảm bảo t&igrave;nh trạng sức khỏe mẹ tốt nhất.😎🤰Ch&uacute; &yacute; đến vấn đề dinh dưỡngCơ thể mẹ khi mang thai cần t&iacute;ch cực bổ sung dinh dưỡng thường xuy&ecirc;n để ph&aacute;t triển v&igrave; khi mang thai b&eacute; sẽ chỉ nhận được dinh dưỡng từ mẹ th&ocirc;ng qua d&acirc;y rốn giữa mẹ v&agrave; con th&ocirc;i. Để b&eacute; c&oacute; thể ph&aacute;t triển khỏe mạnh, mẹ cũng phải ăn uống đầy đủ chất dinh dưỡng v&agrave; khỏe mạnh nh&eacute;.🍲🤰Kiểm so&aacute;t c&acirc;n nặngMẹ sẽ dễ thụ thai hơn nếu c&oacute; c&acirc;n nặng ph&ugrave; hợp. Th&ocirc;ng qua chỉ số khối cơ thể BMI, mẹ c&oacute; thể kiểm so&aacute;t c&acirc;n nặng tốt để tr&aacute;nh tiểu đường thai kỳ, huyết &aacute;p cao, tiền sản giật, sinh non khi mẹ thừa c&acirc;n, hoặc b&eacute; thiếu dinh dưỡng khi mẹ thiếu c&acirc;n. Mẹ h&atilde;y hỏi b&aacute;c sĩ c&acirc;n nặng ph&ugrave; hợp v&agrave; c&aacute;ch điều chỉnh mẹ nh&eacute;.🧚🤰Ti&ecirc;m ph&ograve;ng đầy đủMẹ mang thai l&agrave; nh&oacute;m dễ bị l&acirc;y bệnh truyền nhiễm. Nếu mẹ lỡ mắc bệnh trong thời gian mang thai, khả năng cao b&agrave;o thai b&eacute; sẽ bị ảnh hưởng xấu c&oacute; thể khiến thai nhi ngừng ph&aacute;t triển. V&igrave; thế, trong độ tuổi sinh đẻ, mẹ h&atilde;y chuẩn bị sẵn s&agrave;ng bằng c&aacute;ch ti&ecirc;m ph&ograve;ng vắc xin đầy đủ để cả mẹ v&agrave; b&eacute; đều c&oacute; miễn dịch đầy đủ với c&aacute;c bệnh truyền nhiễm c&oacute; thể đe dọa sức khỏe mẹ nh&eacute;.💉🤰Trạng th&aacute;i t&acirc;m l&yacute;Mẹ đ&atilde; thật sự sẵn s&agrave;ng l&agrave;m mẹ chưa? Mẹ đ&atilde; sẵn s&agrave;ng g&aacute;nh v&aacute;c tr&aacute;ch nhiệm của việc l&agrave;m mẹ? Bố v&agrave; mẹ đ&atilde; trao đổi với nhau v&agrave; đều mong muốn c&oacute; con? Bố v&agrave; mẹ l&ecirc;n kế hoạch chi tiết về t&agrave;i ch&iacute;nh v&agrave; c&aacute;c vấn đề li&ecirc;n quan chưa? Mẹ h&atilde;y tự hỏi bản th&acirc;n v&agrave; b&agrave;n bạc với bố để c&oacute; một t&acirc;m l&yacute; sẵn s&agrave;ng cho một h&agrave;nh tr&igrave;nh lớn n&agrave;y nh&eacute;.😀<hr>Quản l&yacute; sức khỏe của mẹ<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3582/a302521a-a9dd-4c8c-8a3c-2d3577654a0e.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🤰Bỏ rượu, thuốc l&aacute;, chất g&acirc;y nghiệnNếu mẹ h&uacute;t thuốc, uống rượu hoặc c&oacute; sử dụng chất g&acirc;y nghiện, mẹ n&ecirc;n từ bỏ ngay. Sử dụng thuốc l&aacute; hay c&aacute;c chất n&agrave;y đều c&oacute; thể dẫn đến sinh non, sẩy thai hoặc b&eacute; thiếu dinh dưỡng nhẹ c&acirc;n. Đối với bố, h&uacute;t thuốc l&aacute; nhiều cũng giảm số lượng tinh tr&ugrave;ng v&agrave; ảnh hưởng đến khả năng thụ thai. Cả nh&agrave; m&igrave;nh từ bỏ những th&oacute;i quen xấu n&agrave;y th&ocirc;i ạ.🚬🤰Giảm lượng caffeineNhiều mẹ n&oacute;i rằng kh&ocirc;ng c&oacute; cafe buổi s&aacute;ng mẹ kh&ocirc;ng thể tập trung l&agrave;m việc được. Hấp thụ qu&aacute; nhiều caffeine c&oacute; thể l&agrave;m giảm khả năng sinh sản, mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n uống qu&aacute; 200ml c&agrave; ph&ecirc; mỗi ng&agrave;y nh&eacute;.☕🤰Hạn chế tiếp x&uacute;c chất độc hạiĐiều n&agrave;y v&ocirc; c&ugrave;ng quan trọng. Nếu mẹ bị nhiễm ph&oacute;ng xạ hoặc tiếp x&uacute;c với c&aacute;c chất h&oacute;a học nhiều như thuốc tẩy, thuốc bảo vệ thực vật, mẹ cũng phải hết sức cẩn thận v&igrave; ch&uacute;ng c&oacute; thể g&acirc;y nguy hiểm cho b&eacute; đ&oacute; ạ.⚡🤰Ch&uacute; &yacute; đến c&aacute;c thuốc đang sử dụngMột số loại thuốc bao gồm vitamin, thuốc l&agrave;m đẹp da, thuốc thảo dược v&agrave; những thuốc kh&ocirc;ng k&ecirc; đơn c&oacute; thể g&acirc;y hại cho thai nhi. Mẹ n&ecirc;n hỏi &yacute; kiến b&aacute;c sĩ về c&aacute;c loại thuốc đang sử dụng n&agrave;y để đảm bảo thuốc đ&oacute; kh&ocirc;ng g&acirc;y hại cho thai kỳ của mẹ.💊🤰Tr&aacute;nh mắc nhiễm tr&ugrave;ng trước khi mang thaiNhiễm tr&ugrave;ng c&oacute; thể g&acirc;y dị tật bẩm sinh hoặc bệnh cho thai nhi. Nhiễm tr&ugrave;ng l&acirc;y qua đường t&igrave;nh dục (STIs) ảnh hưởng đến khả năng mang thai v&agrave; g&acirc;y l&acirc;y nhiễm cho b&eacute; khi mẹ mang thai. Nếu mẹ hoặc bố bị mắc STIs, bố mẹ h&atilde;y đi x&eacute;t nghiệm s&agrave;ng lọc v&agrave; điều trị ngay.😮&zwj;💨Mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n ăn những loại thực phẩm chưa được nấu ch&iacute;n, ph&ocirc; mai chưa được khử tr&ugrave;ng, c&aacute;c loại thịt nguội v&igrave; ch&uacute;ng chứa rất nhiều vi khuẩn. C&aacute;c loại nước &eacute;p chưa khử tr&ugrave;ng c&oacute; thể chứa vi khuẩn như E.coli hoặc Salmonella, n&ecirc;n mẹ h&atilde;y tr&aacute;nh ti&ecirc;u d&ugrave;ng nh&eacute;. Nếu mẹ cần tiếp x&uacute;c với đất, c&aacute;t, hay đi đổ r&aacute;c, mẹ h&atilde;y mang găng tay v&agrave; rửa tay thật sạch sẽ để tr&aacute;nh nhiễm khuẩn. Quan trọng nhất, mẹ phải ti&ecirc;m chủng ngừa vắc xin đầy đủ để ph&ograve;ng ngừa c&aacute;c bệnh mang t&iacute;nh nhiễm tr&ugrave;ng cao nh&eacute;. 🧼🤰Uống vitamin trước khi mang thaiMẹ n&ecirc;n bổ sung vitamin v&agrave; kho&aacute;ng chất trước khi mang thai mỗi ng&agrave;y để cả mẹ v&agrave; b&eacute; lu&ocirc;n đầy đủ năng lượng. Axit folic cần được cung cấp trước v&agrave; trong khi mang thai để ngăn ngừa dị tật khuyết ống thần kinh. Mỗi ng&agrave;y mẹ n&ecirc;n bổ sung 400mg axit folic qua c&aacute;c loại thực phẩm chức năng hoặc thực phẩm.👀Sắt l&agrave; một nh&acirc;n tố kh&ocirc;ng thể thiếu đối với mẹ mang thai rồi v&igrave; mẹ sẽ cần tạo th&ecirc;m c&aacute;c tế b&agrave;o m&aacute;u nhằm cung cấp oxy cho thai nhi. Nếu mẹ kh&ocirc;ng nhận đủ chất sắt, mẹ c&oacute; thể gặp c&aacute;c vấn đề về sức khỏe như thiếu m&aacute;u, b&eacute; c&oacute; thể bị sinh non. Vitamin, sắt, axit folic, mẹ h&atilde;y bổ sung ngay v&agrave; lu&ocirc;n th&ocirc;i!😍Mang thai l&agrave; cột mốc lớn v&agrave; quan trọng đối với bất kỳ người phụ nữ n&agrave;o. Tuy sẽ c&oacute; nhiều vất vả, qu&aacute; tr&igrave;nh mang thai sẽ mang lại cho mẹ nhiều cảm x&uacute;c mới mẻ xen lẫn lo &acirc;u khi thấy những thay đổi trong cơ thể, x&uacute;c động v&agrave; niềm vui &ugrave;a về khi mẹ thấy b&eacute; ch&agrave;o đời. V&agrave; trong suốt qu&aacute; tr&igrave;nh n&agrave;y, mẹ đ&atilde; c&oacute; Baby Billy đồng h&agrave;nh rồi.💙

Bố mẹ cần chuẩn bị những gì trước khi mang thai?

Omega 3 l&agrave; dưỡng chất cần bổ sung th&ocirc;ng qua thực phẩm v&igrave; cơ thể kh&ocirc;ng thể tự tổng hợp v&agrave; tạo ra được. Với những mẹ bầu đang c&oacute; dự định c&oacute; em b&eacute; hoặc đang giai đoạn mang thai n&ecirc;n cung cấp omega cho cơ thể.<hr>Omega 3 l&agrave; g&igrave;?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1822/c28aaf7d-34c1-4a7d-af31-9919beca14a1.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Omega 3 l&agrave; họ axit b&eacute;o kh&ocirc;ng b&atilde;o h&ograve;a đa chuỗi d&agrave;i. C&oacute; 2 loại omega 3 c&oacute; lợi nhất l&agrave; EPA v&agrave; DHA.💊 Những lợi &iacute;ch của EPA v&agrave; DHA bao gồm hỗ trợ sự ph&aacute;t triển l&agrave;nh mạnh của n&atilde;o, mắt v&agrave; hệ thần kinh của b&eacute;, c&acirc;n nặng v&agrave; chiều d&agrave;i thai kỳ khỏe mạnh, ph&aacute;t triển hệ miễn dịch khỏe mạnh.🤗👶&nbsp;<hr>T&aacute;c dụng omega 3 trong việc thụ thai<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1822/074a627d-2539-4dfd-886a-f09395323a60.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">💊 Cải thiện chất lượng trứng v&agrave; sự rụng trứngBổ sung DHA c&oacute; thể giảm t&igrave;nh trạng kh&ocirc;ng rụng trứng, tăng khả năng c&oacute; con với những mẹ hiếm muộn bởi nguy&ecirc;n nh&acirc;n n&agrave;y. Điều trị ngắn hạn bằng omega 3 c&ograve;n gi&uacute;p cải thiện chất lượng trứng.🤰💊 Giảm nguy cơ mắc bệnh lạc nội mạc tử cungLạc nội mạc tử cung kh&ocirc;ng g&acirc;y tử vong nhưng l&agrave; một trong những nguy&ecirc;n nh&acirc;n h&agrave;ng đầu dẫn đến v&ocirc; sinh.🤰☹️ Mẹ bầu bổ sung omega 3 giảm nguy cơ mắc lạc nội mạc tử cung v&agrave; ung thư nội mạc tử cung.<hr>T&aacute;c dụng omega 3 với mẹ bầu đang mang thai<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1822/38decf4e-1246-4ba4-9e0d-f20599624f57.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">💊 Hỗ trợ ph&aacute;t triển n&atilde;o v&agrave; sức khỏe cho b&eacute;Omega 3 l&agrave; th&agrave;nh phần quan trọng cấu tạo n&ecirc;n mắt👁️, n&atilde;o🧠 v&agrave; hệ thần kinh của b&eacute;. Sau khi b&eacute; được sinh ra, omega 3 hỗ trợ sự ph&aacute;t triển của n&atilde;o v&agrave; chức năng miễn dịch, đồng thời hỗ trợ t&acirc;m trạng sau sinh khỏe mạnh v&agrave; tốt cho cả mẹ.&nbsp;💊 Giảm nguy cơ sinh nonOmega 3 hỗ trợ chuyển dạ v&agrave; sinh nở, g&oacute;p phần ngăn ngừa tai biến sản khoa. Mẹ bầu ti&ecirc;u thụ &iacute;t hơn 150mg omega 3 mỗi ng&agrave;y tăng khả năng sinh non cao hơn so với mẹ bổ sung omega 3 đầy đủ theo chỉ định của b&aacute;c sĩ.👩&zwj;⚕️🏥<hr>Thực phẩm chứa nhiều omega 3<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1822/076d9a51-cba2-4e10-9b8c-07ba4edcea78.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Nguồn cung cấp omega 3 tốt nhất l&agrave; c&aacute; nước lạnh như c&aacute; hồi, c&aacute; ngừ, c&aacute; cơm, c&aacute; tr&iacute;ch, c&aacute; m&ograve;i. Dầu c&aacute; hoặc tảo c&aacute; cũng l&agrave; nguồn cung cấp EPA v&agrave; DHA đ&aacute;ng tin cậy v&agrave; tốt cho sức khỏe của mẹ v&agrave; b&eacute;.🐟🍳&nbsp;

Mẹ bầu có nên sử dụng omega 3 không?

