모빌 백과사전아기가 태어나자마자 엄마·아빠를 보고 눈 맞춤이 잘 안 돼서 걱정하신 분들 계시죠?🙋‍♀️ 이는 정상적이므로 걱정하실 필요가 없어요. 신생아는 태어나면서 부터 바로 시력이 잘 보이지 않아요. 이는 근육뿐만 아니라 신경도 미성숙한 시기기 때문에 시력도 덜 발달하고 초점이나 시선을 똑바로 맞추지 못해요. 그럼 언제부터 아기에게 모빌을 보여줘야 하는지 알아볼까요?<hr>모빌의 입문과 졸업 시기🧸1. 흑백 모빌 입문과 졸업신생아의 시력은 약 2주 정도가 지나면서 조금씩 선명해지기 시작해요. 앞의 물체를 인지하고 눈이 따라가는 정도이며, 색깔과 명암을 뚜렷이 구별할 수 없어요. 그래서 태어나자마자 바로 모빌을 달아줄 필요는 없어요. 생후 2주 후부터는 초점을 맞추면서 시력발달에 도움이 되도록 색의 대비가 가장 강한 흑백 모빌을 보여주는 것이 좋아요. 시각의 발달을 위해서 얼굴 모양의 흑백 모빌이 가장 좋으며, 또한 단순한 도형 모양도 아기들이 선호한다고 해요!😉🪀2. 컬러 모빌 입문과 졸업평균적으로 아기들은 100일 전후로 색상의 구분이 가능해진다고 해요. 그래서 그때 엄마·아빠의 얼굴을 보고 잘 웃는 시기이기도 해요.😃생후 3개월 때부터 색상이 보이기 시작하면서 흑백 모빌을 졸업하고 컬러 모빌로 사용하기 시작하면 됩니다. 처음에는 선명하고 밝은 색상의 모빌이 좋아요. 또한 움직일 때마다 소리가 나는 모빌은 아기의 시각뿐만 아니라 청각까지 함께 발달시킬 수 있어요.&nbsp;<hr>모빌 위치아이의 성장 발달 과정에서 모빌을 달아주는 위치는 매우 중요해요.&nbsp;기본적으로 아기 모빌 위치는 아기 눈과 배꼽 사이,&nbsp;아기의 시선에서 약&nbsp;45도 정도 바라볼 수 있는 위치가 가장 좋아요.&nbsp;자세한 높이 위치는 흑백과 컬러에 따라 구분되는데요.&nbsp;한 번 알아볼까요?✅흑백 모빌:&nbsp;신생아 때는 가까운 거리만 보이는 시기기 때문에 흑백 모빌을 아기 머리와 20cm 정도 띄어 달아주는 것이 좋아요. 그러다 점차 모빌의 위치도 점점 더 높여주고, 모양도 바꾸어 주는 것이 아기의 시력뿐만 아니라 집중력도 높여 줄 수 있는 방법이에요.✅컬러 모빌: 생후 100일 이후부터는 먼 거리도 조금씩 보이기 시작하므로, 시력발달을 위해 50cm 정도 높이에 달아두는 것이 좋아요. 또한 이 시기에는 손을 뻗어 모빌을 잡아당길 수도 있으므로 높이 설치하는 것도 추천해요!

흑백모빌, 컬러모빌 언제 달아주나요?

마사지를 받으면 하루의 피로가 날아가고 어느새 개운해진 몸때문에 자주 마사지를 받는 엄빠님들 계시죠.🧖&zwj;♀️ 그런데 임신하니 마사지 받아도 괜찮을까? 라는 의문이 들 수 있어요. 그 중 발마사지가 대표적인데요. 왜 임신 중 발마사지를 받지 말라고 하는 걸까요?🤨<hr>임신 중 발마사지 진짜 위험?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3105/3e7df8c4-418b-47a5-9d56-6de433a8af36.gif">이렇게 살살해도 위험한가요?!?!?왜 위험해요?발의 혈관은 머리, 심장, 장기와 연결되어 있어요. 발을 지압하면 연결된 부위가 자극되고 이로인해 임신 중에는 &#39;자궁수축&#39;이 올 수 있어요.⚡ 특히, 발뒤꿈치는 자궁, 생식기와 연결되어 있고, 보통 강한 압력이 들어가면 조직이나 뼈에도 자극을 줄 수 있으므로 임신 초기에는 주의해야 해요.&nbsp;또, 심부정맥이나 혈전 관련 병력이 있는 임신부라면 혈전 위험이 있기 때문에 더욱 조심할 필요성이 있어요.👣연구결과는?2019년 태국에서 발 마사지를 받던 임신부가 유산한 뉴스가 크게 보도되었어요.😰 이 사건으로 태국의 보건복지부에 해당되는 공중보건부 부대변인인 크완차이 박사는 &quot;임신한 지 3개월이 안 된 여성은 유산 위험성이 있는 만큼 마사지를 피해야 한다&quot;라며, 발 마사지에 대한 위험성을 알린 바 있어요.&nbsp;6개월 이후에는 괜찮아요발마사지가 꼭 위험한 것만은 아니에요.💡 발 마사지를 통해 부종이나 통증을 풀어줄고 혈액순환을 도와줄 수 있기 때문에, 발마사지가 받고 싶다면 안정기에 접어든 6개월 이후에 약한 강도로 받는 것이 좋아요.&nbsp;<hr>임신 중 발의 피로는 이렇게!<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3105/ad2f768b-7c91-4f00-8d11-bfc77b8df481.gif">어머, 손님!! 너무 많이 뭉치셨다아~족욕으로 대체!족욕은 다리의 피로를 풀어주고 신진대사와 혈액순환을 도와 노폐물 배출을 원활하게 해줘요.🦶 38~40℃정도의 따뜻한 물에 발을 담그고 5~10분 정도 발의 피로를 풀어주세요. 이때, 발목과 발가락을 가볍게 움직이면 혈액순환에 도움을 줄 수 있어요.오일을 발라 가볍게앞서 말했듯 강한 지압으로 자극을 주는 마사지는 피하고 가볍게 주무르 듯한 세기의 마시지가 적당해요. 이때 오일이나 크림을 발에 바르고 문지르며 흡수시키는 정도로 마사지를 하면 발의 피로도 풀리고 발의 각질 등 발의 건조함도 관리할 수 있답니다.✨배가 불러오면 남편에게 부탁을!&nbsp;배가 불러오기 시작하면 허리를 구부리고 배를 압박하는 자세는 좋지 않아요.😖이런 자세를 삼가하고 마사지나 발톱을 자를 때, 신발을 신을 때 등 남편이나 주위 사람에 부탁하는 것을 추천해요.

임신 중 발마사지가 위험하다구요?

&nbsp; &nbsp;ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการคาดเดาเรื่องเพศของลูกน้อย👶ที่กำลังจะเกิดมาในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย บ้างก็บอกว่าให้ดูลักษณะรูปทรงของท้อง &nbsp;บ้างก็บอกให้สังเกตการกิน🍽️ของคุณแม่ หรือให้ดูที่สีของปัสสาวะ🚽 หรือแม้แต่ให้ดูเรื่องผิวพรรณและมีข้อสันนิษฐานเยอะแยะเต็มไปหมด แต่เคสเหล่านี้ก็ยังสรุปไม่ได้ทั้งหมด &nbsp;มันจะเชื่อได้จริงรึเปล่านะ คำถามยอดฮิตที่เกิดขึ้นจากการสังเกตคุณแม่ขณะตั้งครรภ์หลายๆคนสงสัยว่าจริงไหมที่เวลาตั้งครรภ์ลูกสาว คุณแม่จะสวยขึ้น🥰 หน้าใสขึ้น สดใสขึ้น และในทางกลับกันถ้าเป็นลูกชาย คุณแม่จะหน้ามันเยิ้ม สิวบุกเต็มหน้า &nbsp;นี่ก็กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจ น่าค้นหา หลายๆก็คงอยากจะรู้คำตอบแล้วใช่ไหมคะ💁‍♀️<hr>สิวบนใบหน้ากับเพศลูกมีความเกี่ยวข้องกันยังไง<span style="font-size:11pt;font-family:Arial,sans-serif;color:#000000;background-color:transparent;font-weight:400;font-style:normal;font-variant:normal;text-decoration:none;vertical-align:baseline;white-space:pre;white-space:pre-wrap;">&nbsp;ไม่มีใครออกมาพูดหรือสรุปเป็นหลักฐานให้เข้าใจตรงกันได้ว่ามันเกี่ยวข้องกัน ก็เพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิ่ง &nbsp;ยืนยันว่าลูกจะเป็นเพศชาย👦ถ้าสิวขึ้น เพราะสาเหตุของการเกิดสิวมีหลายปัจจัยใช่ไหมคะ &nbsp;และที่แน่ๆ ไม่ใช่คนท้องทุกคนจะเป็นสิว และกลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ทุกคนจะคลอดลูกออกมาเป็นเพศหญิงทั้งหมด ดังนั้นเรื่องเพศของลูกที่เราได้ยินต่อๆกันมาว่าให้สังเกตเรื่องสิวคงยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดนะคะ✨ทำไมบางคนเป็นสิวตอนตั้งท้องนี่ก็คงเป็นความเชื่อตามหลักโบราณอีกเช่นเคย บางคนก็ยังมีความเชื่อเรื่องนี้อยู่บ้างว่าถ้าลูกในครรภ์เป็นเพศชาย👦 ฮอร์โมนเพศชายจะส่งผลให้คุณแม่เป็นสิว แต่ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ระบุเรื่องการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ว่าสูงขึ้นจริง แต่หาได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศลูกไม่ &nbsp;คุณแม่เป็นสิวเป็นเรื่องธรรมชาตินะคะ ฮอร์โมนก็มีส่วนสำคัญ แต่ก็อย่าลืมว่าการเกิดสิวก็มีหลายสาเหตุเช่นกัน เพราะหากสิวเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศลูกจริงๆก็หมายความว่าตอนสิวหายเพศลูกก็จะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรอ อย่างไรก็ดีก็ยังคงมีคนถกเถียงกันว่าแม่ๆ หลายคนในขณะที่ตั้งท้องลูกชายหน้าเป็นสิวเยอะจริงๆ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเลยนะคะ สิวเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ล้างหน้าไม่สะอาด🧼 นอนดึก😴 ใช้ผลิตภัณฑ์ประทินผิวไม่เหมาะกับสภาพผิว ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน โดยเฉพาะเพศหญิงที่หลีกเลี่ยงการเป็นประจำเดือน🩸ไม่ได้ และสาเหตุอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์หรือคนทั่วๆไปก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นสิวกันทั้งนั้นค่ะ<hr>การรักษาสิวช่วงตั้งครรภ์ <span style="font-size:11pt;font-family:Arial,sans-serif;color:#000000;background-color:transparent;font-weight:400;font-style:normal;font-variant:normal;text-decoration:none;vertical-align:baseline;white-space:pre;white-space:pre-wrap;">💫ควรปฏิบัติตัวอย่างไรไม่ให้ส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์<span style="font-size:11pt;font-family:Arial,sans-serif;color:#000000;background-color:transparent;font-weight:400;font-style:normal;font-variant:normal;text-decoration:none;vertical-align:baseline;white-space:pre;white-space:pre-wrap;">ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าคุณแม่รู้สาเหตุว่าสิวเกิดจากสาเหตุไหน ก็ให้ลดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมนั้นไปก่อน รักษาความสะอาดทั่วไปเหมือนเคสอื่นๆเลยค่ะ &nbsp;แต่มีหนึ่งข้อควรระวังคือการซื้อยารักษาสิวมาใช้เอง สำหรับคนท้องไม่แนะนำนะคะ🙅‍♀️ ให้เน้นการรักษาแบบธรรมชาติ🍃จะดีกว่า เพราะตัวยาบางชนิดจะมีสารที่เป็นอันตรายต่อเด็กในท้องมากๆ &nbsp;หากไม่ได้รับการอนุญาตจากคุณหมอ👩‍⚕️ คุณแม่ควรดูแลรักษาความสะอาด หรืออาจจะทำทรีตเมนท์ เช่นพอกหน้าด้วยแตงกวา🥒 แล้วล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าด้วยความอ่อนโยน ทำแบบนี้ไปสักระยะ สิวบนใบหน้าก็จะลดลง คุณแม่ก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมค่ะ&nbsp;

ลูกสาวหน้าใส ลูกชายสิวบุกจริงหรือ?

백일해 접종후 일주일이 지났는데, 

아직도 접종한 팔이 아파서 들지를 못할정도에요ㅜ

냉찜질, 온찜질 이것저것 다해봤는데도 비슷하네요ㅜ

혹시 맘님들중에도 접종 후 통증 오래가신분들 

있을까요?!ㅜㅜ


백일해 접종 후 팔통증지속

저 어제 백일해접종하고 왔는데 팔은욱신거리고..밤새두통때메 잠을못잤어요ㅜㅜ 열없는 초기감기증상처럼 몸이 축축처지네요ㅜㅜ

저 한 3-4일갔었고, 일주일동안은 맞은쪽으로 눕지도 못했어요ㅜㅜ 
근데 엄청 오래가시네요ㅜㅜ
근육주사라서 그러타곤 하긴하던데

전 어제 왼쪽 독감 오른쪽 백일해 한번에 맞았는데 맞고 슬슬 아프기 시작해서 일부로 팔로 눕고 힘주고 더 큰 고통 주니까 하나도 안아파요...ㅋㅋㅋ 

그거 한 2주가요 ㄷㄷ 전 아예 멍까지 들었어요 ㅜㅜ

저는 팔에 살짝 근육통 있다가 림프타고 겨드랑이가 퉁퉁 붓고 아팠어요😂 
저희 엄마가 살살 마사지 하면서 풀어 주라고 하셔서 3~4일은 하고 사라졌어요!! 

저두 일주일 갔어요 ! 끝나자마자 지금 독감 맞았는데 백일해가 훨~~~씬 아팠던거같아요 🥹

ㅜㅜ저는안아파었요~효과있는거겠죠?😅

저는 독감이랑 백일해랑 같이 맞았는데.. 진짜 백일해 맞은 팔을 첫째가 계속 툭툭 쳐서 계속 아프고 부유방까지 아프더라고요 ㅠㅠ 한 4일지나니 괜찮아졌어요! 계속 그러시면 병원에 문의한번해보세요!

지난주에 독감이랑 백일해 같이 맞았는데 백일해가 근육주사라 그런지 아픈게 오래가더라고요ㅠ4일 지나니 괜찮아졌어요.

신랑이랑 같이 맞았는데 전 당일만 아프고 신랑은 아직 아프다네요 월요일에 맞았는데 아직도 ㅋㅋ

저는 토요일에 왼쪽 독감, 오른쪽 백일해 맞았는데 너무 나른하고 잠오고 가끔 미열 나고있어요

Bunda bunda yang sudah melahirkan lebih dulu sharing sharing dong..
Saya di perkirakan beberapa dokter HPL mulai dari 22-27 mei ini..
Tapi sampe sekarang belum ada tanda tanda kontraksi sama sekali, biasa nya kalo seperti itu bakal ada tindakan lebih lanjut kah atau kita masih bisa di kasih waktu beberapa hari sampe kita kontraksi secara alami?
Sudah mulai khawatir sama baby di dalam..🥹

Tindakan jika sudah HPL tapi belum ada kontraksi 

<div data-amp-bind-class="(largeFont == true ? 'amp-text-large ' : 'amp-text-small ') + 'unique-content'"><div data-size="small">ตอนนี้ร่างกายของคุณแม่กำลังขยายออกเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก ซึ่งเป็นเหตุผลที่คุณแม่กำลังประสบกับอาการปวดหน่วงท้องน้อยนี้ โดยเราจะมีวิธีรับมือกับอาการปวดหน่วงท้องน้อยได้อย่างไรบ้างนั้น เราไปพบคำตอบกันเลยค่ะ!</div></div><div data-amp-bind-class="(largeFont == true ? 'amp-text-large ' : 'amp-text-small ') + 'unique-content'"><div data-size="small"><hr>อาการปวดหน่วงท้องน้อย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2019/dd533d40-205e-43af-84fc-176b929e20e5.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์คืออะไร ?อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์นั้นจะมีอาการเสียดแทงหรือรู้สึกเจ็บแปลบในท้องน้อยและบริเวณขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง เป็นอาการที่พบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ และอาการนี้อาจรุนแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2 🚶&nbsp;✨สาเหตุของอาการปวดหน่วงท้องน้อยเมื่อมดลูกของคุณแม่โตขึ้น เส้นเอ็นจะยาวขึ้นและเพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพื่อรับน้ำหนักของทารก ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงในช่องท้องส่วนล่าง ☹️ ความเจ็บปวดจะรุนแรงขึ้นเมื่อคุณเริ่มเคลื่อนไหว🚶ยิ่งคุณอุ้มทารกมากเท่าไหร่ เส้นเอ็นของคุณก็จะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น ความเจ็บปวดอาจคงอยู่ไม่กี่วินาทีจนถึงหลายชั่วโมง🕰️<hr>วิธีจัดการกับอาการปวดหน่วงท้องน้อย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2019/8fca94f9-2663-4fda-9b92-8b42913b77ea.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สวมผ้ารัดหน้าท้องผ้ารัดหน้าท้องหรือเข็มขัดรัดหน้าท้องสำหรับหญิงตั้งครรภ์อาจกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในครั้งนี้🙆&zwj;♀️ ผ้ารัดเหล่านี้จะรองรับสรีระได้ดีและอาจบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณเคลื่อนไหวไปมาได้😃✨ยกขาสูงหากมีอาการปวดท้องน้อยให้ยกขาขึ้นสูง จะเป็นการเพิ่มการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น เพราะอาจเกิดจากการเดินมากไปนั่นเองค่ะ✨หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวกะทันหันการขยับร่างกายกะทันหันสามารถทำให้เกิดอาการปวดได้ แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่น การนอนราบและการลุกขึ้น🛏️ คุณแม่พยายามพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงงานหนักนะคะ✨ยาแก้ปวดโดยปกติอาการปวดหน่วงท้องน้อยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ แต่หากคุณแม่มีอาการปวดมากอาจพบแพทย์เพื่อขอยาแก้ปวดที่เหมาะสมและไม่อันตรายต่อครรภ์ได้ค่ะ<hr>วิธีรับมืออื่นๆ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2023/2ab1623c-5643-4312-8a48-bfc53ed03e32.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ใช้หมอนช่วยเมื่ออยู่ในท่านอนให้วางหมอนหนุนบริเวณท้องและขาเอาไว้ การทำแบบนี้จะช่วยพยุงน้ำหนักของท้องทำให้คุณแม่ผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ รวมถึงเมื่ออยู่ในท่านั่งให้ใช้หมอนหลายๆใบช่วยหนุนหลัง🤰ได้นะคะ✨ออกกำลังกายเบาๆ&nbsp;คุณแม่อาจลองไปออกกำลังกายเบาๆ อาจเล่นโยคะ🧘สำหรับคน ว่ายน้ำ หรือเดินเหยาะๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อท้องและหลังให้แข็งแรงเพื่อให้รับน้ำหนักตัวได้ดีขึ้นค่ะ✨เลื่ยงการออกแรงยกของหนักเมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก รวมถึงการเอี้ยวตัวหยิบของที่อยู่ไกล หรือแม้แต่การจามแรงๆ เพราะกริยาบทเหล่านี้จะทำให้หน้าท้องเกร็งและทำให้รู้สึกปวดท้องนั่นเองค่ะ🤰&nbsp;✨ลูบหน้าท้องเชื่อหรือไม่คะว่าการใช้มือลูบหน้าท้องจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีมากๆเลยค่ะ โดยก่อนจะลูบให้นำมือ✋ทั้งสองมาถูให้อุ่นขึ้นก่อนแล้วค่อยลูบหน้าท้อง แล้วอาการปวดจะค่อยๆทุเลาลงค่ะ</div></div>

อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์

&nbsp; &nbsp; การเป็นแม่🤰เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งและเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง ตลอดการเดินทางของการตั้งครรภ์ ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์มากมาย และแง่มุมที่สวยงามอย่างหนึ่งของช่วงเวลานี้ก็คือความเปล่งประกายที่มาพร้อมกับมัน การโอบรับความงามและความรู้สึกสบายใจในระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญค่ะ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมแฟชั่นเก๋ๆ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ💁‍♀️<hr>ปัจจัยในการเลือกเสื้อผ้าสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อร่างกายต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเสื้อผ้าที่ให้อิสระในการเคลื่อนไหว🚶‍♀️ และไม่บีบหรือบีบหน้าท้องที่กำลังเติบโต การเลือกใช้ผ้าที่มีความยืดหยุ่น เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าเจอร์ซีย์ สามารถให้ความยืดหยุ่นที่จำเป็นได้ค่ะความคล่องตัว การลงทุนซื้อเสื้อผ้าที่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่ายไม่เพียงแต่จะทำให้คุณมีเสื้อผ้าให้เลือกหลากหลาย แต่ยังช่วยให้ปรับตัวเข้ากับรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย มองหาสิ่งของต่างๆ เช่น เลกกิ้งยืด เสื้อทูนิค ชุดเดรสเอวเอ็มไพร์👗 และเสื้อโอเวอร์ไซส์ที่สามารถจับคู่กับกางเกงหลายแบบได้ค่ะการรองรับ เมื่อพุงโตขึ้น เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะปวดหลังและไม่สบายตัว การเลือกเสื้อผ้าที่มีการรองรับในตัว เช่น เสื้อชั้นใน👙สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์หรือผ้ารัดหน้าท้อง สามารถช่วยบรรเทาอาการไม่สบายเหล่านี้ได้ และให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงค่ะ<hr>สิ่งของที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์&nbsp;ชุดคลุมท้องที่ใส่สบายและมีสไตล์เป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ มองหาเสื้อหลวมๆ กางเกงยืด👖และเสื้อชั้นในพยุงตัวที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการตั้งครรภ์ เสื้อผ้าเหล่านี้รองรับพุงที่กำลังเติบโตของคุณ ให้การสนับสนุนอย่างเพียงพอ และช่วยให้คุณโอบรับรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมั่นใจค่ะหมอนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์&nbsp;การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ😴ในระหว่างตั้งครรภ์บางครั้งอาจเป็นเรื่องท้าทายเนื่องจากรู้สึกไม่สบาย การลงทุนซื้อหมอนคนท้องที่มีคุณภาพสามารถปรับปรุงการนอนหลับของคุณได้อย่างมาก หมอนเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับร่างกายของคุณและลดแรงกดบนหลัง สะโพก และข้อต่อ การนอนหลับฝันดีไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายของคุณกระปรี้กระเปร่า แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเป็นอยู่โดยรวมด้วยค่ะรองเท้าที่ช่วยพยุงตัว&nbsp;ขณะที่การตั้งครรภ์ดำเนินไป คุณแม่อาจมีอาการบวม ปวดเท้า และไม่สบายตัว การเลือกรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกและมีส่วนรองรับส่วนโค้งที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ👟 รองเท้าที่ใส่สบายจะช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับเท้าและช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ เลือกรองเท้าที่ช่วยให้เท้าของคุณแม่หายใจได้และปรับตามการเปลี่ยนแปลงขนาดค่ะผ้ารัดหน้าท้องเป็นอุปกรณ์เสริมอเนกประสงค์ที่ให้การสนับสนุนอย่างอ่อนโยนต่อหน้าท้องที่กำลังเติบโตของคุณแม่ ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ส่งเสริมท่าทางที่ถูกต้อง และลดความรู้สึกไม่สบายท้อง🤢 การสวมสายรัดหน้าท้องจะช่วยเพิ่มความมั่นใจด้วยการให้การสนับสนุนและทำให้กิจกรรมในแต่ละวันจัดการได้ง่ายขึ้นค่ะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับการตั้งครรภ์&nbsp;ฮอร์โมนการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผิว เช่น ความแห้ง อาการแพ้ง่าย และรอยแตกลาย การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์จะช่วยให้คุณรักษาผิวให้แข็งแรงและกระจ่างใส✨ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติสูตรเฉพาะสำหรับสตรีมีครรภ์ การปรนเปรอตัวเองด้วยกิจวัตรการดูแลผิวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและการดูแลตัวเองในช่วงเวลาพิเศษนี้ค่ะวิตามินก่อนคลอด&nbsp;การรับประทานวิตามินก่อนคลอดมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของทั้งคุณแม่และลูกน้อย อาหารเสริมเหล่านี้ให้สารอาหาร วิตามิน💊 และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ปรึกษากับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณแม่และเลือกวิตามินก่อนคลอดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของคุณแม่ การรู้ว่าคุณกำลังบำรุงร่างกายและลูกน้อยจะช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อคุณยอมรับความเป็นแม่ค่ะ

แฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คนท้องก็สวยสายแฟได้! 

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เครื่องในสัตว์สัตว์เป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร มักพบได้ในเมนูอาหารไทยทั่วๆไป แต่ในช่วงตั้งครรภ์นั้นการทานเครื่องในสัตว์🫀จะปลอดภัยต่อแม่ท้องจริงๆไหม หรืออาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือเปล่า เราไปหาคำตอบพร้อมๆกันค่ะ💁‍♀️<hr>คนท้องกินเครื่องในได้ไหม?👉ขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณแม่หากคุณแม่มั่นใจว่าตนเองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี💪 ก็สามารถทานเครื่องในสัตว์ได้ค่ะ ควรทานในปริมาณที่พอดี เพราะเครื่องในสัตว์นั้นก็อุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่ แต่ในกรณีของคุณแม่ที่มีปัญหาทางสุขภาพ มีโรคประจำตัว เช่น โรคเกาต์ โรคกระเพาะ หรือมีความดันโลหิตสูง คนเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ในขณะตั้งครรภ์🙅‍♀️<hr>เครื่องในสัตว์ที่ได้รับความนิยมมีอะไรบ้าง?🐓ตับ&nbsp;ตับอุดมไปด้วยวิตามินชั้นดี สามารถหาทานได้ง่าย โดยหน้าที่ทั่วไปของตับจะทำหน้าที่ในการกำจัดสารพิษ♻️ในร่างกาย จึงอุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด🫀หัวใจส่วนหัวใจสัตว์นั้นเป็นส่วนที่มีปริมาณไขมันน้อย มักนิยมนำมาประกอบอาหารโดยการทอด🍳 และการย่าง แต่ส่วนหัวใจมักไม่เป็นส่วนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ชื่นชอบของสักเท่าไหร่ค่ะ🐔กึ๋นไก่เนื่องจากไก่ไม่มีฟัน🦷เคี้ยวอาหาร กึ๋นจึงเป็นเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่บดอาหารของไก่ ร้านส้มตำมักนำกึ๋นมาเสียบหั่นไม้แล้วย่าง เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว🍙🐷ไส้หมูไส้หมูประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ไส้อ่อน และลำไส้ใหญ่ของหมู โดยทั้ง 2 ส่วนสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น เมนูต้ม🍲 เมนูผัด และเมนูทอด เป็นต้น🐮ผ้าขี้ริ้วผ้าขี้ริ้วเป็นส่วนที่ได้มาจากกระเพาะของวัว มีลักษณะเป็นแผ่นๆคล้ายผ้าขี้ริ้วตามชื่อ ส่วนมากผ้าขี้ริ้วจะถูกนำมาประกอบในเมนูแจ่วฮ้อน🥘<hr>ประโยชน์ของเครื่องในสัตว์ต่อคนท้อง✨โปรตีนเครื่องในสัตว์นั้นอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นแหล่งพลังงานพื้นฐานของร่างกายที่คุณแม่ท้องควรได้รับ เพราะแหล่งโปรตีนจะมีหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ💪ทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกเพลียระหว่างวัน😰✨วิตามินบี 12วิตามินบี 12 มีหน้าที่สามารถละลายน้ำได้ดี💦 จึงทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย ในวิตามินบี 12 มีหน้าที่ในการผลิตเม็ดเลือดแดงและยังเป็นส่วนสำคัญในการรักษาการทำงานของระบบประสาท🧠ให้สมบูรณ์✨ธาตุเหล็กธาตุเหล็กจัดเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับคุณแม่ท้อง เพราะธาตุเหล็กมีหน้าที่เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง🩸 ความเสี่ยงการเกิดภาวะโลหิต และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน🛡️ของคุณแม่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นค่ะ✨โคลีน (Choline)โคลีนจัดเป็นสารอาหารที่หาได้ยาก แต่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์🤰 เพราะครูลีนมีหน้าที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ และยังช่วยกำจัดไขมันออกจากตับด้วย จึงส่งผลต่อพัฒนาการของทารก👶ภายในครรภ์เป็นอย่างมาก&nbsp; &nbsp; &nbsp;สรุปได้ว่าคุณแม่สามารถรับประทานเครื่องในสัตว์ได้ในปริมาณที่เหมาะสมและในสภาวะที่คุณแม่มีร่างกายแข็งแรงปกติดี💪 ถ้าหากว่าคุณแม่ท่านใดที่มีโรคประจำตัวที่กล่าวมาข้างต้น ควรหลีกเลี่ยง🙅‍♀️การทานเครื่องในสัตว์ในช่วงตั้งครรภ์ เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคที่ซ่อนอยู่ภายในโดยไม่รู้ตัวขึ้นมาได้

เครื่องในสัตว์มีประโยชน์ต่อแม่ท้องจริงไหม?

เมื่อลูกยังมีอายุแรกเกิด -1 ปี คุณพ่อคุณแม่อาจไม่เคยคิดถึงการสอนให้ลูกปรับตัวเข้ากับสัมคมมาก่อน เพราะคิดว่ายังเร็วเกินไปแต่ที่จริงแล้วเราสามารถฝึกให้ลูกพัฒนาและปรับตัวเข้ากับสังคมภายนอกได้ตั้งแต่เล็กค่ะ<hr>ควรฝึกอย่างไร?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2307/26993df9-e6b1-44c2-a484-6a6cccfaf66e.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨เมื่ออายุครบ 6 เดือนเมื่อทารกอายุได้ 6 เดือน พัฒนาการทางร่างกายของเขาก็จะไวมาก ร่างกายจะเริ่มเติบโต และการฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่จะพัฒนาตามลำดับ เช่น เริ่มกำมือ เปิดมือ✋ แล้วหยิบสิ่งของรอบๆตัวรวมถึงยังสามารถหันคอได้ ซึ่งการฝึกฝนการเข้าสังคมล่วงหน้าจะเป็นแต้มต่อให้กับลูกในอนาคตนั่นเองค่ะ✨ ควรสอนอะไร?คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูก👶สามารถเข้ากับคนอื่น หรือ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เพราะหากฝึกลูกจนติดเป็นนิสัย ลูกก็สามารถเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกภายนอกด้วยความมั่นใจมากขึ้น<hr>การสอนลูกน้อย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2307/1f2773f9-4a6e-4ca9-9960-c982ee05d927.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่นคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกน้อย👶มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี เช่น กับผู้ใหญ่ กับพ่อแม่ หรือ เพื่อนวัยเดียวกัน การเตรียมพร้อมลูกนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างทักษะทางสังคมแล้ว ยังสามารถเพิ่มความมั่นใจให้ลูกและพัฒนาภาษาไปในตัวด้วย✨ให้รู้จักแบ่งปัน&nbsp;โดยสามารถสอนลูกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เช่นให้เด็กรู้วิธีส่งมอบ โดยถามว่าขอได้ไหม? จากนั้นค่อย ๆ ดึงของเล่นออกจากมือลูก โดยสังเกตว่าเด็กเต็มใจที่จะปล่อยของเล่น🧸หรือไม่ แต่ไม่ควรกระชาก เพราะมันทำให้ลูกมีทัศนคติที่ไม่ดีเวลามีคนมาขอ✨ไม่ควรให้ลูกเล่นมือถือผู้ปกครองหลายๆ ท่านมักให้กับเด็กเล็กดูมือถือ📱 แท็บเล็ตต่างๆ การทำแบบนี้จะเป็นการลดการโต้ตอบกับผู้อื่น และหากผู้ปกครองเองก็สนใจแต่อุปกรณ์เหล่านี้ ก็จำทำให้เกิดการละเลยการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กโดยไม่รู้ตัวได้ค่ะ<hr>ลองสอนสิ่งเหล่านี้<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2307/75df11d2-9113-47c5-aae7-bb0a32edd9ad.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ฝึกให้รู้จักทักทาย&nbsp;เมื่อพาลูกน้อยออกจากบ้าน ฝึกให้ลูกทักทานด้วยคำหวาน เช่น สวัสดี🙏 โดยอาจทำให้ดูโดยห้ามตะโกน แม้แต่ในวัยนี้ ลูกจะยังไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ แต่ลูกสามารถซึมซับคำอ่อนหวานที่ควรทักทายเมื่อพบปะกับผู้อื่นได้นะคะ&nbsp;✨ให้รู้จักการรอหากลูกของคุณร้องไห้และอยากถูกอุ้ม ให้บอกลูกให้หยุดร้องไห้😭ก่อน เมื่อหยุดร้องไห้จึงค่อยอุ้มลูกขึ้นมา ในช่วงอายุใกล้ๆ 1 ขวบ ลูกจะสามารถเข้าใจประโยคง่ายๆ และทำตามได้บ้างแล้วค่ะ✨คุณพ่อคุณแม่คือตัวอย่างบอกให้ลูก👶เข้าใจว่า การมีมารยาทที่ดีควรทำแม้จะอยู่นอกบ้านหรือในบ้าน และพ่อแม่ก็จึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกดูนะคะ&nbsp;

ฝึกให้ลูกน้อยเข้าสังคมอย่างไรดี?

안녕하세요!
평소에 8시30분쯤 잠들어서 6시반-7시에 일어났던 아기인데 한 3일전부터 새벽에 1번 일어나서 2-30분 놀다가 자기 시작했고 아침 7시되도 안 일어나서 제가 깨웠다가 오늘은 몇시까지 자는지 안깨워봤더니 7시 50분에 일어났어요.

깨시는 4-4-3.5 운영중인데 이 텀보다 짧을때가 많고 낮잠1 1 / 낮잠2 1 총 2시간-길면 2시간 10분정도로 커트해요..

새벽에 일어나서 노는거보니 변환시도 해봐야하나? 싶은데 낮잠 1회로 변환시도 하려면 깨시가 더 길어야하죠? 




낮잠1회 언제쯤 시도..(13개월 아기)

아이들마다 다르지만 낮잠 1이 줄어들지, 낮잠2를 줄여야할 지 시도해 보세요! (12-18갤 사이에 변환기 와요) 
보통 낮잠1+쪽잠으로 가면 낮잠1이 밀려서 남고, 쪽잠+낮잠2로 가면 낮잠2만 남아요. 낮잠 1회 가려면 5-5.5시간 깨시 나와야해요.
보통은 5.5-6시간 나오고 낮잠은 2시간 잡니다. (어린이집 스케쥴과 비슷하게 맞춰집니다.)