D&ugrave;ng bao cao su đ&uacute;ng c&aacute;ch l&agrave; điều bố n&ecirc;n nắm được để tr&aacute;nh rủi ro v&agrave; c&aacute;c bệnh truyền nhiễm khi quan hệ. Hiện nay, tỉ lệ mang thai ngo&agrave;i &yacute; muốn hoặc trẻ vị th&agrave;nh ni&ecirc;n mang thai ng&agrave;y c&agrave;ng tăng.⚠️ D&agrave;nh cho c&aacute;c bố của Baby Billy, vấn đề hơi nhạy cảm một ch&uacute;t nhưng bố đừng ngại nh&eacute;!😘<hr>Lựa chọn bao cao su<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3315/8eec21ff-3c15-4976-aaee-b3a086472c91.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">☔K&iacute;ch cỡ của bao cao suKhi đi mua bao cao su, bố đ&atilde; để &yacute; tới k&iacute;ch thước v&agrave; chọn loại ph&ugrave; hợp chưa? Khi mua bao cao su, bố chỉ n&ecirc;n quan t&acirc;m đến chu vi dương vật m&agrave; kh&ocirc;ng cần đo chiều d&agrave;i. Bố c&oacute; thể chọn đo khi dương vật ở trạng th&aacute;i cương cứng, đo bằng thước d&acirc;y để c&oacute; kết quả ch&iacute;nh x&aacute;c.📏☔C&aacute;c loại bao cao suTheo k&iacute;ch thước của dương vật, size nhỏ 49mm d&agrave;nh cho những người c&oacute; chu vi dương vật nhỏ hơn 110mm nhưng loại n&agrave;y tại Việt Nam🇻🇳 kh&aacute; hiếm. Theo k&iacute;ch thước trung b&igrave;nh tại Việt Nam, loại size trung b&igrave;nh 52mm d&agrave;nh cho những người c&oacute; dương vật từ 110-125mm. Size lớn 55mm d&agrave;nh cho chu vi tr&ecirc;n 126mm d&ugrave; c&oacute; mặt tr&ecirc;n thị trường nhưng kh&ocirc;ng qu&aacute; phổ biến.😀<hr>Lưu &yacute; để d&ugrave;ng bao cao su đ&uacute;ng c&aacute;ch<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3315/511f60f0-bb46-4ac1-ba3d-f44e62cc0d13.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">☔Mua đ&uacute;ng k&iacute;ch cỡ&nbsp;Bao cao su nhỏ hơn k&iacute;ch thước dương vật rất dễ bị r&aacute;ch trong khi quan hệ v&agrave; kh&ocirc;ng thể bảo vệ bố khỏi những nguy cơ mắc bệnh truyền nhiễm.🙅&zwj;♂️ Bao cao su lớn hơn k&iacute;ch thước dương vật dễ tuột v&agrave; g&acirc;y ra khả năng lớn mang thai ngo&agrave;i &yacute; muốn. Điều đầu ti&ecirc;n bố cần đ&oacute; l&agrave; một loại bao cao su ph&ugrave; hợp với k&iacute;ch thước nh&eacute;!😀☔N&ecirc;n l&agrave;m khi sử dụng bao cao suBố n&ecirc;n kiểm tra hạn sử dụng b&igrave;a cao su trước khi mang, xem c&oacute; vết r&aacute;ch tr&ecirc;n cao kh&ocirc;ng. Lu&ocirc;n bảo quản bao cao su ở nơi tho&aacute;ng. C&oacute; thể sử dụng gel b&ocirc;i trơn để tr&aacute;nh t&igrave;nh trạng bao cao su bị r&aacute;ch trong quan hệ.🧴☔Kh&ocirc;ng n&ecirc;n l&agrave;m khi sử dụng bao cao suViệc bố hay để bao cao su trong v&iacute; hay t&uacute;i quần sẽ kh&ocirc;ng tốt đ&acirc;u, v&igrave; việc ma s&aacute;t v&agrave; nhiệt độ🌡️ kh&ocirc;ng th&iacute;ch hợp sẽ ảnh hưởng đến chất lượng bao cao su. Kh&ocirc;ng được sử dụng những loại gel thay thế gel b&ocirc;i trơn như kem dưỡng da, s&aacute;p hay sữa tắm v&igrave; ch&uacute;ng khiến bao cao su dễ r&aacute;ch hơn v&agrave; l&agrave;m &acirc;m đạo của mẹ dễ bị tổn thương. Bao cao su l&agrave; vật phẩm chỉ được sử dụng một lần, tuyệt đối kh&ocirc;ng t&aacute;i sử dụng.🙅&zwj;♂️<hr>Giải đ&aacute;p thắc mắc về bao cao su<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3315/4533ba10-9b4b-4d58-8460-fd88c4de47a2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">☔Nếu sử dụng bao cao su đ&uacute;ng c&aacute;ch, tỉ lệ an to&agrave;n l&agrave; bao nhi&ecirc;u?Nếu bố sử dụng bao cao su đ&uacute;ng c&aacute;ch, tỉ lệ an to&agrave;n sẽ l&ecirc;n tới 98%. Bố v&agrave; mẹ đều sẽ c&oacute; quan hệ t&igrave;nh dục an to&agrave;n, tr&aacute;nh được bệnh truyền nhiễm v&agrave; mang thai ngo&agrave;i &yacute; muốn.💓☔Mang 2 bao cao su sẽ an to&agrave;n hơn?Sai. Việc đeo 2 bao cao su khiến tăng lực ma s&aacute;t, dễ l&agrave;m bao tuột ra ngo&agrave;i, v&agrave; tăng nguy cơ bị r&aacute;ch khi quan hệ. Bố h&atilde;y an to&agrave;n đeo bao cao su đ&uacute;ng c&aacute;ch, chỉ với 1 bao cao su sẽ c&oacute; thể bảo vệ được bố v&agrave; mẹ.🥲☔Bao cao su k&eacute;o d&agrave;i thời gian &ldquo;y&ecirc;u&rdquo;?Bao cao su với lớp m&agrave;ng bao quanh dương vật sẽ l&agrave;m giảm đi sự k&iacute;ch th&iacute;ch, ngăn ngừa xuất tinh sớm.👨 Với những loại bao cao su được cho l&agrave; k&eacute;o d&agrave;i thời gian &ldquo;y&ecirc;u&rdquo;, ch&uacute;ng c&oacute; độ d&agrave;y cao hơn, th&agrave;nh bao d&agrave;y l&agrave;m giảm sự k&iacute;ch ứng d&acirc;y thần kinh l&ecirc;n bộ phận sinh dục, tr&igrave; ho&atilde;n việc xuất tinh hiệu quả hơn hoặc c&oacute; giữ nguy&ecirc;n độ mỏng v&agrave; được th&ecirc;m hoạt chất g&acirc;y t&ecirc; dương vật.🤔Tuy nhi&ecirc;n, nếu biểu b&igrave; dương vật bị g&acirc;y t&ecirc; thường xuy&ecirc;n, cảm gi&aacute;c khi k&iacute;ch th&iacute;ch dần biến mất v&agrave; c&oacute; thể dẫn đến rối loạn cương. Một số trường hợp c&oacute; thể thấy dương vật dễ bị dị ứng, mẩn đỏ, nghi&ecirc;m trọng hơn g&acirc;y ra nguy cơ hoại tử.⚠️

Sử dụng bao cao su đúng cách

Đảm bảo dinh dưỡng 3 th&aacute;ng đầu thai kỳ quan trọng như thế n&agrave;o?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1285/ebe721f1-71e6-42c1-ac1c-2a9a7a924a99.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">V&igrave; sao đảm bảo dinh dưỡng trong 3 th&aacute;ng đầu lại quan trọng?3 th&aacute;ng đầu được coi l&agrave; giai đoạn ph&aacute;t triển quan trọng nhất🛎️của thai nhi. V&agrave;o tuần thứ 4 của thai kỳ, hệ thống thần kinh của trẻ bắt đầu ph&aacute;t triển.&nbsp;Đến tuần thứ 6, n&atilde;o v&agrave; tủy sống h&igrave;nh th&agrave;nh, song song với qu&aacute; tr&igrave;nh ph&aacute;t triển tim💖, hệ tuần ho&agrave;n v&agrave; c&aacute;c cơ quan nội tạng kh&aacute;c. Đến cuối tuần thứ 12 của thai kỳ th&igrave; hầu hết c&aacute;c bộ phận tr&ecirc;n cơ thể thai nhi như ch&acirc;n, tay, mắt, mũi,... đều ho&agrave;n thiện.Mẹ bầu cần ch&uacute; &yacute; g&igrave; đối với dinh dưỡng 3 th&aacute;ng đầu thai kỳ?Để ph&aacute;t triển to&agrave;n diện, thai nhi cần được cung cấp đầy đủ dưỡng chất, đặc biệt l&agrave; c&aacute;c vi chất cần thiết như axit folic, canxi, sắt, vitamin D,... Nếu người mẹ🤰 kh&ocirc;ng cung cấp đủ chất dinh dưỡng hoặc ăn lựa chọn sai thực phẩm th&igrave; c&oacute; thể g&acirc;y dị tật, suy dinh dưỡng hoặc thậm ch&iacute; l&agrave; sảy thai.&nbsp;V&igrave; vậy, việc x&acirc;y dựng một chế độ dinh dưỡng 3 th&aacute;ng đầu mang thai đầy đủ, khoa học l&agrave; v&ocirc; c&ugrave;ng cần thiết để người mẹ c&oacute; một thai kỳ khỏe mạnh💪 v&agrave; em b&eacute; được ph&aacute;t triển to&agrave;n diện.<hr>Mẹ bầu 3 th&aacute;ng đầu n&ecirc;n hạn chế ăn những thực phẩm n&agrave;o?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1285/016d7843-0aa2-4763-aa97-8ad99f5ba458.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Mẹ bầu uống đồ uống c&oacute; cồn được kh&ocirc;ng?Kh&ocirc;ng c&oacute; g&igrave; chối c&atilde;i khi đồ uống c&oacute; cồn nằm trong danh s&aacute;ch thực phẩm cần tr&aacute;nh sử dụng khi mang thai v&igrave; nguy cơ dẫn đến c&aacute;c khuyết tật thần kinh ở thai nhi 3 th&aacute;ng tuổi. V&igrave; thế, nếu c&oacute; th&oacute;i quen uống rượu bia🍺, mẹ cần tập dần để bỏ hẳn đồ uống c&oacute; cồn nh&eacute;.Mẹ bầu 3 th&aacute;ng đầu ăn hải sản c&oacute; hại cho thai nhi kh&ocirc;ng?Hải sản🦞 thường c&oacute; chứa một lượng lớn thủy ng&acirc;n, c&oacute; thể g&acirc;y ra những tổn hại nghi&ecirc;m trọng đến sự ph&aacute;t triển n&atilde;o bộ của thai nhi. Đ&ocirc;i khi mẹ chưa biết m&igrave;nh đ&atilde; mang thai n&ecirc;n vẫn ăn uống thoải m&aacute;i. Do đ&oacute;, việc hạn chế ăn hải sản🦑 khi đang c&oacute; &yacute; định mang thai l&agrave; điều cần thiết. Tốt hơn hết, mẹ n&ecirc;n thay thế bằng c&aacute;c loại c&aacute;, thủy sản nước ngọt.Sữa kh&ocirc;ng tiệt tr&ugrave;ng c&oacute; g&acirc;y nguy hiểm kh&ocirc;ng?Kh&ocirc;ng chỉ ri&ecirc;ng l&uacute;c mới mang thai m&agrave; trong suốt thai kỳ, c&aacute;c mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n sử dụng sữa🥛 chưa tiệt tr&ugrave;ng v&igrave; ch&uacute;ng thường chứa một lượng vi khuẩn, vi sinh vật g&acirc;y hại. Nguy hiểm hơn, n&oacute; c&oacute; thể mang những mầm bệnh g&acirc;y nguy hại đến sức khỏe cả mẹ lẫn thai nhi.<hr>Những thực phẩm mẹ bầu tuyệt đối kh&ocirc;ng n&ecirc;n ăn<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1285/4abc04cb-5340-4641-a55a-5a09f7680bd4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;"> Mẹ bầu c&oacute; n&ecirc;n ăn gan động vật kh&ocirc;ng?Nếu mẹ bầu đang t&igrave;m kiếm nguồn bổ sung chất sắt cho m&igrave;nh từ gan th&igrave; h&atilde;y cẩn trọng vấn đề n&agrave;y nh&eacute;. Gan l&agrave; thực phẩm được liệt v&agrave;o danh mục kh&ocirc;ng an to&agrave;n⚠️ cho thai phụ do th&agrave;nh phần c&oacute; chứa retinol (vượt ngưỡng an to&agrave;n cho b&agrave; bầu) v&agrave; c&oacute; khả năng dẫn đến vấn đề sảy thai. V&igrave; vậy, mẹ n&ecirc;n t&igrave;m kiếm nguồn chất sắt thay thế v&agrave; đừng ăn gan giai đoạn n&agrave;y nh&eacute;.C&oacute; những loại thực phẩm g&acirc;y co thắt tử cung?Chắc hẳn mẹ từng nghe👂 ai đ&oacute; nhắc đến việc tr&aacute;nh ăn dứa, đu đủ xanh, rau răm, rau ng&oacute;t, rau ch&ugrave;m ng&acirc;y, ngải cứu hay cam thảo&hellip; khi mang thai 3 th&aacute;ng đầu. Nguy&ecirc;n do l&agrave; những thực phẩm khiến tử cung co thắt mạnh v&agrave; c&oacute; thể g&acirc;y sảy thai.&nbsp;Sự thật đ&uacute;ng như thế! Trong quả dứa🍍 v&agrave; nhựa quả đu đủ xanh c&oacute; chứa một số hoạt chất g&acirc;y co thắt tử cung. Do đ&oacute;, tốt hơn hết mẹ bầu n&ecirc;n tr&aacute;nh d&ugrave;ng những loại tr&aacute;i c&acirc;y v&agrave; c&aacute;c nguy&ecirc;n liệu kể tr&ecirc;n nh&eacute;.Trứng l&ograve;ng đ&agrave;o, trứng sống c&oacute; g&acirc;y hại cho mẹ bầu?Trứng l&ograve;ng đ&agrave;o hay trứng sống🥚 cũng c&oacute; chứa v&ocirc; v&agrave;n vi khuẩn c&oacute; hại. Do đ&oacute;, trong 3 th&aacute;ng đầu thai kỳ mẹ n&ecirc;n tr&aacute;nh xa nh&eacute;. Ăn trứng l&ograve;ng đ&agrave;o l&agrave; nguy&ecirc;n nh&acirc;n h&agrave;ng đầu khiến mẹ bầu c&oacute; nguy cơ nhiễm khuẩn salmonella.

Mẹ bầu 3 tháng đầu nên tránh những loại thực phẩm nào?

Sữa d&agrave;nh cho b&agrave; bầu vẫn lu&ocirc;n được biết đến chứa rất nhiều th&agrave;nh phần dinh dưỡng cho sự ph&aacute;t triển của con v&agrave; sức khỏe của mẹ. Vậy mẹ bầu c&oacute; nhất thiết phải uống sữa bầu kh&ocirc;ng?👀<hr>Lợi &iacute;ch của việc uống sữa bầu khi mang thai<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3521/52c5f8c1-5343-4950-8d7d-62359b27dd20.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥛Bổ sung canxiCanxi của mẹ đang được sử dụng để x&acirc;y dựng c&aacute;c bộ phận xương, tim, cơ v&agrave; d&acirc;y thần kinh đang ph&aacute;t triển trong b&eacute;. Nếu mẹ kh&ocirc;ng c&oacute; đủ canxi ở trong m&aacute;u, cơ thể sẽ tự động lấy canxi từ xương mẹ để cung cấp cho em b&eacute;. V&igrave; thế, mẹ lu&ocirc;n cần bổ sung canxi đủ để tr&aacute;nh bệnh lo&atilde;ng xương hoặc xương mỏng, dễ g&atilde;y sau sinh.🦴Để đ&aacute;p ứng nhu cầu canxi trong l&uacute;c mang thai, mẹ bầu n&ecirc;n ti&ecirc;u thụ 1000mg canxi mỗi ng&agrave;y, tương đương 3-4 ly sữa mỗi ng&agrave;y. Tuy nhi&ecirc;n, sữa kh&ocirc;ng phải nguồn cung cấp canxi duy nhất, c&ograve;n c&oacute; thực phẩm kh&aacute;c như b&ocirc;ng cải xanh, cải xoăn, cam, đậu xanh, đậu đỏ, sữa chua, ph&ocirc; mai,...🧀🥛Cung cấp proteinProtein l&agrave; chất dinh dưỡng cần thiết đặc biệt quan trọng, ảnh hưởng trực tiếp đến sự ph&aacute;t triển của c&aacute;c tế b&agrave;o trong cơ thể. Protein trong sữa bầu được đ&aacute;nh gi&aacute; l&agrave; loại protein ho&agrave;n chỉnh, chứa tất cả c&aacute;c axit amin cần thiết gi&uacute;p cơ thể hoạt động. Protein từ sữa cũng dễ ti&ecirc;u h&oacute;a v&agrave; hấp thụ n&ecirc;n cơ thể mẹ c&oacute; thể dễ d&agrave;ng sử dụng được to&agrave;n bộ protein đ&atilde; nạp v&agrave;o cơ thể.🥰Trong thời kỳ mang thai, mẹ cần 1,1 gram tr&ecirc;n mỗi kg c&acirc;n nặng. Một cốc sữa nguy&ecirc;n chất &nbsp;c&oacute; thể cho mẹ 8 gram, vậy ba cốc sữa &iacute;t b&eacute;o c&oacute; thể đ&aacute;p ứng được ⅓ lượng protein trong ng&agrave;y mẹ cần rồi!💪🥛Bổ sung vitamin DVitamin D lu&ocirc;n đi đ&ocirc;i với canxi v&igrave; hai chất đều c&oacute; t&aacute;c dụng hỗ trợ nhau gi&uacute;p xương chắc khỏe đặc biệt trong thời k&igrave; mang thai. Vitamin D cũng đ&oacute;ng vai tr&ograve; quan trọng trong việc tăng cường hệ thống miễn dịch, tr&aacute;nh nhiễm tr&ugrave;ng v&agrave; ngăn ngừa c&ograve;i xương ở trẻ sơ sinh.👶Khi mẹ mang thai, mẹ cần nạp đủ 600 IU vitamin D mỗi ng&agrave;y, nhưng thực tế kh&ocirc;ng c&oacute; nhiều loại thực phẩm chứa đủ loại vitamin n&agrave;y. Sữa sẽ l&agrave; lựa chọn tốt nhất gi&uacute;p mẹ bổ sung lượng vitamin D cần thiết. Một cốc sữa cung cấp khoảng 125 IU, chiếm gần 20% nhu cầu h&agrave;ng ng&agrave;y. Vậy ba cốc sữa mỗi ng&agrave;y c&oacute; thể gi&uacute;p mẹ đảm bảo 60% nhu cầu vitamin n&agrave;y.🌞🥛Cung cấp DHADHA l&agrave; một loại axit b&eacute;o omega-3 c&oacute; vai tr&ograve; quan trọng trong ph&aacute;t triển thị gi&aacute;c v&agrave; n&atilde;o bộ của trẻ. Khi mẹ mang thai, mẹ cần &iacute;t nhất 200mg DHA mỗi ng&agrave;y. Theo nghi&ecirc;n cứu, sữa c&oacute; nguồn gốc từ b&ograve; được ăn cỏ tự nhi&ecirc;n được cho c&oacute; h&agrave;m lượng DHA cao hơn, gi&uacute;p l&agrave;m giảm nguy cơ ph&aacute;t triển bệnh tim v&agrave; c&aacute;c bệnh chuyển h&oacute;a kh&aacute;c.💓Ngo&agrave;i ra, sữa cũng đ&oacute;ng vai tr&ograve; quan trọng trong việc giảm c&aacute;c triệu chứng ợ n&oacute;ng v&agrave; vấn đề dạ d&agrave;y kh&aacute;c trong thai kỳ. Một buổi tối trước khi đi ngủ, một cốc sữa ấm sẽ gi&uacute;p mẹ bớt căng thẳng v&agrave; thư gi&atilde;n hơn nhiều đ&oacute; ạ!😋<hr>C&oacute; nhất thiết phải uống sữa bầu kh&ocirc;ng?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3521/c6c556d4-f551-45d1-a25c-88fd1c0eb984.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥛Khi n&agrave;o mẹ n&ecirc;n uống sữa bầu?Mẹ n&ecirc;n bắt đầu uống sữa bầu ngay từ khi biết tin c&oacute; thai, tốt nhất ch&iacute;nh l&agrave; trước khi mang thai ngay từ khi c&oacute; kế hoạch. N&oacute; kh&ocirc;ng chỉ gi&uacute;p tăng cường sức khỏe, n&acirc;ng cao tỷ lệ thụ thai m&agrave; c&ograve;n ph&ograve;ng tr&aacute;nh nguy cơ dị tật ở thai nhi.😋🥛Mẹ bầu c&oacute; bắt buộc uống sữa bầu kh&ocirc;ng?&nbsp;Sữa bầu được bổ sung nhiều vi chất cần thiết cho sức khỏe mẹ bầu v&agrave; em b&eacute;. Tuy nhi&ecirc;n, c&aacute;c dưỡng chất n&agrave;y kh&ocirc;ng chỉ c&oacute; trong sữa bầu m&agrave; c&ograve;n ở trong nhiều loại thực phẩm ăn h&agrave;ng ng&agrave;y. Canxi nhiều trong t&ocirc;m c&aacute;.🦐 Sắt c&oacute; nhiều trong c&aacute;c loại thịt đỏ. Axit b&eacute;o c&oacute; nhiều trong c&aacute;c loại c&aacute; biển. Nếu mẹ ăn uống đa dạng v&agrave; đầy đủ, mẹ gần như sẽ kh&ocirc;ng phải lo sợ thiếu chất. V&igrave; vậy, đối với những mẹ bầu kh&ocirc;ng đủ điều kiện mua sữa, mẹ kh&ocirc;ng nhất thiết phải mua sữa b&agrave; bầu, n&ecirc;n tập trung v&agrave;o chế độ ăn uống, tăng c&acirc;n hợp l&yacute;.🙆&zwj;♀️

Mẹ bầu có nhất thiết phải uống sữa bầu không?

Nước cam vẫn lu&ocirc;n l&agrave; thức uống gi&agrave;u chất dinh dưỡng v&agrave; thơm ngon m&agrave; nhiều mẹ bầu lựa chọn trong thời gian mang thai. Mẹ đ&atilde; biết uống nước cam như thế n&agrave;o th&igrave; sẽ tốt cho sức khỏe chưa?<hr>T&aacute;c dụng của nước cam<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3418/a1281ab1-5757-4ee0-816d-f40c5ec076e4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🍊Tăng cường hoạt động của hệ miễn dịchHệ miễn dịch của mẹ bầu trong l&uacute;c mang thai thường hoạt động k&eacute;m hơn khiến mẹ dễ mắc bệnh hơn b&igrave;nh thường. Uống nước cam đ&uacute;ng c&aacute;ch sẽ gi&uacute;p mẹ c&oacute; một hệ miễn dịch mạnh khỏe v&agrave; ph&ograve;ng chống c&aacute;c bệnh như cảm c&uacute;m tốt hơn.💪🍊Nguồn vitamin, kho&aacute;ng chất dồi d&agrave;oCam chứa nhiều vitamin C gi&uacute;p tăng cường sức đề kh&aacute;ng cho cơ thể, vitamin B gi&uacute;p tăng cường tuần ho&agrave;n m&aacute;u, ngăn ngừa thiếu m&aacute;u v&agrave; c&acirc;n bằng nội tiết, qu&aacute; tr&igrave;nh trao đổi chất. Ngo&agrave;i ra, nước cam c&ograve;n chứa nhiều kẽm v&agrave; sắt l&agrave; những th&agrave;nh phần quan trọng đối với hệ miễn dịch v&agrave; sự ph&aacute;t triển của thai nhi.🧚🍊Tốt cho hệ ti&ecirc;u h&oacute;aMẹ mang thai phải bổ sung nhiều dưỡng chất v&agrave; c&oacute; sự thay đổi lớn về nội tiết tố. Đ&ocirc;i l&uacute;c c&oacute; thể mẹ gặp vấn đề về đường ti&ecirc;u h&oacute;a, đặc biệt l&agrave; t&aacute;o b&oacute;n. Nước cam sẽ hỗ trợ ti&ecirc;u h&oacute;a tốt hơn v&agrave; cải thiện được những vấn đề n&agrave;y.🚽🍊Tốt cho hệ h&ocirc; hấp v&agrave; điều h&ograve;a huyết &aacute;pNước cam chứa một lượng lớn caroten rất tốt cho hệ h&ocirc; hấp. Magie v&agrave; flavonoid trong nước cam g&oacute;p phần gi&uacute;p mẹ kiểm so&aacute;t huyết &aacute;p trong thai kỳ.🥰🍊L&agrave;m đẹp daNước cam l&agrave; vị cứu tinh của một l&agrave;n da xỉn m&agrave;u v&igrave; vitamin C th&uacute;c đẩy qu&aacute; tr&igrave;nh hydrat h&oacute;a, tăng sản sinh tế b&agrave;o mới gi&uacute;p l&agrave;n da mẹ lu&ocirc;n trắng s&aacute;ng v&agrave; đẹp hơn. Uống nước cam đ&uacute;ng c&aacute;ch cũng gi&uacute;p da mẹ duy tr&igrave; độ ẩm trong thời tiết m&ugrave;a đ&ocirc;ng hanh kh&ocirc;, giảm thiểu mụn trứng c&aacute; trong thời kỳ mang thai.😇🍊Ph&ograve;ng ngừa dị ứngSự thay đổi về nội tiết tố l&agrave;m tăng nguy cơ gi&atilde;n nở mạch m&aacute;u khiến mẹ hay cảm thấy ngứa. Nước cam c&oacute; thể cải thiện t&igrave;nh trạng dị ứng v&agrave; giảm một số triệu chứng kh&aacute;c như kh&oacute; thở👃, buồn n&ocirc;n v&agrave; kh&oacute; khăn khi đại tiện, gi&uacute;p mẹ khỏe mạnh v&agrave; thoải m&aacute;i hơn trong giai đoạn mang thai.🍊Ph&ograve;ng ngừa v&agrave; hỗ trợ điều trị sỏi thậnAcid nitric trong nước cam c&oacute; thể l&agrave;m tan một số tinh thể lắng đọng ở thận v&agrave; ph&ograve;ng ngừa sỏi thận. Mẹ h&atilde;y thường xuy&ecirc;n bổ sung nước cam trong chế độ dinh dưỡng v&agrave; uống nước đủ 2 l&iacute;t mỗi ng&agrave;y để ph&ograve;ng ngừa sỏi thận nh&eacute;.🌊🍊Ph&ograve;ng ngừa chảy m&aacute;u sau sinhNhất l&agrave; trong 3 th&aacute;ng cuối, vitamin C v&agrave; canxi c&oacute; trong nước cam sẽ gi&uacute;p tăng t&iacute;nh đ&agrave;n hồi v&agrave; co gi&atilde;n của mạch m&aacute;u. T&igrave;nh trạng chảy m&aacute;u sau sinh của mẹ bầu sẽ được ph&ograve;ng ngừa v&agrave; cải thiện.🩸&nbsp;🍊Ngăn ngừa dị tật thai nhiMẹ c&oacute; nhớ rằng m&igrave;nh phải uống acid folic trong l&uacute;c mang thai kh&ocirc;ng? Nước cam cũng c&oacute; nhiều acid folic, g&oacute;p phần tăng cường ph&aacute;t triển tr&iacute; n&atilde;o của b&eacute; v&agrave; ph&ograve;ng ngừa dị tật thai nhi.🧠<hr>Uống nước cam đ&uacute;ng c&aacute;ch<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3418/a3a7a60e-a5a3-4244-8b51-83e2c94bafb7.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🍊Liều lượngMẹ bầu chỉ n&ecirc;n uống tối đa 200ml nước cam mỗi ng&agrave;y. Nước cam kh&ocirc;ng thể thay thế nước lọc, n&ecirc;n mẹ vẫn phải duy tr&igrave; uống nước đều đặn mỗi ng&agrave;y v&agrave; chỉ bổ sung nước cam trong chế độ ăn uống. Uống qu&aacute; nhiều sẽ g&acirc;y hại cho men răng, g&acirc;y vi&ecirc;m dạ d&agrave;y, g&acirc;y ti&ecirc;u chảy, v&agrave; tăng nguy cơ mắc tiểu đường trong thai kỳ.⚠️🍊Thời điểm uốngMẹ n&ecirc;n uống sau ăn khoảng 1 đến 2 tiếng. Mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n uống l&uacute;c qu&aacute; no hoặc l&uacute;c qu&aacute; đ&oacute;i để tr&aacute;nh ảnh hưởng g&acirc;y hại tới dạ d&agrave;y. Mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n uống v&agrave;o buổi tối trước khi đi ngủ v&igrave; dễ tăng nguy cơ đi tiểu nhiều lần, ảnh hưởng tới chất lượng giấc ngủ của mẹ.🌤️🍊Lưu &yacute; kh&aacute;cTuyệt đối kh&ocirc;ng n&ecirc;n uống sữa sau khi uống nước cam v&igrave; tương t&aacute;c giữa acid tartaric trong sữa v&agrave; vitamin C trong nước cam g&acirc;y phản ứng l&agrave;m mẹ đau bụng hoặc ti&ecirc;u chảy. Nếu mẹ c&oacute; bệnh l&yacute; về dạ d&agrave;y, t&aacute; tr&agrave;ng, tụy,.. mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n uống nước cam để tr&aacute;nh t&igrave;nh trạng bệnh trở n&ecirc;n nghi&ecirc;m trọng hơn. Nếu mẹ đang bị đau bụng, ợ chua hay c&oacute; vấn đề kh&aacute;c về đường ti&ecirc;u h&oacute;a, mẹ cũng kh&ocirc;ng n&ecirc;n uống nước cam.👩&zwj;⚕️

Mẹ bầu nên uống nước cam như thế nào?