หากพบว่าลูกขี้หูตันจะสามารถแคะหูให้ลูกได้ไหม? เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆคนสงสัย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประโยชน์ของขี้หู และมาดูกันว่าควรจะแคะขี้หูให้ลูกดีหรือไม่กันนะคะ&nbsp;<hr>ขี้หูคืออะไร?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2672/480eb642-5062-4363-ad53-ae7a5372c9af.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ขี้หูคือ👂เมื่อต่อมไขมันในหูชั้นนอกมีการขับสารออกมารวมกับผิวหนังชั้นบนที่ลอกหลุดออกมาก็จะกลายเป็นขี้หูนั่นเอง ซึ่งจะมีสีแดง น้ำตาล เหลือง โดยการสะสมของขี้หูนี้จะไม่เคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของรูหู และจะสามารถหลุดออกมาเองได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงไม่❌จำเป็นต้องแคะหูให้ลูกนั่นเองค่ะ รวมถึงการแคะขี้หูจะทำให้ทารกเกิดการอักเสบในหูแถมหูอุดตันมากขึ้นอีกด้วยค่ะประโยชน์ของขี้หู👂สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ ผิวหนังของรูหูของลูกจะได้รับการป้องกันโดยขี้หูเหล่านี้ ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ทั้ง เหงื่อ💦 น้ำ ฝุ่นละอองและเชื้อโรค และเป็นไปได้ก็ไม่ควรจะแคะขี้หูของลูกจนถึงอายุ 2 ขวบ<hr>วิธีแบบนี้ไม่ควรใช้!<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2672/fc83310e-3a80-4a8b-9a2d-f57d2fe04c26.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คอนตอนบัดใหญ่เกินไปการใช้คอตตอนบัดที่มีขนาดใหญ่จะเป็นการดันขี้หูให้ลึกเข้าไปอีก การแคะขี้หูให้ลูกจึงอาจยิ่งเป็นการสร้างปัญหาขี้หูอุดตันและทำให้ลูกได้ยินเสียงไม่ชัดค่ะ🙅&zwj;♀️ หากท่านใดที่พบว่าลูกมีขี้หูอุดตันสามารถพาไปพบแพทย์เพื่อหยอดยาและดูดขี้หูออกได้ค่ะ&nbsp;คอตตอนบัดไม่สะอาดหากคอนตอนบัดไม่สะอาดจะทำให้หูของลูกเกิดการติดเชื้อจากเชื้อรา หรือแบคทีเรียได้ รวมถึงหากมีการแคะที่ลึกเกินไปก็อาจไปทำให้แก้วหูทะลุและเกิดอันตราย⚠️กับลูกน้อยได้นะคะ&nbsp;ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์ชุบคอตตอนบัดการใช้คอตตอนบัดชุบแอลกอฮอล์แล้วนำมาทำความสะอาดรูหูเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวหนังบริเวณรูหูของลูกแห้ง👂 และหากลูกมีแผลที่บริเวณหูชั้นกลางอยู่แล้ว การที่แอลกอฮอล์ไปเข้าไปโดยจะทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง และทำให้หูน้ำหนวกได้นั่นเองค่ะไม่ควรใช้ไม้พันสำลีการใช้ไม้พันสำลีเข้าไปทำความสะอาดในรูหูของลูกเป็นอีกสิ่งที่ควรเลี่ยงเพราะ ผิวหนังในรูหูของลูกยังบอบบางมาก การทำแบบนี้อาจสร้างแผลถลอกในรูหู และอาจเกิดการติดเชื้อ และอักเสบขึ้นมาได้ และเมื่อแผลเริ่มหายลูกก็จะเกิดอาการคัน และใช้ไม้แคะหูซ้ำอีก ก็จะเกิดแผลขึ้นมา และหากปั่นเข้าไปลึกก็จะเสี่ยงต่อการทำให้แก้วหูทะลุด้วยค่ะ😬<hr>วิธีทำความสะอาดหูลูกน้อย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2672/0f8ce05b-0e3e-4903-94ad-a1344c85ace0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่ควรแคะหูให้ลูกแต่ก็สามารถทำความสะอาดหูลูกน้อยได้โดยขณะที่อาบน้ำหรือสระผมให้ลูก ให้การนำผ้าขนหนูที่มีความนุ่ม หรือ อาจใช้สำลีชุดน้ำแล้วเช็ดที่ใบหูและปากรูหูเบาๆ✨พยายามไม่ให้น้ำเข้าไปในรูหูของลูก คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูของลูกได้โดยการปั้นสำลีให้เป็นก้อนขนาดใหญ่ประมาณหัวแม่มือแล้วใช้สำลีในการอุดหูของลูก✨เนื่องจากเด็กเล็กมีรูหูที่ยังตื้นอยู่ดังนั้นเราไม่ควรจะใช้คอตตอนบัดและควรจะใช้วิธีข้างต้นไปก่อนนะคะ โดยหากเกิดความผิดปกติใดๆ ก็ควรจะพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อแก้ปัญหาอย่างถูกต้องจะดีที่สุดค่ะ

ทำไมถึงยังไม่ควรแคะขี้หูลูกน้อย?

เมื่อเกิดมา กล้ามเนื้อคอของทารกจะค่อยๆ มีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ พออายุครบ 3 เดือนกล้ามเนื้อคอก็จะเริ่มแข็งแรงดี วันนี้เราจะมาดูว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้างที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาให้กล้ามเนื้อคอของลูกแข็งแรงเร็วขึ้นกันค่ะ<hr>พัฒนาการกล้ามเนื้อคอ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/d923d252-806d-4224-b3c2-852cede5ecf9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">💖อายุ 1 เดือนเมื่ออายุครบ 1 เดือน เนื่องจากกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงพอ ทารกจะยกศรีษะได้เพียงชั่วขณะ ดังนั้นช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรอุ้มลูกน้อยอย่างระมัดระวัง โดยคอยประคองช่วงคอทุกครั้งนะคะ🙂&nbsp;💖อายุ 2 เดือน&nbsp;เมื่ออายุครบ 2 เดือน ทารกจะสามารถนอนคว่ำ และจะสามารถยกศีรษะชันคอได้ประมาณ 45 องศาค่ะ💖อายุ 3 เดือนในเดือนนี้ทารกจะนอนคว่ำ และสามารถชัดคอได้ประมาณ 90 องศา&nbsp;💖อายุ 4 เดือนลูกน้อยจะสามารถชัดคอได้นานขึ้น และสามารถใช้แขนยันตัวขึ้นได้ กล้ามเนื้อคอ ไหล่ หลัง และสะโพกมีความแข็งแรงขึ้น✔️💖อายุ 5 เดือนขณะนอนคว่ำ ลูกน้อย👶จะสามารถใช้มือยันตัวขึ้นโดยที่ข้อศอกเหยียดตรงได้ หากคุณพ่อคุณแม่จับลูกน้อยให้อยู่ในท่านั่ง คอของลูกน้อยจะไม่พับและจะสามารถตั้งศีรษะตรงได้💖อายุ 6 เดือนลูกน้อยจะสามารถโน้มตัวไปข้างหน้าและใช้มือยันขณะนั่งได้แล้ว<hr>ลูกน้อยคอแข็งช้าเป็นอะไรไหม?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/c787fe1b-ddbc-464f-bc1e-4e3a4675dd55.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกของตนเองคอแข็งช้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าลูกน้อย👶อาจมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หรือ ระบบประสาท เพื่อให้แน่ใจคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบนะคะ✔️คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เมื่อลูกน้อยไม่สามารถยกศีรษะให้พ้นพื้นได้แม้จะอายุครบ 3 เดือนแล้ว หรือ เมื่อจับลูกนอนคว่ำ ไม่มีการชันคอ หรือยกศีรษะขึ้น เมื่ออายุครบ 4 เดือน<hr>วิธีสร้างกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/b6cdfb32-881f-47de-b364-65ea68773198.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คุณพ่อและคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นได้โดยการอุ้มพาดบ่าบ่อยๆ ลูกน้อยจะได้ชัดคอเพื่อมองไปรอบๆ&nbsp;✨นำโมบายมาแขวนไว้เหนือเตียงที่ลูกน้อยนอน✔️หรือ สามารถยกโมบายให้ลูกน้อยใช้มือคว้า ลูกน้อยจะยกตัวขึ้นระหว่างที่พยายามคว้า✨คุณพ่อคุณแม่สามารถเรียกชื่อและพูดคุยกับลูกน้อย👶บ่อยๆ ลูกน้อยจะหันมาตามเสียงเรียกหรือเสียงคุย✨ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ และลองเล่นจ๊ะเอ๋กับลูกน้อยก็จะทำให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวตาม และอารมณ์ดีด้วยค่ะ🙂

ฝึกกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง! ฮึบ!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในสังคมที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ความสำคัญของเรื่องเพศของเด็กในการกำหนดบทบาทและสถานะทางสังคมลดน้อยลงมากเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้น🤩ที่เกี่ยวข้องกับการเดาเพศของลูกน้อยยังคงเป็นแง่มุมที่น่าชื่นชมของการตั้งครรภ์ การเดินทางของการคาดเดาเพศของลูก คุณพ่อคุณแม่เต็มไปด้วยความหวัง ความสุข และความรู้สึกเชื่อมโยงกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตภายในครรภ์ของแม่ค่ะ💁‍♀️<hr>ทายเพศลูก สามารถทายได้ด้วยวิธีใดบ้าง<ul><li dir="ltr">ทายจากตัวเลข สมัยก่อนคนเคยทายโดยเอาอายุพ่อกับแม่มาบวกกัน แล้วคูณด้วย 3 และหารด้วย 7 แล้วดูเศษส่วนผลลัพธ์ ถ้าเศษส่วนเป็น 1, 3, 5, 7 แสดงว่าคุณมีลูกชาย ถ้าเศษส่วนเป็น 2, 4, 6 แสดงว่าคุณมีลูกสาว ถ้าเศษเป็น 0 หรือหารลงตัว จะไม่เหลือเศษซึ่งทำนายว่าคุณจะได้ลูกสาวค่ะ👧</li><li dir="ltr">อีกวิธีหนึ่งคือการเดาโดยการเหยียบท้อง โดยให้คุณแม่นอนหงายและอุ้มเด็กตัวเล็กๆที่อายุยังไม่ถึงขวบไว้บนท้อง หากเด็กเหยียดเท้าลงไปแตะท้องหรือสัมผัสเพียงข้างเดียวก็ทำนายว่าได้ลูกสาว ถ้าเด็กเหยียดเท้าทั้งสองข้างลงมาแตะท้อง แสดงว่าได้ลูกชาย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจเป็นอันตรายและไม่แนะนำนะคะ🙅‍♀️</li><li dir="ltr">การเดาจากใบไม้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง🍀 คุณแม่ไม่ควรรู้คำตอบล่วงหน้า ให้คุณแม่รวบรวมใบไม้และผู้ทำนายจะสังเกตลักษณะของใบไม้ หากยื่นใบไม้โดยหงายใบไม้ขึ้น ทำนายว่าได้ลูกสาว หากโยนใบไม้กลับหัว มันจะทำนายลูกชายค่ะ</li><li dir="ltr">การทำนายจากความฝันก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน💤 ถ้าแม่ฝันเห็นอัญมณีทำนายว่าจะได้ลูกสาว ถ้าคุณแม่ฝันเห็นพระพุทธรูปหรือช้าง ทำนายว่าจะมีลูกชายค่ะ</li><li dir="ltr">การเดาจากอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งค่ะ🫀 หากอัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่า 140 ครั้งต่อนาที แสดงว่าได้ลูกสาว น้อยกว่านั้นก็หมายถึงลูกชาย อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้แตกต่างกันตามเพศค่ะ</li><li dir="ltr">การใช้แหวนแต่งงานเป็นอีกวิธีหนึ่ง💍 แขวนแหวนแต่งงานจากผมของสามีแล้วแขวนไว้ที่ท้อง ถ้าแหวนแกว่งเป็นวงกลม ทำนายว่าได้ลูกสาว ถ้ามันแกว่งไปทางซ้ายและขวา ทำนายว่าได้ลูกชายค่ะ</li><li dir="ltr">เชื่อกันว่าการเดาจากอาหารที่คุณกินสามารถทำนายเพศได้เช่นกันค่ะ🍱 หากคุณแม่กระหายขนมหวาน นั่นหมายถึงลูกสาว ถ้าชอบอาหารคาวหรือเค็มก็แปลว่าลูกชาย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้น่าจะได้รับอิทธิพลจากความผันผวนของฮอร์โมนและอาจไม่ถูกต้องค่ะ<hr>สัญญาณท้องลูกสาว สัญญาณท้องลูกชาย</li><li dir="ltr">ทายจากผิวพรรณของมารดา &nbsp;ถ้าผิวคล้ำ ดูไม่สดใส ทายว่าจะได้ลูกสาว แต่ถ้าผิวสวยงามเปล่งปลั่ง🥰 ทายว่าจะได้ลูกชายค่ะ</li><li dir="ltr">ทายจากอาการแพ้ท้อง🤮 &nbsp;ถ้าแพ้ท้องรุนแรง ทายว่าจะได้ลูกสาว แต่ถ้าไม่ค่อยแพ้ท้องหรือไม่แพ้เลย ทายว่าจะได้ลูกชายค่ะ &nbsp;</li><li dir="ltr">ทายจากลักษณะท้อง🤰 &nbsp;ถ้าท้องสูง ทายว่าจะได้ลูกสาว แต่ถ้าท้องต่ำ ทายว่าจะได้ลูกชายค่ะ</li><li dir="ltr">ทายจากรูปร่างท้อง &nbsp;ถ้าท้องแหลม ทายว่าจะได้ลูกชาย แต่ถ้าท้องกลม ทายว่าจะได้ลูกสาวค่ะ&nbsp;</li><li dir="ltr">ทายจากขนาดหน้าอก ถ้าหน้าอกโตขึ้น ทายว่าจะได้ลูกสาว แต่ถ้าขนาดเท่าเดิม ทายว่าจะได้ลูกชายค่ะ</li></ul>วิธีไหนบอกเพศลูกได้แม่นยำสุด<ul><li dir="ltr">วิธีบอกเพศลูกที่แม่นยําที่สุด คือ การตรวจอัลตราซาวน์ เพื่อดูเพศลูกค่ะ🩺&nbsp;</li><li dir="ltr">อีกวิธีหนึ่งที่มีความแม่นยําใกล้เคียง คือ การตรวจโครโมโซมอสุจิ ในกรณีที่รักษาการมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีทําเด็กหลอดแก้วค่ะ🧪</li><li dir="ltr">แต่การตรวจดังกล่าว ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยค่ะ🇹🇭 เนื่องจากเป็นการเลือกเพศลูกนั่นเองค่ะ</li><li dir="ltr">ตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล 2541 และประกาศแพทยสภาระบุว่าห้ามมิให้ตรวจกําหนดเพศลูก🙅‍♀️ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แล้วเท่านั้นค่ะ</li></ul>

ท้องกลม ท้องแหลม บอกเพศลูกได้จริงหรือไม่?

ช่วงไตรมาสที่ 2 หรือช่วงอายุครรภ์ 4-6เดือน คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการไปเที่ยว โดยคุณแม่สามารถไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างและต้องเตรียมตัวอะไรเราไปดูกันเลยค่ะ<hr>&nbsp;คุณแม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2086/eebf4569-3aa0-42df-8037-162a52cb8a84.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงไหนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวที่สุด?ช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นช่วงที่เหมาะสมในการเที่ยวที่สุด เนื่องจากการไปเที่ยวในไตรมาสแรกที่ท้องยังอ่อนๆอยู่นั้นจะทำให้มีความเสี่ยงในการแท้งได้⚠️ เพราะระหว่างการเดินทางไกลอาจเกิดกระทบกระเทือนกับลูกในครรภ์ และในช่วงไตรมาสที่ 3 ก็ควรงดการเที่ยวเดินทางเพราะอาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด โดยหากเดินทางท่องเที่ยวในช่วงตั้งครรภ์ ควรใช้รถยนต์🚗ส่วนตัวเพื่อขนของที่จำเป็นต้องใช้สำหรับคุณแม่ค่ะสิ่งที่จำเป็นจะต้องเตรียมก่อนออกเดินทางสิ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมก่อนออกเดินทางคือ การจดหมายเลขโทรศัพท์ของคุณหมอที่ฝากครรภ์ และหมายเลขโรงพยาบาล🏥ที่ฝากครรภ์ รวมถึงสมุดฝากครรภ์ หากต้องออกเดินทางไปค้างคืน หรือ ไปต่างจังหวัด เป็นไปได้ควรตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทาง ค้นหาดูรายชื่อโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้สถานที่ที่จะไปเที่ยว อย่าลืมเตรียมอาหารหรือของว่างระหว่างเดินทาง และของใช้จำเป็นอื่นๆ เช่น รองเท้าใส่สบายๆ<hr>สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคุณแม่<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2086/f3728692-0d19-49b5-abe7-7c74bf488cbc.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">สวนสาธารณะคุณแม่อาจเริ่มต้นจากการเดินเล่นในสวนของหมู่บ้านหรือสวนสาธารณะใกล้บ้านดูก่อน อาจตื่นเช้ามารับแสงแดดอ่อนๆ หรือไปเดินเล่นยามเย็นกับครอบครัวก็ได้นะคะ นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายไปในตัวแล้วยังได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวอีกด้วยค่ะ🥰ตลาดน้ำคุณแม่สามารถไปเที่ยวเล่นที่ตลาดน้ำใกล้บ้านได้ นอกจากจะได้เลือกทานของอร่อยๆ🍲 บำรุงครรภ์แล้วยังสามารถเพลิดเพลินกับดูการขายของริมน้ำได้อีกด้วยห้างสรรพสินค้าอากาศร้อนๆ แบบนี้การไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าก็เป็นที่เที่ยวอีกที่ที่คุณแม่สามารถไปได้ คุณแม่สามารถช้อปปิ้งคลายเครียดและยังสามารถทานอาหารๆ พร้อมคลายร้อนได้อีกด้วยค่ะทะเลพยายามเลือกทะเล🏖️ที่ไม่ต้องเดินทางไกลมากนัก คุณแม่จะได้ไม่เหนื่อยจากการเดินทางมาก การได้เห็นทะเล ฟังเสียงคลื่น และมองท้องฟ้าอันสดใสก็จะทำให้คุณแม่ผ่อนคลาย และมีความสุขค่ะ

ที่เที่ยวที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์

&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณผู้อ่านหลายท่านน่าจะเคยได้ยินกันมาว่าคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์🤰นั้นควรสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ ปล่อยๆ👗 ไม่กระชับมากจนกลายเป็นแน่น ในหัวข้อนี้อาจขัดกับข้อมูลที่เคยได้ยินมา วันนี้บทความเขาเราจะพาคุณผู้อ่านมาดูถึงกางเกงรูปแบบหนึ่งที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อการออกกำลังกาย และคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ยังสามารถสวมใส่ได้ด้วย นั่นก็คือกางเกงรัดกล้ามเนื้อนั่นเองค่ะ💁&zwj;♀️<hr>ข้อดีในแง่ของการสวมใส่โดยทั่วไป<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4641/c0fea5d8-f700-4f20-87cc-d5251db271db.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ผู้สวมใส่จะรู้สึกสบายตัวมากกว่าใส่กางเกงปกติ เนื่องจากเนื้อผ้าของกางเกงรัดกล้ามเนื้อนั้นค่อนข้างบางเบา กระชับกับลำตัว ไม่ได้แน่นเกินไปแต่ก็ไม่รุ่มร่าม ระบายอากาศ🍃และระบายเหงื่อได้ดีเมื่ออากาศร้อนค่ะ✨ช่วยเพิ่มอัตราการไหลเวียนของแก๊สออกซิเจนในกล้ามเนื้อกางเกงรัดกล้ามเนื้อนั้นช่วยเพิ่มอัตราการไหลเวียนของแก๊สออกซิเจนในกล้ามเนื้อได้ เพราะมีเนื้อผ้าและการตัดเย็บ🪡ที่กระชับ ทำให้เลือด🩸ไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อได้ดี หากสวมใส่ในตอนที่ต้องทำกิจกรรมที่ออกท่าทางมากๆ หรือสวมใส่ในระหว่างออกกำลังกาย🤾&zwj;♀️ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายดีขึ้นค่ะ✨ช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขากางเกงรัดกล้ามเนื้อสามารถช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขา🦵ได้ อันที่จริงจากลักษณะของเนื้อผ้าและการตัดเย็บนั้นก็สามารถช่วยกระชับกล้ามเนื้อได้ทั้งขาเลยค่ะ แต่เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณต้นขานั้นเป็นมัดที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งขา เมื่อทำกิจกรรมที่ออกท่าทางหนักๆหรือทำการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการก้าวขา เดิน วิ่ง🏃&zwj;♀️ สควอท จึงเกิดการสั่นสะเทือนและการกระเพื่อมที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นกางเกงรัดกล้ามเนื้อก็จะช่วยลดแรงตรงนี้ได้ค่ะ✨ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อหลังทำกิจกรรมกางเกงรัดกล้ามเนื้อสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อหลังทำกิจกรรมที่ต้องออกท่าทางมากๆ หรือการออกกำลังกายหนักๆ🚴&zwj;♀️ได้ค่ะ เมื่อกล้ามเนื้อเสียหายน้อยลง กล้ามเนื้อก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม พร้อมที่จะใช้ในกิจกรรมอื่นๆต่อไปค่ะ<hr>&nbsp;ข้อดีสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4641/82d324aa-0614-402b-afd4-fa9248e65fbd.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">💫ลดโอกาสในการเกิดเส้นเลือดขอดได้&nbsp;กางเกงกระชับกล้ามเนื้อนั้นสามารถลดโอกาสในการเกิดเส้นเลือดขอดได้อันที่จริงไม่เฉพาะเส้นเลือดขอดในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์🤰 คุณผู้หญิงโดยทั่วไปก็เช่นกัน แต่เนื่องจากคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์นั้นจะมีโอกาสในการเกิดเส้นเลือดขอดมากกว่าปกติค่ะ เนื่องจากกางเกงรัดกล้ามเนื้อนั้นมีเนื้อผ้าและรูปแบบการตัดเย็บที่กระชับกว่าเกางเกงลำลองทั่วไป มีการบีบกล้ามเนื้อของผู้สวมใส่เบาๆ จึงกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด🩸ภายในกล้ามเนื้อค่ะ💫ลดอัตราการบวมของขาในคุณแม่ตั้งครรภ์การสวมใส่กางเกงกระชับกล้ามเนื้อนั้นลดอัตราการบวมของขา🦵ในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ จริงๆแล้วการบวมของอวัยวะในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์นั้นค่อนข้างเกิดได้อย่างเป็นปกติค่ะ แต่หากสวมกางเกงกระชับกล้ามเนื้อก็จะช่วยให้การบวมค่อนข้างต่ำลงค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;จะเห็นแล้วนะคะว่ากางเกงรัดกล้ามเนื้อนั้นเป็นกางเกงคนละกลุ่มกับกางเกงออกกำลังกายทั่วไปหรือกางเกงโยคะที่เรารู้จักกัน และถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งจำเป็นว่าคุณแม่จะต้องมีหรือต้องสวมใส่ แต่ก็สามารถเลือกสวมใส่ได้ ไม่ได้อันตรายอะไรแถมยังเกิดประโยชน์อีกด้วยค่ะ สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์🤰แต่ไม่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องออกท่าทางหนักๆ หรือไม่ได้ออกกำลังกายอะไร อาจเลือกที่จะไม่ใส่ได้ แต่กับคุณแม่ที่ยังออกกำลังกาย🏋️&zwj;♀️เป็นประจำแม้ในช่วงตั้งครรภ์ การสวมใส่กางเกงรัดกล้ามเนื้อไปด้วยก็นับเป็นข้อแนะนำค่ะ

กางเกงรัดกล้ามเนื้อ จำเป็นสำหรับคุณแม่ท้องไหม?

คุณแม่หลายท่านคงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เมื่อได้สัมผัสว่าเจ้าตัวน้อยในครรภ์กำลังดิ้นหรือกำลังเตะท้องคุณแม่เบาๆใช่ไหมคะ แต่การที่ลูกดิ้นนั้นสามารถบอกอะไรได้มากกว่าเราคิด อาจไม่ใช่การสื่อสารหรือการตอบสนองต่อคุณแม่โดยไม่มีเหตุผล นอกจากนี้การดิ้นยังสามารถบอกความแข็งแรงของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย บทความของเราจะพาไปทำความเข้าใจกับการดิ้นของทารกในครรภ์ให้มากขึ้น เราไปดูกันเลยค่ะ<hr>แบบไหนที่เรียกว่าลูกกำลังดิ้น<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3831/d2b4fe62-8bb3-42b2-aa50-1821005736d3.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คำว่าดิ้นในที่นี้...นับรวมตั้งแต่พฤติกรรมการถีบและเตะท้องของคุณแม่ การกระทุ้ง การหมุนพลิกตัว การโก่งตัว ซึ่งจะทำให้คุณแม่รู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆบริเวณท้อง โดยสามารถเกิดได้ตั้งแต่ช่วงที่คุณแม่มีอายุครรภ์ช่วง 3 เดือนแรกและ 3 เดือนกลาง แต่ในสองช่วงนี้เจ้าตัวน้อยในครรภ์มักดิ้นไม่เป็นเวลาค่ะ เมื่อเข้าช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือการที่คุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ลูกจะมีการดิ้น👶เป็นกิจวัตรหรือเป็นเวลามากยิ่งขึ้น ช่วงประมาณ 3 เดือนหลังของการตั้งครรภ์จึงเป็นช่วงที่คุณแม่ควรใส่ใจกับลักษณะและจำนวนครั้งที่เจ้าตัวน้อยดิ้นเป็นพิเศษค่ะ แต่การดิ้นของเด็กในครรภ์นั้นจะสามารถบอกอะไรได้บ้าง เราไปดูกันในหัวข้อต่อไปเลยค่ะทำไมจึงต้องนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จำนวนครั้งที่เด็กดิ้นสามารถสื่อถึงภาวะและเงื่อนไขทางสุขภาพของทารกได้ หากลูกมีจำนวนครั้งในการดิ้นที่น้อยผิดปกติ ก็อาจสื่อถึงภาวะขาดออกซิเจน ภาวะน้ำคร่ำน้อย น้ำคร่ำรั่ว สายสะดือผูกปม สาเหตุเหล่านี้จะทำให้ทารกดิ้นน้อยลง และประมาณ 12-48 ชั่วโมงต่อมาทารกมีโอกาสจะเสียชีวิตค่ะ แต่หากทารกมีการดิ้นที่ปกติ สามารถบ่งบอกได้ว่าทารกพยายามตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบตัวอยู่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมอง🧠ของทารกค่ะ<hr>วิธีการนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้น<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3831/ad117e22-9e68-47f6-96e2-3f602257dab9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อย่างที่กล่าวไปว่า...การนับลูกดิ้นจะสามารถสื่อถึงอะไรสักอย่างได้เมื่อคุณแม่เข้าสู่การตั้งครรภ์ใน 3 เดือนสุดท้าย ดังนั้นหากอายุครรภ์ของคุณแม่ยังไม่เข้าสู่ช่วงนี้ก็ยังไม่จำเป็นต้องนับค่ะ หากอายุครรภ์ของคุณแม่เข้าสู่ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์แล้ว ช่วงเวลาที่จะนับลูกดิ้นได้จะมีประมาณ 1-2 ช่วง ซึ่งก็คือช่วงเช้า🌞และช่วงเย็นของวันนั้นๆนั่นเองค่ะเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุกหรือแรงกระแทกบริเวณท้อง....1 ครั้งให้นับเป็น 1 ครั้ง และเมื่อรู้สึกในครั้งต่อๆไปก็ให้นับทบยอดจากครั้งแรก เป็นครั้งที่ 2 3 4 ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหยุด โดยปกติแล้วในระยะเวลา 1 ชั่วโมง (เริ่มจับเวลาตั้งแต่ครั้งแรกที่รับรู้ได้ถึงแรงกระแทก) จะต้องรับรู้ถึงการดิ้น 4 ครั้งขึ้นไปค่ะหากในชั่วโมงแรกเด็กยังดิ้นไม่ถึง 4 ครั้ง ให้คุณแม่เริ่มจับเวลาในชั่วโมงที่สองต่อเลย และหากในช่วงชั่วโมงที่สอง เด็กยังคงดิ้นไม่ถึง 4 ครั้ง (นับต่อจากชั่วโมงแรกได้เลย) ถือเป็นสัญญาณที่ผิดปกติ คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์เจ้าของครรภ์👨&zwj;⚕️ทันทีค่ะ คุณแม่ควรกำหนดช่วงเวลาในแต่ละวันที่จะทำการนับลูกดิ้นอย่างชัดเจน เพื่อจะได้นับในช่วงเวลาเดิมทุกวัน หากวันไหนมีจำนวนครั้งการดิ้นที่ผิดปกติจะได้จับสังเกตได้ และสามารถไปพบแพทย์เจ้าของครรภ์ได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดความผิดปกติค่ะ<hr>&nbsp;รู้สึกว่าทารกดิ้นน้อยจะทำอย่างไรดี<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3831/8542aaf2-dae9-4e52-ad27-ffb33d2e19c8.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หากคุณแม่ได้ทำการนับจำนวนครั้งที่เจ้าตัวน้อยดิ้น....แล้วพบว่าจำนวนครั้งนั้นน้อยกว่าปกติ ควรไปพบแพทย์ทันทีค่ะ และระหว่างที่ไปพบแพทย์ควรงดน้ำงดอาหารไว้ก่อน เผื่อมีกรณีฉุกเฉินที่คุณแม่จะต้องผ่าตัดด่วนทันทีค่ะ🚨 แต่หากอยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว แพทย์เจ้าของครรภ์วินิจฉัยว่าทารกไม่ได้มีความผิดปกติอะไร คุณแม่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะคลอดค่ะรักษาสุขภาพด้วยวิธีทั่วไป....ซึ่งหมายถึงการควบคุมโภชนาการ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณและความถี่ที่เหมาะสม ออกกำลังกายเบาๆบ้าง (ตามคำแนะนำของแพทย์) เป็นครั้งคราว และพักผ่อนอย่างเพียงพอค่ะ ลดปริมาณคาเฟอีน☕ที่รับในแต่ละวันลง งดสารเสพติดทุกประเภททั้งกลุ่มที่ผิดกฎหมายและถูกกฎหมายค่ะคุณผู้อ่านได้อ่านมาถึงตรงนี้คงจะทราบแล้วนะคะ ว่าพฤติกรรมเล็กๆน้อยๆของเจ้าตัวน้อยในครรภ์อย่างการดิ้น สามารถบอกอะไรเราได้มากกว่าที่คิด ดังนั้นตัวคุณแม่เองจึงควรนับการดิ้นของลูกอยู่เสมอ และไม่ควรมองข้ามสัญญาณเล็กๆน้อยจากทารกในครรภ์ค่ะ

วิธีนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้น แบบไหนที่เรียกว่ากำลังดิ้น

&nbsp; &nbsp; &nbsp;การที่ครอบครัวจะมีสมาชิกใหม่เข้ามานั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง การเตรียมตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่นั้นอาจต้องใช้การวางแผนล่วงหน้า เพื่อเป็นการที่จะพร้อมรับเจ้าตัวน้อย👶ได้อย่างดี บทความนี้ได้รวบรวมสิ่งของที่จำเป็นเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องจัดห้องนอนให้เด็กอ่อน มีอะไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ลิสต์สิ่งของจำเป็นเมื่อต้องจัดห้องนอนให้เด็กอ่อน มีดังต่อไปนี้👉เปลเด็กเมื่อเลือกเปลนอนสำหรับลูก สิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญคือความปลอดภัยและความทนทานของเปล แนะนำให้คุณแม่เลือกเปลที่สามารถปรับระดับได้และมีการถ่ายเทอากาศได้ดีเพื่อเป็นการป้องกันลูกขาดอากาศหายใจขณะนอน😴 ควรลงทุนกับเปลที่มีคุณภาพสูงและออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ&nbsp;<hr>และรวมไปถึงสิ่งของเหล่านี้ด้วย👉อุปกรณ์สำหรับการเดินทางเช่น รถเข็น และคาร์ซีท🛞👉ชุดเครื่องนอนเช่น หมอน ผ้าห่ม ผ้าห่อตัว🎽 และผ้ายางรองกันน้ำ👉เสื้อผ้าเด็กอ่อนเช่น ถุงมือ ถุงเท้า🧦 และหมวก รวมไปถึงผ้าอ้อม ผ้ากันเปื้อน และผ้ากันน้ำลาย👉อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ&nbsp;เช่น ทิชชู่เปียก คอตตอนบัด และสำลี โลชั่นทาผิว🧴 น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็ก&nbsp;👉อุปกรณ์ในการอาบน้ำเช่น อ่างอาบน้ำ🛀 แชมพู เจลอาบน้ำ ฟองน้ำถูตัว และผ้าขนหนู👉ปรอทวัดไข้ปรอทวัดไข้🌡️และยาสามัญประจำบ้านมีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อเด็กอ่อนเกิดอาการไม่สบาย👉เครื่องปั๊มนมสำหรับคุณแม่ทารกแรกเกิดนั้นมีความจำเป็นต้องดื่มนม🤱และคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการให้นมทารกอย่างต่อเนื่อง &nbsp;ทำให้อุปกรณ์ล้างขวดนม ขวดนม🍼 และเครื่องปั๊มนมนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณแม่ควรให้ความสำคัญต่อความสะอาดและความปลอดภัยของทารกแรกเกิด👶มากที่สุด และยังคงต้องให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่ทารกจะเข้าไปอยู่อาศัย เช็คให้มั่นใจว่าห้องนอนมีแสงสว่างเพียง💡 มีอากาศถ่ายเทสะดวก และยังต้องมีอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือไม่เย็นเกินไปสำหรับลูก เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ลูกอยู่ได้อย่างสะดวกสบายแล้วค่ะ

วิธีจัดห้องนอนเด็กอ่อน ต้องเตรียมอะไรบ้าง มาดูกัน!

울아기 하루에 낮잠 몇 번 자는게 맞을까? 오늘은 왜 횟수가 줄었지? 왜이렇게 안자는 거야?😩 한다면 잠퇴행기 일 수 있어요! 월령별 낮잠 횟수와 잠퇴행기 오는 시기 확인해 볼까요?✅&nbsp;<hr>잠퇴행 그게 뭐야?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2513/bab27ecc-ff4d-4996-a552-34bc8f3e1493.jpeg">대체 왜 안자는 거야...&nbsp;✅잠퇴행이란?잠퇴행은 잘자고 있던 아이가 갑자기 밤에 깨어나기 시작하거나, 짧은 낮잠을 자거나, 이유 없이 낮잠을 건너뛰는 기간을 말해요.😿 원더윅스와 같이 오기도 하며, 주로 6주, 4개월, 8~9개월, 15개월에 발생해요.✅잠퇴행! 왜 일어나는 거야?대부분 성장의 박차를 가하기 때문에 일어나요. 뇌를 비롯해 신체 성장의 절정을 달릴 때 잠퇴행도 함께 온다고 볼 수 있어요.🚀 또 다른 이유로는 6개월 이상의 아이가 잠 퇴행을 보인다면, 이앓이일 가능성이 높아요.<hr>개월별 낮잠횟수는? <img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2513/b0719a48-85e9-45db-b9e8-8c72b417e27e.jpeg">제발 자야해... 아가야...✅0-2개월(낮잠 : 6~8회)이제 막 세상에 나온 아기는 수유와 잠에 집중해 세상을 배워가고 있어요.👶 그래서 이 때는 불규칙적이고 짧은 낮잠으로 대부분을 형성하게 돼요.✅3-4개월(낮잠 : 4~5회)그동안 낮잠을 잘 자던 순한 아기였어도, 이 무렵 잠퇴행기를 거치며, 엄빠의 혼을 쏙 빼놓는 시기예요. 아이마다 다르겠지만 가장 강한 잠퇴행기를 거치는 그야말로 혼돈의 잠투정을 경험할 수 있어요.🚨✅5~6개월(낮잠 : 3~4회)아직은 짧은 낮잠을 자는 것이 맞아요. 6개월 끝 무렵, 낮잠 시간이 좀 더 길어지고 규칙적으로 고정되는 패턴을 보여요.😍✅7~8개월(낮잠 : 2~3회)다시 찾아온 잠퇴행기😱 8~9개월 사이에 발생해요. 이앓이와 동반되어 나타날 수 있어요.✅9~12개월(낮잠 : 2회 )&nbsp;이제 엄빠는 아기의 낮잠 시간과 패턴을 예측할 수 있어요.😴 만약 엉뚱한 시간에 낮잠을 잔다면 일정한 패턴으로 낮잠을 잘 수 있도록 도와줘야 해요.

낮잠을 건너뛰고 칭얼거린다면, 잠퇴행?