Trước khi mang thai mẹ kh&ocirc;ng ngờ rằng m&igrave;nh phải chăm s&oacute;c bản th&acirc;n v&agrave; uống nhiều loại vitamin v&agrave; kho&aacute;ng chất thế n&agrave;y phải kh&ocirc;ng?🤨 Thật kh&oacute; để kiểm so&aacute;t được liều lượng, c&aacute;ch bổ sung v&agrave; thời gian sử dụng vitamin? Baby Billy đ&atilde; tổng hợp hết lại những điều mẹ cần biết rồi đ&acirc;y.👩&zwj;🏫&nbsp;<hr>Dinh dưỡng theo chu kỳ mang thai<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3616/5d38d64b-8bd1-4209-bbf7-b4c1b40782d2.jpeg" class="fr-fic fr-dib">Tổng cộng 5 nh&oacute;m dinh dưỡng mẹ nhất định phải bổ sung đầy đủ trong thời kỳ mang thai l&agrave; axit folic, vitamin D, Omega 3, sắt v&agrave; canxi. Để ph&ograve;ng ngừa mẹ bị t&aacute;o b&oacute;n, thực ra n&ecirc;n c&oacute; men ti&ecirc;u h&oacute;a lactic nữa th&igrave; bảng tổng hợp sẽ đầy đủ hơn ạ. V&igrave; liều lượng v&agrave; thời gian uống vitamin của c&aacute;c h&atilde;ng kh&aacute;c nhau, mẹ h&atilde;y kiểm tra thật kỹ v&agrave; hỏi th&ecirc;m tư vấn của b&aacute;c sĩ trước khi sử dụng nh&eacute;.🤓&nbsp;Hơi phức tạp một ch&uacute;t phải kh&ocirc;ng ạ? Kh&ocirc;ng sao đ&acirc;u, Baby Billy đ&atilde; ở đ&acirc;y để gi&uacute;p mẹ rồi. Ch&uacute;ng m&igrave;nh c&ugrave;ng kiểm tra bảng m&agrave; Billy đ&atilde; tổng hợp, c&aacute;ch uống như thế n&agrave;o, thời gian uống l&uacute;c n&agrave;o, cả những lưu &yacute; cho mẹ dưới đ&acirc;y rồi ạ.👏&nbsp;<hr>C&aacute;ch uống c&aacute;c loại vitamin n&agrave;y như thế n&agrave;o?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3616/7ba0bad5-a48c-486c-928b-9bad94b06a33.jpeg" class="fr-fic fr-dib">🌄 Sắt: n&ecirc;n uống khi bụng đ&oacute;iSắt sẽ hấp thụ tốt hơn khi bụng vẫn c&ograve;n trống. Nhưng nếu mẹ dễ bị đau bụng, nhạy cảm về ti&ecirc;u h&oacute;a, mẹ n&ecirc;n uống sắt sau bữa s&aacute;ng sẽ tốt hơn. Khả năng hấp thụ của sắt giảm khi mẹ uống c&ugrave;ng canxi, nhưng lại tăng khi cơ thể mẹ bổ sung lượng lớn vitamin C. V&igrave; thế, mẹ n&ecirc;n ăn thức ăn gi&agrave;u vitamin C c&ugrave;ng với thức ăn gi&agrave;u sắt để cơ thể hấp thụ sắt tốt nhất nh&eacute;.🤰&nbsp;🌄 Axit folic: Uống sau bữa s&aacute;ngAxit folic được cho l&agrave; hấp thụ tốt hơn khi bụng mẹ c&ograve;n đ&oacute;i. Tuy nhi&ecirc;n, mẹ sẽ dễ c&oacute; cảm gi&aacute;c hơi cồn c&agrave;o bụng khi uống axit folic khi bụng đ&oacute;i, đặc biệt đối với mẹ đang bị ngh&eacute;n nặng.😫 V&igrave; thế, Billy khuy&ecirc;n mẹ n&ecirc;n uống sau bữa ăn s&aacute;ng nh&eacute;. &nbsp;Tuy nhi&ecirc;n, nếu bữa s&aacute;ng mẹ đ&atilde; uống đồ uống chứa caffeine☕, khả năng hấp thụ axit folic sẽ giảm đ&aacute;ng kể. D&ugrave; bữa s&aacute;ng mẹ cần c&agrave; ph&ecirc; như thế n&agrave;o đi chăng nữa, mẹ cũng n&ecirc;n hạn chế trong thời kỳ mang thai nh&eacute;.🌄 Vitamin D v&agrave; Omega-3: Uống sau bữa trưaVitamin D đ&oacute;ng vai tr&ograve; quan trọng trong việc sử dụng canxi v&agrave; phốt pho của cơ thể, tan được trong chất b&eacute;o v&agrave; được hấp thụ giống như chất b&eacute;o v&agrave;o cơ thể. Mẹ n&ecirc;n uống vitamin D v&agrave;o ban ng&agrave;y hơn ban đ&ecirc;m. Khả năng hấp thụ vitamin D giảm nếu mẹ uống khi c&ograve;n đ&oacute;i, v&igrave; thế mẹ n&ecirc;n uống sau bữa ăn nh&eacute;.✨&nbsp;Omega-3 tan trong nước v&agrave; c&oacute; thể uống bất k&igrave; thời gian n&agrave;o trong ng&agrave;y. Mẹ n&ecirc;n uống Omega-3 v&agrave;o bữa trưa để tối đa sự hấp thụ trong cơ thể. Omega-3 uống c&ugrave;ng với nguồn chất b&eacute;o trong bữa ăn c&oacute; thể l&agrave;m tăng khả dụng sinh học của axit b&eacute;o omega-3 v&agrave; tăng hiệu quả của ch&uacute;ng.✅ &nbsp; &nbsp;🌄 Canxi: Uống sau bữa tốiThời điểm an to&agrave;n nhất mẹ uống canxi l&agrave; sau bữa tối v&igrave; n&oacute; phải c&aacute;ch thời gian mẹ uống sắt &iacute;t nhất 6 tiếng. Uống canxi v&agrave;o buổi tối c&ograve;n c&oacute; thể gi&uacute;p mẹ ngủ ngon hơn nữa.👏&nbsp;<hr>Hơi phức tạp một t&iacute;, nhưng mẹ nhất định phải uống đủ nh&eacute;<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3616/3c38f3d1-659a-4654-9862-b2eb5ff69c0d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Bổ sung vitamin khi mang thai đặc biệt quan trọng bởi c&aacute;c dưỡng chất n&agrave;y kh&ocirc;ng chỉ bảo vệ sức khỏe cho mẹ, n&oacute; c&ograve;n gi&uacute;p thai nhi ph&ograve;ng ngừa được c&aacute;c dị tật sinh thường gặp. Mặc d&ugrave; hơi phức tạp v&agrave; nhiều loại, Billy hứa với mẹ rằng nếu mẹ chăm s&oacute;c cơ thể v&agrave; uống đầy đủ, cả b&eacute; v&agrave; mẹ nhất định sẽ đều khỏe mạnh!💊 &nbsp;

Mọi điều về vitamin tổng hợp và khoáng chất khi mang thai

Khi mang thai, mẹ kh&ocirc;ng chỉ cần cung cấp đủ dinh dưỡng để cơ thể khỏe mạnh m&agrave; c&ograve;n nu&ocirc;i dưỡng em b&eacute; bởi mẹ nhận tất cả những dưỡng chất cần thiết từ chế độ ăn của mẹ.<hr>Khi n&agrave;o cần bổ sung vitamin tổng hợp?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1821/3293e1f5-d5df-458a-b0bb-f0d130ba46b5.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">💊Vitamin tổng hợpVitamin tổng hợp l&agrave; thực phẩm bổ sung trong chế độ ăn uống c&oacute; chứa vitamin💊, kho&aacute;ng chất v&agrave; c&aacute;c th&agrave;nh phần thiết yếu kh&aacute;c. Th&agrave;nh phần ch&iacute;nh cần thiết trong b&agrave; bầu trong vitamin tổng hợp như canxi, axit folic, chất sắt v&agrave; axit b&eacute;o.🤰💊Khi n&agrave;o b&agrave; bầu cần uống vitamin tổng hợp?Mẹ bầu n&ecirc;n uống vitamin tổng hợp khi chuẩn bị mang thai🤰, trong thời gian mang thai v&agrave; trong giai đoạn cho con b&uacute;. Đ&acirc;y l&agrave; những giai đoạn rất nhạy cảm v&agrave; l&agrave; l&uacute;c cơ thể cần rất nhiều dưỡng chất m&agrave; chế độ ăn kh&ocirc;ng đ&aacute;p ứng đủ.🍲Thời điểm tốt nhất để uống vitamin tổng hợp trong ng&agrave;y l&agrave; trong v&agrave; sau bữa ăn s&aacute;ng hoặc trưa.🌤️ C&aacute;c chất b&eacute;o từ thực phẩm sẽ gi&uacute;p mẹ hấp thụ tốt nhất axit b&eacute;o trong vi&ecirc;n uống vitamin tổng hợp. Việc cung cấp đủ dinh dưỡng v&agrave;o buổi s&aacute;ng gi&uacute;p mẹ hoạt động cả ng&agrave;y.💪<hr>Những trường hợp đặc biệt cần uống vitamin tổng hợp<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1821/5a0e93e5-c327-4222-b2ff-49634a7f450c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">💊Bị thiếu chấtNếu chế độ ăn uống của mẹ k&eacute;m l&agrave;nh mạnh, hoặc mẹ ăn chay v&agrave; kh&ocirc;ng dung nạp thực phẩm thường cần bổ sung vitamin, mẹ n&ecirc;n đi kh&aacute;m b&aacute;c sĩ để được tư vấn. B&aacute;c sĩ c&oacute; thể chỉ định uống sau khi x&eacute;t nghiệm m&aacute;u v&agrave; thấy sự thiếu hụt vitamin v&agrave; kho&aacute;ng chất.👨&zwj;⚕️🏥💊Mắc chứng ốm ngh&eacute;n nặngĐ&acirc;y l&agrave; biến chứng trong thai kỳ khiến mẹ bầu mang thai buồn n&ocirc;n v&agrave; n&ocirc;n mửa nghi&ecirc;m trọng, dẫn đến giảm c&acirc;n v&agrave; thiếu hụt dinh dưỡng.🤢 B&aacute;c sĩ c&oacute; thể chỉ định mẹ uống th&ecirc;m vitamin để tăng cường sức khỏe.👨&zwj;⚕️🏥💊Mang đa thaiMẹ bầu mang đa thai c&oacute; nhu cầu về dinh dưỡng cao hơn so với mẹ mang thai một con. Mẹ n&ecirc;n đi kh&aacute;m b&aacute;c sĩ để được tư vấn đ&uacute;ng liều lượng.👨&zwj;⚕️🏥💊Đột biến gen như MTHFRMTHFR l&agrave; một gen chuyển đổi folate sang một dạng m&agrave; cơ thể c&oacute; thể sử dụng được. Nếu mẹ bị đột biến gen n&agrave;y, mẹ cần bổ sung một dạng folate cụ thể để tr&aacute;nh c&aacute;c biến chứng.🧬 Mẹ cần đi kh&aacute;m b&aacute;c sĩ để x&aacute;c định đột biến v&agrave; c&oacute; tư vấn cụ thể hơn.👨&zwj;⚕️🏥 &nbsp;

Mẹ bầu có nên uống vitamin tổng hợp không?

Karena Organisasi Kesehatan Dunia (WHO) telah mengkonfirmasi klasifikasi pemanis buatan &quot;Aspartam&quot; ke dalam Kelompok yang Dicurigai Berpotensi Karsinogenik untuk Manusia, kontroversi mengenai keamanan konsumsi Aspartam terus berlanjut📢. Hal ini karena Aspartam merupakan bahan yang terkandung dalam sebagian besar makanan nol kalori seperti minuman soda bebas gula, permen karet bebas gula, es krim bebas gula, termasuk zero cola. Mama yang sedang hamil🤰🏻 dan orang tua yang sedang membesarkan anak mungkin sedang bingung dengan kontroversi ini, karena itu Billy segera memastikan faktanya!😉<hr>Apa itu Aspartam?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/87812925-646b-4447-9c03-2bf89114a03b.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🍹Aspartam itu&hellip;Aspartam adalah pemanis buatan yang memiliki rasa 200 kali lebih manis dari gula dan hampir tidak memiliki kalori sehingga sering digunakan dalam makanan diet. Sejak disetujui di Amerika Serikat pada tahun 1981, Aspartam digunakan di sebagian besar negara di dunia sebagai bahan tambahan untuk memberi rasa manis pada makanan👅.<hr>Mengapa Aspartam menjadi kontroversi?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/ea2fc122-458d-44cb-8ffd-9241dcc6e55d.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🍹Klasifikasi resmi sebagai zat berpotensi karsinogenik (2B)?Badan Penelitian Kanker Internasional (IARC) di bawah WHO telah menetapkan Aspartam ke dalam Kelompok 2B, yaitu dicurigai berpotensi karsinogenik yang dapat menyebabkan kanker pada manusia. Ini adalah satu-satunya pemanis yang diklasifikasikan sebagai karsinogen.🤔 Karena semakin banyak orang yang memilih makanan minuman &quot;nol kalori&quot;, Aspartam telah digunakan dalam berbagai makanan, mulai dari minuman hingga makanan ringan, sehingga pengumuman tersebut membawa kejutan yang cukup besar💥.🍹Apa maksud dari Kelompok 2B?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/620648b4-7c37-4744-af77-14830874b4c8.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">Di dalam Kelompok 2B, selain Aspartam, acar dan lidah buaya juga termasuk di dalam kelompok ini. Selain makanan, gelombang elektromagnetik ponsel📱, asap knalpot mobil juga termasuk di dalamnya. Namun, walaupun Aspartam diklasifikasikan sebagai kelompok 2B, hal ini tidak berarti mengonsumsi Aspartam akan menyebabkan kanker. Oleh karena itu, bukan berarti Aspartam dilarang untuk dikonsumsi sebagai makanan, namun perlu dilakukan pembatasan dalam penggunaannya sebagai pemanis buatan🙌🏻🍹Lalu, bagaimana standar konsumsi Aspartam?Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives (JECFA), dan Otoritas Keamanan Makanan Eropa (EFSA) menetapkan konsumsi harian Aspartam sebesar 40 mg per kilogram berat badan. Untuk orang dewasa dengan berat 60 kg, batas maksimal harian Aspartam adalah 2400mg!👀 Hal ini sama dengan minum 55 kaleng zero cola dalam sehari.<hr>Hal yang harus dilakukan Papa dan Mama!<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/ce5dd43c-b0b0-4b52-9319-96bffe574cc3.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🍹Para calon papa dan mamaMenurut sebuah penelitian yang diterbitkan oleh American Society of Reproductive Medicine pada tahun 2016, pemanis buatan dalam minuman bebas kalori mengurangi kemampuan pembuahan wanita dan memengaruhi kesehatan sel telur. Jika dikonsumsi selama masa kehamilan, dapat memengaruhi janin yang menyebabkan obesitas pada anak, jadi sebisa mungkin, hindari minuman bersoda dengan kandungan gula tinggi!🙅🏻&zwj;♀️🍹Papa dan mama yang tengah membesarkan anakJika Anda memiliki penyakit keturunan yang disebut Fenilketonuria (PKU), yang tidak dapat mencerna Aspartam, harap jangan mengonsumsinya🚫. Ini termasuk ibu dan anak yang sedang membesarkan anak, serta ibu yang berencana hamil atau sedang hamil. Dalam kasus bayi baru lahir, bayi biasanya akan mendapatkan pemeriksaan setelah lahir, sehingga jika kelainan dapat dideteksi secara dini!Meskipun, mengonsumsi Aspartam bukan berarti akan terkena kanker, namun mungkin tetap ada Papa &amp; Mama disini yang tetap khawatir dengan bahayanya, bukan😉? Di tengah kontroversi Aspartam, Direktur Nutrisi dan Keamanan Pangan WHO menyarankan untuk mempertimbangkan minum air putih🥛 dibandingkan minuman yang mengandung pemanis buatan. Daripada mencari alternatif untuk pemanis buatan, mengapa tidak meninggalkan kebiasaan minum-minuman manis atau makan makanan olahan dan memulai gaya hidup sehat?💖

Karsinogen dalam Minuman Soda? Kontroversi Aspartam!

Orang tua yang akan menyambut kelahiran anak tahun ini, anak kalian akan memiliki shio naga menurut astrologi Tionghoa! Pelajari sifat anak yang lahir dengan shio naga🐉 berdasarkan kepercayaan budaya Tionghoa!<hr>Tahun ini, tahun naga, lho!📅Shio naga berdasarkan kapan anak lahir&nbsp;Anak yang lahir antara tanggal 10 Februari 2024 hingga 28 Januari 2025 akan memiliki shio naga kayu. Penentuan shio ini mengikuti kalender Tionghoa🏮 yang periode perubahannya berlangsung pada hari pertama Imlek atau perayaan Tahun Baru Tionghoa.🀄Kepercayaan budaya TionghoaShio naga🐲 merupakan salah satu shio yang sangat dihormati dan diidamkan oleh masyarakat Tionghoa karena dipercaya bahwa orang yang lahir dengan shio ini memiliki keberuntungan, kesuksesan, serta karisma yang tinggi. Individu yang memiliki shio naga sering kali diyakini memiliki tingkat kepercayaan diri yang tinggi, bakat yang mencolok, dan semangat petualangan yang besar.<hr>Kepribadian anak dengan shio naga kayu💘Karakteristik anak yang lahir dengan shio naga kayuShio naga kayu memiliki karakteristik yang disebut sebagai kooperatif, dermawan, idealis, kreatif, dan fleksibel. Mereka cenderung mudah bekerja sama🫂 untuk mencapai tujuan bersama. Namun, perlu diwaspadai kemungkinan timbulnya kecemburuan dari orang-orang di sekitarnya.🌟Ciri-ciri anak yang memiliki shio naga kayuAnak yang lahir dengan shio naga kayu terkenal akan sifat kepedulian💁‍♂️ dan kemurahan hatinya, sering kali membantu orang yang kurang beruntung atau memerlukan bantuan. Selain itu, mereka juga menonjol dalam prestasi akademis, memiliki daya tarik yang kuat terhadap orang lain, memiliki semangat pantang menyerah, dan ambisi yang besar.<hr>Tips membangun hubungan dekat antara orang tua dan anak dengan shio naga kayu🤔Bagaimana anak harus berperilaku?Anak yang dilahirkan dengan shio naga juga perlu memahami pentingnya menghormati dan mendengarkan nasihat yang diberikan oleh orang tua mereka. Meskipun kekuatan hati dan keberanian diri mereka kadang membuat terjadinya perselisihan antara anak dan orang tua, namun sebagai anak, mereka juga harus belajar memahami orang tua yang tanpa diragukan lagi sangat mencintai😘 mereka.👩‍🏫Cara orang tua mendidik anakBagi orang tua yang mendidik anak dengan shio naga kayu, penting untuk memberi prioritas pada komunikasi yang baik di antara mereka dan belajar untuk menghargai pendapat anak saat terjadi perbedaan🙅 pandangan.

Sifat Bayi yang Lahir di Tahun Naga 2024

Mungkin Anda penasaran bagaimana cara bayi mengenali wajah Anda. Apakah melalui suara👂, bau, atau langsung dari wajah Anda. Simak bahasannya berikut ini.<hr>Berbagai cara bayi mengenali Ibunya👀Indra PenglihatanMeskipun ketika lahir indra penglihatan bayi belum berkembang dengan sempurna, tetapi bayi cenderung memproses wajah lebih daripada objek lainnya. Karena itu bayi senang menatap wajah🤓 orang di sekitarnya. Ketika berusia 3 sampai 6 bulan, bayi akan sudah bisa mengenali serta membedakan mana wajah Ibu dan orang lain.👂Indra PendengaranIndra pendengaran adalah cara pertama bayi untuk mengenali Ibunya. Berdasarkan Science ABC, dari sebelum lahir bayi sudah mempunyai pendengaran🎵 yang aktif. Bayi sudah dapat mengenali suara Ibunya dari usia kandungan 30 minggu.🤏Indra PerabaBerdasarkan penelitian yang dilakukan oleh University of Dundee, Skotlandia dengan menggunakan 3D real-time sonography, bayi dapat mengenali Ibunya dengan sentuhan✋ Ibu saat mengelus perut.👃Indra PenciumanIndra penciuman bayi sudah aktif semenjak berada di dalam kandungan. Bayi telah terbiasa dengan bau cairan ketuban🌬️ saat di dalam rahim yang membuatnya secara naluri akan mengarah pada payudara Ibu ketika dilahirkan. Hal ini disebabkan payudara adalah sumber bau ketuban yang efektif.<hr>Apa yang bayi Anda temukan pada 1 tahun pertamanya mengenai diri Anda?✍🏻Usia 0-2 bulanPada usia ini, bayi Anda akan sudah mengenali suara Anda. Bahkan semenjak bayi masih di dalam kandungan, bayi sudah dapat mengenali suara Anda sejak usia kandungan 7 bulan. Selain itu, bayi juga sudah dapat mengenali bahwa Anda yang memberinya makan🍴, dan mengenali aroma Anda.😊Usia 2-6 bulanPada usia ini, bayi sudah mampu membedakan ekspresi wajah. Bayi sudah dapat merasakan❤️ emosi Anda.📌Usia 6 bulan-1 tahunMulai usia 8 bulan, bayi sudah memiliki kemampuan object permanence, yang berarti jika Anda sedang tidak terlihat, bukan berarti Anda tidak ada. Bayi juga sudah mengerti bahwa Anda👩‍🦱 selalu ada untuknya.

Berikut cara bayi mengenali wajah Ibunya!

Kontrol kepala untuk tegak tanpa topangan merupakan hal yang masih sulit dilakukan untuk bayi baru lahir. Bayi yang usianya kurang dari 1 bulan masih belum memiliki kemampuan motorik yang baik, serta otot💪 pada leher juga belum kuat. Perlu diketahui bahwa bayi memiliki tahapan usia tersendiri untuk mengangkat kepalanya.<hr>Perkembangan motorik dan kontrol kepala sesuai usia bayi⏳1-2 bulanSaat bayi berusia 1-2 bulan, ia akan mulai mengangkat kepalanya, serta berbalik ke arah lain dalam waktu yang singkat. Bayi juga akan kembali melakukannya saat tidur😴 telentang pada usia 6-8 minggu jika si kecil sudah mulai kuat mengangkat kepalanya meskipun dalam waktu yang singkat.⏱️3-4 bulanPada usia 3-4 bulan, bayi sudah mulai memiliki kontrol atas kepalanya. Bayi sudah bisa menstabilkan kepalanya saat tengkurap. Jika hal ini terjadi, maka orang tua dapat memberi permainan kecil untuk merangsang otot lehernya. Saat bayi telentang, tarik kedua tangan🫴 si kecil menjadi posisi duduk secara perlahan. Kemudian posisikan bayi telentang kembali.📆5-6 bulanSaat usia bayi menginjak 5-6 bulan, maka keingintahuannya akan semakin besar dan mulai melihat lingkungan sekitar karena kemampuan motorik bayi mulai berkembang seperti gerakan kaki🦵, angkat kepala, bahkan duduk juga sudah mulai dilakukan. Penglihatan bayi juga semakin jelas. Kemampuan mata, tangan dan lisan bayi juga semakin berkembang.<hr>Jika bayi belum bisa mengangkat kepala, apakah itu normal?✅Perkembangan setiap bayi berbedaSetiap bayi memiliki perkembangan sistem motorik dan lainnya pada waktu yang berbeda-beda. Ada yang bisa mengangkat kepala, namun belum bisa melakukan hal lainya, begitu pun sebaliknya. Perbedaan ini normal adanya. Sebagai orang tua, tetap perhatikan perkembangan anak dan tidak perlu merasa khawatir.☁️Masalah pada bayiJika orang tua telah memerhatikan perkembangan bayi namun merasa terjadi masalah, maka segeralah menemui dokter. Perkembangan bayi yang perlu diwaspadai yaitu seperti tidak ada pergerakan duduk atau berguling, tidak ada respon suara🔉 maupun hal lainnya, kontrol kepala tidak kunjung stabil, dan juga otot anak terasa kaku.<hr>Apa artinya jika kontrol kepala bayi lemah?❗Tanda autismeMenurut para ahli, bayi yang telah menginjak usia 6 bulan namun kekuatan leher dan kepalanya lemah, maka ini merupakan indikasi gejala awal autisme. Cara memeriksanya adalah dengan membaringkan bayi dan tarik perlahan untuk menjadi posisi duduk💺. Tanda kontrol kepala lemah adalah jika bayi tetap tidak menggerakkan kepalanya ke depan.🐢Keterlambatan perkembangan sosialSaat dilakukan penelitian risiko autisme, sebanyak 54 persen anak dinyatakan tidak mengalami autisme, namun perkembangan bahasa dan sosialnya mengalami keterlambatan. Lemahnya kontrol kepala pada usia 6 bulan juga dimiliki pada anak dengan keterlambatan sosial dan bahasa.👨‍👩‍👧Orang tua sigapJika bayi dirasa belum dapat menopang kepalanya walau sebentar saja di usia 3 bulan, maka sebaiknya segera menemui dokter ahli untuk dilakukan pemeriksaan👩🏻‍⚕️. Semakin awal penanganannya, maka pengobatan juga dapat dilakukan lebih dini.

Kapan Bayi bisa Angkat Kepala Sendiri?