คุณพ่อคุณแม่ทานเมื่อลูกไม่กินข้าว กินแต่ขนมและยังกินของเล่นอีก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยๆในเด็กวัยเตาะแตะ ทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรทำสิ่งต่อไปนี้<hr>วิธีรับมือลูกไม่ยอมกินข้าว<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2458/7d13ca11-856c-4cf8-8fb2-91868c6acc78.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรทำอย่างไรดี?✨ลดปริมาณขนมต่างๆ🍬 ที่ลูกทานส่วนใหญ่จะมีรสหวาน ทำให้น้ำตาลในเลือดมีระดับที่สูงขึ้นหลังการกิน และจะไปกดสมองส่วนที่ควบคุมความหิวในสมองของลูก ทำให้ลูกไม่อยากกินนั่นเองค่ะ✨จัดเมนูที่หลากหลาย🍲เพื่อให้ลูกได้ลองอาการใหม่ๆ และยังเป็นการดึงดูดความสนใจลูกได้อีกด้วย ซึ่งเด็กวัยนี้มักทานอาหารใหม่ได้ง่าย✨ทานพร้อมกันทั้งครอบครัว เพราะการที่ลูกได้ทานอาหารพร้อมกับผู้ใหญ่👪จะทำให้ลูกทานอาหารได้มากขึ้น เพราะการเห็นคนอื่นทานเป็นการกระตุ้นความอาหารของลูกได้นั่นเองค่ะ✨ตกแต่งจานให้สวยงามน่าทาน ลองจัดจานลูกให้ดูน่ารัก เสริมสร้างจินตนาการ ทำให้แต่ละมื้อมีสีสันสดใส อาจทำเป็นตัวการ์ตูนหรือรูปทรงต่างๆ⭐ที่ลูกชอบ✨ตักอาหารปริมาณพอเหมาะ หากตักให้ลูกมากเกินไป🍲 อาจทำให้ลูกเห็นแล้วไม่อยากทาน เพราะรู้สึกว่ายากที่จะทานให้หมด ควรกำหนดเวลาที่ชัดเจนในการทาน และเมื่อหมดเวลาทานก็ให้เก็บจาน✨ให้ลูกวิ่งเล่น หากลูกวิ่งเล่นออกกำลังกายจนเหนื่อย🏃 จะทำให้ลูกรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที แต่ที่สำคัญคือห้ามให้ขนมหรือของว่างอื่นๆเลยนะคะ<hr>เมื่อลูกไม่ค่อยยอมทานข้าวได้ควรทำอย่างไร?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2458/6b39d722-a4d3-4eb5-9356-3ecd806c7538.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เช็คสิ่งเหล่านี้ก่อนอื่นเลยควรเช็คน้ำหนักและส่วนสูงของลูกว่าลูกยังอยู่ในช่วงปกติหรือไม่ หากพบว่าน้ำหนักและส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์แปลว่าคุณกำลังให้ปริมาณอาหารลูกที่พอเหมาะ หากลูกไม่ยอมทานก็ไม่ควรไปบังคับ หรือดุด่าให้ลูกทาน และควรงดขนมต่างๆ ไอศกรีม🍦 และอื่นๆ เพื่อให้ลูกไม่อิ่มก่อนมื้ออาหาร โดยควรให้อาหารเหล่านี้หลังมื้ออาหารลดนมเป็นอาหารเสริมหากลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไป ข้าวควรเป็นอาหารหลักและนมควรเป็นอาหารเสริม โดยควรลดจำนวนการให้นมลงเหลือวันละ 2-3 มื้อ โดยไม่ควรให้ก่อนมื้ออาหาร เมื่อทานข้าว🍲ให้ลูกนั่งทานบนเก้าอี้ และ เมื่อทานกันทั้งครอบครัวก็ไม่ควรพูดคุยเรื่องเครียดๆ โดยปล่อยให้ลูกลองทานเองและคอยช่วยเหลือในส่วนที่จำเป็น

ลูกกินแต่ขนม ไม่ยอมกินข้าว

신생아를 키우는 엄마들이라면 하루에도 몇 번씩 난감한 일🫢이 종종 찾아오곤 해요. 아이를 키우면서 일어나는 일들에 대해 모두 알고 있을 수는 없는 법이죠. 하지만 미리 알아둔다면 조금이라도 여유롭게 아이에게 대처할 수 있답니다. 그렇다면 신생아들이 꼭 하는 용쓰기 보신 적 있으신가요?👀 아이들이 용쓰기를 할 때는 얼굴이 빨개지거나 온몸을 비트는 증상을 보이기도 하는데요. 이렇게 힘겨워하며 용을 쓰는 원인은 무엇일까요?💁&nbsp;<hr>용을 쓰는 원인이 있을까요?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/7830e09b-d1c4-4372-94a4-e9d334763ce2.webp" class="fr-fic fr-dib">왜? WHY?엄마의 배 속에서는 배출이라는 개념이 없었어요. 세상에 나와서는 독립적으로 해나가야 하는데 먹기만 하고 배출을 못 하면 안 되겠죠? 아이는 스스로 배출하는 과정을 배우는 것이고 성장 과정에 필요한 것을 하는 것이랍니다. 또한 자기가 불편한 무언가를 표현하는 하나의 방식이기도 하지요. 용쓰기를 하는 주원인은 배앓이인데요. 장에 쌓인 가스로 인해 괴롭기 때문이에요.😩 그렇다면 우리 아이가 용쓰기를 할 때, 엄빠는 어떻게 대처해야 할까요? 그 방법에 대해 알아보도록 할게요!<hr>신생아 용쓰기, 대처 방법!<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/500c513c-b527-49bb-bc44-74b46d10fe71.webp" class="fr-fic fr-dib">대처방법 내가 다 알려줌!➰트림시켜주기아이가 먹고 난 후에 트림을 시켜주지 않았거나 부족했을 경우 용쓰기를 하게 된답니다. 이때 아이의 등을 두들겨 트림을 시켜주시면 아이는 한결 편안해질 거예요.🌿 그래서 꼭 수유한 후에는 트림을 시켜주셔야 하는데요! 트림을 시켜줬는데도 용쓰기를 한다면 조금 더 트림을 시켜주세요.➰마사지 해주기저녁에 목욕 후 아이에게 로션을 발라주면서 마사지를 해주면 아이는 편안히 잠을 자는 데 도움이 많이 돼요. 그런 마사지가 배앓이에도 효과 만점이랍니다.💯 마사지에도 여러 가지 종류가 있다고 하는데요. 그중에서도 들어보셨나요? ILU를 그려주는데 U를 뒤집어서 그려주면 가장 효과가 좋다고 해요👍🏻. 아가들이 용쓰기를 하신다면 꼭 마사지를 해보세요!➰세워 안아서 달래주기보통 많이 해주시는 방법 중 하나죠? 아이를 키울 때 왜 우는지 몰라서 가장 먼저 해보는 방법일 거예요. 이렇게 세워서 안아주게 되면 가볍고 부드러운 진동으로 인해 혈액순환에 많은 도움이 된다고 해요. 아이를 안아주면서 아이가 아픈 것에 교감하고 이해하며 대화해 주면 더 좋겠네요.➰모유 수유 중이라면 전유, 후유 골고루 먹이기모유 수유를 하신다면 보통 전유를 많이 먹이게 되면 배에 가스가 차게 된다고 해요. 항상 유의하시면서 전유, 후유를 골고루 먹여주신다면 가스가 차서 힘들어하지 않을 거예요. 한쪽 가슴을 기준으로 15분 이상은 먹여주셔야 전유,후유 골고루 먹일 수가 있습니다. 수유 후 꼭 트림을 시켜주세요.🐣아이들이 용을 쓰게 되는 것은 성장 과정의 일부분이에요. 하지만 엄빠가 아이의 생활방식과 방법에서 조금만 더 신경 써주신다면 괴로워하는 일이 적어질 거예요. 아이들은 엄빠의 심리적인 영향을 많이 받는다고 해요. 때문에 항상 아기 앞에서 불안한 모습보다 안정적인 모습을 자주 보여주시고 아기를 편안하게 해주시는 것이 좋겠지요? 또한 아기들에게 있어서 적정 온도 습도 유지는 필수랍니다. 쾌적한 환경을 유지해 주시고 항상 수유 후에는 트림을 해주시며 배앓이를 하지 않도록 노력해 주시는 것이 용쓰는 아이에게 많은 도움이 될 거예요.🌻 <a href="https://billyapplication.page.link/?link=https://billyapplication.page.link/community&apn=kr.villagebaby.billyapplication&isi=1497301126&ibi=kr.villagebaby.billyapplication&ofl=https://babybilly.app"></a>

신생아 용쓰기, 왜 하는 건가요? (feat.증상, 원인, 대처 방법)

&nbsp; &nbsp; &nbsp;สำหรับคุณแม่ที่กำลังมีเจ้าตัวน้อยในครรภ์นั้น คงมีเรื่องตื่นเต้นมากมายเกี่ยวกับทารกในครรภ์🤰 คุณพ่อคุณแม่อาจมีความลุ้นและกังวลว่าลูกในครรภ์นั้นจะมีสุขภาพ พัฒนาการ การตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ปกติหรือไม่ วันนี้บทความของเราพาคุณผู้อ่านมาดูถึงหนึ่งวิธีที่สามารถใช้ในการตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กในครรภ์เบื้องต้นได้ด้วยตนเอง นั่นก็คือการฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของเจ้าตัวน้อยในครรภ์นั่นเองค่ะ จะสามารถทำอย่างไรได้บ้างนั้น ก่อนอื่นเราไปเริ่มที่วิธีการทางการแพทย์กันก่อนเลยค่ะ💁&zwj;♀️<hr>วิธีตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/5b408294-f762-4092-90ff-e5ac9830d2b2.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;"><ol><li dir="ltr">ใช้เทคนิค Real time sonography ซึ่งถือว่าเป็นการทำอัลตร้าซาวนด์รูปแบบหนึ่ง หลักการก็คือการปล่อยคลื่นเสียงความถี่🔊ที่หูของคนเราไม่สามารถได้ยินได้ลงไปที่บริเวณท้องของคุณแม่ จากนั้นจึงใช้ตัวรับสัญญาณ ในการรับสัญญาณจากคลื่นความถี่นั้น แล้วแปลงสัญญาณออกมาปรากฏในรูปแบบขอภาพบนจอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพภายในท้องของคุณแม่ ณ ช่วงเวลาจริงที่กำลังทำการตรวจ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ทั้งแพทย์เองและคุณแม่สามารถมองเห็นถึงการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้ รวมถึงการเต้นของหัวใจก็ได้เช่นกันค่ะ</li><li dir="ltr">ใช้ Ultrasonic Doppler&nbsp;ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้คลื่นความถี่ในการตรวจสอบเสียงหัวใจ🫀ของทารกได้เช่นเดียวกัน โดยจะใช้กับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 10-12 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ</li><li dir="ltr">ใช้เทคนิค Echocardiography&nbsp;ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบการทำงานของหัวใจทารกด้วยคลื่นความถี่สูงค่ะ แต่สำหรับเครื่องมือนี้จะใช้ได้ช่วง 48 วันหลังคุณแม่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายค่ะ🩸</li></ol><hr>&nbsp;วิธีฟังเสียงหัวใจทารกที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/84af776b-28b8-4268-8f21-8f53ffb0db2a.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">&nbsp; &nbsp; ใช้ Stethoscope🩺 หรือหูฟังทางการแพทย์ในการตรวจสอบ &nbsp;ซึ่งก็คือการจิ้มปลายหูฟังไปยังบริเวณที่ต้องการจะฟังเสียงนั่นเองค่ะ อันที่จริงแล้วเครื่องมือนี้ก็ถือเป็นเครื่องมือทางการแพทย์เช่นเดียวกัน แต่เป็นเครื่องมือที่นอกจากแพทย์จะใช้ได้แล้ว คุณแม่หรือสมาชิกท่านอื่นๆในครอบครัวก็สามารถเรียนรู้ที่จะใช้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องทราบถึงเทคนิคในการใช้ และตำแหน่งที่ต้องการฟังเสียงค่ะ✨ตำแหน่งที่เหมาะกับการฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์<ol><li dir="ltr">หากร่างกายของทารกอยู่ระนาบเดียวกับร่างกายของคุณแม่ในท่ายืน พูดให้เห็นภาพก็คือ หากจินตนาการว่าทารกกำลังยืนตรงภายในครรภ์ของคุณแม่🤰 จะได้ยินเสียงหัวใจของเด็กได้ก็ต่อเมื่อแตะปลายหูฟังไปที่บริเวณที่สูงกว่าสะดือของคุณแม่ค่ะ</li><li dir="ltr">ในทางตรงกันข้าม หากจินตนาการว่าทารกกำลังพลิกตัวกลับหรือกำลังอยู่ในท่าคว่ำตัว เอาศีรษะดิ่งลงมา จะได้ยินเสียงหัวใจ🫀ของเด็กได้ในบริเวณที่ต่ำกว่าระดับสะดือของคุณแม่ค่ะ</li><li dir="ltr">หากศีรษะของทารกเยื้องไปทางขวาของอุ้งเชิงกรานคุณแม่ จะได้ยินเสียงหัวใจได้ก็หากนำปลายหูฟังไปแตะบริเวณหน้าท้องฝั่งขวาค่ะ</li><li dir="ltr">ในทางกลับกัน หากศีรษะของทารกเยื้องไปทางซ้ายของอุ้งเชิงกรานคุณแม่ จะได้ยิน👂เสียงหัวใจได้ก็หากนำปลายหูฟังไปแตะบริเวณหน้าท้องฝั่งซ้ายนั่นเองค่ะ</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;จะเห็นแล้วนะคะว่าปัจจุบันมีวิธีการที่หลากหลายมากที่จะทำให้เราสามารถตรวจสอบการเต้นของหัวใจของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้จากการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งก็มีทั้งเครื่องมือหรือเทคนิคที่จำเป็นต้องตรวจที่โรงพยาบาล🏥 และเครื่องมือที่เราสามารถเรียนรู้ที่จะใช้ได้เอง หากคุณแม่ท่านใดสนใจก็สามารถลองทำตามวิธีดังกล่าวกันได้นะคะ

เสียงหัวใจทารกในครรภ์ เริ่มฟังได้ตอนไหน?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์จะเป็นช่วงที่คุณแม่มีระดับฮอร์โมน และค่า hCG ในเลือดชัดเจนมากยิ่งขึ้น แล้วมีสิ่งไหนที่คุณแม่ควรระวังในขณะตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์ วันนี้ทางเราได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแม่ทราบพร้อมๆกันแล้วค่ะ💁‍♀️<hr>การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์👉อาการครั่นเนื้อครั่นตัวคุณแม่จะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว และมีอาการอาการไข้ต่ำ🤒 อาการเหล่านี้จะปรากฏในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอาการนี้จัดว่าเป็นอาการปกติ คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ วิธีดูแล คือ ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะทำให้อาการทุเลาลงได้👉อาการปวดหลังคุณแม่จะพบเจอกับอาการปวดหลัง เนื่องจากร่างกายมีการขยายตั้งแต่ช่วงอุ้งเชิงกรานลงมา เพื่อเตรียมรองรับตัวอ่อนที่กำลังจะเกิดขึ้น อาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตัว และปวดตรงบั้นเอวนั้นเป็นอาการที่แม่ท้องต้องเผชิญ คุณแม่ควรปรับเปลี่ยนท่านอน🛏️ หรือใช้หมอนตั้งครรภ์หนุนช่วงขา เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้แล้วค่ะ👉อาการอยากทานของเปรี้ยว&nbsp;หนึ่งอาการยอดฮิตของคุณแม่ท้องอ่อนๆ คืออาการหิวอาหารเปรี้ยว เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้ม🍊 สตอเบอร์รี่🍓และองุ่น🍇 เป็นต้น ยังรวมไปถึงอาการหิวอาหารเมนูแปลกๆในคุณแม่บางรายอีกด้วย👉มีความไวต่อกลิ่นคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์จะมีสัมผัสกับกลิ่นที่ไวยิ่งขึ้น👃 แพทย์เรียกอาการนี้ว่า “Super Smell” อาการเหล่านี้มักทำให้คุณแม่รู้สึกเวียนศีรษะ มีอาการคลื่นไส้กับกลิ่นต่างๆรอบตัว ไม่ใช่เฉพาะกับกลิ่นอาหาร แต่ยังรวมไปถึงกลิ่นหอมต่างๆ เช่น กลิ่นของน้ำหอม และอาจรวมไปถึงอาจมีอาการเหม็นสามี จนไม่อยากให้สามีเข้าใกล้ด้วยเช่นกัน&nbsp;👉ความต้องการทางเพศเปลี่ยนไปคุณแม่จะมีความต้องการทางเพศที่เพิ่มขึ้น ในบางรายจะมีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น หรือในบางรายก็อาจจะมีความต้องการทางเพศที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาการนี้จะหายไปก็ต่อเมื่อคุณแม่เริ่มเข้าสู่การตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 🤰เป็นต้นไป&nbsp;👉รูปร่างมีน้ำมีนวลคุณแม่จะมีร่างที่อวบยิ่งขึ้น และมีลักษณะมีน้ำมีนวล จึงสังเกตได้ว่าไม่สามารถใส่เสื้อผ้าชุดเดิมได้อีกต่อไป เพราะชุดคับลง👗 จนทำให้คุณแม่หลายๆท่านอาจสงสัยว่าตัวเองทานอาหารเยอะเกินไปหรือเปล่า&nbsp;<hr>วิธีปฏิบัติตัวสำหรับคุณแม่ท้อง 3 สัปดาห์✨หยุดการทานยาทุกชนิดที่เคยทานก่อนตั้งครรภ์คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา💊หรือรับประทานวิตามินใดๆเข้าร่างกาย เพราะยาหรือวิตามินเหล่านั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ได้ เช่น วิตามินเอ✨ระมัดระวังตัวมากขึ้น&nbsp;คุณแม่ควรใส่ใจดูแลตนเองให้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ เช่น การใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำยาล้างห้องน้ำ เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักด้วย📦&nbsp;✨ลดละเลิกการดื่มแอลกอฮอล์&nbsp;คุณแม่ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด การสูบบุหรี่🚬 รวมไปถึงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ด้วยและหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีที่สุดค่ะ ควรหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสารอาหารเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังทารกผ่านทางสายสะดือ✨งดสัมผัสกระบะทรายแมว&nbsp;คุณแม่ควรงดการสัมผัสกับอุจจาระของแมว🐈อย่างเด็ดขาด เพราะในอุจจาระ💩แมวจะมีเชื้อโรคอยู่ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านั้นจะส่งผลจะกระทบโดยตรง ผ่านการหายใจ หรือผ่านการสัมผัส สามารถทำให้ตัวเชื้อเข้าสู่ปอด และส่งผลถึงเด็กในครรภ์ได้✨แจ้งทันตแพทย์ว่ากำลังตั้งครรภ์&nbsp;เพราะการทำฟันนั้น🦷 อาจส่งผลกระทบต่อครรภ์ของคุณแม่ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ควรจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือทันตแพทย์ที่คุณได้ทำการรักษา เพื่อการหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์✨งดกิจกรรม adventureคุณแม่ควรงดกิจกรรมโลดโผนทุกชนิด เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก การเดินป่า🧗‍♀️ และชกมวย🥊 เป็นต้น เพราะกิจกรรมเหล่านี้อาจส่งผลกระทบกับเด็กในครรภ์ได้นั่นเองค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp; แม้ว่าการตั้งครรภ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 นี้ คุณแม่จะยังคงใช้ชีวิตได้เป็นปกติ แต่คุณแม่ก็ควรระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุต่างๆที่สามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ รวมไปถึงควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อน😴 การทานอาหารที่มีประโยชน์ และหันมาดูแลสุขภาพร่างกายให้มากยิ่งขึ้น

อาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์

<h1 dir="ltr" id="isPasted">&nbsp; &nbsp; &nbsp;เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคงคาดหวังให้ลูกเป็นคนเก่ง คนดี ประสบความสำเร็จในชีวิต🏆 และเป็นแบบที่เราอยากให้เขาเป็น แต่อย่างไรก็ตามตอนที่เด็กคนหนึ่งเติบโตมาในครอบครัวเดียวกัน สภาพแวดล้อมใกล้เคียงกัน เรียนที่โรงเรียนเดียวกัน หรือมีลักษณะนิสัยใกล้เคียงกัน แม้แต่พี่น้องที่คลานตามกันมา ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะปฏิบัติตามทุกอย่างได้ดั่งใจที่คุณแม่คาดหวังไว้ไปนะคะ เพราะฉะนั้นหยุดเปรียบเทียบลูกของคุณกับลูกคนอื่นทั้งที เพราะอะไรบ้างนั้น เรามีคำตอบมาให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ ณ ที่นี้แล้วค่ะ💁&zwj;♀️</h1><hr>ข้อเสียของการเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/db808fdd-cf92-4702-ad7b-4699c14e95b9.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ&nbsp;เมื่อถูกคาดหวังให้เป็นในสิ่งที่พ่อแม่วาดฝันไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นความปรารถนาดีก็ตาม สิ่งนี้อาจกลับกลายเป็นฝันร้ายสำหรับลูก😰 หากพ่อแม่มีการใช้ถ้อยคำในเชิงลบเพื่อเปรียบเทียบลูก เช่น &quot;ทำไมเรื่องง่ายๆ แค่นี้ถึงทำไม่ได้เหมือนเพื่อน&quot; &quot;ทำไมหน้าตาไม่น่ารักเหมือนคนพี่เลย&quot; แม้อาจจะพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นี่ถือว่าเป็นการบูลลี่ (Bully) ทำให้เกิดเป็นปมในใจในของ และอาจนำไปสู่การลดทอนคุณค่าในตนเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเหมือนคนอื่น ทำให้ลูกกลายเป็นคนที่อาย ไม่กล้าเข้าสังคม และหลีกเลี่ยงทุกหนทางที่จะไปเจอเพื่อนๆ พ่อกลัวจะถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือโดนบูลลี่นั่นเอง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย เพราะลูกจะรู้สึกกดดันและเครียด🤯เมื่อถูกพ่อแม่เปรียบเทียบบ่อยครั้ง รวมถึงเกิดความอิจฉาริษยากันระหว่างพี่น้อง หากถูกพ่อแม่เปรียบเทียบกันในครอบครัวเสมอทำให้เกิดความขัดแย้งภายในครอบครัวเมื่อลูกโดนเปรียบเทียบอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้ลูกรู้สึกโกรธ และอาจแสดงพฤติกรรมต่อต้านพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการประชดประชัน การทะเลาะเบาะแว้ง🤬 จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในครอบครัวได้ แถมถ้อยคำที่รุนแรงจนกระทบต่อจิตใจเด็ก ยังถือเป็นการละเมิดสิทธเด็กทางด้านวาจาและอารมณ์ ยิ่งพ่อแม่พูดเปรียบเทียบบ่อยมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกแย่ต่อบุพการีและตัวของเขาเองด้วย &nbsp;หยุดเปรียบเทียบ แล้วเลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ🫂<hr>เทคนิคในการสื่อสารเพื่อลดการใช้วิธีการเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/186da79c-320a-442e-818f-bec36dc1677a.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">บอกลูกให้ชัดถึงสิ่งที่อยากจะสอน หรืออยากให้ทำ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่ควรสื่อสารให้ชัดเจนถึงสิ่งที่อยากอยากจะสอน หรืออยากให้ลูกทำ โดยการใช้ถ้ายคำและน้ำเสียงที่อ่อนโยน เช่น แทนที่จะพูดกับลูกว่า &ldquo;หัดตั้งใจเรียนเหมือนพี่บ้าง มัวแต่เล่นแบบนี้ถึงสอบตก ดูพี่เขาเป็นตัวอย่างสิ🫵🏻&rdquo;ควรหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ และเปลี่ยนไปพูดคุย หรือสอนลูกไปตรงๆ ว่า &ldquo;แม่ว่าลูกลองปรับเวลาเรียนกับเล่นอีกนิด ครั้งหน้าหากคะแนนสอบดีขึ้น หนูจะได้ไม่ต้องสอบตก มีเวลาเล่นเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย🥰&rdquo;ดึงข้อดีในตัวของลูกมาเป็นจุดเด่นแน่นอนว่าเด็กแต่ละคนนั้นมีข้อดีและพรสวรรค์ที่แตกต่างกันออกไป แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะไปโฟกัสกับจุดด้อยของลูก ควรเปลี่ยนมาโฟกัสจุดเด่นและความสามารถที่ลูกถนัดจะดีกว่านะคะ เช่น ลูกอาจจะไม่เก่งด้านวิชาการ แต่ชื่นชอบและถนัดในด้านศิลปะ🎨 กีฬา คุณพ่อคุณควรให้ความสนับสนุนในด้านที่ลูกสนใจเพิ่มเติม เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของลูกให้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเขานั้นก็มีดี และไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นด้วยเช่นกันชื่นชมเมื่อลูกทำดีและคอยซัพพอร์ทในสิ่งที่ลูกทำ คำชื่นชมยินดีนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงคุณพ่อคุณแม่เอ่ยชื่นชมลูก เมื่อลูกทำได้ดีหรือทำสิ่งที่ดี เช่น &ldquo;เก่งมากเลยลูก แม่ภูมิใจในตัวหนูมากๆค่ะ👏&rdquo; เพียงเท่านี้ก็ทำให้ลูกรู้สึกมีความสุข และยังเป็นการช่วยส่งเสริมด้านอารมณ์ให้ลูกเป็นคนมองโลกในแง่บวก เป็นคนมีทัศนคติที่ดี แถมยังทำให้ลูกมองเห็นคุณค่าในตนเองและมีความมั่นใจที่จะกล้าลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองมากขึ้นเช่นกันค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทราบกันแล้วใช่ไหมคะถึงผลเสียของการเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น นอกจากจะเป็นการบั่นทอนจิตใจของลูกแล้ว การกระทำเช่นนี้ยังส่งผลไปต่อความสัมพันธ์ของบุคคลภายในครอบครัวด้วยเช่นเดียวกัน หากคุณแม่พบว่าลูกกทำผิดพลาด หรือทำได้ไม่ดีดั่งใจ ควรลดความคาดหวังในตัวลูกลงบ้าง และเปลี่ยนมาเป็นการให้กำลังใจลูก💞 และคอยซัพพอร์ท ชื่นชมลูกอยู่เสมอ👏 จะส่งผลดีกว่าการพูดตำหนิหรือเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นๆ ค่ะ&nbsp;

หยุดเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น

การพาลูกไปตรวจสุขภาพเมื่ออยู่ในวัยทารกเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรละเลย เพราะวัยทารกเป็นวัยที่ยังไม่สามารถบอกความเจ็บป่วยของตนเองได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปตรวจก่อนที่ความเจ็บป่วยนั้นจะส่งผลต่อการพัฒนาการและสุขภาพของลูกค่ะ<hr>ควรพาลูกไปตรวจสุขภาพตอนอายุเท่าไหร่?ในแต่ละช่วงวัยของเด็ก👶จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรคอยดูแลและคอยสังเกตุอย่างใกล้ชิดว่าร่างกายของลูกมีการเจ็บป่วยในจุดใดหรือไม่ รวมถึงควรพาไปตรวจสุขภาพต่างๆด้วย โดยอายุที่ควรพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาล🏥ได้แก่💡1 เดือน💡2 เดือน&nbsp;💡4 เดือน💡6 เดือน💡9 เดือน💡12 เดือน💡15 เดือน💡18 เดือน💡2 ขวบ💡ตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ตรวจสุขภาพปีละครั้งการตรวจสุขภาพเรื่อยๆ ยังเป็นการช่วยประเมินพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูก รวมถึงเป็นการป้องกันโรคต่างๆ และเป็นการรักษาได้อย่างรวดเร็วหากลูกป่วยเป็นอะไร<hr>ตรวจสุขภาพทารก มีอะไรบ้าง✨ตรวจร่างกายทั่วไปในส่วนนี้แพทย์จะทำการตรวจสุขภาพเบื้องต้น โดยจะมีการตรวจร่างกายเช่น ตรวจชีพจร🫀 ความดันโลหิต การหายใจ อุณหภูมิร่างกาย รวมถึงจะตรวจดูการเจริญเติบโตของลูก เช่น วัดส่วนสูง น้ำหนัก และในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จะมีการวัดรอบศีรษะด้วย &nbsp;✨ตรวจภาวะโภชนาการแพทย์จะตรวจประเมินภาวะโภชนาการของลูกโดยจะสอบถามประวัติในการรับประทานอาหาร🍲ของลูกจากคุณพ่อคุณแม่ และจะพิจารณาว่ามีปริมาณและสารอาหารว่าเพียงพอไหม โดยในบางรายแพทย์อาจพิจารณาเจาะเลือดเพื่อประเมินและรักษา รวมถึงแพทย์จะเช็คสัดส่วนของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงและอัตราการเติบโตของลูกน้อย👶 ด้วยค่ะ✨ตรวจประเมินพัฒนาการทางด้านอารมณ์และพฤติกรรมลูกจะต้องได้รับการประเมินอารมณ์และพฤติกรรมด้วย เนื่องจากเมื่อลูกยังเล็กลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอามรณ์และพฤติกรรมเสมอ ดังนั้นแพทย์👩‍⚕️จะช่วยประเมินว่าลูกมีปัญหาหรือไม่ หรือควรช่วยเสริมพัฒนาการอย่างไร โดยหากพบปัญหาคุณหมอก็จะสามารถช่วยหาทางรักษาได้อย่างถูกต้องค่ะ✨ตรวจปัสสาวะเมื่อลูกอายุครบ 4 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปตรวจคัดกรองปัสสาวะ🚻 เพื่อตรวจดูความผิดปกติของไต ซึ่งเป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการเมื่อลูกยังเด็กแต่จะส่งผลระยะยาวเมื่อเขาโตขึ้นค่ะ<hr>ตรวจอะไรอื่นๆอีกบ้าง?✨ตรวจการได้ยินการตรวจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการตรวจเด็กทารกคือการตรวจการได้ยิน👂โดยทารกควรได้รับการตรวจตั้งแต่แรกเกิด โดยหากพบว่าลูกมีความบกพร่องในการได้ยิน ก็จะส่งผลต่อพัฒนาการในการพูด👄ด้วยเช่นกัน โดยลูกอาจพูดช้า หรือไม่พูดเลย หากได้รับการตรวจตั้งแต่แรกเกิดก็จะทำให้คุณหมอสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีและอาจทำให้ลูกสามารถฟังและพูดได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ✨ตรวจการมองเห็นลูกควรได้รับการตรวจการมองเห็น👀ด้วย โดยเมื่อลูกโตขึ้นมาหน่อย คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปตรวจสายตาสั้น ยาว เอียงได้ เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจมีผลให้เกิดโรคตาขี้เกียจ หรืออาจทำให้สายตาพิการได้ค่ะ✨ตรวจสุขภาพฟันและช่องปากเมื่อลูกอายุครบ 1 ขวบ ลูกจะสามารถตรวจสุขภาพช่องปากและฟันได้ เมื่อลูกมีฟันขึ้นซี่แรก🦷 ผู้ปกครองสามารถพาลูกไปพบทันตแพทย์👩‍⚕️เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ เมื่อลูกเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้น เขาจะเริ่มเคี้ยงอาหารเอง ดังนั้นการดูแลฟันลูกอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันโรคฟันผุได้✨ตรวจคัดกรองภาวะพร่องเอนไซม์และภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์&nbsp;เมื่อแรกเกิดลูกควรจะได้รับการตรวจภาวะพร่องเอนไซม์และภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อให้สามารถหาภาวะบกพร่องและรักษาได้ทันที เพราะหากลูก👶ไม่ได้รับการตรวจสองสิ่งนี้ อาจจะทำให้พัฒนาการของลูกล่าช้ากว่าวัยอันควร หรืออาจล่าช้าไปทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้ค่ะ✨ตรวจภาวะขาดธาตุเหล็กและภาวะซีดการตรวจคัดกรองสองอย่างนี้จะทำในทารกที่อยู่ในช่วงอายุ 6-9 เดือน เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์ของเลือด ซึ่งในวัย 6-9เดือนนั้นลูกจะเริ่มทานอาหารที่นอกเหนือจากนม🥛และกำลังต้องการได้รับสารอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากนมด้วย ซึ่งลูกจะต้องการเวลาในการปรับตัวในการทานอาหาร และหากได้รับสารอาหาร🍲 ที่ไม่เพียงพอแล้วล่ะก็อาจทำให้ขาดธาตุเหล็ก ทำให้เกิดภาวะตัวซีดได้ในที่สุดค่ะ

ทารกต้องตรวจสุขภาพอะไรบ้าง?

ทำไมต้องตรวจ?💡&nbsp; &nbsp; &nbsp;การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ หรือ biophysical profile เป็นการตรวจ nonstress test (NST) ร่วมกับ ultrasound เพื่อประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยมักจะทำในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ตรวจอย่างไร?💉&nbsp; &nbsp;&nbsp;การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ (biophysical profile) นั้นจะทำการตรวจด้วย NST และ ultrsound เพื่อประเมินประกอบกัน โดยในการตรวจ NST นั้นคุณแม่จะมีสายรัดหน้าท้องเพื่อวัดการเต้นของหัวใจของลูกน้อย และวัดการบีบตัวของมดลูก โดยจะมีการบันทึกการตอบสนองของหัวใจ เมื่อลูกน้อยในครรภ์เคลื่อนไหว การวัดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และจะทำการตรวจ ultrasound เพื่อดูส่วนสำคัญอื่นๆประกอบ โดยให้คุณแม่นอนราบ การ ultrasound นั้นจะเป็นการแปลงเสียงสะท้อนเป็นภาพโดยจะสามารถดูได้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาทีเช่นกันค่ะ<hr>TMI จาก BabyBilly👩&zwj;⚕️: &nbsp;การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ (biophysical profile) จะทำในผู้ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ และ บุคคลที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะมีปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่ตั้งครรภ์แฝด รวมถึงผู้ที่มีเคยมีประวัติทารกเสียชีวิตในครรภ์ ผู้ที่อายุครรภ์เกินกำหนด หรือพบว่าทารกในครรภ์มีการเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ ผู้ที่มีปัญหากลุ่มเลือด Rh หรือ ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องปริมาณน้ำคร่ำที่มากหรือน้อยกว่าปกติ&nbsp;โดยความถี่ของการตรวจนั้นจะขึ้นกับภาวะความเสี่ยงของคุณแม่แต่ละท่านและอาจต้องตรวจเป็นประจำจนถึงวันคลอด

ตรวจสุขภาพทารกในครรภ์

เพราะผิวของทารกยังบอบบางและยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา ดังนั้นทารกจะยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่จึงมีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งรวมถึงฝีที่สามารถเกิดขึ้นในทารกได้ค่ะ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงอาการและวิธีการดูแลรักษาฝีในทารกกันค่ะ&nbsp;<hr>ฝีคืออะไร? สาเหตุของการเกิดฝี<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2821/550483a5-9952-4e38-a957-258c7805e665.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ฝี คือ?การติดเชื้อในรูขุมขนหรือต่อมชั้นใต้ผิวหนัง👶 ทำให้เกิดก้อนเนื้อลักษณะนุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากแบคทีเรียในกลุ่ม staphylococcus aureus ซึ่งโดยปกติแบคทีเรียนี้จะไม่เข้าสู่ร่างกายง่ายๆ เพราะมีผิวหนังช่วยป้องกันอยู่ แต่หากมีการกัดหรือขูดกลายเป็นแผล เชื้อเหล่านี้ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายและสามารถพัฒนาเป็นฝีได้ ซึ่งในช่วงแรกจะผิวจะกลายเป็นสีแดง🔴และมีก้อนเนื้อเกิดขึ้น หลังจากนั้นก้อนเนื้อจะกลายเป็นสีขาวและจะเกิดการสะสมของหนอง ฝึสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส หรือ ผ่านการใช้สิ่งของเครื่องใช้ได้อีกด้วยสาเหตุของการฝีในทารก✨ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ✨ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย✨ขาดสุขอนามัยที่ดี✨สัมผัสสารเคมี เช่น สบู่ ครีม ผงซักฟอก✨สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย&nbsp;<hr>อาการและการรักษาฝีในทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2821/55e10f0f-3a00-4c8d-bc1a-370fd6a068c2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อาการของฝีในทารก&nbsp;ผิวหนังแดงและบวมบริเวณที่ถูกกระทบกระเทือน ในทารกบางคนอาจมีไข้🌡️ร่วมด้วย หรืออาจมีการบวมของต่อมน้ำเหลืองรอบๆแผลการรักษาฝีในทารก&nbsp;ให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการกระจายของการติดเชื้อ และป้องกันเสียดสีกับสิ่งอื่น ให้ปิดด้วยผ้ากอซ แต่หากยังพบว่าแผลมีการขยายใหญ่หรือโตขึ้นควรจะพบแพทย์👨&zwj;⚕️ต่อ แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะ และใบบางกรณีอาจผ่าตัดแผลเพื่อล้างหนองออกค่ะ &nbsp;<hr>การป้องกันการเกิดฝีในทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2821/f185cc50-cf94-41a5-bb08-73ef233b430e.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เราสามารถป้องกันการเกิดฝีให้โดยการหลีกเลี่ยงสาเหตุที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและกลายเป็นฝีได้ เช่น✨ก่อนจับทารกทุกครั้งให้ล้างมือให้สะอาด✨ทำการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวของทารกบ่อยๆ&nbsp;✨รักษาสุขลักษณะอย่างเหมาะสมให้ทารก✨สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีต่อร่างกายโดยการ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่&nbsp;✨หากเกิดฝีควรทำความสะอาดให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายค่ะ

ฝีในทารกเกิดขึ้นได้อย่างไร?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เมื่อตัดสินใจอยากมีลูก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่👫สนใจและศึกษาหาข้อมูลทุกอย่าง ก็เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการมีลูกน้อย👶 ในบางคู่การตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้เป็นง่ายเสมอไปทุกคู่นะคะ เพราะในบางคู่ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ลองทุกทาง ทำมาทุกอย่างแล้ว ก็ยังไม่ได้มีลูกน้อยสมใจ วันนี้เรามี 10 ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์มาฝาก โดยแบ่งเป็น 5 ปัจจัยด้านสุขภาพและ 5 ปัจจัยด้านการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการตั้งครรภ์เพื่อความเข้าใจง่ายค่ะ💁‍♀️<hr>5 ปัจจัยด้านสุขภาพที่มีผลต่อการตั้งครรภ์💫อายุการตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุน้อย&nbsp;หากคุณแม่ตั้งครรภ์เมื่ออายุยังน้อย👱‍♀️ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคโลหิตจางในขณะตั้งครรภ์ ทารกน้ำหนักตัวน้อย การคลอดก่อนกำหนดและการแท้งบุตร&nbsp;การตั้งครรภ์ที่อายุมากเมื่อคุณแม่เกิน 35 ปี👩‍🦳 เมื่ออายุมากขึ้นปัญหาสุขภาพและความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นตามอายุด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง🩸ในขณะตั้งครรภ์ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การแท้งบุตร การตั้งครรภ์นอกมดลูก เลือดออกมากขณะคลอด และอาจเพิ่มความเสี่ยงว่าทารกอาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรม🧬 เช่น ดาวน์ซินโดรม💫โรคต่อมไทรอยด์&nbsp;โรคของต่อมไทรอยด์เป็นโรคของต่อมไร้ท่อ หนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ค่ะ โรคต่อมไทรอยด์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะหัวใจล้มเหลว💔 ทารกน้ำหนักแรกเกิดต่ำ และปัญหาการพัฒนาสมองไม่ดี🧠ดังนั้นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และมีภาวะผิดปกติของต่อมไทรอยด์อยู่เดิม จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการดูแลและควบคุมโรคได้อย่างเหมาะสม เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์&nbsp;💫ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือเรียกสั้นๆว่าภาวะ PCOS จะส่งผลให้การทำงานของรังไข่🥚ผิดปกติค่ะ เมื่อไม่มีไข่ให้ตกมาผสมกับสเปิร์ม ก็ไม่มีตัวอ่อนหรือไม่เกิดการตั้งครรภ์🙅‍♀️ จึงส่งผลโดยตรงว่าคุณแม่ที่มีภาวะ PCOS จึงมีผลต่อการมีบุตรยากค่ะ💫เนื้องอกในมดลูกเนื้องอกมดลูก (Myoma or Fibroids) พบได้ 30-70% ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ เป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่เนื้อร้าย ในบางรายมีก้อนแต่ไม่มีอาการ ทำให้ไม่ทราบมาก่อนว่ามีเนื้องอกในมดลูก อย่างไรก็ตามเนื้องอกนี้ก็ทำให้เกิดอาการผิดปกติได้ เช่น ปวดท้องประจำเดือน มีประจำเดือนมากผิดปกติ🩸 ซึ่งส่งผลให้เกิด ภาวะมีบุตรยาก💫เอชไอวี/เอดส์&nbsp;คุณแม่ที่มีเชื้อเอชไอวีสามารถส่งต่อไปยังลูกน้อยในครรภ์ได้ในระหว่างตั้งครรภ์ อีกทั้งการให้นมบุตร🤱 อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพทารกในอนาคต เช่น ทารกเจริญเติบโตช้า ระบบหายใจผิดปกติ😷 ภาวะขาดออกซิเจน หรือติดเชื้อเอชไอวีจากคุณแม่ได้ ดังนั้นคุณแม่ควรตรวจสุขภาพในช่วงการวางแผนการตั้งครรภ์ค่ะ<hr>5 ปัจจัยด้านการใช้ชีวิตที่มีผลต่อการตั้งครรภ์🚬สูบบุหรี่เป็นประจำ การสูบบุหรี่เป็นประจำทำให้คุณแม่มีภาวะมีบุตรยากค่ะ เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินที่มีผลต่อการคลั่งของเซลล์ที่เพิ่มขึ้นในเซลล์ของท่อนำไข่ และยังมีผลต่อการหมุนเวียนของเลือดไปยังมดลูกและยังเป็นการลดการตกไข่ของฝ่ายหญิง ลดประสิทธิภาพของมดลูกที่เป็นที่ฝังของตัวอ่อนอีกด้วย อีกทั้งในฝ่ายคุณพ่อ👨ที่สูบบุหรี่ จะมีผลให้อสุจิมีจำนวนลดลง อสุจิไม่มีคุณภาพ คู่รักที่อยากมีลูกน้อยควรเลิกบุหรี่อย่างน้อย 3เดือนนะคะ🧋ดื่มชา กาแฟการดื่มกาแฟ☕️ อาจเป็นสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวันเป็นปกติและเป็นประจำ แต่ถ้าดื่มคาเฟอีนเข้าไปประมาณ 300 มิลลิกรัมหรือ 3 แก้วต่อวัน จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยากได้ค่ะ โอกาสมีลูกอาจลดลงถึง 26% เลยทีเดียว🥃ดื่มแอลกอฮอล์การดื่มเหล้า เบียร์ หรือบางคนอาจจะจิบไวน์ในปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลให้โอกาสในการมีลูกอาจลดลงถึง 50% โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยนะคะ เพราะปริมาณของอาจอสุจิลดลง ไม่แข็งแรงพอ เคลื่อนไหวได้ดีไม่พอ หรืออาจมีรูปร่างผิดปกติ ทั้งยังเป็นสาเหตุของการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อความแข็งแรง💪ของอสุจิได้ลดลงในผู้ชาย และมีปัญหาการสร้างไข่ในผู้หญิงอีกด้วย🥙อาหารปัจจัยหลักในชีวิตประจำวันคือการทานอาหาร🍽️ เพราะส่งผลต่อสุขภาพและระบบการทำงานของร่างกายโดยตรง ดังนั้น การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นสิ่งที่จำเป็นในการวางแผนตั้งครรภ์ หากกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์บ่อยๆ จะส่งผลให้สารอาหารเข้าไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ มีผลต่อภาวะการมีบุตรยาก เพราะร่างกายไม่มีสารอาหารมากพอในการสร้างไข่ที่แข็งแรงค่ะ💼อาชีพและการทำงานในบางอาชีพ อาจส่งผลให้คุณต้องอยู่ในท่าเดิมๆนานๆ เช่นขับรถ🛻 หรือนั่งทำงานในออฟฟิศ👩‍💻ทั้งวันก็มีผลค่ะ เพราะในกรณีที่คุณพ่ออยู่ในท่านั่งนานๆ ในสภาพแวดล้อมที่อุ่นอาจทำให้อุณภูมิส่งผลต่อความสมบูรณ์ของอุสุจิได้ค่ะ แนะนำให้คุณพ่อสวมใส่กางเกงหลวมๆอากาศถ่ายเทได้จะรักษาอุณหภมิให้เย็นสบายได้ทั้งวัน

10 ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ 

เพราะทารกมีผิวที่บอบบางดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกสบู่ที่เหมาะสมกับผิวของลูกน้อย เพราะหากมีอาการแพ้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นเรื่องปวดหัวไม่น้อยเลยล่ะคะ โดยเราจะมีวิธีการเลือกสบู่ได้อย่างไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>เลือกสบู่ให้ลูกอย่างไรจึงจะปลอดภัย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2704/c7c0a133-364f-4dae-84ee-979e6710791c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ของใช้เด็กไม่ว่าจะเป็นสบู่เด็ก แชมพู หรือโลชั่นล้วนแล้วแต่มีตัวเลือกมากมายมาให้เลือก ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ก็อยากมั่นใจว่าสิ่งที่เลือกมานั้นดีที่สุดสำหรับลูก ดังนั้นหลายๆคนจึงอาจกำลังหนักใจว่าควรจะซื้ออะไร ซึ่งสามารถดูเกณฑ์ง่ายๆได้ดังต่อไปนี้เลือกใช้สบู่เด็กออร์แกนิก🧼สบู่ออร์แกนิกคือสบู่ที่ทำมาจากส่วนผสมของธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีจึงเป็นสบู่ที่เหมาะกับผิวของลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ เพราะลูกน้อยนั้นยังมีภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรงเท่าคุณพ่อคุณแม่ดังนั้นสบู่ที่นำมาใช้ก็ไม่ควรจะมีสารเคมีอยู่นะคะ &nbsp;อ่านฉลากด้านหลังก่อนซื้อสบู่ให้คุณพ่อคุณแม่ลองพลิกหลังขวดเพื่ออ่านฉลากว่าสบู่นั้นมีส่วนผสมของอะไรบ้าง โดยให้หาผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า &quot;ผ่านการทดสอบไฮโปอัลเลอร์เจนิก&quot;🧾 จากแพทย์ผิวหนัง และเป็นไม่ได้ก็ไม่ควรมีน้ำหอมนะคะดูค่า pHเมื่อซื้อสบู่สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องดูคือค่า pH🧪ของสบู่ เพราะหากซื้อสบู่ที่มีระดับ pHสูงผิวของลูกน้อยก็จะถูกทำลายได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าสบู่นั้นมีค่า pH ที่มีความเป็นกลาง หรือมีความใกล้เคียงกับผิวหรือไม่ค่ะทดสอบกับผิวของลูกก่อนใช้สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อซื้อสบู่มาแล้วก่อนนำมาใช้อาบน้ำให้ลูกคุณพ่อคุณแม่ควรทำการทดสอบการแพ้ก่อน โดยสามารถทดสอบที่แขนของลูก โดยหากใช้ที่แขน💪แล้วมีอาการแพ้ เช่น ผื่นขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ก็ควรหยุดการใช้ และปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ&nbsp;อ่านรีวิวอีกวิธีนึงที่สามารถทำได้คือ ขอคำแนะนำจากแพทย์หรืออ่านรีวิวของคนที่ซื้อผลิตภัณฑ์💬<hr>ส่วนผสมที่เสี่ยงต่อการแพ้<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2704/1ec08017-6d7f-4e47-ab90-dd191b175c07.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ซิลิโคน (Silicone)เป็นสารที่อาจเป็นสาเหตุให้ผิวอุดตัน และอาจทำให้มีปัญหาในการขับเหงื่อ💦ได้✨พาราเบน (Paraben)เป็นสารที่มีความอันตรายต่อร่างกายของลูกน้อย เพราะมันสามารถลูกมีพัฒนาการที่ผิดปกติ หรืออาจสะสมจนทำให้เกิดมะเร็งได้ค่ะ&nbsp;✨เอสแอลเอส SLS (Sodium Lauryl Sulfate)&nbsp;เป็นสารที่ทำให้เกิดฟอง🛁 แต่ลูกก็สามารถแพ้สารเคมีนี้ได้ และอาจมีการสะสมภายในร่างกาย✨โคคามิโด โพรพิว บีเทน (Cocamidopropyl Betaine)เป็นสารที่ทำให้เกิดฟองเช่นกัน ซึ่งหากเข้าตาลูกน้อยอาจทำให้ระยะเคืองหรือแพ้ได้ค่ะ✨รวมถึงยังมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับลูกดังนี้💀กลูเตน โพแทสเซียมซอร์เบต ควอเทอร์เนียม-15 โซเดียมเบนโซเอต โทโคฟีริลอะซิเตท ฟีนอกซีเอธานอล โซเดียมแลคเตท ปิโตรเคมี เป็นต้น<hr>ส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อผิวของลูก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2704/f27297bb-2830-4c0b-bfc6-4e129ceb0b62.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">น้ำมันอัลมอนด์🍂มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ และยังมีวิตามินอีที่ช่วยให้ผิวของลูกอ่อนนุ่มว่านหางจระเข้🎋เป็นส่วนผสมที่ดีสำหรับลูกน้อย ซึ่งช่วยให้ความเย็นและชุ่มชื่น ลดอาการคันตามร่างกาย และยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อราได้อีกด้วยค่ะดอกคาโมมายล์🌼กลิ่นของดอกคาโมมายล์จะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายขณะอาบน้ำ และมาจากธรรมชาติไม่มีสารอันตรายสบู่เด็กที่เหมาะสำหรับทารกนั้นนอกจากจะต้องอ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้นแล้ว ก็จะต้องไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายด้วยนะคะ ซึ่งเมื่อคุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อก็อย่าลืมพลิกฉลากมาดูทุกครั้ง เพราะบางครั้งผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่ามีส่วนผสมจากธรรมชาติ🍃 อาจจะผสมส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติจริงๆเพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ก็ได้ค่ะ&nbsp;

วิธีเลือกสบู่ให้ปลอดภัยกับลูกน้อย

<h1 dir="ltr" id="isPasted">&nbsp; &nbsp; &nbsp;ด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โทรศัพท์มือ📱ถือได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่แพร่หลายในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะไปไหน มาไหน ก็จะเห็นหลายๆคนก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ จึงเป็นการยากที่จะจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีสื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ และยิ่งยากสำหรับเด็กๆ ที่เกิดมาในยุคสมัยนี้ แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการศึกษาและการสื่อสาร แต่ก็สามารถเป็นแหล่งของการเสพติดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก จึงเป็นข้อกังวลอย่างหนึ่งสำหรับผู้ปกครองใช่ไหมคะ เดี๋ยวเราจะพูดถึงผลกระทบของการติดโทรศัพท์มือถือต่อสุขภาพจิตของเด็ก👶 เพื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะได้มีไอเดียในการจัดการกับพฤติกรรมการติดโทรศัพท์ของลูกๆได้ เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลยนะคะ💁‍♀️</h1><hr>ผลกระทบของการติดมือถือ &nbsp; &nbsp;&nbsp;💥ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของลูกการให้เด็กเล็กๆเล่นโทรศัพท์มือถือ📱ก่อนวัยอันควร จะส่งผลต่อสุขภาพจิตหรือไม่ แน่นอนค่ะคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลมากขึ้นว่าการปล่อยให้เด็กๆเล่นมือถือจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต อย่างไรก็ตาม การวิจัยในหัวข้อนี้ยังมีจำกัดนะคะ งานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการใช้เวลาหน้าจอมากเกินไปอาจทำให้พัฒนาการล่าช้า โดยเฉพาะด้านภาษา🔠และทักษะทางสังคม รวมถึงการศึกษาอื่นๆ ผลกระทบของการติดโทรศัพท์มือถือที่มีต่อสุขภาพจิตของเด็ก โทรศัพท์มือถืออาจเป็นสาเหตุของการเสพติดของเด็ก👶 และสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตของเด็ก การเสพติดโทรศัพท์มือถือสามารถนำไปสู่ผลเสียต่างๆ มากมาย รวมถึงความวิตกกังวล😰 ภาวะซึมเศร้า😢 การนอนหลับผิดปกติ😴 และผลการเรียนตกต่ำ เด็กที่ติดโทรศัพท์อาจรู้สึกโดดเดี่ยวทางสังคม เนื่องจากพวกเขาอาจใช้เวลาปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนน้อยลงและใช้เวลากับโทรศัพท์มากขึ้น การศึกษาพบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของการทำงานของสมอง🧠 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเปลือกนอกส่วนหน้าซึ่งมีหน้าที่ในการตัดสินใจและควบคุมแรงกระตุ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การลดลงของการทำงานของการรับรู้และการเพิ่มขึ้นของความหุนหันพลันแล่น ซึ่งอาจทำให้การเสพติดรุนแรงขึ้นได้ค่ะ<hr>วิธีการจัดการกับการติดมือถือของลูกๆ✨5 ไอเดียจัดการกับพฤติกรรมการติดโทรศัพท์ของลูก<ol><li dir="ltr">พูดคุยตั้งขีดจำกัดในการใช้โทรศัพท์ของลูกๆ ซึ่งอาจรวมถึงการจำกัดระยะเวลา⏳ที่พวกเขาใช้โทรศัพท์ในแต่ละวันและการตั้งเวลาเฉพาะเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ เช่น ระหว่างมื้ออาหารหรือก่อนนอน และโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นมาพร้อมกับการควบคุมโดยผู้ปกครองที่อนุญาตให้คุณพ่อคุณแม่จำกัด📵การเข้าถึงแอพหรือเนื้อหาบางอย่างของลูกๆ ได้ค่ะ</li><li dir="ltr">สนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ การส่งเสริมให้บุตรหลานของคุณพ่อคุณแม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่นๆ เช่น กีฬา⛹️‍♀️ ดนตรี🎻 หรือศิลปะ🎨 ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสนใจด้านอื่นๆ และลดการพึ่งพาโทรศัพท์ได้ค่ะ</li><li dir="ltr">สร้างโมเดลพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ที่ดี👫 เป็นตัวอย่างให้กับลูกๆ หากคุณพ่อคุณแม่ใช้โทรศัพท์ตลอดเวลา ลูกๆก็จะมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามมากขึ้น ดังนั้นควรปรับทัศนคติการใช้โทรศัพท์ใหม่ค่ะ ตัวอย่างเช่น วางโทรศัพท์ไว้ในช่วงเวลาครอบครัวและทำกิจกรรมอื่นๆ</li><li dir="ltr">พูดคุย🗣️ สนทนาอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมากับลูกๆได้เลยนะคะ เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์📱 อธิบายผลกระทบด้านลบที่อาจมีต่อสุขภาพจิตและให้การสนับสนุนในการช่วยลดการใช้โทรศัพท์</li><li dir="ltr">ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ👩‍⚕️ หากการเสพติดของลูกๆของคุณรุนแรง ลองขอความช่วยเหลือจากนักบำบัดหรือที่ปรึกษา พวกเขาสามารถให้การสนับสนุนและคำแนะนำในการช่วยให้ลูกๆของคุณพ่อคุณแม่เอาชนะการเสพติดได้ค่ะ</li><li dir="ltr">สร้างระบบการให้รางวัล🏆 การให้รางวัลที่กระตุ้นให้ลูกๆลดการใช้โทรศัพท์ ตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่อาจให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับทุกชั่วโมงที่พวกเขาใช้โทรศัพท์ หรือสำหรับทุกๆ วันที่พวกเขาบรรลุเป้าหมายการใช้โทรศัพท์ค่ะ</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;สรุปแล้วการติดโทรศัพท์มือถืออาจส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพจิตของเด็ก ในฐานะผู้ปกครอง สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการเพื่อจัดการกับพฤติกรรมนี้ กำหนดขีดจำกัดในการใช้โทรศัพท์📵 และสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ การปฏิบัติตามเทคนิคที่ระบุไว้ในบทความนี้ได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกๆ พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับเทคโนโลยีและลดการพึ่งพาโทรศัพท์ของพวกเขา เพราะความสมดุลที่ดีระหว่างเทคโนโลยีและกิจกรรมอื่นๆ เป็นกุญแจสำคัญ🔑ในการเลี้ยงดูเด็กให้มีสุขภาพจิตที่ดีได้ค่ะ

เล่นมือถือก่อนวัย เสียสุขภาพจิตตอนโต

ตั้งครรภ์แล้วนอนท่าไหนถึงจะดี!? เป็นหัวข้อที่แม่ๆหลายท่านสงสัยกันใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ตอนเริ่มท้องอ่อนๆ หรือเมื่อท้องเริ่มขยายใหญ่ ซึ่งหลายๆคนก็กลัวว่าถ้านอนผิดท่าไปจะไปทับลูกในท้องหรือเปล่า แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะวันนี้เบบี้บิลลี่มาตอบคำถามคุณแม่ทุกๆท่านให้แล้วค่ะ<hr>ท่านอนที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/6bda628d-b603-466f-bcdc-d5ab8c6bf205.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ท้องอ่อนๆ 3 เดือนแรกสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆอยู่🤰 โดยทั่วท่านอนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก แพทย์ได้ให้คำแนะนำว่าท่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณแม่ในช่วงนี้ก็คือท่านอนหงาย เนื่องจากว่าในช่วงนี้จะมีทารก น้ำคร้ำ และรกในครรภ์แล้ว แต่มดลูกจะยังไม่ขยายตัวเต็มที่ ดังนั้นการนอนตะแคงอาจทำให้คุณแม่ปวดบริเวณปีดมดลูกด้านใดด้านหนึ่งได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณแม่นอนตะแคงขวาก็จะทำให้น้ำหนักเทลงมาทับมดลูกด้านขวา ส่งผลให้ปีกมดลูกซ้ายถูกรั้งและทำให้รู้สึกตึงได้ ดังนั้นหากคุณแม่นอนในท่านั้นไปจนถึงเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาอาจรู้สึกถึงอาการเสียดได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้มีการพลิกตัวบ่อยๆ หรือนอนในท่าหงายจะดีที่สุดค่ะ&nbsp;คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ 3-6 เดือนเมื่อท้องของคุณแม่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเดือนที่ 5 คุณแม่อาจเริ่มต้องใช้ตัวช่วยอย่างหมอนหนุน โดยท่าที่เหมาะสมที่สุดในช่วงนี้คือการนอนตะแคง🛏️ โดยให้นำหมอนมาหนุนตามแนวหลังหรือแนวหน้าท้องของคุณแม่ได้ค่ะ&nbsp;ตั้งครรภ์ 6-9 เดือนสำหรับคุณแม่ที่ท้องจนเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ท่านอนที่เหมาะสมที่สุดในช่วงนี้คือท่านอนตะแคงนั่นเองค่ะ เนื่องจากว่าท้องได้ขยายใหญ่และมีน้ำหนักพอสมควรและมดลูกขยายตัวเต็มที่จึงสามารถนอนตะแคงได้และไม่รู้สึกถึงการเสียดด้านใดด้านหนึ่งเหมือนตอนที่ยังท้องอ่อนๆนั่นเองค่ะ โดยคุณแม่อาจเตรียมหมอนใบเล็กๆไว้หนุนรองท้อง และอย่าพลิกตัวแรงหรือเร็วจนเกินไปเพื่อป้องกันการปวดหลังนั่นเองค่ะ😊<hr>นอนตะแคงซ้ายเหมาะสมที่สุดจริงหรือ?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/70fa544c-8827-42ce-8102-176801980524.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ท่านอนตะแคงซ้ายเหมาะที่สุดสำหรับคนท้อง!ทราบหรือไม่คะว่าการนอนตะแคงซ้ายถือเป็นท่านอนที่เหมาะสมที่สุดในระหว่างตั้งครรภ์เลยค่ะ เพราะการนอนตะแคงซ้ายนั้นจะช่วยให้เลือด🩸ไหลเวียดได้ดี เนื่องจากกระดูกสันหลังจะไปขนานกับเส้นเลือดใหญ่ของคุณแม่ด้านขวาและทำให้เลือดไปกลับหาหัวใจและลูกน้อยได้ดีนั่นเองค่ะ&nbsp;นอกจากนั้นการนอนตะแคงซ้ายยังช่วยเรื่องของการลดแรงกดทับจากตับไต ทำให้มีพื้นที่มากขึ้น รวมถึงยังช่วยลดอาการบวมของมือ เท้า🦶 และข้อเท้าได้ด้วยค่ะแล้วนอนตะแคงขวาหรือนอนคว่ำได้ไหม?คำตอบคือคุณแม่สามารถนอนตะแคงขวาได้ค่ะ! การนอนตะแคงขวามีความปลอดภัยต่อลูกน้อยในครรภ์ค่ะ ส่วนสำหรับท่านอนคว่ำนั้น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไปควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ท้องเริ่มขยายใหญ่และทารกมีการเติบโต การนอนคว่ำจะทำให่คุณแม่หายใจลำบาก และเป็นการกดทับบริเวณมดลูก ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงไปก่อนนะคะ🙅&zwj;♀️&nbsp;<hr>สิ่งที่ต้องระมัดระวังเมื่อนอน<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/820a1b80-d88f-4729-9711-146c365754a7.webp" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ซึ่งนอกจากคุณแม่จะต้องใส่ใจในเรื่องของท่านอนแล้ว สิ่งที่คุณแม่ต้องใส่ใจอีกอย่างหนึ่งคือท่าลุกขึ้นหรือท่านอนลงนั่นเองค่ะ&nbsp;ท่าลุกขึ้นจากเตียงเมื่อตั้งครรภ์แล้วให้ท่องไว้ในใจว่าอย่าทำอะไรรวดเร็วเมื่อแต่ก่อนค่ะ โดยเวลาที่จะลุกจากเตียง ให้คุณแม่ตะแคงพลิกตัวก่อน โดยหากพลิกตัวไปด้านขวา ก็ให้เอามือขวายันไปกับเตียง🛏️ เพื่อช่วยพยุงลุกขึ้นนั่งก่อน แล้วจึงค่อยๆลุกเดินค่ะ&nbsp;ท่าล้มตัวลงนอนบนเตียงสำหรับท่าล้มตัวนอนบนเตียงคุณแม่จะต้องนั่งลงก่อน ไม่ควรคลายขึ้นไปนอนทันที เพราะอาจทำให้เสียการทรงตัวและกลิ้งลงบนที่นอนได้ โดยหลังจากนั่งลงแล้ว ค่อยๆตะแคงตัวลงนอน ใช้เอามือยันที่นอนเหมือนเดิม ให้ดูว่าหมอนหนุนศีรษะให้พอดีช่วงคอ สำหรับคุณแม่ที่ท้องอ่อนที่ต้องนอนหงายก็ให้ค่อยๆพลิกตัวจากท่านอนตะแคงเป็นท่านอนหงายช้าๆได้เลยค่ะ👌เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกับท่านอนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ทำตามได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ อย่าลืมว่าให้ช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ&nbsp;

การนอนตะแคงขณะตั้งครรภ์ดีที่สุด!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างที่เราทุกคนต่างทราบกันมาว่า อาหารชนิดแรกสำหรับเจ้าตัวน้อยก็คือน้ำนมของคุณแม่ นอกจากจะเป็นอาหารชนิดแรกที่ลูกๆสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของเด็กไว้มากมาย มากเสียจนไม่สามารถหาได้จากการดื่มน้ำนมชนิดอื่น วันนี้บทความของเราพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับน้ำนมแม่ในแต่ละระยะเพิ่มขึ้น จนไปถึงประโยชน์ของน้ำนมแม่ในแง่ของการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้เจ้าตัวน้อย จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ทำความรู้จักน้ำนมแม่ในระยะต่างๆ👉น้ำนมในระยะที่ 1 หรือที่บางท่านอาจเรียกว่าหัวน้ำนม เป็นระยะการหลั่งน้ำนมของคุณแม่ในครั้งแรก กินเวลาประมาณ 1-3 วันของการหลั่งน้ำนม สำหรับน้ำนมในระยะนี้จะมีลักษณะต่างจากนมกล่องที่เราเห็นโดยทั่วไป เพราะจะมีสีที่เหลืองกว่าอย่างสังเกตได้ชัด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะเป็นระยะที่น้ำนมมีสารแคโรทีน ที่เราสามารถพบเจอในผักผลไม้สีส้มได้มากกว่าน้ำนมในระยะหลังๆเท่านั้น น้ำนมฝนะระยะนี้จะมีความสมบูรณ์ในแง่ของสารอาหารสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งก็อย่างที่เราทุกคนต่างทราบว่าสารอาหารเหล่านี้ทำให้เด็กเติบโตอย่างเป็นปกติ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย🛡️ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆที่ช่วยในการขับอุจจาระหรือขี้เทาของเด็กแรกเกิดอีกด้วยค่ะ👉น้ำนมในระยะที่ 2 เป็นระยะหลังจากที่คุณแม่หลั่งน้ำนมประมาณ 5 วันแรกจนถึง 2 สัปดาห์แรก สำหรับระยะนี้ น้ำนมจะมีสีขาวขุ่นแล้ว ไม่เหลืองเหมือนในระยะก่อนหน้า ยังคงเป็นระยะที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่การเจริญเติบโตของทารกอยู่👶 แต่ในระยะนี้จะมีสารอาหารในกลุ่มไขมันและน้ำตาลเพิ่มขึ้นมาด้วย แต่ก็เพิ่มขึ้นมาในระดับที่เหมาะสม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทารกค่ะ👉น้ำนมในระยะที่ 3 เป็นน้ำนมในหลังการหลั่ง 2 สัปดาห์แรก เป็นช่วงเวลาที่ปริมาณน้ำนมของคุณแม่จะค่อยๆเพิ่มขึ้น🍼 ยังคงอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความสมบูรณ์ของระบบภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกับ 2 ระยะแรก นอกจากสารอาหารแล้ว น้านมแม่ยังมีสารที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันและชะลอความแก่หรือความเสียหายของเซลล์ในร่างกาย และยังมีสารที่ส่งเสริมการเจริญของเซลล์ในร่างกายที่เรียกกันว่า Growth factor อีกด้วยค่ะ<hr>ประโยชน์ของน้ำนมแม่ต่อระบบภูมิคุ้มกันของลูกอันที่จริงแล้วนมแม่มีประโยชน์ต่อทุกๆด้านที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ของร่างกายเจ้าตัวน้อย แต่ในบทความนี้ทางเราขออนุญาตให้รายละเอียดในแง่ของประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันดังต่อไปนี้ค่ะ<ol><li dir="ltr">เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างแอนติบอดี้ในร่างกายของลูก เจ้าแอนติบอดี้นั้นเป็นสารจำพวกโปรตีนหนึ่งในร่างกาย ที่ทำหน้าที่ดักจับเชื้อก่อโรค ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย🦠 จนไปถึงไวรัส หรือสารที่มีแนวโน้มจะส่งผลในแง่ลบต่อสุขภาพร่างกายของลูก หากแอนติบอดี้มีความผิดปกติก็จะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันผิดเพี้ยนไป</li><li dir="ltr">โอนถ่ายภูมิคุ้มกันให้ลูกได้บางส่วน สำหรับข้อก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงโปรตีนตัวหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันไป นั่นก็คือเจ้าแอนติบอดี้นั่นเอง สำหรับโรคบางโรค หากคุณแม่มีเจ้าแอนติบอดี้ที่สามารถจดจำและดักจับเชื้อก่อโรคอย่างจำเพาะกับบางโรคได้อยู่แล้ว เมื่อเด็กได้ดื่มน้ำนมของแม่ ก็มีโอกาสที่เด็กจะได้รับเจ้าแอนตีบอดี้ที่ทำหน้าที่จดจำเชื้อก่อโรคบางอย่างได้ เด็กก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรับเชื้อก่อโรคมา เพื่อให้แอนติบอดี้ในร่างกายตัวเองมาทำความรู้จักเชื้อเหล่านั้นด้วยตนเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการป่วย🤒ตามมาได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม แม้เด็กมีแนวโน้มจะได้รับแอนติบอดี้บางส่วนจากแม่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเด็กจะไม่ป่วยเมื่อติดเชื้อก่อโรค แต่อาจบรรเทาความรุนแรงได้ในระดับหนึ่งค่ะ</li><li dir="ltr">น้ำนมของคุณแม่มีแนวโน้มจะลดโอกาสในการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้ค่ะ🤧</li></ol>&nbsp;ประโยชน์ของการให้นมแม่ ที่มีต่อคุณแม่เอง&nbsp; &nbsp; เราต่างทราบกันดีว่าการเจ้าตัวน้อยนั้นจะได้รับประโยชน์ในแง่ของสารอาหารจากการดื่มน้ำนมของคุณแม่อย่างแน่นอน แต่อันที่จริงแล้ว การให้นมแม่ยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่เองด้วย จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันต่อเลยค่ะ<ol><li dir="ltr">ในช่วงที่ให้น้ำนมลูก คุณแม่จะมีการหลั่งเข้าฮอร์โมนตัวหนึ่งชื่อว่าออกซิโทซิน&nbsp;ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ความผูกพัน💞 ส่งผลให้คุณแม่จะมีอารมณ์ที่ดีขึ้นในระหว่างให้นมเจ้าตัวน้อยค่ะ</li><li dir="ltr">ในช่วงให้นมลูก ร่างกายของคุณแม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติถึงประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ เมื่อร่างกายมีอัตราการเผาผลาญพลังงานที่เพิ่มขึ้น🔥 จึงลดโอกาสที่คุณแม่จะเสี่ยงเป็นโรคอ้วนค่ะ</li><li dir="ltr">การให้นมลูกยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ🫀 และโรคเบาหวานได้อีกด้วยค่ะ</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;จะเห็นได้ว่าน้ำนมของคุณแม่มีประโยชน์มากกว่าที่เราคาดคิดอีกใช่ไหมคะ ดังนั้นการที่เจ้าตัวน้อยจะได้ดื่มนมแม่🤱จนกว่านมแม่จะหมดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร เด็กควรได้ดื่มน้ำนมของคุณแม่ถึงอายุประมาณ 2 ขวบอยู่แล้ว และหากนมแม่ยังไม่หมดก็สามารถให้ลูกดื่มต่อได้ เพราะในปัจจุบันยังไม่มีน้ำนมประเภทไหนที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์เทียบเท่าน้ำนมของคุณแม่ได้เลยค่ะ

เสริมภูมิต้านทานจากน้ำนมแม่

<h3 dir="ltr" id="isPasted">&nbsp; &nbsp; &nbsp;ไวรัสซิก้า ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรให้ความสำคัญ เพราะเชื้อไวรัสนี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกภายในครรภ์ได้ วันนี้ทางเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายต่างๆของไวรัสซิก้ามาให้คุณแม่ทราบไปพร้อมๆกันแล้วค่ะ💁‍♀️</h3><hr>ไวรัสซิก้าส่งผลกระทบต่อสตรีมีครรภ์หรือเด็กในท้องอย่างไรบ้าง?👉ทำให้เกิดภาวะศีรษะเล็กในทารก (Microcephaly)&nbsp;<h3 dir="ltr" id="isPasted">ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (CDC) ได้ออกนโยบายข้อควรระวังในการเดินทาง (Level 2-Practice Enhanced Precautions) สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคซิก้า โดยนโยบายนี้ได้ถูกกำหนดขึ้นหลังจากประเทศบราซิล🇧🇷พบภาวะศีรษะเล็กในทารก (Microcephaly) และผลกระทบอื่นๆ ต่อการตั้งครรภ์ในคุณแม่ที่ติดเชื้อไวรัสซิก้า🦠 แต่อย่างไรก็ตามความเกี่ยวข้องระหว่างไวรัสซิก้ากับความผิดปกติในการตั้งครรภ์ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ดังนั้น การป้องกันการถูกยุงกัดในหญิงตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังพยายามตั้งครรภ์เอาไว้ก่อนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง &nbsp;</h3>คุณแม่ที่ติดเชื้อไวรัสซิก้า จะมีอาการไข้🤒 เกิดผื่น ปวดตามข้อ หรือตาแดง ในช่วงเวลา 2 อาทิตย์หลังเดินทางกลับจากประเทศที่มีการตรวจพบผู้ป่วยไวรัสซิก้า ทางเราแนะนำให้คุณแม่ควรพบแพทย์ทันที และอย่าลืมแจ้งให้แพทย์ทราบว่าคุณได้เดินทางไปที่ไหนมา &nbsp;&nbsp;<hr>ไวรัสซิก้ามีวัคซีนหรือยาที่สามารถป้องกันได้หรือไม่?👉ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันหรือยาที่ใช้รักษาโรคซิก้าได้ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโรคซิก้ามากนัก &nbsp;ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (CDC) มีขอแนะนำสำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และที่กำลังพยายามตั้งครรภ์ให้ระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษสตรีมีครรภ์🤰ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่พบการระบาดของโรคซิก้า แต่หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อหาแนวทางและวิธีป้องกันตัวเองจากการถูกยุงกัด🦟อย่างเคร่งครัดสตรีที่กำลังพยายามตั้งครรภ์ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ในกลุ่มเสี่ยงควรปรึกษากับแพทย์ก่อน เพื่อหาแนวทางและวิธีป้องกันตัวเองจากการถูกยุงกัดอย่างเคร่งครัดทั้งนี้ ประเทศในกลุ่มเสี่ยงที่มีการระบาดของโรคซิก้าอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ควรติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด<hr>หากสตรีที่เคยติดเชื้อไวรัสซิก้ามาก่อน เป็นไปได้ไหมที่การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปจะให้กำเนิดทารกที่มีศรีษะเล็ก?<h3 dir="ltr">👉เรายังไม่ทราบถึงผลกระทบที่ไวรัสซิก้ามีต่อเด็กในท้องกรณีที่คุณแม่ติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์&nbsp;</h3>&nbsp;แต่เรารู้แน่ชัดว่าไวรัสซิก้าไม่สร้างความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต เพราะเชื้อไวรัสซิก้ามักอยู่ในกระแสเลือดของผู้ติดเชื้อเพียงแค่ไม่กี่วันถึงหนึ่งอาทิตย์ และจะถูกกำจัดออกร่างกายหลังจากนั้น ทารก👶ที่เกิดการปฏิสนธิในภายหลังจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ประกอบกับในตอนนี้ทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าเชื้อไวรัสซิก้ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต ทั้งนี้ผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์👨‍⚕️ทันทีหลังเดินทางกลับจากประเทศในกลุ่มเสี่ยง&nbsp; &nbsp; ดังนั้นหากคุณแม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสซิก้า ทางเราแนะนำให้ทาโลชั่น🧴และสเปรย์กันยุงนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันการโดนยุงกัด ควรเป็นผลิตภัณฑ์ทากันยุงที่ได้รับการรับรองจาก อ.ย. และควรใช้ตามคำแนะนำบนฉลากของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยต่อสตรีที่กำลังตั้งครรภ์และคุณแม่ที่ให้นมบุตรนั่นเองค่ะ