Air Susu Ibu (ASI) merupakan makanan🥣 yang disarankan untuk bayi dari ia lahir karena kandungan nutrisinya yang sangat luar biasa. Akan tetapi, saat ibu tidak dapat memberikan ASI karena beberapa alasan, maka susu formula menjadi susu alternatif.<hr>Waktu yang tepat memberikan susu formula<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4440/547db48d-e100-44f9-a331-9838ac2eae29.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🍼ASI adalah makanan terbaik untuk bayiASI memiliki kandungan nutrisi yang luar biasa yang tidak tergantikan meskipun dengan susu formula. Paling tidak, ASI dapat diberikan kepada si kecil hingga berusia enam bulan agar segala kebutuhan nutrisinya💪 terpenuhi.👶Kondisi kesehatan bayiASI memang makanan terbaik untuk si kecil, namun jika bayi memiliki kondisi seperti lahir secara prematur, berat badan menurun, dan alasan lainnya yang disetujui oleh dokter setelah melakukan konsultasi, maka susu formula dapat diberikan. Susu formula pada bayi dengan usia lebih dari 6 bulan bukan sebagai makanan pokok🍛, tetapi makanan tambahan.✅Usia pemberian susu formulaSusu formula lebih baik diberikan setelah usia 6 bulan, namun jika bayi dirasa sehat, maka susu formula tidak perlu diberikan. Utamakan memberikan ASI terlebih dahulu, namun jika ingin menambahkan susu formula, maka perlu berkonsultasi dengan dokter👩&zwj;⚕️ untuk memeriksa alergi pada bayi jika diberi susu formula.<hr>Cara memberikan susu formula<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4440/0f97522a-2c5f-4094-b307-e56ef21249e0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥛Jumlah susu formula harianAnak berusia 1 bulan hendaknya diberikan susu formula setiap 4 jam karena biasanya bayi akan membutuhkan 90ml hingga 120ml setiap ia minum. Semakin banyak usia bayi, maka jumlah pemberian susu formula juga akan lebih banyak karena kebutuhan dan kemampuan untuk mengonsumsinya semakin besar.🍼Menjaga botol tetap bersihHal yang harus diperhatikan saat pemberian susu formula salah satunya yaitu kebersihan botol. Botol harus bersih karena berisiko terkena bakteri dan kuman🦠 jika dibiarkan kotor dan tidak steril. Penggunaan sikat khusus dan air hangat saat mencuci botol bisa membantu mencucinya dengan bersih.📌Pembelian dan penyimpanan susu formulaSelalu perhatikan tanggal kedaluwarsa pada kemasan dan juga bentuk kemasan. Sebaiknya membeli susu dengan kemasan yang baik dan tidak rusak dan kemasan yang tidak lewat masa kedaluwarsanya. Kemudian, simpan susu di tempat yang sejuk🌬️. Usahakan untuk tidak membuka kemasan terlalu lama karena susu bisa rusak akibat udara yang masuk.😖Bayi menolak untuk minum susu formulaJika bayi menolak untuk minum, maka ada beberapa cara seperti memberikan susu saat bayi tidak terlalu kenyang, memberikannya dengan dot yang nyaman, maupun membuat suasana yang nyaman🤗 saat si kecil minum.

Susu Formula Bayi

Baby Billy membuatkan daftar lengkap📝 apa saja yang harus dipersiapkan untuk menyambut kedatangan si buah hati dan barang apa saja yang dibutuhkan saat membesarkan anak!💡<hr>Seperti apa daftar lengkapnya?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3337/b6f8be2d-0f94-4422-bd69-00b1ddb7199d.jpeg" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Edisi Tas Rumah SakitDibagi menjadi 4 kategori list!Daftar persiapan dari Baby Billy dibagi menjadi 4 kategori atau edisi untuk memudahkan Mama dan Papa!1️⃣Tas Rumah Sakit2️⃣Persiapan Bayi3️⃣Persiapan Mama4️⃣Tidak Usah Beli Dulu Tidak ApaLebih nyaman, kan karena sudah dikategorikan sesuai kondisi dan situasinya?😎Daftar yang mudah dipahami!Selain daftar, juga terdapat penjelasan dibawah masing-masing barang. Mengapa barang itu diperlukan🙋, mengapa vitamin tersebut penting, hingga tips saat membelinya.<hr>Dapatkan dengan mengunduhnya disini!<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3337/f2604c2b-93dd-4628-b693-e52ec106e6df.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Anda dapat mendapatkan daftar selengkapnya dengan mengklik tombol dibawah ini. File tersedia dalam bentuk PDF sehingga Anda juga dapat mencetaknya!🥰 <a class="btn btn-vb btn-block" href="https://drive.google.com/drive/folders/1e-EuRv9lnHUpzIWzF-bdmC7a0nv7uR5H">Dapatkan Daftar Selengkapnya Disini!</a>

Dapatkan List Daftar Persiapan Menyambut Kedatangan Si Kecil!

Pernahkah Anda mendengar istilah cooing? Cooing merupakan tahap awal dalam perkembangan bahasa bayi yang sangat penting. Sejak kapan bayi mulai cooing💭? Yuk, mengenal lebih dalam yang dimaksud dengan cooing!<hr>Apa yang dimaksud dengan cooing?📌Cooing? Berbeda dengan babbling!Cooing merupakan perilaku spontan bayi guna mengomunikasikan kebutuhan dan perasaannya. Di tahap cooing bayi mengeluarkan suara yang terdiri dari satu suku kata, contoh cooing yaitu “coo”, “aaa”, “eee”, “ooo” saat bayi menguap😴 atau menangis.Sedangkan babbling adalah tahap lanjut dari cooing. Saat bayi melakukan babbling, mereka akan menggunakan suku kata berulang, contohnya “ba-ba”, “ma-ma”.✔️Kapan bayi mulai melakukan cooing?Bayi biasanya mulai melakukan cooing pada usia 2-3 bulan. Sebelumnya pada usia 0 bulan bayi hanya dapat menangis😭 untuk mengomunikasikan rasa lapar atau ketidaknyamanannya. Namun, di usia 2-3 bulan ini si kecil sudah dapat tersenyum, merespons suara, bahkan meniru ekspresi wajah Anda.<hr>Manfaat cooing bagi bayi!👶Memahami keinginan bayiAnda akan dapat lebih memahami apa yang bayi Anda butuhkan lewat cooing yang si kecil lakukan. Dengan cooing, bayi mencoba mengomunikasikan rasa lapar🍼, senang, sakit, dan berbagai perasaan lainnya.✨Perkembangan bahasa dan keterampilanSaat bayi sudah mulai cooing, hal ini menandakan keterampilan komunikasi bayi telah berkembang😊. Cooing berguna untuk mempersiapkan si kecil untuk belajar bahasa.<hr>Adakah cara untuk mendorong bayi melakukan cooing?❤️Membiasakan bayi untuk berkomunikasi dua arahAnda dapat memulainya dengan memberikan bayi pertanyaan sederhana, kemudian tunggu respons bayi Anda dan berikan kembali jawaban. Dengan membiasakan hal ini akan membantu bayi untuk meniru komunikasi dua arah👀.📙Membacakan si kecil ceritaAnda dapat membacakan si kecil cerita untuk mendorong perkembangan bahasanya🧠. Lewat cerita, ia dapat mendengar kosakata baru dan kalimat yang ekspresif.<hr>Apa saja tahapan perkembangan bahasa bayi berdasarkan usianya?📝Bayi 0-3 bulanBayi berusia 0-3 bulan mulai mengenali suara Anda dan tersenyum😉 saat Anda mengajaknya berbicara. Bayi mulai mengeluarkan suara cooing dan menangis saat merasa tidak nyaman.🌸Bayi 4-6 bulanBayi mulai babbling (mengoceh) dan mengeluarkan suara seperti sedang memainkan cairan di dalam mulutnya👅. Bayi juga sudah mulai menggunakan suaranya untuk mengekspresikan perasaannya.🍃Bayi 7-12 bulanBayi yang telah menginjak usia 7-12 bulan akan mulai mengenali kata untuk barang tertentu, misalnya “mata”. Bayi sudah mulai mengerti perintah sederhana dan menoleh saat dipanggil. Bayi sudah mulai meniru👄 ucapan Anda dan memutar badannya ke arah sumber suara.

Apa itu cooing?

Sudahkah Anda mendengar kabar baik terkait pemberian Bansos PKH di tahun 2024? Bantuan sosial ini adalah Program Keluarga Harapan 2024 yang dibuat oleh pemerintah di tahun 2024. Tahap 1 dari bantuan ini dapat diterima oleh keluarga yang memiliki balita👶 dan termasuk dalam keluarga yang masuk dalam kriteria penerima Bansos.<hr>Siapa yang bisa mendapatkannya dan berapa nominalnya?🤵Peraturan Menteri sosial Nomor 1 tahun 2018Menurut Peraturan Menteri sosial Nomor 1 tahun 2018 terkait Program Keluarga Harapan (PKH), program ini diberikan untuk keluarga atau seseorang yang dinyatakan miskin atau rentan. Bagi bantuan sosial PKH, diharapkan dana💰 bantuan tersebut digunakan untuk memenuhi keperluan ibu hamil dan bayi.👪Keluarga Penerima Manfaat (KPM)Jika Anda termasuk dalam Keluarga Penerima Manfaat (KPM) dan mempunyai balita di bawah 6 tahun, Anda dapat menjadi kriteria yang cocok untuk mendapatkan Bansos ini. Selain itu, ibu hamil🤰 dan kriteria lainnya juga bisa mendapatkan bantuan sosial PKH ini. Pemerintah akan mengeluarkan bantuan ibu hamil tahap 1 di bulan Februari 2024.✨3 juta setiap tahunBansos PKH ini memiliki total dana💸 sebanyak 3 juta per tahun secara bertahap. Nominalnya bervariasi, yakni Rp225.000 hingga Rp750.000. Bantuan sosial ini bisa didapatkan setiap 3 bulan sehingga terdapat 4 tahap untuk mendapatkannya selama satu tahun. Ibu hamil yang masuk dalam kriteria penerima bantuan, bisa mendapatkan dana bantuan sebanyak Rp750.000 setiap tahapnya.<hr>Apakah Anda penerima Bansos ini?💻Login ke situs BansosAnda dapat mengakses situs bantuan sosial di https://cekbansos.kemensos.go.id/. Setelah itu, Anda bisa mengisi📝 data diri Anda secara lengkap dan memasukkan rincian domisili provinsi. Kemudian, isi juga keterangan kabupaten atau kota di mana Anda tinggal dan juga kecamatan di mana Anda berdomisili.✍️Tahap selanjutnyaSetelah memasukkan data-data yang dibutuhkan, tak lupa juga tuliskan nama lengkap Anda dan mengisi kode captcha yang tertera di layar. Setelah semua diisi, kini Anda bisa klik "Cari Data" dan menunggu🙏 hasilnya. Jika Anda sudah termasuk dalam penerima Bansos, akan keluar pernyataan resmi beserta jenis bantuan sosial yang dapat diterima.&nbsp;<hr>Rincian dana penerima Bansos🐣Balita dan anak SDBalita atau anak dengan rentang usia 0 hingga 6 tahun akan diberikan oleh pemerintah🤵 yakni sebesar 3 juta per tahun secara bertahap. Setiap tahap, dana yang akan diberikan sebesar Rp750.000. Bagi anak yang SD yang terdaftar mendapat bantuan, mereka akan mendapatkan bantuan sebesar Rp900.000 tiap tahun dengan jumlah Rp225.000 setiap tahapnya.🧑‍🎓Anak SMP dan SMABagi anak SMP yang masuk dalam kriteria penerima Bansos akan menerima Rp1,5 juta setiap tahun secara bertahap dan setiap tahapnya menerima Rp375.000. Selanjutnya, untuk anak SMA akan mendapat bantuan senilai Rp2 juta🤑 per tahun secara bertahap dengan jumlah Rp 500.000 setiap tahapnya.♿Anak disabilitas dan lansiaBagi anak disabilitas, jumlah Bansos💁 yang diterima yakni sebesar Rp2,4 juta secara bertahap dan setiap tahapnya akan mendapat Rp600.000. Sementara itu, bagi lansia, akan mendapat Rp2,4 juta setiap tahun secara bertahap, dan setiap tahapnya senilai Rp600,000.

Bansos untuk Bumil & Si Kecil!

ASI merupakan makanan yang sangat baik untuk bayi. Ibu yang ingin memberikan ASI eksklusif namun juga ingin tetap bekerja, maka salah satu solusinya yaitu memompa ASI agar anak tetap dapat mendapat cukup ASI dari sang ibu👩.<hr>Macam-macam pompa ASI📌Memompa dengan pompa&nbsp;manualMemompa ASI secara manual artinya ibu harus mengeluarkan ASI dengan tangan dan menekannya hingga ASI keluar. Kelebihan menggunakan pompa manual yakni harganya lebih murah, tidak berisik, mudah dicuci🧼, dan ringan. Akan tetapi, pompa manual sangat menguras tenaga dan tidak bisa dilakukan pada kedua sisi payudara.📌Memompa dengan pompa elektrikKelebihan pompa elektrik yaitu tidak memakan waktu lama dan kedua sisi payudara juga dapat dipompa pada waktu yang bersamaan. Selain itu, karena ini alat elektrik, maka tidak perlu menguras tenaga💪. Tetapi suara dan ukurannya yang besar, serta membutuhkan listrik menjadi kekurangan dari alat pompa ini.<hr>Hal-hal yang dilakukan sebelum dan saat memompa ASI✨Memijat area payudaraMemijat payudara sebelum memompa sangat berguna agar aliran ASI semakin cepat keluar. Mulai pijat dari ketiak, kemudian payudara dan terakhir ke area areola. Jika aliran ASI menjadi lambat saat memompa, maka pijatan bisa diulang kembali.💫Kenyamanan posisiCarilah posisi yang menurut Anda nyaman untuk memompa ASI. Anda bisa melakukannya dengan duduk🪑, bersandar, atau posisi lainnya yang dirasa nyaman. Anda juga bisa memutar musik dan mendengarkannya agar lebih santai saat memompa ASI.<hr>Bagaimana cara menggunakannya?✅Pompa elektrikSaat menggunakan pompa elektrik, pastikan tangan🖐️ dan alat pompa bersih. Kemudian pemasangan pelindung payudara dan pastikan cup pelindung lebih besar daripada puting. Setelah itu, Anda bisa menghidupkan pompa dan mengatur tekanan pompa. Jika sudah selesai, matikan alat dan segera cuci hingga bersih.✅Pompa manualPastikan tangan dan alat pompa sudah dicuci dan dalam keadaan bersih. Pasang cup pelindung pada puting, kemudian satu tangan memegang cup dan tangan lainnya memegang tuas pompa. Tuas pompa ditekan seperti saat anak mengisap ASI. Jika sudah selesai, lepas tuasnya dan cuci🧽 seluruh peralatan dengan bersih.

Cara Pompa ASI dengan Efektif!