ระวัง! ไวรัสซิก้า อันตรายต่อทารกในครรภ์

หากคุณกำลังเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือเป็นคุณผู้หญิงในวัยที่กำลังมีประจำเดือน คุณเคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่คะ ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มากหรือน้อยเกินไปบ้าง น้ำหนักเพิ่มขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ เริ่มเป็นสิวหรือหน้ามันมากขึ้นผิดปกติ อาการเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของโรคหนึ่งที่มืชื่อว่า &ldquo;ภาวะถุงน้ำในรังไข่&rdquo;ภาวะถุงน้ำในรังไข่หรือ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับคุณผู้หญิงทุกท่านในวัยเจริญพันธุ์ ไม่เฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เท่านั้น บทความนี้จะช่วยให้คุณผู้หญิงที่กำลังอ่าน หรือแม้กระทั่งคุณผู้ชายที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้หญิง สามารถช่วยกันสังเกตอาการกันและกันได้ ภาวะนี้เกิดจากอะไรและผู้ป่วยจะมีอาการอย่างไร เราไปดูกันค่ะ<hr>สาเหตุ อาการ และความเสี่ยงต่อร่างกาย<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3656/308f1ba3-98e4-44ff-9d72-aad054c063b9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ภาวะดังกล่าวเกิดจากการที่ต่อมไร้ท่อในร่างกายที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการผลิตฮอร์โมนมีความผิดปกติ ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเหล่านี้ที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองของร่างกาย เมื่อผิดปกติก็ทำให้ร่างกายเราผิดปกติไปด้วย โดยจะมีความผิดปกติอะไรที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า👀บ้าง ไปดูกันเลยค่ะประจำเดือนมาไม่ปกติหากคุณผู้หญิงมีรอบของประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ ทิ้งช่วงห่างระหว่างเดือนมากกว่า 35 วัน เป็นประจำเดือนน้อยกว่า 8 ครั้งต่อปี หรือมีปริมาณประจำเดือน🩸ที่มากหรือน้อยกว่าปกติ ก็นับเป็นหนึ่งอาการที่มีความเสี่ยงจะมีภาวะถุงน้ำในรังไข่ ซึ่งมีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดภาวะอื่นๆเกี่ยวกับการมีบุตรตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะมีบุตรยาก ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็งเยื่อบุมดลูกน้ำหนักเพิ่มขึ้นการที่คุณผู้หญิงสังเกตตนเองว่ามีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เริ่มมีไขมันพอกตามร่างกายหรืออ้วนลงพุง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะถุงน้ำในรังไข่ได้ การที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอาจเป็นเพราะร่างกายมีสมดุลของฮอร์โมนที่ผิดปกติ หรืออาจเกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณผู้หญิงเอง เช่น การไม่🙅&zwj;♀️คุมอาหาร บริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก ขาดการออกกำลังกาย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ยังทำให้คุณผู้หญิงเสี่ยงที่จะเป็นโรคอื่นๆเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ หรือแม้กระทั่งเบาหวานชนิดที่สองลักษณะเหมือนเพศชายหากคุณผู้หญิงเริ่มสังเกตว่าตนเองมีเสียงที่ใหญ่ขึ้น ขนตามร่างกายเพิ่มขึ้น หน้ามันง่าย สิวขึ้นง่าย ผมร่วงง่ายจนทำให้ศีรษะเริ่มล้าน คุณผู้หญิงก็มีความเสี่ยงจะมีภาะถุงน้ำในรังไข่เช่นเดียวกันค่ะ<hr>วิธีการรับมือ<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3656/12807f6f-dcb4-463c-9678-d7f86338a0f6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">จะดูแลตนเองได้อย่างไรเมื่อมีอาการเหล่านี้?หากคุณผู้หญิงสังเกตได้ว่าตนเองมีอาการเหล่านี้ แนะนำว่าให้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล🏥โดยด่วน โดยวิธีการตรวจก็สามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจภายใน การตรวจผลเลือด หรือแม้กกระทั่งการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติภายในมดลูกของเรา ล้วนแล้วแต่เป็นขั้นตอนที่ไม่น่ากลัวและคุ้มค่าที่จะลองตรวจค่ะวิธีการปฏิบัติตนสำหรับผู้ป่วยนั้นง่ายมากค่ะ เพียงแค่คุณผู้หญิงรับประทานยา💊และปฏิบัติตนตามที่แพทย์สั่ง หากิจกรรมลดความเครียดทำ ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ความอันตรายของโรคนี้ก็จะต่ำลง จนหายได้ในที่สุดค่ะหากยังไม่มีภาวะเหล่านี้ สามารถดูแลตนเองได้อย่างไร?คุณผู้หญิงสามารถดูแลตนเองด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างการควบคุมอาหาร รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวันของตนเอง หมั่นออกกำลังเป็นประจำ พักผ่อนโดยการนอนหลับ💤ให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้มีความเครียดที่ต่ำ โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยดูแลคุณผู้หญิงให้ปลอดภัยจากภาวะถุงน้ำในรังไข่ หรือแม้กระทั่งโรคอื่น ๆ ด้วยค่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหมั่นสังเกตอาการและความผิดปกติของร่างกายตนเอง หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ

ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบและวิธีรับมือ

아이가 6개월쯤 되면 손을 쓰기 시작하면서 손으로 자기 얼굴을 만져요. 특히 귀를 잡아당기는 등 귀를 거칠게 만지는 경우가 종종 있는데요. 그러면 부모님은 아이 귀에 염증이 있을까 봐 걱정돼서 아이를 병원에 데리고 가지만 병원에서는 아무 이상이 없다고 하죠. 그렇다면 우리 아이는 귀를 왜 만지는 걸까요?🤷<hr>1. 자기 몸에 익숙해지는 발달 과정이에요<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/1a19694b-f714-4d0e-acab-3c882d376f1a.webp" class="fr-fic fr-dib">나의 신체 지도를 만들어가는 과정이에요자기 몸에 적응해요우리 아이들은 엄마 배 속에서 가만히 있다가 갑자기 세상 밖으로 나왔을 때, 모든 외부 환경의 자극을 받아요. 아이들은 이 자극에 대해서 천천히 적응해 나가요. 그런데 외부 환경에 대한 적응뿐만 아니라 자기 몸에 대한 적응도 같이 해나가요. 그래서 서툴게 자기 몸을 만지게 되는데 이 과정에서 귀를 거칠게 만지는 것이에요. 다시 말해 귀를 만지는 이유는 자기 몸에 익숙해지는 발달 과정이랍니다.🙉서서히 발달하기 시작해요처음에는 천천히 고개를 돌리는 것부터 시작하고 어깨나 골반같이 큰 근육들을 사용하는 것에 적응하고 나서 3~4개월이 되면 손가락, 발가락과 같은 소근육이 조금씩 더 세세하게 발달하기 시작해요. 이 과정에서 손과 발을 움직이고 만지고 빨기도 하죠. 그러면서 귀를 발견하고 만지는 것이에요. 이 모든 것들은 쉬워 보이지만 많은 시행착오를 겪으면서 일어나는 과정이에요🤗.<hr>2. 심리적인 이유로 만져요<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/2df2151f-40ae-411e-97a1-84cfc313c023.webp" class="fr-fic fr-dib">귀를 만졌는데 기분이 좋거나 안정이 돼서 계속 만져요심리적인 이유로 귀를 만져요우연히 귀를 만졌는데 기분이 괜찮아서 계속 만지는 경우가 있어요. 또는 불안하거나 졸리거나 짜증 날 때 안정을 취하려고 자기 귀를 잡아당기기도 해요. 정리하면 돌 이전에 귀를 만지는 아이들은 특별한 증상이 없으면 크게 걱정을 안 하셔도 돼요. 탐색이 다 끝나고 재미없어지면 덜 만지게 될 거예요.👂귀를 만지다가 피가 나는 경우그런데 아직 근육의 강약 조절을 잘하지 못해서 귀를 만지다가 피가 나는 경우가 있어요. 집게손가락과 엄지를 사용해서 물건을 집을 수 있는 능력은 돌쯤이 돼서 발달해요. 그전까지는 강약 조절이 잘 안 돼요. 그래서 이때까지는 부모님께서 아이에게 상처가 나지 않게끔 도와주시는 게 필요해요. 밤에는 손싸개를 해주신다든지 손톱을 자주 깎아주세요.🧤<hr>병원에 꼭 가야 하는 경우아래와 같은 증상이 나타난다면 바로 아이를 병원에 데려가 주세요!중이염이나 외이도염처럼 귀의 겉과 속에 염증이 생겨서 아이가 귀를 만지는 경우도 있어요. 이런 경우에는 최대한 빨리 병원을 방문해 주셔야 하는데요.🏥 염증이 의심되는 증상들을 아래와 같아요.✔️열이 나는 경우 ✔️콧물, 기침, 수유량 감소 등 일상생활에 불편한 증상이 생기는 경우 ✔️이유 없이 심하게 보채는 경우 ✔️귀 밖으로 고름이 나오고 악취가 풍기는 경우 ✔️상처 부위에 노란 딱지가 생기고 붓는 경우<hr><iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/jDDjUM784Pg?&wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen="" class="fr-draggable"></iframe>출처: 우리동네 어린이병원, 우리어린이

귀를 자꾸 잡아당기고 긁는 아이, 괜찮을까요?

ทราบคือไม่คะว่าความจริงแล้ว ทารกสามารถจำได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในท้องของคุณแม่? ซึ่งลูกน้อยจะสามารถเริ่มจำได้เมื่อไหร่ และจำอะไรได้บ้าง เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ<hr>ความจริงอันน่าทึ่งของทารก!✨เมื่อตั้งครรภ์ได้ 7-8 เดือน ลูกน้อยจะสามารถจดจำและแยกแยะเสียงของคุณแม่ได้ !✨ช่วงการตั้งครรภ์เดือนที่ 8-9 ลูกน้อยจะสามารถรับรู้รสชาติอาหารบางอย่างที่คุณแม่รับประทานและเกิดความคุ้นเคยกับอาหารชนิดนั้นๆได้✨ทารกจะสามารถจำกลิ่นและใบหน้าของมารดาได้ตั้งแต่ อายุ 1 สัปดาห์✨หลังคลอดได้ไม่กี่สัปดาห์ก็จะสามารถแยกใบหน้าของพ่อแม่และคนแปลกหน้าได้ รวมถึงจะสามารถจดจำเสียงของคุณพ่อได้เร็วขึ้นหากคุณพ่อใกล้ชิดกับคุณแม่ระหว่างที่ตั้งครรภ์!<hr>ความจริงอันน่าทึ่งของทารก!✨เมื่อทารกอายุได้ 2 เดือน ก็จะสามารถจำจดบุคคลที่อยู่ด้วยกันทุกวันได้ และการจดจำเสียงและใบหน้านี้เองที่จะช่วยให้ทารกสามารถพัฒนาทักษะความจำที่ซับซ้อนมากขึ้นไปอีกในอนาคต✨มีการศึกษาค้นคว้าพบว่าทารก 3 เดือน จะสามารถจำของเล่นหรือรูปภาพใหม่ๆได้นานถึง 6 วันเลยล่ะค่ะ!✨เมื่อลูกน้อยอายุได้ 9 เดือน ลูกจะสามารถจดจำได้ว่าวางของเล่นไว้ที่ไหน รวมถึงจะเริ่มจดจำและลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นอีกด้วย<hr>ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด...Conor Liston และ อาจารย์วิชาจิตวิทยา Jerome Kegan ระบุว่าในช่วงอายุ 8-9 เดือนสมองด้านหน้าของทารก🧠จะเริ่มโตและจะไม่สามารถจำสิ่งที่เป็นเรื่องราวยาวๆ ก่อนช่วงเวลานั้นได้ เว้นแต่ใบหน้าและกลิ่นของคุณแม่Kegan ยังกล่าวอีกว่า....หลังทารกอายุ 9 เดือนไปแล้วเด็กจะเริ่มมีความทรงจำและเริ่มแสดงความกังวลหากหาคุณพ่อคุณแม่ไม่เจอ😭Nora Newcombe นักจิตวิทยา....ประจำมหาวิทยาลัย Temple University มีการวิจัยศึกษาและค้นพบว่า เด็กอายุ 11 ขวบจะไม่สามารถจำใบหน้าของเพื่อนชั้นอนุบาลได้ แต่หากมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนชั้นอนุบาล เด็กจะเริ่มจดจำหน้าเพื่อน จากความทรงจำใต้จิตสำนึกและยังพบว่าเด็กอายุ 3-4 ขวบจะสามารถจำสถานที่🏫จากรูปภาพได้อีกด้วย<hr>มากระตุ้นการสร้างความทรงจำของลูกน้อยกัน!กระตุ้นโดยการทำซ้ำคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยสร้างความทรงจำของลูกน้อยด้วยการทำซ้ำ เช่น การเปิดเพลงกล่อมลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ลูกจะสามารถจดจำเพลงนั้นได้เมื่อคลอดออกมา และหากลูกน้อยได้ฟังเพลง🎹 ร้องเพลง หรือเล่นเกมนั้นๆมากเท่าไหร่ก็จะสามารถจำเพลงหรือเกมที่ฟังบ่อยๆนั้นได้พูดคุยกับลูกบ่อยๆคุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุย🗣️หรือเล่าเรื่องราวให้ลูกฟังบ่อยๆ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกจำได้ดีขึ้น หรือสามารถเล่นเกมทดสอบความจำกับลูกบ่อยๆ เพื่อพัฒนาทักษะการจำของลูกให้ดีขึ้นไปอีกค่ะ

เมื่ออยู่ในท้องแม่ ลูกน้อยจะจำอะไรได้บ้างนะ?

เมื่อลูกน้อยเข้าสู่อายุ 19-24 เดือน ลูกจะมีการพัฒนาทางสติปัญญาและการเรียนรู้ โดยจะสามารถเข้าใจเรื่องน้ำหนัก ขนาด และเริ่มจำได้ว่าวางของไว้ตรงไหน รวมถึงยังเริ่มเข้าใจเรื่องของบทบาททางเพศ ลูกจะมีพัฒนาการอื่นๆอะไรอีกบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ<hr>เริ่มเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้น<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2484/c3e177e2-e6c2-4219-82f3-b83f55f8283f.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨เริ่มจำได้ว่าของอยู่ตรงไหนลูกจะเริ่มจำได้ว่าวางของไว้ตรงไหนและจะสามารถหยิบมาเล่นได้เอง นอกจากนี้ลูกยังรู้จักการดมกลิ่นต่างๆได้ โดยอาจให้ลูกลองดมกลิ่น ดอกไม้ต่างๆ🌻 และจะสามารถแยกแยะเสียงต่างๆได้แล้ว เช่น หมาเห่า เสียงนาฬิกา เป็นต้นนอกจากนั้น ในช่วงนี้ลูกจะเลียนแบบพ่อแม่ไปหมดทุกอย่าง เช่นการยกมือถือมาคุย📱 การทำท่าจับไม้ถูพื้นถูบ้าน การจับปากกามาเขียน คุณสามารถสอนลูกให้รู้ว่าของต่างๆในบ้านใช้ได้อย่างไรบ้าง โดยให้คอยอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูความปลอดภัยค่ะ✨เข้าใจเรื่องน้ำหนักและรูปทรงตอนนี้ลูกเข้าใจเรื่องน้ำหนัก อันนี้เบากว่านะ อันนี้หนักกว่านะ และเข้าใจเรื่องของขนาด อันนี้เล็กกว่า อันนี้ใหญ่กว่า ลูกสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ สามารถปา กว้าง ดึง ใส่ของเข้า และพาตนเองไปดูสิ่งต่างๆได้🐤โดยในวัยนี้ลูกจะรับรู้ความแตกต่างของรูปทรงต่างๆ เช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม และจะสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว เมื่อไปเที่ยวลูกจะสนใจแมลงต่างๆ และอาจชวนลูกจับแมลง(ที่ไม่มีความอันตราย) หรือ หอยต่างๆ เมื่อไปเที่ยวแถวชาดหาด🏖️ เพราะการให้ลูกได้สัมผัสเองโดยตรงจะทำให้ลูกจำได้และเป็นการเรียนรู้สำหรับเขาค่ะในช่วงอายุนี้ให้ฝึกลูกให้ใช้มือหยิบของมาวางซ้อนกัน หรืออาจให้ลูกหาวิธีประกอบสิ่งต่างๆเข้าด้วยกันตามจินตนาการของลูกได้เลยค่ะ<hr>ลูกจะเริ่มทำสิ่งเหล่านี้<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2484/c6135df9-ced7-41d7-9d67-946251e20f60.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ชอบตั้งคำถามบ่อยๆในวัยนี้ลูกจะชอบตั้งคำถามอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณแม่จะต้องตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น เพื่อไม่ไปยับยั้งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ความอยากรู้อยากเห็นของลูก โดยอาจหาของมาช่วยเสริมจิตนาการและความคิดของลูกได้ เช่น ดินสอสี🖍️ ดินน้ำมัน&nbsp;✨เริ่มเข้าใจบทบาททางเพศลูกจะเริ่มสนใจร่างกายของตนเองมากขึ้น และสามารถชี้บอกชื่ออวัยวะของตนเองได้ โดยอาจสอนให้ลูกทำท่าทางต่างๆ คุณพ่อคุณแม่อาจทำให้ดูก่อนได้ เช่น การสายเอว โบกมือ กางแขนและอื่นๆ&nbsp;ในวัยนี้ลูก👶จะเข้าใจความแตกต่างและบทบาททางเพศ โดยจะทำตามจากพ่อแม่หรือคนในครอบครัว รวมถึงเข้าใจเรื่องช่องว่างมากขึ้น หากมีช่องว่างก็สามารถลอดเข้าไปได้&nbsp;ลูกจะเริ่มเล่นของเล่นที่เป็นด้ามเช่นค้อน🔨ของเล่น ลูกจะยิ่งตั้งใจมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าของเล่นนั้นควบคุมยาก เมื่อทุบค้อนไปก็จะคอยสังเกตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกจะยังชอบเรียนรู้ที่จะตักทรายเวลาไปเล่นข้างนอก รวมถึงชอบหยิบของที่อยู่ในบ้านมาใช้ อย่าง หวี แปรงสีฟัน เป็นต้น

พัฒนาการด้านสติปัญญาและการเรียนรู้เมื่อหนูอายุ 19-24 เดือน!

แม้ว่าน้ำส้มคั้น หรือน้ำผลไม้อื่นๆจะมีประโยชน์สำหรับทารก แต่หากคุณพ่อคุณแม่ป้อนก่อนวัยอันควร หรือป้อนผิดเวลาก็อาจส่งผลเสียได้ หรือแม้กระทั้งถึงแก่ชีวิตเลยก็เป็นได้ค่ะ<hr>น้ำส้มหากป้อนไม่ถูกเวลาอาจถึงขั้นเสียชีวิต<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3146/41a34c33-6b68-4b4d-9130-8fd2a94a3e0d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">น้ำส้มนั้นเป็นน้ำผลไม้🍊ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุมากมาย และคุณพ่อคุณแม่หลายๆคนก็มักจะให้ทารกดื่มน้ำผลไม้เพื่อบรรเทาอาการท้องผูก แต่แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมายก็ตาม การให้ทารกทานน้ำผลไม้อันควรก็อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะคะ! ซึ่งคุณหมอ👨&zwj;⚕️ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า คุณแม่ควรที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นหลัก โดยระหว่างที่ป้อนไม่ควรป้อนในท่านั่ง ควรจัดให้ทารกอยู่ในท่านอนที่เหมาะสม<hr>ควรเริ่มให้ลูกทานน้ำผลไม้ได้เมื่อไหร่?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3146/fa08e235-9637-48f5-8b04-65c3da050bba.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผู้ปกครองหลายๆท่านคงอยากทราบว่าแล้วเมื่อไหร่จึงจะเริ่มให้เจ้าตัวเล็กทานน้ำส้มได้?🍹 ซึ่งมีคำตอบจากหน่วยงานมาตรฐานอาหารแห่งประเทศอังกฤษและสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา(AAP) ไว้ว่า เราไม่ควรที่จะให้น้ำผลไม้สำหรับทารก👶ที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน เพราะทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือนนั้นจะได้รับสารอาหารที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุต่างๆจากนมแม่🥛ที่เพียงพออยู่แล้ว ดังนั้นการให้ทารกทานน้ำผลไม้ หรือแม้แต่น้ำเปล่าโดยไม่จำเป็นจะทำให้เกิดโทษมากกว่านั่นเอง<hr>สำหรับทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3146/ba428295-1bf0-447d-b708-a91514da0ae4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หากลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีอายุครบ 6 เดือนขึ้นไป และพร้อมที่ทานอาหารเสริมแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกน้อยดื่มผลไม้🍹สำหรับทารกได้ ซึ่งจะต้องดูว่า น้ำผลไม้ที่กำลังจะให้ทารกดื่มนั้นเป็นน้ำผลไม้พาสเจอร์ไรส์ 100%🍊โดยไม่ควรมีส่วนผสมของสารปรุงแต่งกลิ่นหรือสี และไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งเหตุผลที่จะต้องเป็นน้ำผลไม้ที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์แล้วเท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าน้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์นั้นอาจมีแบคทีเรีย หรือเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อ Ecoli🦠 และเชื้อ Salmonella แอบแฝงอยู่ได้ ซึ่งเมื่อทารกทานเข้าไปก็จะทำให้เกิดท้องเสียได้นั่นเอง

ระวังป้อนน้ำส้มคั้นก่อนวัย อาจถึงแก่ชีวิต!

임신하고 나서 &#39;갑자기 피부가 땡겨! 입술이 건조해!😖&#39; 이런 느낌을 받았나요? 실제로 임신 중에는 피부가 건조해지는 것이 팩트! 그런데 대체 왜 피부가 건조해지는 걸까요? 찾아보면 누구도 명확히 설명해 주는 것 같지 않아요. 빌리가 임신부🤰의 피부 건조 원인을 샅샅이 파헤쳤답니다.<hr>엄마, 이러면 건조한 거래요!<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/68cd1644-b8f3-4761-a6b5-585d81309ffe.webp" class="fr-fic fr-dib">뭐야 누가 내 피부 찍었어...!피부가 가렵다고 쏘 쿨~하게 긁고 넘어가거나, 뜨거운 물에 샤워🚿하고 &#39;아이고 개운하다!&#39; 하고 바로 눕는 엄마에게(뜨끔) 건조할 때 나타나는 증상을 알려줄게요. 엄마 스스로도 주의하여 이런 증상 나타나면 재빨리 처방해 주세요. 아빠는 엄마가 이런 증상이 있는지 확인하고, 건조함을 느끼고 있는지 수시로 체크✔해주면 좋아요💗.✅ 가려워!피부가 건조할 때 가장 먼저 나타나는 자각 반응은 &#39;가렵다&#39;는 증상이에요. 몸 전체나 피부가 가장 많이 팽창하고 있는 배나 가슴이 가렵다고 느낄 수 있어요.&nbsp;근질근질한 가벼움 가려움증부터 쿡쿡 찌르는 것 같은 자극감⚡이 느껴지는 것까지 다양한 강도로 가려움증이 나타날 수 있어요. 몸이 점차 팽창하는 임신 중후기부터는 이런 증상이 더욱 심해지고, 특정 부위가 아닌 온몸에서 나타날 수도 있죠!✅ 조금 더 심하면, &#39;임신성 소양증(임신성 피부 가려움증)&#39;전체 임신부의 5% 내외가 임신성 소양증😰을 겪는다고 해요. 대부분의 가려움증은 출산 후에는 싹 사라진다고 하지만, 그래도 가려움을 느낄 때 긁어서 발진이나 피부 색소 침착 등이 생길 위험이 있어요.&nbsp;가려움이 심하다면 산부인과에 갔을 때 꼭 전문의에게 이야기를 하고 진찰🩺을 받아보는 것이 좋아요. 의사 선생님이 보고, 정도에 따라 추가적인 연고 처방 등을 결정하실 수도 있거든요. 아무 대응도 없이 긁기만 하면 자칫 출산 이후에도 이차, 삼차 피부 처방 및 흉터🩹 관리가 필요할 수 있으니 가려울 때 긁지 않고 &#39;엇! 지금 건조한가!&#39; 체크해 줘야 해요!✅ 임신선(튼살)이 나타났다!피부가 건조해지면 피부 표면 자체의 수분💦이 날아가고, 유연성(탄력성)이 없어지거든요. 우리가 팔을 좌우로 비틀면 피하조직이 터질 것만 같이 팽창하죠? 그 현상이 배와 가슴, 엉덩이 등에 나타나고 있는 거예요.&nbsp;임신 중기에 접어들면 갑자기 당겨지는 피하 조직이 더 이상 참지 못하고 섬유의 탄력을 잃어 튼살💢이 터지게 돼요. 피부가 건조하고 유연하지 않을수록 튼살이 생기기 쉬운 환경이라고 하니, 미리미리 방의 습도를 조절하고 피부의 수분을 촉촉히 채워주세요.<hr>그래서 임신하면 왜 더 건조해?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/2154e47d-e0ee-4e62-b0b3-761a3c697ed4.webp" class="fr-fic fr-dib">수분이 필요해요 ㅜ✅ 단기간 내 체중 증가에 따른 표면적 확장!우리는 살면서 이렇게 단기간 내에 많은 체중⚖️을 얻는 일이 많지 않아요! 체중은 증가하는데 단기간 내에 엄마의 피부가 그만큼 쫙! 쫙! 늘어나지는 않으니 피부 조직이 늘어나고, 늘어난 만큼 얇아지게 되는 것이죠.&nbsp;밀가루나 지점토를 얇게 미는 것처럼, 피부 조직이 넓은 면적을 커버하기 위해 얇아지니 그만큼 건조하고 갈라지기 쉬운 환경에 노출되는 것이에요!😧 특히 가장 많은 피부 확장이 일어나는 배나 가슴, 엉덩이와 같은 부위가 그만큼 건조하다고 느껴질 수 있죠.✅ 호르몬 균형 파.괴.임신을 하면 여성호르몬(에스트로겐 &amp; 프로게스테론)의 분비가 임신 전후 대비 급격히 증가해요. 그리고 원래 여성에게도 적정 수준으로 분비되던 남성호르몬이 확! 떨어지게👇 되죠.&nbsp;남성호르몬은 원래 필요 없는 것이라고 생각하실 수 있지만, 남성호르몬 자체가 피지 분비를 촉진하는 기능을 우리 몸🦵에서 담당해왔어요. 따라서 남성호르몬의 결핍은 기존의 피부 밸런스 활동을 저하시켜, 피부를 건조하고 거칠게 만들어요.💢&nbsp;✅ 불량한 혈액 순환 상태!임신 중에는 호르몬 상태의 변화, 체중 증가 및 운동량🏃&zwj;♀️ 저하 등으로 인하여 혈액 순환이 저하될 수 밖에 없어요. 또 아기👶에게 충분한 영양분과 산소를 전달하기 위해 우리 몸에 있는 철분을 영혼까지 끌어모아 아기에게 보내게 되어, 엄마는 정작 빈혈에 시달리게 될 수도 있고요.(그래서 철분제는 필수!)&nbsp;문제는 이렇게 엄마 몸에 필요한 혈액과 영양분이 부족해지면, 피부가 공급받던 영양마저도 부족해지니, 피지 분비가 감소하고 피부의 수분량💦이 줄어들어 건조함을 느끼게 되는 것이죠.<hr>엄마의 수분, 바르고 뿌리고 마시자(바.뿌.마.)!<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/7ec54e52-4838-4f28-b2bc-f3becf4f369c.webp" class="fr-fic fr-dib">다 발라 둠뿍 발라 푹푹 발라~!✅ 바르자!그렇다고 &quot;임신🤰하면 원래 피부가 건조하니 뭐~&quot; 하고 방치할 엄빠 아무도 없죠? 충분히 외부 환경 조절을 통해 엄마에게 많은 수분을 전달할 방법이 있어요!&nbsp;보습에 신경 써주고, 얼굴뿐만 아니라 온몸에도 화장품이나 로션🧴을 발라주면 아주 좋아요! 어디선가 사뒀는데 유통기한이 다 되기 직전인 화장품들이 있다면 발과 허벅지에도 덕지덕지 발라주기!✅ 뿌리자!실내 적정 습도는 40~60 사이라고 해요. 신생아👶가 태어나면서부터 엄빠들이 습도 체크를 하는 경우가 많지만, 사실 엄마의 건조함을 미리 해결하기 위해서라도 온&middot;습도기와 가습기를 미리 구비해 주면 좋아요! 원래 어른만 있다면 겨울에만 가습기 잠깐 틀고 말겠지만, 신생아가 있는 집은 가습기 항시 대기이니 어차피 마련할 것, 미리미리 준비하자고요!✅ 마시자!피부 관리만 하지 않고, 무엇보다 직접적인 수분 보충을 해주는 것이 중요해요. 사람은 하루에 1~2L의 수분이 필요한데 엄마는 뱃속의 아기까지 있으니, 그 이상을 마시는 것이 가장 좋죠! 임신 중 수분 섭취는 건조함만을 해결하는 것이 아니라, 부종도 해결해 주는 고마운 존재니, 지금 이 글을 읽고 있는 엄마는 물💦 한 컵 원샷!

임신 후 피부 건조해졌다면?필독

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เราทุกคนคงเคยผ่านหูผ่านตา👀กับโรคเบาหวานกันมาบ้างใช่ไหมคะ แต่คุณผู้อ่านทราบไหมคะว่า การที่ใครสักคนจะเป็นเบาหวานนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พฤติกรรมการรับประทานอาหาร🍽️และการใช้ชีวิตอย่างเดียว แต่เบาหวานสามารถเกิดได้ตั้งแต่ในเด็กแรกคลอด🚼 ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวมากับพันธุกรรม🧬ของเจ้าตัวน้อยเลยค่ะ นั่นหมายความว่าลูกๆของเราไม่จำเป็นต้องมีขนาดตัวที่ใหญ่ มีน้ำหนักตัวมาก ก็ยังสามารถเป็นเบาหวานได้อยู่ดีค่ะ หากถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว เราในฐานะผู้ปกครองจะมีแนวทางในการดูแลเด็กๆอย่างไร บทความนี้มีคำตอบให้คุณผู้อ่าน แต่ก่อนอื่น เราไปทำความรู้จักกับโรคเบาหวานให้ลึกซึ้งขึ้นก่อนดีกว่าค่ะ💁&zwj;♀️<hr>เบาหวานในเด็ก<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4579/077beae5-0e50-47e8-85de-a548cccfa354.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">สำหรับโรคเบาหวานที่มักเกิดขึ้นกับเด็กนั้น จะถูกแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆด้วยกันดังต่อไปนี้ค่ะ✨เบาหวานชนิดที่ 1&nbsp;ชนิดนี้มักติดตัวกับเด็กมาตั้งแต่เกิด👶 แต่ยังไม่จำเป็นต้องแสดงอาการทันที ส่วนมากเด็กที่เป็นเบาหวานชนิดนี้มักไม่ได้มีขนาดตัวที่ใหญ่ น้ำหนักตัวเยอะ หรือเป็นโรคอ้วนแต่อย่างใดค่ะ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดนี้มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่เข้าใจว่าเซลล์ในกลุ่มเซลล์ตับอ่อนเป็นสิ่งแปลกปลอม🦠ในร่างกาย ซึ่งปกติแล้วเซลล์เหล่านี้จะเป็นตัวสร้างฮอร์โมนอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสม หากถูกทำลายไปโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตนเอง ผู้ป่วยจะขาดฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั่นเองค่ะ✨เบาหวานชนิดที่ 2&nbsp;สำหรับชนิดนี้มักจะเกิดได้กับทั้งเด็กและวัยรุ่น👦 แต่ไม่ได้ติดตัวผู้ป่วยมาตั้งแต่กำเนิดค่ะ ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดนี้มักมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือโรคอ้วนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สาเหตุของเบาหวานชนิดนี้โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร🍫และการใช้ชีวิตค่ะ ซึ่งจะทำให้ฮอร์โมนอินซูลินมีการทำงานที่ผิดปกติ จนไปถึงร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน อ่านมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านจะสามารถแยกชนิดของเบาหวานได้แล้ว เพราะฉะนั้นบทความนี้จะขอเน้นไปที่เบาหวานชนิดที่ 1 เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นชนิดที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดค่ะ<hr>อาการของเบาหวานชนิดที่ 1<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4579/cefa53b8-c311-4e84-b296-b5ec210d962c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อาการที่แสดงออกมีดังนี้👉มีอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย🚽ชัดเจน ไม่ว่าจะอาการหิวบ่อย กระหายน้ำ เมื่อกินน้ำปริมาณมากๆก็จะปัสสาวะบ่อยตามมา และกลิ่นปัสสาวะเป็นกลิ่นหวานๆ คล้ายกลิ่นของน้ำผลไม้ค่ะ🍇👉อาจมีอาการติดเชื้อร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง ในเด็กหญิง👧บางรายก็พบการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ👉มีภาวะเลือด🩸เป็นกรด อาการที่แสดงออกมาคืออาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน🤮 เซื่องซึม หายใจหอบ😮&zwj;💨 หากรุนแรงมากจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ช็อค และหมดสติในที่สุดค่ะ<hr>แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4579/96e73b8b-b236-48c2-84d1-1f74cad6a0ee.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">แนวทางที่ 1️⃣เนื่องจากเป็นชนิดที่เกิดจากการที่ร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เอง วิธีรักษาจึงมีวิธีเดียวคือการฉีด💉ฮอร์โมนอินซูลินเข้าไปทดแทนค่ะ แต่ในปัจจุบันก็มีเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย จะได้ไม่ต้องพกเข็มไปฉีดยาตลอดเวลา แต่ใช้ &ldquo;อินซูลินปั๊ม&rdquo; 🔴 ติดไว้กับตัว ซึ่งเป็นเครื่องจ่ายอินซูลินเข้าร่างกายแทนค่ะแนวทางที่ 2️⃣ถึงแม้เบาหวานชนิดนี้จะไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ชีวิตโดยตรง แต่ผู้ป่วยก็ยังต้องการการดูแลเรื่องโภชนาการ🍲ค่ะ ต้องคอยระวังไม่ให้รับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป และควรออกกำลังกาย🏋️&zwj;♀️ในรูปแบบที่เหมาะสมค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;สำหรับแนวทางป้องกันการเกิดเบาหวานชนิดที่ 1 นั้น เป็นที่น่าเสียดายว่ายังไม่มีค่ะ🙅&zwj;♀️ แต่ก็ไม่ใช่โรคที่เกิดได้บ่อยนักกับเจ้าตัวน้อยแรกคลอด👶 อย่างไรก็ตามหากลูกของเราเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 จริงๆ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปที่สุขภาพปกติได้ ไม่ใช่โรคที่นับเป็นข้อจำกัดของการใช้ชีวิตมากนัก เพียงแต่ต้องดูแลตนเองให้มากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย หากมองในแง่ดีก็ถือว่าเป็นการทำให้ผู้ป่วยมีไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างดูแลสุขภาพโดยอัตโนมัติค่ะ

ลูกเป็นเบาหวานตั้งแต่กำเนิด รับมือยังไง?

เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาร่างกายจะยังบอบบางมาก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆคนจึงอาจไม่รู้ว่าจะอุ้มลูกอย่างไรดี กลัวลูกตก กลัวทำให้ลูกเจ็บ จึงอุ้มอย่างเก้ๆ กังๆ โดยวันนี้เราได้รวบรวมวิธีการอุ้มมาให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันแล้วค่ะ&nbsp;<hr>อุ้มลูกอย่างไรให้ลูกสบาย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2263/b81f7b7a-1eec-4143-b9df-6c9ad608dd7b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨อุ้มอย่างไรดีคุณพ่อคุณแม่จะต้องมีความมั่นใจและเชื่อมั่นใจตนเอง😀 พยายามอุ้มลูกให้มั่นและไม่ต้องเกร็ง เวลาอุ้มให้อุ้มลูกให้แนบชิดกับตัวคุณพ่อคุณแม่มากที่สุดเพื่อที่ลูกน้อยจะได้สัมผัสกับความอบอุ่น และได้กลิ่นของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งการสัมผัสเหล่านี้จะทำให้ลูกน้อยเกิดความอบอุ่น💖นั่นเองคะ &nbsp;✨การยกลูกคุณพ่อคุณแม่สามารถยกลูกน้อยขึ้นมาโดยเริ่มจากการใช้มือข้างใดข้างหนึ่งช้อนช้อนใต้คอลูกน้อย แล้วหนุนศรีษะ และใช้มืออีกข้างรองใต้ก้นและหลังของลูก👶ค่อยๆยกตัวลูกน้อยขึ้นมาช้าๆ และจัดในอยู่ในท่าอุ้มที่ถนัดค่ะ<hr>ท่าอุ้มต่างๆ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2263/9b92c185-56ee-4f2e-8130-f40fded4523c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨อุ้มพาดบ่าคุณพ่อคุณแม่สามารถอุ้มพาดบ่าด้วยการยกตัวลูกน้อยขึ้นตามวิธีการข้างต้น โดย✋จับให้ลูกน้อยหันหาเข้าตัวของคุณพ่อคุณแม่ จากนั้นให้วางศีรษะของลูกน้อยไว้บนบ่าขณะที่แขนข้างหนึ่งใช้หนุนก้นของลูกและอีกข้างหนึ่งพาดหลังและจับศรีษะหรือด้านหลังคอไว้เบาๆ&nbsp;โดยข้อดีของท่านี้คืออาจใช้มือหยิบจับของได้บางครั้ง และเป็นท่าที่มีความเป็นธรรมชาติสูง🍃 ทำให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น รวมถึงทำให้ลูกสามารถยืดตัวได้อย่างสบายอีกด้วยโดยท่านี้เป็นท่าที่นิยมอุ้มลูกเพื่อให้เรอค่ะ✨อุ้มนอนบนแขน &nbsp;(cradle)ท่านี้เป็นท่าที่คุณพ่อคุณแม่งอแขนและให้ศีรษะของลูกวางบนข้อศอก และพยุงหลังและก้นด้วยมือข้างเดียวกัน ส่วนมืออีกข้างอย่านำไปพยุงหลังของลูกใบหน้าของลูก👶จะอยู่ใกล้ๆอกของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นท่าที่สามารถให้นมลูกได้นั่นเองค่ะท่าอุ้มนี้เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยและมีความง่ายและมีความเป็นธรรมชาติที่สุด ข้อดีของท่านี้คือคุณพ่อคุณแม่จะสามารถมองตาลูกน้อยและสามารถสื่อความรัก💖และความผูกพันต่อกันได้ รวมถึงยังเป็นท่าที่เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อีกด้วยค่ะ✨ท่าอุ้มนอนคว่ำเป็นท่าที่ใช้เพื่อกล่อมให้ลูกหลับหรือทำให้ลูกเรอได้ แต่จะใช้กำลังแขนค่อนข้างมากจึงเหมาะสำหรับคุณพ่อ👨มากกว่าคุณแม่ สามารถอุ้มลูกได้โดยให้ลูกอยู่ในท่าคว่ำ และให้ช่วงท้องของลูกอยู่บนแขน โดยหัวของลูกควรหันไปทางข้อศอกและหันหัวออกด้านข้างเพื่อหายใจ😮&zwj;💨 แขนขาลองลูกจะห้อยลงมาและคร่อมบนแขนของคุณพ่อและใช้มืออีกข้างจับหลังลูกเพื่อให้ลูกปลอดภัย โดยจะต้องระวังช่วงคอ โดยควรคอยประคองคอและศรีษะตลอดเวลา<hr>การวางลูกลงนอน<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2263/e08b3abc-1c02-4c38-8f68-b2d1c5cd529a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨วิธีการวางหลังจากเรียนรู้การอุ้มกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูวิธีการวางลูก👶น้อยลงกันดีกว่าค่ะ สามารถทำได้โดยค่อยๆ เปลี่ยนจากท่าอุ้มเป็นท่านั่ง มือข้างหนึ่งหนุนศีรษะของลูกและ อีกข้างจับที่แผ่นหลังและก้นของลูกน้อย ค่อยๆวางลูกน้อยลงอย่างเบามือ✋ หลังวางลูกน้อยบนเตียงก็ค่อยๆเอามือที่รองตัวลูกน้อยออก เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ✨ถ่ายทอดความรักเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ไม่ยากอย่างที่คิดเลยใช่ใหม่คะ ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจในตัวเอง โดยเวลาอุ้มให้ระมัดระวังความปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่สามารถอุ้มลูกบ่อยได้เท่าที่ต้องการ เพราะการอุ้มลูกจะเป็นการถ่ายทอดความรัก💖ให้ลูกน้อยนั่นเองค่ะ

อุ้มลูกอย่างไรดี (แรกเกิด-4 เดือน)

คุณแม่คนไหนที่กำลังจะเลือกซื้อชุดคลุมท้อง แต่ยังนึกไม่ออกว่าชุดคลุมท้องแบบไหนถึงจะดีและเหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาส วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคการเลือกต่างๆมาให้คุณแม่กันแล้วค่ะ 😊<hr>ชุดคลุมท้องในช่วงไตรมาสแรก (1-3 เดือน)<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3388/57379884-b2a8-4026-95f2-f030ab6f057a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ในไตรมาสแรกนั้น จะเป็นช่วงที่คุณแม่ยังตั้งครรภ์อ่อนๆและจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก คุณแม่ยังสามารถใส่ชุดที่มีอยู่แล้วได้ แต่ไม่ควรเลือกชุดที่รัดแน่นมากจนเกินไป🙅&zwj;♀️ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้นะคะ รวมถึงควรเลือกใส่กางเกงที่มีลักษณะเป็นยางยืด รองรับขนาดของหน้าท้องได้ดีลูก👶ในครรภ์จะได้ไม่เสี่ยงอันตรายค่ะ&nbsp;<hr>ชุดคลุมท้องในช่วงไตรมาสสอง (4-6 เดือน)<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3388/4ec475c6-5c0e-40d6-a617-789b9a29f3d1.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ในช่วงไตรมาสที่ 2 นั้นครรภ์ของคุณแม่จะเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นและเห็นได้ชัด ดังนั้นในช่วงนี้คุณแม่จำเป็นต้องเลือกกระโปรงหรือกางเกงที่มีขอบยางยืดที่สามารถยืดได้ตามขนาดหน้าท้องและใต้ท้องของคุณแม่ได้👗 โดยยางยืดก็จะต้องไม่ใช่ยางยืดที่รัดแน่นสุดๆ นะคะ โดยใส่ตอนนี้คุณแม่อาจจะใส่ชุดบางตัวไม่ได้ก็ไม่ควรจะฝืนใส่เพื่อป้องกันอันตรายกับทารกในครรภ์ค่ะ&nbsp;<hr>ชุดคลุมท้องในช่วงไตรมาสสาม (7-9 เดือน)<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3388/b0ad8101-46de-46d9-9122-5533b46df5d1.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ในไตรมาสสุดท้ายนี้หน้าท้อง🤰ของคุณแม่จะขยายใหญ่เต็มที่ รวมถึงแขน ขา หน้าอก สะโพก และหน้าท้องก็มีการขยายใหญ่ตามไปด้วย ดังนั้นร่างกายของคุณแม่จะต้องรับน้ำหนักมากขึ้น และการเลือกชุดคลุมท้องนั้นก็จะต้องพยายามเลือกชุดที่ไม่อึดอัดเวลาใส่👗 เลือกชุดที่มีจีบใต้หน้าอก จะช่วยให้ลดความอึดอัดและช่วยอำพรางรูปร่างให้ดูมีสัดมีส่วนอีกด้วยค่ะ&nbsp;<hr>ต้องดูอะไรเป็นพิเศษอีกไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3388/e782a89f-9ccf-4738-8446-43779d67c3f3.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรเลือกเนื้อผ้าชุดคลุมท้องแบบไหนถึงดี?เราแนะนำให้คุณแม่เลือกชุดคลุมท้อง🤰ที่มีเนื้อผ้าเป็นผ้าฝ้าย 100% เพราะจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวและไม่ร้อนจนเกินไปสำหรับคุณแม่ที่กำลังหาซื้อกางเกงผ้ายืด🩳 ควรมองหากางเกงที่มีส่วนผสมของไลคราเส้นใยสังเคราะห์ เพราะเส้นใยสังเคราะห์เหล่านี้มีความทนทาน ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน และยังยืดหยุ่นได้ดีอีกด้วยโดยควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำมาจากใยสังเคราะห์ อย่างไนลอน เพราะจะทำให้คุณแม่ร้อน และไม่สบายตัว💦นั่นเองค่ะ&nbsp;ต้องดูอะไรเป็นพิเศษอีกไหม?✨เวลาเลือกเสื้อ เผื่อขนาดรอบอกและรอบท้องที่จะขยายขึ้นในอนาคต✨หลีกเลี่ยงกางเกงที่เป็นซิปหรือกระดุม เผื่อหน้าท้องขยายใหญ่จะได้หายใจสะดวก✨หากเป็นชุดกระโปรงควรผ่าหน้า มีกระดุม หรือ มีซิปเผื่อสำกรับใส่ในช่วงให้นม&nbsp;✨สุดท้ายนี้ชายกระโปรงควรจะมีความกว้างพอที่จะเดินได้สะดวก

เคล็ดลับการเลือกชุดคลุมท้องแต่ละไตรมาส

แม้ว่าในหนึ่งสัปดาห์ทารกจะอาบน้ำแค่ประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ในการอาบน้ำแต่ละครั้งก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งนอกจากจะต้องใส่ใจเรื่องของสบู่และแชมพูแล้ว เรื่องของฟองน้ำก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกันค่ะ ฟองน้ำเป็นอุปกรณ์ที่คุณพ่อคุณแม่มีติดบ้านและเป็นตัวช่วยสำหรับการอาบน้ำให้ทารก ซึ่งเราจะมีวิธีเลือกฟองน้ำอย่างไรได้บ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>วิธีการเลือกฟองน้ำสำหรับทารกเมื่ออาบน้ำทารก ฟองน้ำ🧽เป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ขาดไม่ได้เลย ซึ่งจริงๆแล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามและควรพิถีพิถันเรื่องการเลือกฟองน้ำ เพราะหากซื้อฟองน้ำที่ไม่เหมาะสมกับผิวที่บอบบางของลูกน้อย ก็อาจทำให้ลูกระคายเคืองหรือเป็นแผลได้ฟองน้ำจากธรรมชาติ🍃&nbsp;โดยคุณพ่อคุณแม่ควรจะเลือกฟองน้ำที่ทำจากธรรมชาติ มีการอุ้มน้ำได้ดี และมีความนุ่มนิ่มเพื่อถนอมผิวของลูก รวมถึงสามารถช่วยย่นระยะเวลาในการอาบน้ำของลูกด้วยไม่ใช้ฟองน้ำที่เสื่อมสภาพ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่ควรคอยสังเกตุว่าฟองน้ำที่ใช้อยู่นั้นเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง เพราะฟองน้ำที่เสื่อมสภาพก็สามารถมีผลต่อผิวของทารกได้เช่นกัน ซึ่งเราจะสามารถทดสอบการเสื่อมสภาพโดยการนำฟองน้ำ🧽ไปชุบน้ำ💦แล้วเรามาถูบนผิว หากฟองน้ำมีลักษณะเป็ยขุยนั่นแปลว่าฟองน้ำนั้นเสื่อมสภาพและไม่ได้คุณภาพแล้ว และควรหยุดใช้ทันทีเพราะอาจมีสารอื่นๆปนเปื้อนอยู่ด้วยได้นั่นเองค่ะ<hr>วิธีป้องกันไม่ให้ผิวของลูกแห้งไม่ควรอาบให้บ่อยๆ 🚿การอาบน้ำให้ทารกบ่อยเกินไปจะเป็นการทำให้ไขมันที่เคลือบบริเวณผิวของลูกหลุดออกไป จึงทำให้ผิวแห้งและไม่ชุ่มชื้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นควรจะอาบน้ำให้ประมาณ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ก็เพียงพอแล้วสำหรับทารกค่ะ&nbsp;หลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น&nbsp;น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวของลูกแห้งได้ค่ะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิปกติเมื่ออาบน้ำให้ลูกน้อย โดยพยายามหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีอากาศเย็น อาจเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวของลูกโดยการหยดเบบี้ออยล์ลงไปในน้ำอาบก็ได้ค่ะ🛁ใช้ครีมอาบน้ำหรือสบู่สูตรอ่อนโยนคุณพ่อคุณแม่ควรจะเลือกสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวของลูก โดยให้เลือกสบู่เด็กที่ทำมาจากออร์แกนิค ปราศจากน้ำหอมหรือสารเคมีต่างๆ ที่อาจทำให้ลูกแพ้ค่ะ&nbsp;ใช้เบบี้ออยล์บำรุงผิว🧴คุณพ่อคุณแม่สามารถบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวของลูกน้อยได้ โดยการทาเบบี้ออยล์ น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันมะกอกสูตร 100% หลังอาบน้ำก็จะช่วยให้ผิวของลูกน้อยชุ่มชื้นขึ้นค่ะ&nbsp;ไม่ควรไปเกาหากเห็นผิวที่ลอยเป็นขุยของลูก👶 ก็ไม่ควรไปเกานะคะ เพราะการเกาจะยิ่งทำให้เกิดขุยมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นแผลได้ค่ะ&nbsp;

วิธีเลือกฟองน้ำให้ลูกน้อย

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องอาหารการกินหรือโภชนาการนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์🤰 คุณผู้หญิงบางท่านอาจบำรุงร่างกายโดยการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งครรภ์ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์แล้ว ชนิดและปริมาณของอาหารที่เหมาะสมนั้นอาจไม่เหมือนกับช่วงก่อนตั้งครรภ์เสียทีเดียว อีกทั้งร่างกายของคุณผู้หญิงในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์นั้นก็ล้วนแล้วแต่ต้องการสารอาหารที่ต่างกันบ้าง วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาดูถึงประเภทอาหารที่เหมาะสมกับคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีอายุครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน ว่าควรเน้นไปที่การรับประทานอาหารประเภทใด หรือควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดบ้าง เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ร่างกายของคุณแม่เมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือน<ol><li dir="ltr">เป็นช่วงที่หน้าท้องของคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว🤰 ซึ่งหมายความว่าเจ้าตัวน้อยในครรภ์นั้นเริ่มมีขนาดร่างกายที่เพิ่มขึ้น</li><li dir="ltr">เมื่อทารกในครรภ์มีขนาดตัวมากขึ้น จึงต้องการพลังงานและทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร จนไปถึงแก๊สออกซิเจน💨ที่แลกเปลี่ยนผ่านกระแสเลือดของคุณแม่</li><li dir="ltr">เป็นช่วงที่ระบบประสาทและสมองของเด็กในครรภ์👶พัฒนา</li><li dir="ltr">เป็นช่วงอายุครรภ์ที่คุณแม่มีโอกาสเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย อาจมีอาการขับถ่ายลำบาก💩หรือขับถ่ายค่อนข้างน้อยกว่าปกติ</li></ol>✨สารอาหารที่ร่างกายของแม่และเด็กต้องการ&nbsp; &nbsp; จากหัวข้อก่อนหน้า เราได้พูดถึงภาวะหรือเงื่อนไขทางสุขภาพร่างกายของคุณผู้หญิงและเจ้าตัวน้อยในครรภ์เมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือนไปเรียบร้อยแล้ว แล้วคุณแม่ควรที่จะได้รับสารอาหารประเภทใดเพื่อชดเชยเงื่อนไขทางสุขภาพเหล่านั้นบ้าง เราไปดูกันต่อเลยค่ะ<ol><li dir="ltr">เนื่องจากเป็นช่วงที่เจ้าตัวน้อยในครรภ์จะมีขนาดตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงร่างกายของเด็กมีการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้น สารอาหารจำพวกโปรตีน🍖จึงเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญมากๆในช่วงไตรมาสนี้ค่ะ</li><li dir="ltr">อย่างที่กล่าวไปถึงเรื่องเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนผ่านกระแสเลือดของคุณแม่ การที่คุณแม่รับประทานสารอาหารจำพวกธาตุเหล็กจะช่วยให้เม็ดเลือดแดงในร่างกายของคุณแม่ ซึ่งเป็นตัวละครหลักในการขนส่งแก๊สออกซิเจนและสารอาหารไปยังร่างกายของทารกนั้นมีความแข็งแรงสมบูรณ์💪 สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเป็นปกติค่ะ</li><li dir="ltr">คุณแม่ควรได้รับสารอาหารจำพวกไอโอดีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสมอง🧠ของทารกในครรภ์ค่ะ</li><li dir="ltr">เนื่องจากเป็นช่วงที่คุณแม่อาจมีอาการท้องผูก จึงควรได้รับกากใยอาหารหรือที่เราเรียกว่าไฟเบอร์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่ายให้เป็นไปอย่างปกติค่ะ🚽<hr>แหล่งอาหารและวัตถุดิบที่แนะนำ1. อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารให้พลังงานในกลุ่มโปรตีน ยกตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เนื้อปลา🐟 เครื่องดื่มประเภทนม หรืออาจเป็นโปรตีนจากพืชจำพวกถั่วก็ได้เช่นกันค่ะ2. อาหารกลุ่มที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น เนื้อสัตว์สีแดง ตับ ไข่แดง🍳 เนื้อปลา หรือผักบางชนิดอย่างใบกะเพรา3. อาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุไอโอดีน ยกตัวอย่างเช่นปลาทะเล หรือเกลือธรรมชาติจากทะเล🧂4. อาหารที่อุดมไปด้วยกากใยอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่แแล้วจะเป็นอาหารในกลุ่มที่ไม่ให้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้🍓 แต่ก็มีอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานบางประเภทที่อุดมไปด้วยกากใยอาหารเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีทก็เป็นที่แนะนำเช่นกันค่ะ</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านก็จะได้ทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะว่าร่างกายของคุณแม่และเจ้าตัวน้อยในครรภ์นั้นควรได้รับสารอาหารประเภทใดเพื่อไปทดแทนเงื่อนไขทางสุขภาพในช่วงอายุครรภ์ 4 เดือนบ้าง สำหรับสารอาหารกลุ่มที่ไม่แนะนำให้รับประทานก็จะเป็นอาหารจำพวกหมักดอง หรือชีส เนื่องจากมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อก่อโรคค่อนข้างสูงจากกระบวนการแปรรูปอาหาร จนไปถึงอาหารที่มีไขมันสูง คอเลสเตอรอลสูง เช่นกลุ่มเนื้อสัตว์ติดมัน🥩 อาหารที่ผ่านกระบวนการทอด และอาหารหรือเครื่องดื่มที่น้ำตาลสูงอย่างน้ำหวานและน้ำอัดลมค่ะ อันที่จริงแล้วกลุ่มอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นก็คล้ายกับอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพของคนทั่วไปเลย ดังนั้นเราเชื่อว่า คุณแม่สามารถเลือกที่จะไม่รับประทานได้ถูกประเภทแน่นอนค่ะ

ตั้งครรภ์ 4 เดือน ควรทานอะไร อาหารสำหรับคนท้อง 4 เดือน ถึงดีต่อแม่และลูก

&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินหรือได้เห็นคำศัพท์ทางการแพทย์คำว่า &ldquo;อัลตร้าซาวด์&rdquo; ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างใช่ไหมคะ เพราะเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างภาพทางการแพทย์ที่เป็นที่นิยมและเข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย ยิ่งในหัวข้อเกี่ยวกับการตั้งครรภ์🤰ด้วยแล้ว การอัลตร้าซาวด์แทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีการสร้างภาพทางการแพทย์ที่ค่อนข้างปลอดภัยทั้งกับตัวคุณแม่และเจ้าตัวน้อยเลย👶ค่ะ วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับวิธีทางการแพทย์ชนิดนี้ให้มากขึ้น โดยการเรียนรู้ถึงวิธีการอ่านผลอัลตร้าซาวด์ที่น่าสนใจและไม่ได้เข้าใจยากเกินไปกันค่ะ หากคุณผู้อ่านกำลังเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ จะได้ทำความเข้าใจกับผลตรวจครรภ์ของคุณแม่ได้ค่ะ💁&zwj;♀️<hr>คำศัพท์ที่เกี่ยวกับอัลตร้าซาวด์<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4614/e8c9bffb-7c3d-476c-a762-17ac2379f2fe.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คำศัพท์เกี่ยวกับการวัดขนาดส่วนศีรษะของทารก1️⃣ความกว้างบริเวณศีรษะของทารก👶 มีตัวย่อว่า&nbsp;BPD&nbsp;ซึ่งย่อมาจาก&nbsp;Biparietal Diameter&nbsp;นับเป็นการวัดที่มีประโยชน์มากในการกะประมาณอายุครรภ์ของคุณแม่ เป็นการวัดที่เหมาะสมที่จะวัดในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้มากกว่า 3 เดือนขึ้นไปค่ะ2️⃣เส้นรอบวงของศีรษะทารก มีตัวย่อว่า HC ซึ่งย่อมาจาก Head Circumference เป็นวิธีที่เป็นประโยชน์ในการประเมินอายุครรภ์ของคุณแม่🤰ได้เช่นกันในช่วงที่คุณแม่มีอายุครรภ์ได้ 3 เดือนขึ้นไป และจะมีประโยชน์เป็นพิเศษในกรณีที่เจ้าตัวน้อยในครรถ์มีรูปร่างศีรษะที่ผิดปกติ แต่อาจทำได้ยากกว่าวิธีการวัดความกว้างของศีรษะค่ะคำศัพท์เกี่ยวกับการวัดขนาดร่างกายส่วนอื่นๆของทารก1️⃣การวัดความยาวของทารก👶 อันที่จริงวิธีนี้ก็คือการวัดความสูงของเจ้าตัวน้อยนั่นเองค่ะ มีตัวย่อว่า&nbsp;CRL&nbsp;ซึ่งย่อมาจากคำว่า&nbsp;Crowm-Rump Length&nbsp;ค่ะ เราจะเห็นได้ว่าการวัดขนาดของศีรษะนั้นเหมาะกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ดังนั้นในกรณีที่คุณแม่มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 3 เดือน วิธีนี้จึงเหมาะสมในการประเมินอายุของทารกมากกว่าค่ะ2️⃣การวัดเส้นรอบวงบริเวณท้อง วิธีนี้มีตัวย่อคือ&nbsp;AC&nbsp;ซึ่งย่อมาจากคำว่า&nbsp;Abdominal Circumference&nbsp;ค่ะ วิธีนี้นั้นถือว่าเป็นวิธีที่ไม่ค่อยแม่นยำ หากจะวัดเพื่อใช้ประเมินอายุของเด็ก แต่มักถูกใช้ในการประเมินภาวะทางโภชนาการ🥦แทนค่ะ3️⃣การวัดความยาวของกระดูกต้นขา🦵 วิธีนี้มีตัวย่อว่า&nbsp;FL&nbsp;ซึ่งมาจากคำว่า&nbsp;Femer length&nbsp;นั่นเองค่ะ อันที่จริงแล้วกระดูกชิ้นอื่นๆก็สามารถนำมาใช้ในการประเมินการเจริญเติบโตของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้เช่นเดียวกัน แต่กระดูกต้นขาเป็นชิ้นที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ถึงจะเป็นวิธีการวัดที่ยังมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยก็ตามค่ะคำศัพท์เกี่ยวกับการวัดส่วนอื่นๆนอกเหนือจากร่างกายทารกโดยตรง1️⃣การวัดปริมาณน้ำคร่ำ💦 มีตัวย่อว่า&nbsp;AFI&nbsp;ซึ่งมาจากคำว่า&nbsp;Amniotic Fluid Index&nbsp;ค่ะ น้ำคร่ำนับเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้เข้าตัวน้อยสามารถอยู่ในท้องคุณแม่ได้อย่างเป็นปกติ ดังนั้นค่าการวัดน้ำคร่ำจึงมีส่วนช่วยในการบ่งบอกภาวะของทารกในครรภ์ได้ค่ะ2️⃣การตรวจสอบตำแหน่งที่รกเกาะมดลูก หรืออาจเรียกโดยคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า&nbsp;Placental site&nbsp;ค่ะ เนื่องจากรกก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบที่ทำให้เจ้าตัวน้อย👶ในครรภ์สามารถดำรงชีวิตในท้องของคุณแม่ได้อย่างปกติเช่นกัน การตรวจสอบเกี่ยวกับตำแหน่งการเกาะของรกผ่านการอัลตร้าซาวนด์จึงนับเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ค่ะ<hr>ประโยชน์ของการทำอัลตร้าซาวด์เบื้องต้น<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4614/058d229d-d55d-4f19-bd17-2346c39c6fa0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ประเมินอายุครรภ์ของคุณแม่การทำอัลตร้าซาวด์ในช่วงตรวจครรภ์จะช่วยให้แพทย์เจ้าของครรภ์สามารถประเมินอายุครรภ์ของคุณแม่🤰หรืออายุของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้ค่ะ แม้จะมีความคลาดเคลื่อนบ้างแล้วแต่วิธีที่ใช้ แต่ก็ยังถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนแนะนำคุณแม่ในอนาคตได้✨วิเคราะห์และวินิฉัยเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกายทารกการทำอัลตร้าซาวนด์ยังช่วยให้แพทย์เจ้าของครรภ์สามารถวิเคราะห์และวินิฉัย🩺เกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกายทารกในครรภ์ได้ เพื่อที่จะได้วางแผนแก้ไขหรือทำการรักษาอย่างถูกวิธีและทันท่วงทีค่ะ✨ระบุเพศของทารกการทำอัลตร้าซาวด์ยังช่วยให้แพทย์สามารถช่วยระบุเพศ👦👧ของเข้าตัวน้อยในครรภ์ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นอีกประเด็นที่น่าตื่นเต้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่เอง👫ใช่ไหมล่ะคะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;ได้อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านน่าจะรู้จักวิธีอัลตร้าซาวด์มากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ จะเห็นได้ว่าเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการตรวจสุขภาพของทั้งคุณแม่และเจ้าตัวน้อยในครรภ์มากเลยทีเดียว แต่การทำอัลตร้าซาวด์นั้นจะทำได้โดยแพทย์👩&zwj;⚕️หรือนักรังสีเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น ดังนั้นการไปฝากครรภ์กับโรงพยาบาล🏥ที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มากเลยทีเดียวค่ะ

วิธีอ่านผลอัลตร้าซาวด์ 

การที่ทารกแรกเกิด👶 หรือ เด็กทารกเป็นหวัดและมีน้ำมูก🤧เสมหะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ทั่วไป แต่การที่ลูกมีน้ำมูกและเสมหะนั้นเป็นต้นเหตุให้ลูกหายใจไม่สะดวกและอาจเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมาได้ ดังนั้นการดูดน้ำมูกและเสมหะออกจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้เพื่อให้ลูกสามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้นค่ะ&nbsp;<hr>ทำไมทารกจึงมีมีน้ำมูกและเสมหะ?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2719/761ca197-e03f-4f97-be28-89efecefcbba.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">โดยธรรมชาติของมนุษย์ ร่างกายจะมีระบบป้องกันเชื้อโรค🦠 แบคทีเรียและสิ่งสกปกรก ซึ่งจมูกของคนจะผลิตเมือกขึ้นมาเพื่อกันสิ่งสกปรก เชื้อโรค ควัน ฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ โดยเมือกเหล่านี้จะทำการดักจับสิ่งแปลกปลอมให้เป็นก้อนรวมกัน ซึ่งบางครั้งก็อาจส่งผลให้เกิดการบวมของหลอดเลือดภายในโพรงจมูกได้👃 โดยอาการบวกมักจะเกิดในฤดูหนาว หรือ เมื่ออากาศแห้ง ทำให้จมูกเกิดการอุดตันนั่นเองค่ะ&nbsp;<hr>ที่ดูดน้ำมูกคืออะไร จำเป็นไหม?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2719/971b0b6e-e5c3-4e91-ae08-36e24c5f970a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🪀ที่ดูดน้ำมูก&nbsp;คือ สิ่งที่ออกมาแบบมีจุดประสงค์เพื่อดูดมูกหรือเมือกที่อุดตันจมูกของทารกเพื่อให้สามารถหายใจได้สะดวกขึ้น อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้เหมาะกับขนาดของจมูก👃ของลูกน้อย🪀เมื่อเก็บน้ำมูกเมื่อคุณพ่อคุณแม่ทำการเก็บน้ำมูก เข้าสู่ที่ดูดน้ำมูก น้ำมูกจะถูกเก็บเข้าไปในที่เก็บเฉพาะ โดยจะไม่มีการไหลกลับไปยังจมูกของลูก👶 โดยที่ดูดจมูกนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก<hr>รูปแบบต่างๆของที่ดูดจมูก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2719/0783ae14-a53b-4e82-9700-595b411d9def.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🪀แบบดูดด้วยมือ/ดูดอัตโนมัติรูปแบบการดูดด้วยมือหรือดูดอัตโนมัตินั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นลูกบอลยาง มีขนาดพอดีมือ✋ ลักษณะกลมและจะมีปลายแหลมยื่นออกมา ซึ่งส่วนปลายนี้จะเอาไปสอดเข้ารูจมูกของทารก ลูกบอลด้านล่างจะมีลักษณะเป็นกระเปาะซึ่งจะเอาไว้ใสขี้มูกหรือเสมหะที่ถูกดูดออกมาจากจมูก👃ของลูกซึ่งจะมีรูปแบบทั้งที่ใช้มือบีบลูกบอล หรือ แบบอัตโนมัติก็มีให้เลือกตามที่ต้องการเลยค่ะ โดยแบบอัตโนมัตินั้นเพียงแค่ใส่ปลายของเครื่องเข้าไปในจมูกของลูกก็จะทำการเก็บน้ำมูกให้อัตโนมัติค่ะ&nbsp;🪀แบบใช้ปากดูดที่ดูดน้ำมูกแบบใช้ปากดูดนั้นกำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากหลายๆท่านพบว่าแบบใช้ปากดูดนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าแบบอื่นๆ โดยวิธีการใช้นั้นมีลักษณะเหมือนกับแบบการใช้มือ แต่ใช้ปาก👄แทน ใครที่กำลังกังวลว่า อ้าว แล้วเสมหะของลูกจะไปเข้าปากเราหรอ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเครื่องถูกออกแบบให้มีตัวกรองและจะไม่มีน้ำมูก👃 หลุดเข้าไปแน่นอนค่ะ แต่ข้อควรระวังเวลาใช้ที่ดูดแบบใช้ปากก็คือ คุณพ่อคุณแม่จะต้องดูแรงดูดให้ดี เพราะหากดูดแรงเกินไปจะทำให้จมูกของลูกระคายเคืองได้นะคะ&nbsp;🪀แบบสเปรย์แบบสเปรย์นี้จะไม่เหมือนกับการดูดแบบมือหรือแบบปาก แต่เป็นการพ่นสเปรย์เข้าไป เพื่อลดการอุดตันของจมูกของลูกน้อย แต่จะสามารถใช้ได้กับการอุดตันในจมูก👃ที่แห้งเท่านั้น โดยสเปรย์จะช่วยให้ลูก👶หายใจได้ดีขึ้นจากการพ่นสเปรย์และจามน้ำมูกออกมา รวมถึงยังช่วยทำความสะอาดเมือกที่เยอะหรือหนาจนเกินไปด้วยค่ะ

ที่ดูดน้ำมูกให้ทารก มีแบบไหนบ้างนะ?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คุณผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางท้องถนนกันมาบ้างใช่ไหมคะ🛣️ แน่นอนว่าวิธีการลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุที่ได้ผลวิธีหนึ่งก็คือการคาดเข็มขัดนิรภัย แต่สำหรับเด็กแล้ว การนั่งบนเบาะของรถและคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นไม่ได้ช่วยลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเบาะที่นั่งโดยสารบนรถนั้นไม่ได้ออกแบบมาเอื้ออำนวยต่อการนั่งของเจ้าตัวน้อยมากนัก ด้วยเหตุนี้ทำให้มีนวัตกรรมที่เรียกว่า “บูสเตอร์ซีท” (Booster seat) ถือกำเนิดขึ้น บูสเตอร์ซีทคืออะไร เหมาะสมกับใครบ้าง เด็กๆจำเป็นต้องใช้แค่ไหน บทความนี้มีคำตอบให้คุณผู้อ่านค่ะ💁‍♀️<hr>บูสเตอร์ซีทคืออะไรหากจะพูดให้ง่ายต่อความเข้าใจ เจ้าบูสเตอร์ซีทก็คือเบาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรูปแบบหนึ่งนั่นเองค่ะ เป็นเบาะนิรภัยที่ช่วยยกความสูงเวลานั่งของเด็กๆเพิ่มขึ้น เพื่อให้เด็กๆสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์คาดได้อย่างพอดี เหมาะสม🚙 และปลอดภัย ซึ่งก็คือการที่สายเข็มขัดนิรภัยพาดบริเวณบ่าของเด็กได้พอดี ไม่ใช่การพาดคอค่ะคำแนะนำจากองค์กร Safe Kids Worldwideจากคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการใช้คาร์ซีทจากองค์กร Safe Kids Worldwide🌏 ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของเด็ก มีสาระสำคัญที่น่าสนใจดังนี้✨การใช้บูสเตอร์ซีทสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ถึง 45% เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่นั่งบนเบาะที่นั่งรถและคาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์โดยตรง✨มีผู้ปกครองถึง 90% ที่ให้ลูกๆเลิกนั่งบูสเตอร์ซีทก่อนสมควร เนื่องจากเด็กที่สามารถนั่งที่นั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยของรถได้อย่างปลอดภัยควรมีความสูงมากกว่า 145 เซนติเมตรขึ้นไป⬆️<hr>&nbsp;บูสเตอร์ซีทเหมาะกับใคร✨เด็กที่มีอายุประมาณช่วง 4-8 ปีเด็กที่มีความสูงประมาณ 142 เซนติเมตร อันที่จริงแล้วไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นเด็ก สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสรีระเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน✨เริ่มต้นให้เด็กใช้บูสเตอร์ซีทพิจารณาก่อนว่าเด็กอยู่ในช่วงความสูงหรือสรีระที่นั่งบูสเตอร์ซีทได้อย่างปลอดภัยแล้วหรือยัง หรือควรที่จะใช้คาร์ซีทประเภทอื่นๆก่อนก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพาเจ้าตัวน้อยไปทดลองนั่งก่อน เพื่อดูว่าจากสรีระของเด็กนั้นเหมาะสมที่จะเลือกใช้บูสเตอร์ซีทตัวไหน👶หลังติดสินใจซื้อ ลองวางบูสเตอร์ซีทไว้ที่เบาะรถเพื่อตรวจสอบว่าบูสเตอร์ซีทนั้นราบไปกับเบาะรถตามปกติหรือไม่ หลังจากนั้นลองให้เด็กนั่งแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยของรถดูว่าพอดีกับร่างกายของเด็กหรือไม่ เด็กสามารถพิงพนักพิงได้ตามปกติหรือไม่ เข็มขัดนิรภัยรัดผ่านสะโพกของเด็กได้หรือเปล่า✅ตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดในการติดตั้งคาร์ซีทประเภทใดก็ตาม ไม่เพียงแต่ประเภทคาร์ซีท จะเป็นตำแหน่งเบาะหลังตรงกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่จะได้รับการบาดเจ็บเมื่อเกิดการชนจากด้านข้างของรถ และเป็นจุดที่ทั้งคนขับและคนที่นั่งข้างคนขับสามารถมองตรวจสอบความปกติของคาร์ซีทได้ค่อนข้างสะดวกจากการมองกระจกหน้ารถค่ะ🪞<hr>เด็กจะสามารถเลิกใช้บูสเตอร์ซีทได้ตอนไหน&nbsp; &nbsp; แม้จะมีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของเด็กที่เหมาะกับการใช้บูสเตอร์ซีทเผยแพร่อย่างมากมาย แต่เราสามารถตัดสินความเหมาะสมว่าเด็กๆสามารถเลิกใช้บูสเตอร์ซีทได้หรือยัง ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ค่ะเมื่อเด็กนั่งบนเบาะที่นั่งปกติของรถ🚙&nbsp;บริเวณแผ่นหลังของเด็กสามารถพิงพนักพิงได้อย่างปกติเหมือนผู้ใหญ่นั่งได้หรือไม่ หากบริเวณหลังสามารถพิงได้ปกติ ก็มีแนวโน้มจะเลิกใช้บูสเตอร์ซีทได้ค่ะเมื่อทดลองให้เด็กนั่งบนเบาะที่นั่งปกติแล้ว&nbsp;หากเข่าของเด็กตอนที่งอขานั้นเลยขอบเบาะ ก็สามารถเลิกใช้บูสเตอร์ซีทได้ค่ะ✅เมื่อทดลองให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยของรถเอง&nbsp;หากสายของเข็มขัดนิรภัยพาดคาดผ่านบ่า มาเป็นแนวทะแยงบริเวณหน้าอก ไม่ใช่คอหรือแขน และพาดลงไปผ่านบริเวณต้นขา🦵และสะโพกของเด็กได้ ก็อาจพิจารณาเลิกใช้บูสเตอร์ซีทได้ค่ะจากคำแนะนำข้อ 1-3 หากเจ้าตัวน้อยสามารถนั่งในลักษณะดังกล่าวได้ทั้งหมดตลอดการเดินทาง&nbsp;ก็อาจถึงเวลาแล้วที่จะเลิกใช้บูสเตอร์ซีท โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอายุ ส่วนสูง หรือน้ำหนักของเด็กมากนักค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;การใช้คาร์ซีทนั้นถือเป็นเรื่องที่คุณผู้ปกครองจำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัวน้อย👶 หากไม่ทำตามนั้น นอกจากจะผิดกฎหมายด้านการขับขี่แล้ว หากเกิดอุบัติเหตุก็อาจทำให้เด็กได้รับอันตรายถึงชีวิตได้ ใช่อยู่ราคาของคาร์ซีทนั้นอาจจะสูง แต่หากเปรียบเทียบกับคุณค่าและความสำคัญที่แลกมาแล้ว ก็นับเป็นสิ่งของจำเป็นที่คุ้มค่าต่อการใช้จ่ายค่ะ

บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) เสริมความปลอดภัยให้ลูกน้อย

12월말 출산예정이예요.
남편을 통해 시부모님께 백일해 접종권유드렸더니
안맞는다 하셨대요
워낙 강성이신분들이라 걱정하긴했는데..
막상 안맞는다고 하는 소리를 들으니 기분이 좋지않아요.
친정부모님들은 없는 약 주문해서 맞으셨는데..
마음같아선 앞으로 시댁에 가고싶지않네요
몸에 안좋은거 맞으라는 것도 아니고.. 참..
호르몬 때문에 예민해져서 그런지 더 화(?)가 나네요 


다들 가족분들이 다 잡종하셨나요?
백일해는 아가가 백일 지나면 상관없는건가요...? 

시댁식구 백일해 접종 거부

아기 안보실거래요..? 
절대 아이 보여주지 마세요ㅠㅠ
요새 백일해 얼마나 심한데요ㅠㅠ
생명과 직속된 문제인데 단순히 맞기 싫다고 안 맞는다니 그게 ㅠㅠ 무슨 황당한 말인가요ㅠㅠ

저희도 시댁에서 맞을지 안맞을지 정확하게 대답을 안해주셔서 남편이랑도 말해보니 남편은 안맞으시면 무조건 100일지날때까지 안보여 드린다고 하더라구요! 사망관련 뉴스도 나왔는데 아닌건 아닌거라고 하더라구요! 그리고 남편없을때 저한테 연락와서 오신다고 그러면 어쩌냐고하니까 바로 본인한테 전화하라고 하더라구요..ㅎㅎ 친정은 백일해 맞았습니다!

저도 시어머니가 꼭 맞아야하냐고 하시길래 남편이 바로 안맞아도돼 애기 100일전에 안볼거면 이러더라고요 그소리듣고 바로 맞으셨어요! 애기보여주지마세요! 

전....100일전에 시댁에 안갈예정이라 남편에게 말 안했는데.... 급 넌지시 이야기해봐야하나 싶네요?

안맞으시는 이유가 도대체 뭘까요 저도 참 궁금하네요;

백일 지나면 아기가 직접 백일해 접종 맞을 수 있어서 가능한거라고 하더라구요 그래도 주변 가족들은 애기 볼거면 맞아야죠ㅠㅠ

백일해가 백일 지나면 괜찮아져서 백일해가 아니라 한번 걸리면 백일동안 기침한다해서 백일해래요ㅠㅠ 애기가 100일정도되면 예방접종하긴하지만 아예 안걸리는건 아니니 조심하는게좋죠ㅠㅠ저흰 양가다맞았어요

유튜브에 백일해 걸린 아기 영상 있어요 보여드리라고 하세요 저 접종 하러 갔을 때 의사선생님이 이거 보고도 안맞는다고 하시는거면 애기 절대 보여주지 말라고 하더라구요 

몇달동안 안보실꺼면 모르겠지만 안맞으시겠다고 하시면 애기 보실생각은 마셔야죠ㅠ 요즘 영아 접촉하는 일
하시는 분들도 접종했는지 확인하는 마당에 무슨 생각이실까요...

저도 친정/시댁 각각 말씀드렸는데 저희 친정식구들은 백일해 얘기하니 다 맞아야지 하셨거든요. 그런데 남편이 시댁에 얘기하니 시어머니는 왜맞냐고 했다더라구요.. 한술 더 뜨면서 100일까지 안보면 되지~!! 이러셨다면서...새엄마 아니랄까봐..ㅠ 그냥 100일까지 안보려구요 ^^

저는 가족들 다 맞았어요 시댁도 말안했는데도 뉴스 보시고 미리 다 맞으셨더라구요 어머님아버님 가셔서 맞으시고 맞으셨다고 신랑 통해서 말씀해주시더라구용 뉴스에 아기 안타까운일 보시면 다 맞으시던데 왜 안맞는다고 하시는걸까요? 

남편이 시댁에 주사안맞으면 내년 봄에나 애기 보여쥬겠다 단호하게 말해놔서 주사 맞으신대욤,,

재작년에 저희 막내 삼촌이 코로나 예방접종맞으시고 그날2시간뒤 바로 심장마비로 사망하셔서 건강했던 동생을 갑작스럽게 잃었다보니 친정아빠가 예방접종이런데 예민해서 독감도 안맞고 계신데 백일해주사맞으라고 차마말하기가어렵더라구요  그래도 친정에서 제가몸조리를  하는상황이라 최근사망이야기도 하면서 말했더니 다음날 바로가서 맞았더라구요 저희야 가족사가 있어서 말씀드리기가 어려웠다지만 예방접종 하는게 뭐가 어렵다고 단호하게 안맞을꺼다하시는지 궁금하네요 ㅎ

안맞으면 애기 못보는거죠 ;; 그건 감안하시라 말씀 드려야할듯
설마 안맞으신 분들인데 시댁식구들이라고 보여드릴건 아니시져..?

시댁 안오게할수 잇는 절호의 기회네요 애기 보여주지마새요

진짜신기한건 시댁만 왜거부할까요?
친정은 아무말안하는데. .
참. . .당연히백일전까진 안보여줘야할듯요. 귀한게열달품은 내새끼인데. 
글구요즘 감기도 심해서 더위험할듯요

우리도 시댁에서 그런거없다해서 안보여드리기로했어요

저라면 그냥 심플하게 안맞으시면 아기 못보여드린다고 뉴스에 백일해로 아기 죽은거 모르시냐고 딱잘라얘기할거같아요!

안녕하세요. 엄빠님! 오늘의 베동 BEST글로 선정되셔서 댓글 남겨드려요. 😍 ✨ 빌리 쇼핑에서 사용하실 수 있는 3,000원을 감사한 마음을 담아 적립해 드려요🙈상품 수령을 위해 금주 내에 작성자(나)가 표기된 베동글 캡쳐본 + 이 댓글의 캡쳐본을 카카오톡 고객센터로 보내주세요! 커뮤니티 이용 약관에 따라 남겨주신 소중한 글은 베이비빌리 마케팅에 활용될 수 있는 점 참고 부탁드립니다. 감사합니다💗

백일해로 사망한 신생아까지 나왔는데 그게무슨..

아기는 2,4,6개월마다 접종해야되요.
이름이 백일해라서 백일동안 기침을 심하게 하고 안좋다는건데 반년동안 못보시는걸로 ㅋㅋ

저희도 남편이 시댁에 말햇는데 저를 이상한 사람으로 보더라구요  요즘 아기 엄마들 너무 예민하다 하면서.. 친정은 멀어서 따로 말씀 안드렸는데 저희 친이모가 부모님에게 백일해로 아이도 죽었다면서 꼭 맞으라 하셨다고 맞는다하시더러구요 이번에 전화하니 뉘양스가 주사안맞고 애보러 온다는것 같아서 남편에게 뉘양스가 오실것 같다 다시 말해보라고 했네요 접종비 주고 맞으라한다던데 친정도 부모님 돈으로 맞는다고 그건 아니라고 했어요 시댁이 연세가 많아서 그러나 100일 이후로 보여준다는거에 대해서도 예전에는 38일 지나면(이게 제가 알기론 24일정도래요) 아기 다봤다고 하시고 좀 그랬네요

전 남편한테만 말했어요 전달했는진 모르겠지만 백일해 안맞으시면 애기 못보여드린다공 
저희친정엄마도 장난으로 백일해안맞으면 애못본다고하니까 좋아? 하시더라구요 ㅋㅋㅋ애기봐달라고할까바 걱정하셧는지 ㅋㅋㅋ근데 그러고나서 백일해 어디서맞는건지 물어보시더라구요 맞을려고한다공 남편쪽은 남편이 가족단톡방이던 그런데에아마 얘기했을거라생각해서 굳이 제가 전달안했오요 요즘 뉴스에도마니떠드는데 
애기 안보여주셔여할거같아요 

저희는 다 맞으셨어요!! 근데 친구네 시댁도 안 맞으신다고 하셔서 똑같은 상황이네요..^^ 대체 왜들 그러는지....요즘 백일해 심각하다고 뉴스 많이 나오고 그래프 수치도 많이 심각하던데 맞고 싶지 않으시면 강요는 안 하겠지만 100일 전에 보여드리는 건 어렵겠다, 100일 이후에 보시라고 하세요.. 아기의 주양육자는 나라서 내 의견과 다르다면 주변 사람들과 싸워서라도 아이를 지켜야 한다고 생각해요..!!!!

백일해는 신생아에겐 정말 너무 치명적이예요 단순감기가 아니예요..... 시이모님이 백일해걸려서 고생하시더라구요. 안맞으신다고하시면 애기 보여주지마세요 항체 생기는데도 시간이 걸리니깐 핑계대고 최소 50일 지나서 보여주시구요 백일해접종을 하더라도 걸릴수도있어요 요즘처럼 유행하는 시점에서는 더더 조심하셔야하는데... 참 답답하네요 요즘같은 바이러스 시대엔 아기 엄마 아빠가 아기 지켜야죠 

안보실꺼면 안맞아도 된다하셔요

왜 안맞는건지 절대 아기 보여주지마요ㄷㄷㄷ

저희는 양가 무조건다 맞으셨고 동생,형님까지 싹다 맞으셨어요
단한분도 왜맞아야되냐는 소리하신분들이 없으셨는ㄷ 아직도 그런분들이 많이 계시는구나..........
안맞을꺼면 절대로 보여드리지 않는게 답이에요

100일까지 안보면되요 출산하고 보면 화딱지만 나요 그냥 그려러니하세요 대신 남편에게 못박으라고 하세요 최근에 백일해로 안타까운 뉴스도 있었는데 무슨 자신감이시래요

신랑이 백일해 사망뉴스 보더니 백일해접종안하면 못보여준다고 100일지나서 오라고해서 시부모님은 안맞으시고 병원에서 보시고 100일 이후에 오시기로하셧어용! 친정은 엄마만 맞으셧구 친정아빠도 시댁부모님이랑 동일하게 할예정입니다!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;สำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย👫ท่านใดที่อยากจะมีเจ้าตัวน้อยในอนาคต สิ่งหนึ่งที่จำเป็นก็คือการวางแผนตั้งครรภ์🤰ค่ะ การวางแผนตั้งครรภ์นั้น หากพูดขึ้นมาลอยๆก็ดูจะเป็นหัวข้อที่กว้างมากเลยใช่ไหมคะ บทความนี้จะช่วยกำหนดขอบเขตและจับกลุ่ม ว่าการวางแผนการตั้งครรภ์เชิงสุขภาพควรคำนึงในด้านไหนบ้าง เพื่อให้คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายที่จะเป็นคุณแม่คุณพ่อในอนาคตมองเห็นถึงสิ่งที่ต้องทำง่ายขึ้นค่ะ<hr>การตรวจสุขภาพร่างกายที่เกี่ยวกับการมีบุตรโดยตรง<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4471/3e58d5a7-36b5-4e03-9c42-f8c4ebc84a83.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;"> ตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไป🩺ตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไปทั้งในคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย โรคที่ตรวจก็จะเป็นโรคในกลุ่มเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ🫀 โรคต่อมไทรอยด์ผิดปกติ หากพบว่ามีความผิดปกติก็จะได้รับการรักษาก่อนมีบุตรค่ะตรวจเลือด🩸ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและความเข้ากันได้ของเลือด ในส่วนของความสมบูรณ์ของเลือดนั้นหมายถึง ความปกติของรูปร่างเม็ดเลือด ปริมาณเลือดและเกล็ดเลือด และการตรวจความเข้ากันได้ของเลือดจะช่วยให้แพทย์👩&zwj;⚕️สามารถประเมินได้ว่าจะทำการคลอดได้อย่างราบรื่นหรือไม่ จำเป็นต้องมีเลือดสำรองเตรียมพร้อมไว้หรือไม่ค่ะตรวจโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม🧬ตรวจโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่คุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย หรืออาจเป็นทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นพาหะของโรค แล้วถ่ายทอดมายังทารก👶 ซึ่งหากตรวจพบถึงความเสี่ยงไว้ก่อนก็จะสามารถช่วยประเมินได้ว่าคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายควรจะมีบุตรหรือไม่ หากจะมีบุตรควรเตรียมตัวเพิ่มเติมอย่างไร และหากเจ้าตัวน้อยเป็นโรคทางพันธุกรรมจริงๆจะมีการรับมืออย่างไรในอนาคตค่ะตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ⚧️ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ เชื้อไวรัสตับอักสบชนิดบีและชนิดซี เชื้อซิฟิลิส และเชื้อหัดเยอรมัน หากติดเชื้อจะได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาและการมีบุตร ว่าจะทำอย่างไรให้ทารกปลอดภัยจากการติดเชื้อต่างๆดังกล่าวรับวัคซีนป้องกันโรค💉ในการรับวัคซีนป้องกันโรคแล้ว ส่วนใหญ่มักจะได้รับเป็นเซ็ตหรือเป็นชุดนั่นเอง ซึ่งก็เป็นกลุ่มวัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคทั้งก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังตั้งครรภ์ นอกจากนี้ในกรณีที่โลกกำลังเกิดอุบัติภัยโรคระบาดอย่างเช่นโรคโควิด&ndash;19 ก็อาจต้องพิจารณาการรับวัคซีนป้องกันโรคระบาดร่วมด้วยค่ะตรวจสุขภาพช่องปาก🦷สุขภาพช่องปากอาจดูเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากการตั้งครรภ์ แต่คุณผู้อ่านทราบไหมคะ ว่าโรคทางช่องปากบางประเภทสามารถทำให้คนเราติดเชื้อและถึงแก่ชีวิตได้ หรือผลกระทบในระดับต่ำๆก็คือการปวดฟัน🦷 ซึ่งทำให้คุณแม่ไม่มีความสุขในระหว่างการตั้งครรภ์แน่ๆ ดังนั้นในช่วงตลอดการตั้งครรภ์ การดูแลสุขภาพช่องปาก🪥จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะควบคุมอาหารและวางแผนเรื่องอาหารการกิน🍽️คุณแม่ที่มีน้ำหนักไม่ตามเกณฑ์มาตรฐาน (มักพิจารณาจากค่า BMI ของร่างกาย) มีแนวโน้มที่จะมีบุตรยากกว่าคุณแม่ที่มีน้ำหนักปกติ นอกจากนี้ ถึงจะเป็นคุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวปกติ ก็ยังต้องคำนึงถึงความครบถ้วนของสารอาหารที่ได้รับด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารหลักประเภทที่ให้พลังงาน 3 กลุ่ม ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต🍚 โปรตีน🍣 และไขมัน รวมไปถึงสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแต่ยังจำเป็นต่อร่างกาย นั่นก็คือกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุนั่นเองค่ะ ในส่วนของการควบคุมอาหารนั้นสามารถเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือนักโภชนาการได้ เนื่องจากคู่สมรสแต่ละคู่นั้นมีเงื่อนไขทางสุขภาพที่ต่างกัน สารอาหารที่ควรได้รับจึงต่างกันไปแล้วแต่ตัวบุคคลด้วยค่ะ<hr>ลด และ เพิ่ม สิ่งต่อไปนี้<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4471/96c4a678-c19b-43b6-9575-d727b7c4894c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่การตั้งครรภ์🚬 พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรเลิก ได้แก่ การเสพสิ่งเสพติดทั้งผิดกฎหมายและถูกกฎหมายเลยค่ะ ซึ่งยังรวมไปถึงสารบางประเภทที่ไม่ได้ถูกบัญญัติว่าเป็นสิ่งเสพติด แต่คนที่ได้รับก็มีแนวโน้มที่จะติดเหมือนกันนั่นก็คือคาเฟอีน ที่พบได้ในเครื่องดื่มประเภทกาแฟ☕️&nbsp; ชา🍵 และน้ำอัดลม🥤นั่นเองค่ะ ต่อมาจะเป็นพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆค่ะ เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่งผลเสียต่อทั้งร่างกายของเราเอง คู่สมรส และเจ้าตัวน้อยในอนาคตได้ค่ะเพิ่มการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ🚶&zwj;♀️เนื่องจากการออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมน้ำหนักและสมรรถภาพทางร่างกาย💪 มันจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นในการวางแผนการตั้งครรภ์ค่ะ แต่ก็ต้องออกในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมกับเงื่อนไขทางสุขภาพของตนเองด้วยนะคะ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณผู้อ่านจะเห็นแล้วนะคะว่าการวางแผนการตั้งครรภ์🤰ในเชิงสุขภาพนั้นไม่ได้ยากเกินความสามารถของทุกคนเลย และเป็นสิ่งที่สามารถทำได้แม้ไม่ได้วางแผนจะมีบุตรอีกด้วยค่ะ เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้นั้นส่งผลดีต่อสุขภาพของทุกๆคน ดังนั้น หากไม่ลำบากเกินไป การที่คุณผู้อ่านหมั่นคำนึงถึงพฤติกรรมเหล่านี้และทำตามก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวค่ะ

การวางแผนตั้งครรภ์คืออะไร?

난황이 좌측에있으면 아들 
우측에 있으면 딸일 가능성이 높다는데
그런가요? 
좌우 반전 없나 궁금하고 재밌고 신기해요 ㅋㅋ

난황위치로 성별파악

저는 평소진료때는 왼쪽이였는데
응급실(분만실)초음파로 보니 오른쪽이더라구요ㅋㅋ기기에따라 좌우반전 있는것같아요

다르긴 하다고 하더라구요 근데 
저 성별 잘 맞추는데 왠지 아들같아요

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เป็นที่ทราบกันดีว่า ช่วงตั้งครรภ์ของคุณแม่นั้นถือเป็นช่วงที่ร่างกายของคุณแม่บอบบางหรืออ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมมากเป็นพิเศษ การจะรับประทานอะไรหรือทำกิจกรรมอะไรสักอย่างนั้นจึงค่อนข้างถูกจำกัด เพราะอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทั้งร่างกายของคุณแม่เองและสุขภาพของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้ วันนี้บทความของเรพาคุณผู้อ่านมาดูถึงหนึ่งกิจกรรมซึ่งถือว่าเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ นั่นก็คือการสักนั่นเอง แต่ไม่ใช่การสักร่างกายตามปกติ สำหรับคุณผู้หญิงแล้ว &nbsp;การสักเพื่อความสวยงามอีกหนึ่งรูปแบบที่เป็นที่นิยมก็คือการสักคิ้วนั่นเอง คุณแม่จะสามารถทำได้หรือไม่ ปลอดภัยหรือเปล่า เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ทำความรู้จักกับการสักเบื้องต้นสำหรับการสักคิ้วนั้น🖋️ หากพูดถึงหลักกการก็เหมือนการสักเพื่อความสวยงามตามร่างกายส่วนอื่นๆอย่างเป็นปกติเลยค่ะ หลักการก็คือช่างสักจะใช้เข็มสักซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็ก ปลายเข็มมีการจุ่มหมึกสีที่ต้องการใช้สัก จากนั้นจึงจิ้มเข็มลงไปในผิวหนังของผู้สักในระดับความลึกที่เหมาะสม เพื่อที่จะฝากเม็ดสีบริเวณปลายเข็มไว้ภายใต้ชั้นผิวหนังของเรา การสักคิ้วก็เป็นการฝังเม็ดสีที่เราต้องการไว้บริเวณคิ้วของเรานั่นเองค่ะ ตอนนี้คุณผู้อ่านก็จะได้รู้แล้วว่าการสักต้องใช้เข็มแทงลงไปในผิวหนัง แต่การกระทำดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเสี่ยงอย่างไรได้บ้าง เราไปดูกันต่อเลยค่ะ👉ความเสี่ยงจากการสักคิ้ว<ol><li dir="ltr">ความเสี่ยงที่มาจากคุณภาพของหมึกที่ใช้ในการสัก เป็นประเด็นที่ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในวงการการสักคิ้ว แต่ครอบคลุมไปถึงการสักทั่วไปเลยค่ะ หากร้านสักใช้สีหมึกที่ไม่ได้มาตรฐาน🎨 ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ถูกสัก ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบบริเวณที่สัก และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วยค่ะ</li><li dir="ltr">สำหรับการสักคิ้วมักมีการใช้ยาชาร่วมด้วย💉 (การสักบริเวณอื่นๆก็อาจใช้เช่นเดียวกัน หากพื้นที่สักค่อนข้างใหญ่) เจ้ายาชาตัวนี้ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการที่เจ้าตัวน้อยในครรภ์จะได้รับยาเช่นเดียวกันค่ะ</li><li dir="ltr">ความเสี่ยงที่มาจากความสะอาดของอุปกรณ์สัก ไม่ว่าจะเป็นสีหมึกที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้าแล้ว เข็มที่ใช้ในการสัก เตียงสัก ความสะอาดของพื้นที่สักและช่างสัก หากร้านสักใช้อุปกรณ์ที่ปนเปื้อน ก็จะเสี่ยงทำให้แผลสักเกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อก่อโรค🦠 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงได้ทั้งกับคุณแม่และเด็กในครรภ์ค่ะ</li><li dir="ltr">ความเสี่ยงในแง่ของความเจ็บปวด😱 หากพูดถึงการสักคิ้ว แม้จะใช้ยาชาก่อนทำการสัก แต่ร่างกายของคนเรานั้นตอบสนองต่อยาชาได้ต่างกัน บางคนแม้จะใช้ยาชาก็ยังคงรู้สึกเจ็บมากๆอยู่ เมื่อเกิดความรู้สึกเจ็บ ร่างกายก็จะเกิดความเครียดที่เพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ สมดุลฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบต่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้โดยตรงค่ะ<hr>หากต้องการสักจริงๆ มีข้อควรระวังอย่างไร</li><li dir="ltr">สำรวจและสังเกตสภาพร่างกายของตนเองว่าพร้อมต่อการสักหรือไม่ หากกำลังสุขภาพไม่ดี ณ ทางใดทางหนึ่ง กำลังป่วย😷 ก็ควรหลีกเลี่ยงการสักไปก่อนค่ะ</li><li dir="ltr">เลือกร้านที่รักษาความสะอาด ปลอดภัย ใช้อุปกรณ์ในการสัก และอุปกรณ์ที่ใช้ฆ่าเชื้อที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้✅</li><li dir="ltr">ปรึกษาแพทย์👩‍⚕️เจ้าของครรภ์ก่อนทำการสัก</li></ol>&nbsp;👉สัญญาณที่ควรสังเกตหลังสักคิ้ว<ol><li dir="ltr">หากคุณแม่มีอาการป่วย เป็นไข้🤒 หนาวสั่น ควรรีบไปพบแพทยทันทีค่ะ</li><li dir="ltr">หากพื้นที่หรือบริเวณที่สักมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นหนอง มีเนื้อเยื่อแข็งนูนเกิดขึ้นบริเวณแผลสัก ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;อันที่จริงแล้ว การสักสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการสักตามร่างกายปกติหรือเป็นการสักคิ้ว ก็ยังถือว่าไม่เป็นที่แนะนำอยู่ดีค่ะ🙅‍♀️ หากคุณแม่สามารถอดทนได้ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องสักขณะตั้งครรภ์ก็ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน แต่หากมีความจำเป็นต้องสักก็สามารถทำตามคำแนะนำจากบทความของเราได้ค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหมั่นสังเกตร่างกายของตนเอง หากหลังจากที่ทำการสัก คุณแม่รู้สึกว่าสุขภาพของตนเองไม่ปกติ ควรไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรมองข้ามและคิดว่าอาการเหล่านั้นอาจหายได้เองค่ะ

คนท้องสักคิ้วได้ไหม ทำแล้วจะส่งผลอันตรายหรือเปล่า? มาดูกัน!

임신은 축복🎉받기 마땅한 소식이죠! 하지만 여러 가지 이유로 누구에게, 언제, 어떻게 알리면 좋을지 고민하는 엄마들이 늘고 있어요🤔. 이 기쁜 소식 빨리 알리고 싶은 마음이 크지만, 임신안정기에 접어든 이후에 알리려고 하는 분들도 꽤 있는데요. 알리는 시기와 방법에 정답이 있는 것은 아니지만 대략적으로 추천하는 시기가 있어요. 오늘은 빌리가 임신 소식 알리기 적당한 시기에 대한 이야기를 나눠볼게요!🙌🏻<hr>남편에게는?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/cead1b92-f1d9-4254-a5c1-6cc709275b82.webp">함께 나누자고 행복의 롬곡옾눞~~~아마도 많은 엄마들이 임신 소식을 알자마자 남편에게 가장 먼저 이 기쁜 소식🥳을 전하셨을테죠. 남편과는 임신 준비시기부터 임신, 출산 모든 레이스를 함께 달려야 할 인생의 동반자예요. 임신 시기에 발생하는 크고 작은 이벤트를 남편과 나누는 것이 육아 시기를 잘 보낼 수 있는 준비 과정이 될 수 있어요. 임신 소식을 확인한 직후에는 남편과 바로 이 기쁜 소식을 공유하시는 것을 추천해요!👍🏻<hr>가족 또는 지인에게는?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/5153cc44-a2e6-4332-821d-525c4313043c.webp">격한 감동의 순간~~임신 안정기 전후로임신 연령이 점점 높아지면서 임신 초기에 다양한 이벤트😱를 겪는 엄마들이 늘고 있어요. 그래서 힘들었던 임신 초기 기간을 보내고 임신 안정기라고 불리는 12주에 접어들고 나서야 임신 소식을 전하는 엄빠들이 늘고 있죠. 엄마의 나이에 따라 차이는 있겠지만 임신 12주가 지나가면 그 후에 유산될 확률은 약 2%로 현저히 줄어들기📉 때문이에요. 태아도 엄마도 어느 정도 안정이 찾아왔다 싶은 이 시점을 임신 초기 엄빠들은 무탈하게 지나가길 기다리곤 해요.하지만 사정상 더 일찍 가족들에게 소식📢을 알리는 경우도 있는데요. 보통은 아기집과 심장소리🫀까지 들은 이후인 임신 6주차에 소식을 전하곤 한답니다.임신 중기 이후로본격적인 안정기라고 볼 수 있는 임신 16주 이후에 임신 소식을 알리는 엄빠들도 많이 있어요. 이 무렵에는 1,2차 기형아 검사를 통해 태아의 염색체&middot;신경관결손&middot;유전질환 등을 확인👀할 수 있을 뿐만 아니라 빠르면 아기의 성별👶🏻까지도 알 수 있기 때문이에요.<hr>회사에는?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/39105ca2-9e74-4b25-bd55-1135894b5500.webp">지굼 필요한건 뭐다? 스피-드!임신 초기에워킹맘의 경우, 임신 사실을 그 어떤 곳보다 &#39;회사&#39;에 알릴 때 고민되는 부분이 가장 많으실 거예요. 하지만 임신 초기에는 유산의 위험이 높으니 업무량, 업무강도👩🏻&zwj;💻 등을 조절하여 엄마와 아이 모두를 보호하는 차원에서 주저말고 알리시는 것이 좋아요. 혹 유산 경험이 있거나 고령임신이라면 병원에서 임신 사실을 확인한 직후 바로 알리시길 바라요📣! 워킹맘을 위해 근로기준법에 근거하여 &#39;임신기 근로시간 단축 제도&#39;를 시행하고 있으니 이를 활용하시면 된답니다. 아래👇🏻 자세한 내용을 설명해 드릴게요!&#39;임신기 근로시간 단축 제도&#39; 활용하기이 제도는 임신 초기(12주 이내)와 임신 후기(36주 이후)의 엄마가 1일 2시간의 근로시간을 단축하여 근무할 수 있도록 마련해둔 장치🌟예요. 해당 임신 기간 중에 근로하고 있는 엄마는 기존 8시간에서 단축하여 6시간만 근무할 수 있답니다. 임신 초기엔 최대 두 달 정도 활용할 수 있게 되며, 사람이 많은 출퇴근🚇 시간이나 몸 컨디션이 안 좋은 시간 등을 피해 근무할 수 있어요.&nbsp;사업주가 엄마의 근로시간 단축 신청을 허용하지 않는 경우 500만 원 이하의 과태료가 부과되며, 해당 근로 기간동안 엄마의 임금을 삭감할 수 없어요🙅🏻&zwj;♀️. 그러니 엄마는 단축 개시 예정일 3일 전까지 임신진단서와 근로시간 단축 신청서 등 회사에서 요구하는 문서를 준비하여 제출해 주세요.&nbsp; <a href="https://billyapplication.page.link/?link=https://billyapplication.page.link/community&apn=kr.villagebaby.billyapplication&isi=1497301126&ibi=kr.villagebaby.billyapplication&ofl=https://babybilly.app"></a>

임신 소식! 가족, 지인, 회사에 언제 알리는게 좋을까?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เมื่อเจ้าตัวน้อยมีอาการจุกเสียด🤢 แน่นท้อง ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะะระบบทางเดินอาหารของทารกนั้นยังไม่แข็งแรงหรือพัฒนาได้เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการจุกเสียดและอาการท้องอืด บทความนี้จะพาคุณแม่มาดูว่า สาเหตุอะไรบ้างนะที่ทำให้ทารกจุกเสียด แน่นท้อง รวมไปถึงวิธีรับมือกับอาการนี้ มาดูกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>อาการจุกเสียด เกิดจากอะไร?👉สาเหตุที่สามารถทำให้เกิดอาการจุกเสียด&nbsp;- การทำงานของระบบทางเดินอาหารยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ระบบทางเดินอาหารของทารกนั้นต้องใช้เวลาในการอุ่นเครื่อง♨️ กว่าที่ระบบย่อยอาหารของทารกจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มากไปกว่านั้น ในระบบทางเดินอาหารของทารกยังไม่มีแบคทีเรียชนิดดีที่เพียงพอจะช่วยในการย่อยอาหาร จึงทำให้เด็กเล็กมักจะมีอาการท้องอืดบ่อยเพราะระบบต่าง ๆ ของทางเดินอาหารยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่- ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปริมาณแบคทีเรีย🦠ในลำไส้มากเกิน ภาวะขาดเอนไซม์ย่อยนม โรคลำไส้แปรปรวน สามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืดในทารก หรือเด็กเล็กได้- การกินนม🍼 หากทารกกินนมแม่แล้วท้องอืด อาจเป็นไปได้เวลาเวลาที่ดูดนมแม่ ทารกใช้ปากดูดเพียงหลวม ๆ ทำให้มีอากาศเล็ดลอดเข้าไปได้มากขึ้น หรือหากทารกกินนมขวด ก็อาจเป็นไปได้ว่าในขวดนมมีฟองอากาศอยู่มาก- ทารกแพ้อาหาร เด็กที่เริ่มกินนมผง หรืออาหารบดนิ่ม🥣 อาจเริ่มมีปัญหาแพ้อาหารหรือไวต่ออาหารบางอย่าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร รวมถึงก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารมากขึ้นด้วย- ทารกร้องไห้บ่อย😭 เวลาที่เจ้าตัวเล็กอ้าปากร้องไห้โยเย ก็เป็นจังหวะที่ทารกได้กลืนเอาอากาศเข้าไปในระบบทางเดินอาหารด้วยเช่นกัน&nbsp;<h2 dir="ltr">👉เทคนิคในการระบุอาการจุดเสียดของทารกอย่างแม่นยำ</h2>คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการจุกเสียดในทารก โดยสังเกตจากอาการเหล่านี้- ร้องไห้บ่อย😭 ร้องไห้ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น- ลูกมีท่าทีหงุดหงิดบ่อย🤬 เนื่องจากลูกมีลมในท้องเยอะ จนทำให้หงุดหงิด- ทารกนอนไม่หลับ😪 กระสับกระส่าย เนื่องจากแก๊สในระบบทางเดินอาหารเยอะ ทำให้เกิดลมมาก อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัว- ทารกหน้าแดง🥵 อาการหน้าแดงในทารกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาการท้องอืด ทำให้รู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณท้องจนสีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจน หรือร้องไห้<hr>7 วิธีรับมือเมื่อทารกมีอาการจุกเสียด มีดังนี้<h2 dir="ltr">1️⃣&nbsp;จับลูกเรอบ่อยๆ&nbsp;</h2>หากทารกมีอาการท้องอืด คุณพ่อคุณแม่ควรจับลูกเรอบ่อย ๆ การทำให้ทารกเรอจะเป็นกำจัดอากาศ💨ส่วนเกินที่กลืนเข้าไปออกมา ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดให้ดีขึ้นได้2️⃣ นวดตัวให้ลูกการนวดที่หน้าท้อง ขา หลัง และทั่วร่างกายของทารกจะช่วยให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกสงบและผ่อนคลาย😌 โดยกดไปที่ท้องเบา ๆ ให้เป็นลักษณะวงกลมเพื่อช่วยขจัดเอาอากาศส่วนเกินออก3️⃣ ทำท่าจักรยานให้ลูกคุณพ่อคุณแม่สามารถทำท่าปั่นจักรยาน🚲ให้ลูกได้ง่าย ๆ โดยวางลูกน้อยลงบนเบาะสำหรับเด็ก แล้วค่อยๆ หมุนที่ขาไปมาในท่วงท่าคล้ายกับว่าขาทั้งสองข้างกำลังปั่นจักรยาน ท่านี้จะช่วยดันอากาศที่ติดอยู่ออกมา หรือถ้าจะไม่ปั่นจักรยาน ก็แค่ค่อย ๆ ดันเข่าของทารกขึ้นไปที่ท้อง และค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นปล่อยขาของทารกให้เหยียดตรง ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ก็จะช่วยดันอากาศที่ติดอยู่ออกมาได้เช่นกัน4️⃣ เลือกใช้ขวดนมและจุกนมที่ได้มาตรฐาน ควรใช้ขวดนม🍼ขนาดเล็กสำหรับเด็กเพราะกระเพาะอาหารของทารกนั้นเล็กเกินกว่าจะรองรับปริมาณนมจากขวดนมขนาดใหญ่ได้ และควรใช้ขนาดจุกนมที่เหมาะสมเพื่อให้สูตรไหลช้า แต่ไหลสม่ำเสมอ รูจุกนมที่เล็กเกินไปอาจทำให้ลูกน้อยต้องดูดจุกนมแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นการดูดอากาศเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น แต่รูจุกนมที่ใหญ่เกินไป ก็อาจทำให้ทารกกลืนอากาศมากขึ้น เพราะต้องอ้าปากกว้างมากขึ้น5️⃣ ลองเปลี่ยนสูตรนมผงในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มให้ทารกกินนมผง นมผงบางสูตรอาจทำให้ทารกเกิดอาการท้องอืด ควรเปลี่ยนเป็นสูตรอื่นที่เป็นมิตรกับระบบทางเดินอาหารของทารก หรือสูตรที่มี PHP (Partially Hydrolyzed Protein) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน ทำให้มีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้สามารถย่อยได้ง่าย และดูดซึมได้ดี✅ นมที่มีส่วนผสมของ PHP จึงมีส่วนช่วยลดอาการไม่สบายท้องของเจ้าตัวเล็กได้เป็นอย่างดี6️⃣&nbsp;เปลี่ยนอาหารที่คุณแม่รับประทานแม่ให้นมลูกอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการกินอาหารบางประเภทที่เสี่ยงทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากขึ้น และหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจถูกส่งต่อผ่านน้ำนมไปยังทารก🤱 และมีผลทำให้ทารกท้องอืดตามมาด้วยได้ อย่างไรก็ตาม การแพ้อาหารในทารกยังถือว่าพบได้น้อย7️⃣ รีบให้นมก่อนที่ลูกจะร้องไห้ ยิ่งลูกร้องไห้โดยที่ยังไม่ได้กินอะไรล่ะก็ เสี่ยงที่ทารกจะกลืนเอาอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารมากขึ้น หากเป็นไปได้ควรให้นมทันทีที่ลูกหิว😫 เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกร้องไห้งอแงเพราะหิวนม ยิ่งลูกร้องนานยิ่งเสี่ยงจะกลืนอากาศเข้าไปมากเท่านั้น&nbsp; &nbsp; &nbsp;โดยทั่วไปแล้วอาการทารกท้องอืดนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเฉพาะทาง หรือไม่จำเป็นต้องกินยา💊ใดเป็นพิเศษ อาการดังกล่าวสามารถที่จะดีขึ้นตามลำดับเองได้ &nbsp;รวมไปถึงการที่ทารกกลืนอากาศเข้าไปมาก ๆ และไม่สามารถระบายออกได้หมด ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีลมจุกเสียดอัดแน่นอยู่ภายในท้องของทารก ดังนั้นแพทย์👨‍⚕️อาจวินิจฉัยให้ใช้ยาบางชนิดที่สามารถช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดจากอาการท้องอืดของทารกได้ เช่น ยาใช้ภายนอกอย่าง มหาหิงค์ เป็นต้น

วิธีระบุอาการจุกเสียดในทารกแรกเกิดอย่างแม่นยำและวิธีจัดการกับมัน!

25주차 6일 산모에요 오늘 아가 얼굴 보는 날이라 엄청 기대하고 왔는데 자궁에 묻혀있어 돌아다니다 오라셔서 열심히 움직이고 왔더니 이번엔 태반에 묻혀서 얼굴 반쪽만 대충 봤네요.. 