Salah satu tantangan terbesar saat mengurus bayi adalah menidurkannya. Walaupun sudah tertidur, bayi juga sering terbangun di malam hari🌙. Adakah cara agar bayi bisa cepat tidur ketika malam hari?<hr>Sebelumnya, mari kita kenali penyebab bayi sulit untuk tidur di malam hari<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2498/912fa49c-a3f7-49f2-ab02-1a564c707dbc.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">😴Anda tidak mengenali tanda bayi Anda sudah mengantukKadang-kadang Anda bisa saja tidak mengenali tanda-tanda yang bayi Anda sudah lakukan ketika mulai mengantuk yang membuatnya terus terjaga karena keasikan bermain🚗. Tanda-tanda tersebut diantaranya, bayi mulai melamun, menggosok mata, rewel, dan menguap.☀️Tidak membiarkan bayi untuk tidur siangMungkin Anda berpikir jika bayi sudah tidur di siang hari, nanti malamnya akan sulit tidur. Tetapi, justru jika bayi tidak tidur pada siang hari, bayi akan merasa terlalu lelah di malam hari🌙 yang membuatnya sulit untuk tidur dan tidak tidur nyenyak ketika malam hari.<hr>Solusi ampuh agar bayi bisa tidur nyenyak pada malam hari!<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2498/5efdb232-14b4-45fc-bc3f-028568207b16.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👀Hindari kontak mata dengan bayiBerdasarkan senior parenting adviser Claire Lerner di Zero to Three, bayi tidur gelisah pada malam hari karena bayi melakukan kontak mata dengan Anda saat terbangun. Semakin banyak kontak mata atau interaksi bayi dengan orang tua pada malam hari, semakin termotivasi bayi untuk tidak kembali tidur.🍼Pastikan bayi tidak laparMenyusui bayi di antara jam 10 malam hingga tengah malam (dream feed)🤱 bisa membuat bayi untuk tidur lebih lama. Dengan kondisi setengah mengantuk, angkat bayi pelan-pelan dari boks lalu pastikan mulut bayi berada di puting Anda.💡Redupkan cahaya lampuLampu yang redup yang membuat suasana kamar menjadi gelap dapat memicu otak🧠 untuk memproduksi hormon melatonin yang membuat mengantuk. Anda dapat menidurkan bayi Anda dengan meredupkan cahaya lampu, hal ini karena cahaya yang terang akan membuat bayi tidak mengantuk.

Tips ampuh bayi tidur nyenyak di malam hari!

Phew, never knew there are so many viruses causing skin disease! Here is the last list of the skin rashes. Let&#39;s continue💪!<hr>✔️ChickenpoxYou might be familiar with Chickenpox! Chickenpox got its nickname because the bumps look like chickpeas🐤. Varicella-zoster virus is the cause of Chickenpox, and it spreads very easily to people who haven&rsquo;t had the disease or gotten the vaccine yet. A red, itchy rash starts out on the face and soon it spreads through the body. The blisters are very itchy, and the virus also brings fever and headache.✔️RingwormIf you have a dog or cat living at your house🐕, you are probably familiar with Ringworm disease. Ringworm is a fungal infection that forms red patches that grow ring-like round shapes. When a fungus lives on the skin or scalp in a warm and moist environment, it grows out of control and develops Ringworm. It can also be transferred by contact with infected people or animals like cats or dogs. Luckily the infection is mild, but the rash could be itchy and uncomfortable. Using antifungal cream will soothe the infected area🧴.&nbsp;✔️ImpetigoImpetigo is a bacterial skin infection. It makes red rashes and brown, crusty oozy sores😵. Often these marks start to form around the mouth and nose and spread to other vulnerable parts such as the diaper area. The bacteria easily spreads from contact with an infected person, and it is more active in humid, high-temperature conditions. Antibiotics are used for treatment.✔️MeaslesMeasles shows similar symptoms to a cold at first. After 4 to 5 days, pink rashes will start to develop all over the baby&rsquo;s body, and coughing will start. Baby&rsquo;s temperature can rise up to 104&deg;F🤒! &nbsp;The symptoms last for 2 to 3 days and diminish in 7 to 10 days after the outbreak. However, if the baby gets bad Measles, it can lead to serious problems such as hearing loss, pneumonia, and swelling of the brain. Currently, The MMR vaccine is given to babies aged 12 to 15 months to protect against Measles. &nbsp;✔️Scarlet fever Scarlet fever is when your little one gets a red rash all over the body because of strep throat. A high Fever of over 103&deg;F develops all of a sudden, and sore throat, and headache follows. The baby&rsquo;s tongue changes abnormally as well. It gets coated with white and red, which somewhat looks like a strawberry🍓! The disease can be easily treated with antibiotics, but it can be dangerous to miss the timing, so you should act fast if you see any of these symptoms arises!🏃&zwj;♀️✔️Lyme disease Lyme disease is transmitted through the bite of ticks🪲. Young children are exposed to Lyme disease because they are likely to play outside and spend time in woody and grassy areas, where ticks might bite. When the baby gets infected, a red rash starts to appear along with flu-like symptoms🤒. The disease easily goes away with antibiotics in the early stages. However, if it is left untreated, it can cause serious complications over time, so early treatment is important!

Skin rashes in babies and toddlers - Part 3

My little one started scratching! Her skin turned red and covered with weird bumps😵! What should I do?&nbsp;Don&rsquo;t panic, we&rsquo;ll help you!💪<hr>What causes rashes in children?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3907/7ca9392c-4fc7-46bd-bf24-389c636ed4d0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">There are various factors that cause skin rashes at young ages. Most skin rashes are no big deal that will go away as time passes or with medication.&nbsp;If it seems like the rash isn&rsquo;t bothering your cutie, all you need to do is just keep him/her comfy until the skin returns to normal. If it bothers you and your baby, it is always a good idea to call the doctor.<hr>Here is a list of the most common causes of skin rashes✔️Diaper rashDiaper rash is when a red rash appears around a baby&rsquo;s genital area or buttocks. Urine and diarrhea is the major reason for skin irritation and itchiness, so it is important to change the baby&rsquo;s diaper frequently. If your baby&rsquo;s skin is sensitive👶, an ingredient in a diaper or wipe could also cause the rash.&nbsp;Usually, diaper rashes can be prevented and removed with simple treatments at home. Giving a little time and air-drying the genital area when changing diapers could help a lot from skin irritation. You can get ointments for rash from drug stores without a doctor&rsquo;s prescription, so you might want to try them if you think the baby needs some treatments🩹.✔️EczemaEczema, also known as atopic dermatitis, causes dry, inflamed, and itchy skin conditions that can develop as a chronic skin disease. Eczema patches tend to be very itchy, so the babies feel very uncomfortable when the patches arise😢.&nbsp;The exact causes of eczema are uncertain yet, but experts assume it&rsquo;s coming from environmental irritants and allergens like scratchy fabrics, dust, use of home liquids, and foods. It can be managed by keeping skin hydrated and avoiding known triggers, so taking good care of the surroundings is important🧹.✔️Bug bitesWe have all experienced bug bites🐜. As we all know, when an insect bites, skin inflames and turns red. It gets itchy, and painful sometimes! Avoiding contact with bugs is the only solution. Wear clothes and cover your baby&rsquo;s skin as much as possible. There are gentle bug repellents that are safe for babies, so you could try them when you take your baby outside🏕️, especially at dawn and night because that is when bugs are active.&nbsp;✔️Dry skinHave you had a moment when you feel like you need extra hydration to your skin? Your baby can have that feeling too! Baby skin is extra sensitive and produces fewer moisturizing oils than grown-ups, which makes it vulnerable to cold air, long baths, drooling, scented lotions, or irritating home chemicals like soaps🧼 or detergents.&nbsp;If dry skin happens, your baby&rsquo;s skin can turn red, and look rough or flaky. Cracking and peeling can also happen, and itchiness could be painful if it gets worse! Constant moisturizing is the key. Use a humidifier if the room is dry, and keep putting lotions🧴 on your baby will help!✔️RoseolaRoseola usually appears in babies aged 6 to 24 months, when the baby&rsquo;s immunity is at its weakest. The virus is highly contagious as well🦠, and it can be passed through sneezing or touching contaminated surfaces.The infection starts with a high fever and sore throat, and you&rsquo;ll notice some redness arises around your baby&rsquo;s eyes. A few days after that, rose-colored rashes will appear and spread around the baby&rsquo;s torso (the name Roseola came from this!🥀). Fortunately, rashes from Roseola don&rsquo;t leave any discharge or scab, and the virus fades within a week without any special treatment.

Skin rashes in babies and toddlers - Part 1

You thought the battle is over? Oh no, not yet! Here is the second part of the list of skin rashes you should be aware of!🔥<hr>✔️Food allergyFood allergy occurs when a baby is sensitive to certain food and an unusual reaction appears in his/her body🤒. Common allergens include eggs, milk, peanuts, tree nuts, fish, shellfish, wheat, and soy. Feeding a small amount of common allergen food one by one before starting baby food, or asking a doctor for an allergy test might help to distinguish which food your baby is allergic to.&nbsp;Allergic reactions can differ by individual, including a red, itchy rash, vomiting and nausea, watery and red eyes with sneezing🤧. Some serious reactions could cause trouble breathing or swelling of the lips and tongue. So if you notice any abnormal symptoms after feeding, observe the symptom carefully and discuss it with your doctor.✔️Hand, foot, and mouth diseaseHand, foot, and mouth disease (HFM) is a common virus for kids under 5. The name originated from its main symptom which makes rashes and blisters on the baby&rsquo;s hands, mouth, and feet. Flu-like symptoms such as high fever and sore throat follow🌡️. The virus is very contagious and spreads very easily, so if your baby is infected with HFM, you should separate him/her from other young children🙅&zwj;♀️.&nbsp;✔️Fifth diseaseIf your baby has a low fever and cold-like symptoms for several days and a red rash starts to form on the cheeks😳, you need to doubt if it&rsquo;s Fifth disease. Fifth disease is caused by parvovirus B19. It is contagious, but only in the early phase which is before a rash starts to appear. This is common, especially in kids aged 5 to 15, but it also occurs in some toddlers and babies.✔️HivesBacterial infections, food reactions, plants or bug bites can make hives on the skin. It is a skin condition with red and raised bumps😵&zwj;💫. They can be itchy, but mostly they don&rsquo;t bother your baby at all. It is hard to know what causes hives, but allergy is one of the major influences. If you could record the recent food or medication intakes💊, it helps to track down the possible cause of hives. It might look serious, but it&rsquo;s not contagious.✔️SunburnWhen your baby was exposed to sunlight for too long☀️, sunburn can develop on their skin! As you might already have experienced during previous vacations, sunburn can happen even on cloudy days. Especially since babies&rsquo; skin is weak and sensitive, they are more vulnerable to the sun, and can feel more pain than we do😖! We all already know how to avoid sunburns. Put sunscreens when you bring your little one outside, and cover them with long sleeves to minimize sun exposure.

Skin rashes in babies and toddlers - Part 2

Let&rsquo;s say you were driving alone with your child to get some quick groceries.🚗 When you arrive at the parking lot, you find out your child is asleep in the back seat of your car.&nbsp;Now, the temptation might arise in your mind: &ldquo;Can I leave my child in the car and get things done real quick? It&rsquo;s only going to take a few minutes!&rdquo;🤔Yes, I know it is tempting, but you gotta keep in mind that the definite answer is: You are never allowed to leave your child alone in a car, in any situation!<hr>Why is that?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3847/c5f18e6c-0c1f-4812-a254-3194e4e679fe.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">The internal temperature of a parked car may vary by up to 40&deg;C from the outside temperature, especially in summer🔥. Under these circumstances, children can get dehydrated and suffer life-threatening heatstroke. This can even lead them to death!😨 &nbsp;<hr>Accidental leaving in cars<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3847/b5b8e4e9-19cf-4ebf-ac9e-55400514942b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Raising a child sometimes leads you to &nbsp;get into unintended situations. If you are tired, stressed, or distracted, you might face the situation of accidentally leaving your child in the car. 😪 (If this has happened to you already, this actually happens quite a lot. So don&rsquo;t blame yourself, you are not alone!)&nbsp;To prevent this from happening, making a habit of always checking the backseat before getting out of the car would be helpful. Also there are many products that can help you, such as car seat sensors or back seat video monitors, so it would be good to get help from these devices as well.👍<hr>Accidental locking in cars<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/0f8be7e0-5a56-43a1-9e76-30e4c6f33160.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Sometimes children accidentally lock themselves in the car.😮 Newer cars often have auto-lock features, so it will be helpful if you can make a habit of winding windows down before putting children in the car. Keep your car keys with you all the time, and do not let your child play with car keys.🔑 Children might get curious about all the interesting buttons inside the car. Tell them pushing buttons in the car could be dangerous, and teach them not to do so!

Never leave children in cars!

Toddlers can sometimes turn into little wrestlers, but it&#39;s all part of their development. Encourage them to express themselves differently and help them learn about emotions. 😊🧡<hr>Why toddlers hit<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5427/1f1a91eb-b077-44a3-af64-8a04cc8c5b57.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">Toddlers, with their developing independence and enthusiasm, sometimes grapple with communication limitations that can lead to episodes of frustration and, yes, the occasional bout of hitting. 🧗&zwj;♂️Hitting usually peaks around age 2 or 3 for several reasons. First, toddlers are often testing limits as they explore their independence. Second, they&#39;re developing impulse control, but it&#39;s a work in progress, making it challenging to curb the urge to hit when frustration strikes. Third, as they begin to grasp social skills like sharing and taking turns, they might resort to hitting when things don&#39;t go their way. Fourth, when intense emotions bubble up &ndash; whether due to excitement, stress, anger, or sadness &ndash; toddlers may turn to hitting as a way to express themselves before they&#39;ve fully mastered the art of words. 👶💬<hr>How to respond when your toddler hits<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5427/c8cc7241-d3a3-416c-a303-bb08651a9d21.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">When your toddler tests the hitting waters, remain calm and consistent. Set clear boundaries and respond immediately, using a timeout strategy for one minute per year of age. Encourage alternative activities during this cool-down period, like playing with Play-Doh to help them manage their emotions. 🥁Avoid lengthy lectures and physical punishment like spanking, as they don&#39;t effectively teach emotional regulation. Use logical consequences instead &ndash; for instance, if they misbehave in a ball pit, remove them and explain they can return when they can play nicely. Remember, overstimulating environments can challenge their impulse control. 💁&zwj;♀️Consistency is crucial in addressing hitting episodes. After the situation cools down, discuss what happened, emphasizing that while it&#39;s okay to feel angry, hitting is not an acceptable way to express it. Encourage them to find healthier ways to manage their emotions! 💪<hr>Ways to stop when your toddler hits<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5427/58d22af8-ffc2-4e56-84e9-a8a2e8023241.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">Recognize patterns in your toddler&#39;s behavior &ndash; if you notice they tend to get feisty right before a nap when they&#39;re overtired, create a soothing, low-key environment during those times. When you&#39;re out and about, say at the park or mall, and they&#39;re overwhelmed by the sensory circus, consider giving them a gentle breather. 🎈Boost positive behavior reinforcement by acknowledging their good moments. Celebrate when they ask politely for a turn on the swing instead of resorting to playground tussles. Show them the power of their words, making good behavior more rewarding. 😆Be mindful of their media consumption &ndash; some children&#39;s shows and games can contain intense scenes of shouting and shoving. 👓 Opt for high-quality, age-appropriate content, especially if your toddler is sensitive to the influences they encounter.

Aggression, Hitting, and Biting

Oops did your baby just fall off a chair? Let&rsquo;s go check them out if there is any serious injury!<hr>What should you do when your baby just falls off?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3231/7244cf82-aeb8-4270-9764-7f8d3be60573.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👶The baby looks okay to youThe moment your baby falls off gives you an adrenaline rush.🏃&zwj;♀️ You run as fast as you can to your baby to make sure that your child doesn&rsquo;t have any serious wounds.If the baby looks okay, probably the fall doesn&rsquo;t cause serious injury or break some bones.🦴 You still need to continue observing your baby for the next 24 hours to see if any symptoms develop.&nbsp;👶The baby feels uncomfortableIf your baby is crying out loud, probably they must have gotten hurt or they are irritable because of the fall.😭 The best decision is to take them to the doctor to get checked out thoroughly.&nbsp;It&rsquo;s not necessary to keep the child awake although it&rsquo;s better to monitor their health when they are still active.🤾&zwj;♀️ What is dangerous is that they probably fall on their head, feel dizzy and want to sleep but can&#39;t easily wake up. If they sleep, you should wake them after two hours to see if the child is still alert.💤<hr>Stay calm to identify serious signs<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3231/496588b0-fcb3-451f-8b00-44f29e38c6d6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👶Simple signsYou can&rsquo;t help feeling anxious when you see your child crying nonstop.😭 If the baby just has a light bump, their tears come from pain or fright and will not last longer than 10 minutes.&nbsp;👶Serious signsConstant headache or dizziness can be the result of a serious hit.🤕 Your baby might be extremely irritable and cry incessantly. More severely, you may see them excessively sleepy and have a difficult time waking up. The baby might vomit after a strong hit on their head.🤮<hr>Treatment for your baby<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3231/644751a4-aa6b-4700-a75a-cae4e3fa85f4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👶Treatment at homeIf you have successfully ruled out serious injury, you can treat your baby&rsquo;s mild bump at home. Wrap an ice pack🧊 in a thin towel or diaper and hold it onto the bump for fifteen or twenty minutes. You can nurse them or say something sweet to your little one to soothe them and distract them from the pain.😀If your baby is constantly in pain, you can give them the appropriate amount of acetaminophen or ibuprofen.💊 Avoid aspirin because it can cause a rare but serious condition called Reye&rsquo;s syndrome.👶Call the ER!If your child experiences loss of consciousness, unresponsiveness, non stop bleeding, you have to call for an emergency.🚑 Any signs of a fractured bone, a concussion, inability to walk steadily or talk, prolonged screaming indicate your baby can be in danger. You have to talk to their doctor immediately and take the baby to the emergency room.👩&zwj;⚕️

What if your baby falls?

The definition of positive parenting varies but the core idea can be summed up to warm, positive family interactions and guidelines!<hr>Tips for positive parenting<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3240/8be28f30-2fdb-4c5a-a038-10251ea0017d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪Get inside your child&rsquo;s headAlthough on the outside your child&rsquo;s behaviors look unjustified and irrational, they are motivated by legitimate needs.🧸 If you can get inside their heads, you can address their needs. Always keep in mind that they are still developing and give them the benefit of the doubt.😎👪Empathetic, supportive and constructiveYou don&rsquo;t have to agree with your child&rsquo;s demands all the time. Instead, the goal is to be the kind of arbitrator and mentor you would want for yourself and your baby.😀Your kid would love a parent who is prepared to listen to their side of the story and reassure them that they are being heard.💖 They know that they will get a fair-minded and sympathetic hearing. You are the one who will reason with them, use encouragement and humor to steer them away from negative emotions while introducing solutions.🥰👪The art of distractionIf you notice that your baby has gotten hold of a forbidden object, you just camly remove it and show your child something else. Look at these colorful toys!🪅 Your child might be attracted to them immediately when you find them more interesting. &nbsp;Distraction is useful for old kids too. When your child is overwhelmed by feelings of outrage and confinement, they don&rsquo;t know how to stop but they can divert their focus into something else.👀👪Humor and playfulnessJokes and silliness are considered excellent distractions.😚 Your kid might feel more excited and motivated if you make requests with humor and transform work into play.👪Make sure that most of your interactions are positiveKids are mirrors, reflecting images of what happens around them.🪞 Positive social interactions create more trusting family relationships and motivate kids to be cooperative.<hr>More tips for positive parenting<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3240/af053bd6-49a1-4509-a0ee-1b19a381bf54.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪Validate your kid&rsquo;s reasonsIt&rsquo;s important that you don&rsquo;t expect your kids to read your mind.😊 Two-way conversations are much more beneficial when you don&rsquo;t just recite the rules but rather to explain the rationale of the rules and undertake your baby&rsquo;s questions and concerns.👪Try to say yes as much as possible&ldquo;No&rdquo; can be viewed as a negative word that fuels resentment and resistance since your kid is not yet able to understand how to learn from negative feedback. Parental criticism can also trigger feelings of hopelessness.😞 Hence, you should either suggest alternatives and help the kid accept different options.&nbsp;👪Catch children at being goodIt&rsquo;s crucial that you give praise at the right moment.😘 Children may respond to rewards and compliments more readily than punishments. After your kid finishes homework, let&rsquo;s offer simple praise &ldquo;well done!&rdquo; for the kid&rsquo;s good behavior.👪Be a good mentorTalking with your child about their feelings and discussing helpful strategies for handling difficult emotions indicate your respect for your kid and your willingness to offer sympathetic hearing.👂 You also provide your little one with concrete support and assurance that no matter what, mommy is right here!&nbsp;

Tips for Positive Parenting

That nervous feeling when you&rsquo;re about to meet your baby for the first time is engraved in your heart.💓 You just look at them in awe every time and gain strength to become the best parents for them. But you can&rsquo;t avoid stress along the way&hellip;<hr>Parenting stress<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3234/f35db480-c86e-4079-b434-9cf543dd0373.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪What is parenting stress?Parenting stress is the distress when you feel you can&rsquo;t cope as a parent.😞 After pregnancy, expectations and demands placed on you are so high that you seem to run out of resources and strength to meet them.&nbsp;👪What causes parenting stress?The causation varies depending on each family. Stress can originate from poor economic status, inadequate support system, and exposure to hostility.⚔️ Anything that makes you worry about your ability to protect your child and thrive can contribute to parenting stress.🙁<hr>Ways to cope with parenting stress<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3234/96a703ed-89e8-4ef2-8774-ac4322d93a12.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪Reach out for supportParenting is a lot easier if you have your supporters on your side.👪 Contact your friends, family members and especially your partner to share your feelings. You can always count on their support for emotional support, financial aid💰 and childcare help.If you don&rsquo;t live near friends or relatives, you can look for local parenting cooperatives, online communities and trained therapis&zwj;ts.😀 Enrolling in parenting classes can be helpful too as you can seek new friends, reduce your feelings of guilt and stress while gaining more knowledge.👪Avoid unnecessary exposure to signals that drag you downAfter a very brief exposure to negative emotional content, it&rsquo;s natural that you pay attention more to upsetting images, replay bad memories and worry about the future. Such thoughts keep circulating in your head, causing more anxiety and gloom.😥Overdosing on bad news spikes up your stress levels, undermines yourself and hurts you gradually. Instead, try to put yourself together, think constructively, think brightly.🤔 Everything will be just fine and you can do it!&nbsp;👪Focus on the goodYou can induce good moods by downloading happy memories into your head. Do you remember when your little one just took the first step or called your name for the first time? When you return home from work, remember how you feel when you see your child&rsquo;s smiles and hugs.🤗Reflect on good memories and read jokes, uplifting stories to make you feel better. Focusing on acts of kindness and positive messages will help you decrease stress responses.😀👪Re-appraise the situationWe often think that we are good at predicting things if we have a plan. Actually, we are pretty bad at anticipating future discomforts. Sometimes, stressful things just occur along the way.😞When bad things happen, you may find a coping strategy when you reconsider the situation from a new angle. Stop dwelling too much on your personal emotional reactions, try to view the problem with more objectivity.💪&nbsp;

Parenting stress

Parenting isn&rsquo;t one-size-fit-alls. You might feel a lot of pressure to pick one style of parenting, in reality, the act of parenting is a true journey, not a set of required practices. You&rsquo;re welcome to take your time to figure it out.😀<hr>Attachment parenting<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3236/06210511-ece5-44c5-ae2b-f2760ad42f0c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪Definition of attachment parenting?Attachment parenting is not all about a frenetic attempt to deliver the fastest responses when your baby sends a signal. It&rsquo;s actually about finding a balance between parents&rsquo; lives and childcare duties.⚖️The ancestral implication that mothers are designed to devote themselves to child-rearing to the point that they can&rsquo;t have a private life is out-dated.⚠️ Something is wrong if you and your baby cannot enjoy the parenting journey. What it truly means is attending to your child&rsquo;s cues and taking action accordingly that suits both you and your baby.🥰👪Common practices of attachment parentingIf you choose attachment parenting, you may find yourself frequently holding your baby, breastfeeding🤱 whenever your little one cries even in the middle of the night.🌙 You become sensitive and responsive to your child&rsquo;s emotions. You decide to co-sleep with your baby to monitor them better.<hr>Benefits of attachment parenting<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3236/d5c89260-f950-4fef-b450-c0319fec5b86.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪Secure bondsUnlike unresponsive and more controlling parents, sensitive mothers tend to pay attention more to the child&rsquo;s interests and needs.👂 The quality of communication between you and your child indicates more secure attachment relationships.👪Promote independenceInfants are less likely to develop fearful tendencies if they know that you are always there by their side.👩&zwj;👦 They show a greater level of positive mood, more constructive coping and better regulation of emotion on their own.&nbsp;👪Help children cope with stressSkin-to-skin contacts and co-sleeping can help your baby develop a healthy stress response system, improved sleep patterns and better cognitive control.🧠 Once the kid receives warm and sensitive parenting, they are protected from brain-shrinking stress and autoimmune disorders.👪Fewer behavior problemsSecurely - attached children are less likely to develop behavior problems since they develop better cognitive flexibility and perspective taking-skills.🤗 Moreover, if they are engaged in mutually responsive, positive reactions with you, it is more likely that they develop consciences and comply with adult instructions.😛

Attachment parenting

Whenever your baby feels sad or angry, do you try to empathize with their emotion or just ignore and move on? Emotionally supportive relationships can be beneficial more than you think.😎<hr>Emotion coaching<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3239/aeed4dab-1fdf-4c16-b65f-d6f77fdb76ee.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪What is emotion coaching?Based on the principle that emotionally supportive relationships provide the best context for children to grow up, emotion coaching is the practice of helping your baby learn to self-regulate negative emotions when you tune in your child&rsquo;s feelings and show empathy.🤗 Because the kid is not capable of handling difficult emotions and having rich life experiences like adults, you are the ultimate guide who needs to accept and validate their feelings, helps them label emotions with words and instructs them to overcome hardships.🤱👪Why kids need you to emphasize?Young children lack our life experiences and are incompetent at reading others&rsquo; feelings and intentions. Your kid needs you to guide them to learn and practice.👩&zwj;🏫Some kids have a tougher time than others at mood management. The key is you can provide help and teach them to handle those emotional storms.😀<hr>Ways that emotion coaching works<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3239/0d81a628-7de5-4ac6-a284-aa790aa501e1.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👪Notice signs before your child&rsquo;s emotions get intenseIs your kid looking a bit frustrated?😤 Although your initial reaction might be to ignore it and regard negative emotions as offensive, this is actually the golden opportunity for you to better understand your child and help them cope with it.💪Talk to your child how they look different now and ask the reason why they behave so.️ If you suspect a trigger, gently bring it up so that the child feels like they are being heard.😀👪Listen, validate and show empathyYou need to stay calm even though your child is furious in front of you.😌 What you really need to do is to relate to your kid&rsquo;s experiences by drawing parallels in your own life.Imagine when you are upset at your coworkers when something goes wrong at your work. That is also your child&rsquo;s feelings when they are rejected or humiliated at school.🏫 You can relate to the situation and understand why your kid feels that way.😇👪Find verbal labels for emotionsAs you listen and empathize with your kids, you can help them identify what exactly their feelings are.😍 Learning how to verbalize emotions teaches them to shift into a more detached and analytical point of view and view emotions as a normal reaction to a triggering situation.&nbsp;The method isn&rsquo;t merely telling your baby how they should feel. But rather to ask questions, align with our own experiences and help them understand their own emotions better.🤗👪Allow your child to take time to calm downPowerful emotions, such as anger, anxiety trigger a fight or flight response. They block the ability to reason and control impulses, making us vulnerable to overreacting.🛡️The same thing happens to your child. If your baby is highly distressed about an uncomfortable situation, let them take a pause and allow the stress response to wind down.😮&zwj;💨 Don&rsquo;t be tempted to start problem-solving and expect them to reason with you when they are not ready.

What if your baby falls?

Tips for Positive Parenting

Parenting stress

Attachment parenting

Emotion Coaching

Toddler Exercise: 5 Tips to Get Moving!

How to Encourage Pretend Play in Babies and Toddlers

When Your Toddler's Memory Wanders

Aggression, Hitting, and Biting

Imaginary Friends and Toddlers

Magnets for Toddlers: A Natural Attraction

Raising multilingual and bilingual children

Emotion Coaching

Making Toddler Playdates Work

Why Toddlers Love Climbing and How to Keep Them Safe