간호사님께서 초음파 취소하고 사진 안 받아가는 방향도 있다시길래 재예약 잡았는데.. (그때는 취소 없이 애 얼굴 안 보여도 돈 내야된대요) 주수가 커질수록 애 얼굴 보기가 쉽지 않다고 그때는 28주차라서 마지막일 수도 있다는데 

괜히 아쉽고 그러네요 

혹시 임신 기간 때 저와 같은 이유로 초음파사진 못 받아보신 분 계신가요?

초음파 얼굴 보기 쉽지 않네요 ㅎㅎ ㅠㅠ 

21주에는 애기가 양팔로 얼굴을 가리고있어서 못봤고 25주에는 태반에 묻혀서 제대로 못봤어요😭 28주에 입체초음파 보러갈껀데 비싼금액 주는만큼 욘석이 협조 좀 해줘야하는뎅...초음파 사진은 그냥 안보이는대로 주셨어요~

호고곡 저희 아가도 주로 엎드려서 태반에 얼굴 묻고 있거나 몸을 폴더처럼 접어서 팔이든 다리로 얼굴을 가드를 치고 가린적이 거의 대부분이라 애먼 귓바퀴 콧구멍 이런거만 보여주더라구요😂 저는 28주 3일에 입초 볼 수 있으면 교수님이 보신다했는데 저는 아가가 보통 아침나절부터 태동이 활발해서 그날 어떠캐 초코우유 하나 먹고 가볼까싶어요! 

애기 머리가 골반쪽에. 있어야 얼굴이. 잘 보인다고 하더라고요 저도 어제 얼굴을 계속 파묻고 손으로가리고 발로 가리고 배를 흔들고 40분을 정밀초음파보면서 씨름했는데. 결국 입초사진은 못받았아요 ㅎㅎㅎㅎㅎㅎ다음에 머리가 경부쪽에 자리잡으면 잘 보일거예요~

저도 저번주에 입체초음파인데 얼굴도 못보고,, 거기다 심장에 혈관이 하나 안보인다구해서 
그냥 설지나고 한번 더 보기러했어영

저는 갈때마다 얼굴 꽁꽁 숨기고 있어요. 정밀 검사때도 손으로 가리고 얼굴 박고 있고 그래서 쌤이 고생 많이 하셨네요ㅠ.ㅠ 오늘 입체초음파 보러가는데 오늘도 얼굴 안보여줄까봐 걱정입니다~

달달한거 드시고가보세요ㅎ 급기분좋아서 막움직이더라구요ㅋㅋㅋ

저도 매번 얼굴 제대로 못봐서 속상해요 ㅠ 다른 분들 애기 얼굴 예쁘게 나온 초음파 올리실 때마다 부럽더라구요 저는 맨날 사진 받아오는게 머리크리 다리뼈 복부둘레 ㅎㅎㅎㅎ 

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ประจำเดือน🩸 คือสิ่งที่ผู้หญิงเรามีทุกเดือนกันอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึง การนับประจำเดือน หลายคนอาจจะสงสัยว่านับยังไง ทำไมต้องนับ จริงๆแล้วการนับประจำเดือนมีความสำคัญอย่างมากค่ะ เพราะเป็นการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากคุณแม่กำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์🤰 สิ่งที่สำคัญและควรใส่ใจ คือการนับประจำเดือนเพราะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการวางแผนการตั้งครรภ์ค่ะ💁‍♀️<hr>ทำความเข้าใจกับประจำเดือน✨ประจำเดือนประจำเดือน เกิดจากการลอกตัวของเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง👱‍♀️ ซึ่งจะแตกต่างกันไป &nbsp;โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นในทุกๆ 21-35 วัน แต่ละรอบใช้เวลา 3-7 วัน การที่ร่างกายของเราต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อโพรงมดลูกใหม่เสมอ ก็เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน เกิดเป็นวงโคจรของรอบเดือน ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามระดับของฮอร์โมนเพศของผู้หญิงด้วยค่ะ✨ข้อควรรู้เกี่ยวกับประจำเดือนโดยปกติแล้ว รอบเดือนจะมีทุกๆ 28 วันค่ะ &nbsp;แต่ก็อาจเปลี่ยนไปตามอายุ หากอายุยังไม่ถึง 21 ปี จะมีระยะห่างประมาณ 33 วัน หากอายุ 21 ปีขึ้นไปแล้ว โดยทั่วไปจะมีระยะห่าง 28 วัน และหากอายุ 40 ปีขึ้นไป👩‍🦳จะมีระยะห่างลดลงเรื่อยๆ หรือประมาณ 26 วันค่ะ โดยเฉลี่ยแล้วเลือดจะหลั่งประมาณ 5 ถึง 12 ช้อนชา บางคนอาจจะมีอาการก่อนมีประจำเดือนเช่น เจ็บเต้านม ท้องอืด หงุดหงิดได้ง่าย🤯 เชื่อว่าวันนั้นของเดือนผู้หญิงทุกคนก็รู้กันดีว่าอารมณ์ขึ้นลงได้ง่ายค่ะ✨ทำไมต้องนับประจำเดือนเรานับประจำเดือนเพื่อทำให้เรารู้ วันไข่ตก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์🤰สำหรับคุณแม่ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เนื่องจากการตกไข่จะเกิดขึ้นแค่เดือนละครั้ง&nbsp;ไข่ที่พร้อมผสม จะรออยู่ที่ตำแหน่งปลายท่อนำไข่ได้เพียงแค่ 12-24 ชม.เท่านั้นของในแต่ละเดือน หากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ได้ ไข่ก็จะเข้าไปฝังตัวในเยื่อบุหนังมดลูก แล้วกลายเป็นตัวอ่อน เรียกว่าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น แต่ถ้าไข่นั้น ไม่ปฏิสนธิภายใน 14 วัน ก็จะเป็นเลือดประจำเดือน🩸ออกมาตามปกติค่ะ&nbsp;ดังนั้นการที่คุณแม่นับประจำเดือน จึงเป็นการวางแผนที่ดีสำหรับคุณแม่ที่กำลังรอคอยการมีลูกน้อย👶ค่ะ<hr>นับประจำเดือนให้รู้วันไข่ตก🗓️เรียนรู้วิธีนับประจำเดือนเริ่มจากคุณแม่ ควรจดบันทึก📝วันที่ประจำเดือนมาไว้ทุกๆ เดือนสม่ำเสมอเป็นเวลา 8-12 เดือน แล้วนำมาคำนวณ ดังนี้ค่ะ1. คำนวณเพื่อหาความยาวรอบเดือน ให้คุณแม่ลองนับย้อนไปวันแรกที่มีประจำเดือนครั้งเดือนล่าสุด🩸 จนถึงวันแรกที่มีประจำเดือนของเดือนที่ผ่านมา เช่น เดือนล่าสุดที่ผ่านมาคือวันที่ 8 มกราคม เดือนที่ผ่านมาก็คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เราจะได้ความยาวรอบเดือนคือ 30 วันค่ะ2. หาวันตกไข่ที่แน่นอน มีวิธีง่ายๆคือการเอาความยาวรอบเดือน มาลบด้วยระยะเวลาที่ไข่ตก เช่น มีประจำเดือนวันล่าสุดคือวันที่ 8 มกราคมจากวันนี้ ให้เรานับไปอีก 16 วัน เราก็จะได้วันไข่ตก คือวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นั่นเองค่ะ เมื่อคุณแม่ได้รู้วันไข่ตกที่แน่นอนแล้ว💯 ก็สามารถนัดแนะกับคุณพ่อ👨 มีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันไข่ตก หรือ หลังวันตกไข่ประมาณ 2 วัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ไข่และอสุจิได้มาเจอไข่ เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ&nbsp;👉เทคนิคง่ายๆในวันไข่ตกการมีเพศสัมพันธ์ก่อนไข่ตกประมาณ 1-2 วัน จะทำให้อสุจิได้ไปรอที่รังไข่ เพื่อเจอกับไข่ที่จะตกลงมา แล้วทำการปฏิสนธิจนเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น🤰 โดยคุณแม่ๆที่มีรอบเดือนมาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน คือ 28 วัน&nbsp;วันไข่ตก ก็คือวันที่ 14 ของรอบเดือนค่ะ แต่การตกไข่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ให้สังเกตจาก 2 สัปดาห์ก่อนวันประจำเดือนมา จะเป็นช่วงไข่ตกค่ะ🔎สังเกตอาการไข่ตก&nbsp;ในช่วงตกไข่อุณหภูมิ🌡️ในร่างกายของคุณแม่จะสูง ตอนเช้าจะลดลงเล็กน้อย และจะเพิ่มขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงหลังการตกไข่ค่ะ สังเกตว่าจะมีตกขาวมากขึ้น และมีลักษณะเมือกบาง💦 คล้ายไข่ขาว โดยทางการแพทย์จะเรียกตกขาวนั่นว่า มูกที่ปากมดลูก (Cervical Mucus) เป็นมูกที่จะช่วยให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น ปากมดลูกกว้างขึ้นและมีอารมณ์ทางเพศมากขึ้นค่ะ😍 ถ้ามีอาการข้างต้น ก็ให้คุณแม่รู้ได้เลยค่ะ ว่าวันไข่ตกมาถึงแล้ว

วิธีนับประจำเดือนสิ่งสำคัญในการวางแผนตั้งครรภ์ 

ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่อาจจะต้องพบกับปัญหาต่างๆเกี่ยวกับผิวไม่ว่าจะเป็นสิว รอยแตก ผื่นคัน ซึ่งในวันนี้เราจะไปทำความเข้าใจกันว่าปัญหาผิวอะไรบ้างที่สามารถพบเจอได้ในขณะที่ตั้งครรภ์กันค่ะ&nbsp;<hr>ปัญหาผิวที่พบบ่อยระหว่างตั้งครรภ์<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2041/c8b09253-8e39-4c31-8125-39ed0259e400.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨เส้นเลือดฝอย Spider Veinเป็นภาวะเส้นเลือดขอด มีลักษณะคล้ายเส้นใยแมงมุม🕸️ ขนาดเล็ก มักมีสีม่วงหรือแดง และมักเกิดที่ขาซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดที่เกิดจากมดลูกที่หนัก โดยอาจปรากฎบนร่างกายหรือใบหน้าของคุณแม่เมื่อตั้งครรภ์ เส้นเลือดเหล่านี้จะหายไปหลังจากที่คุณแม่คลอดบุตร 👶✨รอยแตกลายเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ก็เป็นธรรมดาที่จะพบว่าน้ำหนักของคุณแม่จะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเรื่องที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกันที่จะต้องเจอกับรอยแตกลาย ที่เกิดมาเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นเองและถึงแม้ว่ารอยแตกลายจะไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่การทาครีม🧴จะช่วยบรรเทาอาการคันและช่วยให้จางลงเมื่อเวลาผ่านไปนะคะ✨คันและผื่นคันอีกปัญหาหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงตั้งครรภ์คือปัญหาผื่นคันนั่นเอง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยๆในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างเช่นผื่น PUPPP โดยจะมีอาการคัน มีตุ่มมีสีแดงขนาดเล็ก และจะสามารถแพร่เป็นวงกว้างได้ค่ะ🙁 &nbsp;<hr>ปัญหาผิวอื่นๆ ระหว่างตั้งครรภ์<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2041/fe90fa32-fad5-4db7-ae5e-458ca62bf532.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สิวสิว... เป็นอะไรที่คงไม่มีใครอยากจะให้มันขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ เพราะมันทั้งน่ารำคาญและอยากจะกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ โดยเฉพาะในขณะที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์เนี่ยฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ก็อาจทำให้เกิดสิวบนใบหน้า🙁นั่นเองค่ะ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะเพราะสิวเหล่านี้จะดีขึ้นหลังจากคลอดลูกน้อยค่ะ✨เส้นดำกลางท้องหากคุณแม่สังเกตเห็นรอยเส้นแนวตั้งน้ำตาลหรือสีดำที่เกิดขึ้นกลางท้อง นั่นคือเส้นดำกลางท้อง🤰 หรือ Linea Nigra นั่นเอง ซึ่งหลายๆคนอาจจะกังวลว่าเส้นนี้มันจะอยู่ตลอดไปไหม แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเส้นดำนี้จะหายไปหลังจากคลอดเจ้าตัวเล็กค่ะ✨การเปลี่ยนแปลงของผมและเล็บอันนี้อาจจะไม่เชิงเป็นปัญหา แต่เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงดีกว่า หลายๆคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าขณะที่ตั้งครรภ์เนี่ย เจ้าฮอร์โมนก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ซึ่งผลจากการที่ฮอร์โมนพุ่งสูงก็ทำให้ผมของคุณแม่หนาและฟูขึ้น👩&zwj;อย่างงงๆ รวมถึงถ้าสังเกต เล็บของคุณแม่ก็ดูเหมือนจะยาว💅เร็วขึ้นเช่นกันค่ะ&nbsp;เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการเปลี่ยนแปลงและปัญหาผิวต่างๆที่พบได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ยังไงก็อย่าเพิ่งไปกังวลกับมันมากนะคะ เพราะส่วนใหญ่มันก็จะหายไปเองเมื่อฮอร์โมนกลับมาเป็นปกติหรือก็คือหลังคลอดเจ้าตัวเล็ก ยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะคะ&nbsp;

ปัญหาผิวที่พบบ่อยระหว่างการตั้งครรภ์

많이 예민한 편인 여아 키우고있는데요..ㅎㅎ
짜증도많고 울음도많고 신생아시절부터 환경이나 장소를 많이가리고..귀가엄청밝아서 잠 관련해서 너무 힘들었어서..(여전히 잠이 좀 예민한거같아요..)
언제 어디서든 먹고자고 쿨쿨잘자는 애기들보면 너무신기하고..
근데 애기를 생각하면 하나 더 낳는게 좋을거같긴한데 도저히 상상이안가요..
둘째는 순할수도 있다고 주변에서 그러는데 둘째가 아무리 순한들..첫째가 안순한데 이상태에서 한명이 더 생긴다는거 자체가..ㅋㅋ그냥 잠을 아예 못자는 생활이 될거같은데..
외동으로 확정지으려해도 1퍼센트의 아쉬움(?)때문에 3살 터울정도되면 생각해볼까? 하는 입장인데..이미 둘째 임신하신분들도 많은거같고 주변에 연년생이나 2살터울로 출산하시는분들도 꽤 계신거같은데 너무 대단하신거같고 존경스러워요ㅎㅎㅎㅎㅎㅎㅎㅎㅎ보통 첫째가 순한편이어서 가능하셨던건지..아니면 제가 너무 나약한건지 궁금하네요😭다들 어떠신가요-? 

둘째생각있으신분들은..첫째성향이 다 순한걸까요?😭

저는 ㅠㅠ 그냥 뭔가 첫째가 순한편 아니여도 둘은 낳아야겠다는 마음이 기본으로 깔렸던것 같아요 ㅠㅠ 생각보다 빨리 안생기더라구요 ㅠㅠㅠ

전 오히려 반대로 첫째가 순하고 잠도 12시간씩 자주는 순둥이인데 저희가 바뀐삶이 감당이 안되어서 둘째 포기했었어요.
근데 내일 둘째 출산 예정입니다^^;(17개월차) 정말 우연히 생겼고 그래서 더 두렵지만 사실 여력만된다면 둘이좋다고 생각은 했던지라 겪어보려구요!
쓰신것처럼 첫째가 힘들면 둘째는 발로 키운다더라구요 저희는 첫째가 순해서 그거대로 또 걱정중이에요 ㅎㅎ 

첫째 순둥이지만 둘째 생각 없어요.

저랑 상황이 비슷하네요
저도 딱 쥬쥬맘님 상황과 생각이 같아요~ 당장은 힘들것 같고 내년쯤..생각하다가 용기가 나지 않고ㅜㅜ
외동은 아쉽고ㅜㅜ
마음이 늘 왔다갔다
  첫째 귀밝아 통잠도 늦게 잤고
이래저래 걱정과 둘째 생길까바
여지를 두지 않는데... 
모르겠습니다 ㅎㅎ어렵네요ㅜ

저도1%센트생각으로 둘째 가져야하나 생각했는데 
첫째성격 장난아니고 낮잠도없고 밤잠도없고 그냥잠이없고 활동량도 미쳤고 절때안빠지던살이 돌지나고나서부터 출산전 몸무게에서-8키로 되고...몸이너덜너덜하다못해 정형외과쌤들이 엄마어찌됏냐고 종이인형같다고... 외동이라 미안하지만 몸이랑정신이너무힘들어서 둘째생겨도 잘할자신도없고 저생각해서라도 외동으로 하려고 남편수술알아보고있어요😭😭

첫째가 예민하고 별나다고 생각했는데 막상 둘째 낳아보니ㅋㅋㄱ기막힙니다 첫째가 순한거였어요... 남아 여아 차이도 있겠지만서도 하 

저희 아가도 순둥이인데 둘째 생각 없아요....! 저랑 남편 둘다 체력이 바닥나서요... 둘째 생기면 큰일나네여

저는 연년생 남동생이 있는데 동생이랑 너무너무 잘놀았고 지금도 많은 힘이 되는 존재라 그런존재를 만들어주고 싶어서 계획했구 곧 둘째가 태어나요! 순한건 아닌거같은데 조금이라도 젊을때 낳으려고 햇던것도 있어요 그리고 남편이 육아에 매우 적극적이라 고민은 크게 안항거같아요

첫째 순둥이라 둘째 연년생으로 가졌는데.. 둘째 매운맛입니당^^! 물론 둘째도 이정도면 순하다고 생각하는데..첫째가 넘 순둥이였어요ㅠㅠㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ

둘째가 생겨야 둘찌고민이 끝난다자나요..ㅎㅎㅎㅎ 저도 언젠가 둘은 낳아야지 했는데 정말 너무 빨리 찾아와버려서 8개월차 임산부입니당😇 넘 두려워여 
아 첫찌는 막 순둥한 편은 아니에요..! 엄청 활발한편 ㅠㅠ

제 맘이 그래요 😄 하나는 더 낳고 싶은데 나이도 많고 키우는게 보통 힘든게 아니고 ..지금  딸래미 케어도 넘 힘들어요 목욕 시키는것도 넘넘 ㅠㅠㅠㅠ 밥.잠 재우는것도 ..우리 애만 이런건지 땀없는 저인데 요즘은 땀 뻘뻘나요 ..둘째는 순하다 둘째는 키우기 수월하다 하나는 외롭다 둘이 같이 잘 논다 ..낳길 잘했다 이런말 많이 듣지만 자신은 아직 없네요 우연히 생기면 키워야지 태어날 애는 태어나겠지~하는데 아직은 잘 안되네요 애 낳고 남편이랑 더 많이 싸우고 지금 딸한테 사랑 듬뿍 주고 싶은데 정말 아쉬움은 있네요 ㅎㅎㅎ입덧부터 병원 다니고 애낳고 조리원가고 등등 그 과정을 또 할려니 막막해요 ㅋㅋㅋㅋ

둘째생각중이고 계획중이긴한데 육아힘들어서 계획하는게 맞나싶을때가 많아요 ㅠㅜ 그래도 혼자보단 둘이 더 낫겠지 하는생각이 크고 애기는 생각보다 금방 성장하는거같아서 몇년만 버텨보자 이 마인드가 커요🤣

너무 공감이요... 고민 언제까지 해야하려나 ㅜㅠ

ทำไมต้องตรวจ?💡&nbsp; &nbsp;&nbsp;เชื้อ GBS หรือ สเตรปโตคอคคัสกรุ๊ป บี (Group B streptococcus) เป็นแบคทีเรียที่พบได้ตามช่องคลอด ลำไส้ หรือทวารหนักของผู้หญิง โดยพบได้ถึง 1/4 ของผู้หญิงทั่วไป โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีอันตรายร้ายแรงใดๆ แต่ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์นั้น เชื้อจะสามารถส่งผ่านไปยังทารกได้ระหว่างการคลอดแบบธรรมชาติ และอาจเป็นอัตรายต่อทารกถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นคุณแม่ควรตรวจสอบหาเชื้อ GBS เพื่อที่จะได้รับประทานยาเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดกับลูกในครรภ์ได้เมื่อคลอดตรวจอย่างไร?💉แพทย์สูติอาจแนะนำให้ตรวจหาเชื้อด้วยการตรวจคัดกรอง Strep B ทางช่องคลอด ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะตรวจด้วยวิธีนี้ในการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 32 และ 37 และจะต้องรอผลประมาณ 1-2 วัน โดยในประเทศไทยการตรวจแบบ Strep B นี้จะทำเฉพาะที่โรงพยาบาลเอกชนบางที่เท่านั้น<hr>TMI จาก BabyBilly👩&zwj;⚕️:หากพบว่าคุณแม่มีเชื้อ GBS แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะให้คุณแม่รับประทานเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ GBS ของทารกเมื่อคลอด แต่จริงๆแล้วแม้ว่าคุณแม่จะมีเชื้อ GBS ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกในครรภ์จะติดเชื้อทุกราย ในประเทศไทยนั้นแพทย์จะจัดยาให้กับคุณแม่ที่พบเชื้อและมีความเสี่ยงเท่านั้นค่ะ&nbsp;

ตรวจหาเชื้อ GBS

การเตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่ไม่ใช่แค่ต้องดูแลตัวเอง แต่ต้องดูแลทารกในครรภ์ให้มีสุขภาพแข็งแรง &nbsp;ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ เพื่อเตรียมคุณเป็นแม่มือใหม่ที่พร้อมที่สุด วันนี้เราได้รวบรวมการปรับ Mindset 💭เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นคุณแม่มือใหม่ และแชร์เทคนิคสำหรับคุณแม่มือใหม่ให้สามารถเพื่อเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ มาดูไปพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>เตรียมปรับ Mindset ให้พร้อมสำหรับการเป็นคุณแม่มือใหม่1. ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการดูแลทารกเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์สิ่งแรกเลยคือ รีบไปพบแพทย์ทันที👩‍⚕️ เพื่อปรึกษาหมอว่าต้องทำยังไงบ้าง เพราะเราได้เตรียมตัวตรวจร่างกาย ซึ่งการได้รับคำปรึกษาจากคุณหมอที่เข้าใจเรา และเราเข้าใจคุณหมอ จะทำให้คุณแม่มือใหม่อย่างเราสบายใจ ไม่กังวลค่ะ2. คุณแม่ที่อารมณ์ดี ก็จะทำให้เจ้าตัวน้อยอารมณ์ดีไปด้วย การได้ทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสุข เช่นดูหนัง ฟังเพลง🎧 อ่านหนังสือที่ชอบ หรือกิจกรรมผ่อนคลายอื่น ๆ ช่วยให้คุณแม่อารมณ์ดีได้ ซึ่งถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์อารมณ์ดี ลูกน้อยในครรภ์ก็สุขภาพดีตามไปด้วย เมื่อลูกเกิดมาจะสังเกตได้ว่าลูกมีพัฒนาการที่ไวกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน ลูกจะกลายเป็นเด็กเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย หรือเรียกว่า เด็กที่เป็น easy temperament นั่นเอง3. ใส่ใจในเรื่องการรับประทานอาหาร คุณแม่หลายท่านอาจรู้สึกกังวลเรื่องอาหารจนกลายเป็นไม่มีความสุข ต้องบอกว่าสิ่งสำคัญคือเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์🍲 กินให้หลากหลาย และพยายามไม่ทานอะไรซ้ำบ่อย ๆ หรือเยอะจนเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกมีโอกาสแพ้ได้&nbsp;อาหารที่ทานก็เน้นทานโปรตีน ผัก ผลไม้ที่มีรสหวานน้อย🫐 ลดขนม ของหวาน แต่ไม่ได้แปลว่าทานไม่ได้เลยนะคะ ทานได้คำสองคำแค่พอหายอยากค่ะ นอกจากนี้คุณแม่ควรออกกำลังกายควบคู่ด้วยนะคะ โดยเลือกการออกกำลังกายที่ไม่หนักจนเกินไป เช่นการว่ายน้ำ🏊‍♀️ เดินเที่ยวเล่นบ้าง ทำตามนี้สุขภาพคุณแม่คุณลูกแข็งแรงแน่นอนค่ะ<hr>และรวมไปถึงการปรับ Mindset ตามนี้อีกด้วย&nbsp;4. จัดการความกังวลเปลี่ยน “ความกลัว” เป็น “ความรัก” เป็นเรื่องปกติที่ คุณแม่มือใหม่ จะเริ่มเป็นกังวลเมื่อใกล้คลอด ทั้งต้องเตรียมของใช้ให้พร้อม ทั้งกลัวการคลอด กลัวจะดูแลลูกน้อยไม่ดี ลองเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนจากความกลัวให้เป็นความรัก🤗 นับเวลาถอยหลังที่จะได้เห็นหน้าตาน่ารักน่าชังของลูกน้อย เชื่อได้เลยว่าคุณแม่จะรู้สึกเหมือนความสุขใกล้เข้ามาทุกที หรือการได้เดินช็อปปิ้งซื้อของใช้สำหรับเด็กก็จะช่วยลดความกังวลให้กับคุณแม่กลายเป็นความสุขที่ได้เลือกของให้ลูกรักนั้นเอง5. ให้คุณพ่อมีส่วนร่วมในการดูแลรับรับผิดชอบเจ้าตัวน้อย ต้องบอกว่างานเลี้ยงลูกเป็นงานที่หนักและยาวนาน ยิ่งช่วงแรกเกิดต้องดูแลลูกน้อยตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ฉะนั้นควรแบ่งความรับผิดชอบให้สามีด้วย🤵‍♂️ โดยการปรับช่วยกันแบ่งให้ลงตัวค่ะ ไม่ควรปล่อยให้ภาระตกหนักอยู่ที่คุณแม่เพียงคนเดียวสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเลี้ยงลูกก็คือ ความไม่เข้าใจระหว่างคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความเหน็ดเหนื่อย ความเครียด🤯 ความน้อยใจ ความวิตกกังวล ฯลฯ คำแนะนำคือ ใช้ความเข้าใจเป็นที่ตั้ง เอาใจเขามาใส่ใจเรา🥰 ปรับอารมณ์ให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ เรื่องหนักจะได้กลายเป็นเบานะคะ6.หมั่นศึกษาหาความรู้ในเรื่องการเลี้ยงลูก แน่นอนว่าคุณแม่มือใหม่อาจยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก การหาความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกจะช่วยให้คุณแม่รับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ เช่น วิธีให้นมที่ถูกต้อง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่🤱 การเลี้ยงลูกแรกเกิด การเลี้ยงลูกในวัยต่าง ๆ หรือการรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเมื่อเรามีความรู้เราก็จะไม่ต้องวิตกกังวลสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทราบกันแล้วใช่ไหมคะถึงการปรับ Mindset เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นคุณแม่มือใหม่ ขึ้นชื่อว่าอาชีพแม่นั้นเป็นอาชีพที่ไม่มีวันพักผ่อน แถมยังต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเองและสุขภาพของเจ้าตัวน้อย👶อันเป็นแก้วตาดวงใจอีกด้วย ดังนั้นคุณแม่อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้ตนเองมีสุขภาพแข็งแรง💪 พร้อมสำหรับการดูแลลูกและสมาชิกในครอบครัวด้วยนะคะ

การปรับ Mindset เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นคุณแม่มือใหม่

116일 3개월 아기에요 
수유텀 보통 3시간이고 +,- 있는데 
몸무게가 안늘어서요 ㅠㅠ 텀을 줄여야 할까요? 

모유수유 완모 하시는분들 

기저귀 갯수가 잘 나오고 태어났을때보다 몸무게가 두배이상 늘으면 괜찮다고 하더라고요! 모유수유는 몸무게가 분유처럼 확 늘진 않더라구요 ㅠㅠㅠ 아이가 잘 자주고 하면 잘 먹고있다는 뜻인것같아요 :-)!!
너무 걱정마세요🫶

울애기 116일에 5.2키로에요. 2.4키로에 태어났으니 애기가 작긴하지만 괜찮다고 생각하고 있어요. 하지만 몸무게가 넘 안늘어서 수유텀없이 찡얼대면 젖물리고 있어요. 다른아이들처럼 몸무게가 평균치에 들어갈때까지는 힘들지만 수시로 먹이고 많이 재우려고 노력중입니다

3-4개월쯤 성장정체기가 있는거 같더라구요! 저희 아이도 지금 1-2주 동안 몸무게 잘 안늘고 100g씩 오르고 그래서 걱정했는데 운동량이 많아져서 그렇다고 생각중이에요!! 

하루 총 수유 시간이 어느정도되나요?

안녕하세요 저두 115일 완모맘이에요. 근데 텀을 줄인다고 더 잘먹는게 아닌 거 같아요. 저도 한창 (아무래도 분유 먹는 아기들처럼 몸무게가 안늘다보니 걱정되어서) 자주 물려보려고 한적 있는데 결국 시간보다 얼마나 배고파서 잘 먹냐가 더 중요한 거 같더라구요. 빠는 시간이 더 짧아도 텀이 길어지면 더 밀도 있게 많이 먹는 거 같아요 저희 아기는! 

저도 124일 완모맘이에요~ 수유하기전에 아기 몸무게재고, 수유후에 몸무게 재면 얼마나 먹었는지 알 수 있어요! 이걸로 하루에 몇 미리 먹었나 총량 알 수 있어요~ 100g까지 잴 수 있는 체중계로 하셔야해요

지금 성장정체기여서 저도 애가 잘 크고 있나 걱정되서 자주 재보고 있어요. 
완모일 때 체크하셔야 할 건 "소변 기저귀 하루에 8~10번정도 나오는지 / 몸무게 1~2주에 한번씩 재서 꾸준히 늘고 있는지" 이것 체크하면 된다고 해서 그렇게 하고 있어요
매일 잴때도 있었는데 그렇게 하니깐 예전만큼 크게 잘 안느는 것 같아서 걱정됬었는데, 알고보니 1~2주에 한번씩 재면된다고 하더라구요~ 그렇게 재니 확실히 자라고 있는게 보여서 안심되더라구요! 

크게 태어난편이라 백일때 두배 안되도 되지만 댓글보니까 3.73으로 태어났는데 지금 5.6킬로면 많이 안크긴한거에요. 모유량 부족한건 아닌지.. 아기가 얼마나 먹는지 저울로라도 확인하는게 어떨까요? 소숫점 세자리까지 나오는 저울이요. 먹는양 적으면 분유보충이라도 하셔야될거같아요! 

완모는 애기가 먹는양조절하니 넘걱정안해도될거같아요. 몸무게체크해보고 정걱정되면 진료보셔도 안심될듯요. 백일까지 두배안되는경우도많다네요.저희도 이제3갤인데 정체기인지 잘안먹어서 자주재고있는데 아주 찌끔씩늘더라고요. 저같음 분유보충은안할거같애요.

104일 완모고 여아 태어났을때 3.2kg (거의 2주 늦게 유도분만으로 출산했어요) 지금 5.4kg 정도에요. 수유텀 두세시간 정도입니다.. ㅎㅎ 근데 배고파서라기보다는 애가 낮잠을 딱 45분씩 자는데 일어나면 먹는게 습관돼있어서 그런 것 같기도 해요. 

저도 엄청 스트레스 받았어요.. 인터넷은 주당 150g 에서 200g 씩 늘어야 한다는데 우리애는 70g도 겨우 찍는 주도 흔했어요 ㅠㅠ. 병원도 가봤는데 아기가 원래 작은 아이인 거 같다고, 평균보다 더디게라도 몸무게 늘고있고, 무엇보다 태어날때부터 지금까지 성장도표 백분위수 25에 잘 맞춰서 크고있다고 너무 걱정하지 말라고 하더라구요. 

수유텀 더 줄여도 봤는데 애가 딱히 더 먹는 것 같지도 않고.. 다음 수유때 그거에 맞춰 더 적게 먹고 하는 거 같더라구요. 계속 억지로 물리자니 애도 스트레스 저도 스트레스 받는 거 같아서 이제 그냥 내려 놓았어요. 더러 누구는 애가 항상 원할때 쉽게 바로바로 주니까 그거에 익숙해져서 오히려 굳이 열심히 안 먹는거일수도 있다고 하더라구요.. 

저도 분유 탑업할까 고민 많이 했었는데 애가 젖병도 거부해서 에휴 그냥 니가 선택한 모유다, 나는 할만큼했으니 책임은 너가 져라 ㅠㅠ 라는 마음으로 모유수유 직수 유지중입니다. 

내가 젖량이 부족한가해서 모유 촉진제도 먹어봤는데 젖은 차는데 애가 안 먹어줘서 유축해서 버리기도 했어요.

유전적인 것도 있는 거 같아요. 남편도 저도 꽤 마른 편입니다.

쨌든 가장 중요한거는 성장도표인거 같아요. 평균 이하여도 우리애가 지금까지 자라온 발달 곡선 따라서 계속 자라면 된 것 같아여.

너무 걱정하지 마세요, 같이 힘내요!!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เราทุกคนต่างทราบกันดีว่า คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และมีอายุครรภ์มากๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่กำลังเข้าสู่ไตรมาสที่สาม ซึ่งถือว่ามีอายุครรภ์อยู่ในช่วง 7-9 เดือน (ท้องแก่) เป็นช่วงอายุครรภ์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นทั้งกับตัวคุณแม่และเจ้าตัวน้อยในครรภ์เองก็เพิ่มตามอายุครรภ์ กิจกรรมบางประเภทที่อาจโลดโผนจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเองสำหรับคุณแม่🙅‍♀️ วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาดูถึงกิจกรรมหนึ่งที่คู่คุณพ่อคุณแม่หลายๆคู่ต้องได้ทำร่วมกัน นั่นก็คือกิจกรรมทางเพศนั่นเอง ว่าคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ขนาดนี้ จะยังสามารถทำกิจกรรมทางเพศได้เช่นเดียวกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยๆได้หรือไม่💁‍♀️<hr>ลักษณะของคุณแม่ที่ตั้งครภร์ในไตรมาสสาม (อายุครรภ์ 7-9 เดือน)<ol><li dir="ltr">หน้าท้องของคุณแม่จะโตมาก🤰 โตอย่างสังเกตได้ชัดเมื่อเทียบกับสองช่วงไตรมาสก่อนหน้า</li><li dir="ltr">น้ำหนักตัวของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สาเหตุจากการที่เจ้าตัวน้อยในครรภ์มีขนาดตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการที่คุณแม่หิวง่ายขึ้น🤤 บริโภคอาหารในแต่ละวันเพิ่มขึ้น แม้จะเป็นกลุ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ น้ำหนักของคุณแม่เองก็ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปกติอยู่ดีค่ะ</li><li dir="ltr">หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วงเดือนก่อนคลอดอาจมีอาการคัดตึงหน้าอก เนื่องจากเต้านมเริ่มมีการผลิตน้ำนมสำหรับเจ้าตัวน้อยค่ะ</li><li dir="ltr">แน่นอนว่าการที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น ล้วนมาพร้อมกับการทำงานของกล้ามเนื้อหลังและขาที่เพิ่มขึ้น ทำให้คุณแม่อาจมีอาการปวดหลังปวดขา🦵ที่หนักขึ้นก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ</li><li dir="ltr">ปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์ที่แปรปรวนนั้นยังมีเหมือนเดิม🤯 ในส่วนของอารมณ์ทางเพศจะลดลงมาก บางท่านอาจไม่มีเลย เพราะถือว่าเป็นช่วงไตรมาสที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายของคุณแม่ค่อนข้างเยอะ ทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดกับร่างกายตนเองได้ค่ะ</li><li dir="ltr">ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายยังคงมีเหมือนเดิม&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นอาการกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย จุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ รับประทานอะไรไม่ค่อยลง ไม่ค่อยอยากอาหาร พ่วงมากับอาการท้องผูก💩<hr>ตั้งครรภ์ในไตรมาสสามมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่</li><li dir="ltr">คำตอบจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในสองไตรมาสก่อนหน้า นั่นคือสามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ค่ะ💞 แต่เนื่องจากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในไตรมาสนี้จะมีท้องที่โตมาก และร่างกายต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมีกิจกรรมทางเพศจึงควรเลือกอิริยาบถที่กดทับท้องของคุณแม่ให้น้อยที่สุด เพราะหากท้องของคุณแม่ถูกกด เจ้าตัวน้อยในครรภ์ก็จะถูกกดไปด้วย เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อคุณแม่เองและเด็กค่ะ และควรทำในรูปแบบที่บอบบาง ทะนุถนอมคุณแม่ให้มากที่สุด เพราะถือเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมมากค่ะ ดังนั้นหากเลี่ยงได้หรืออดทนได้ก็ควรจะเลี่ยงไปก่อน เอาไว้ค่อยไปมีหลังคลอดก็จะปลอดภัยที่สุดค่ะ</li><li dir="ltr">หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆแต่ไม่ได้ต้องการสอดใส่ สามารถใช้การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากหรือ oral sex 👄เข้ามาช่วยบรรเทาอารมณ์ได้ค่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่หรือเพียงการใช้ปาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการป้องกันระหว่างมีกิจกรรม ถึงแม้คุณผู้หญิงจะไม่สามารถท้องซ้ำซ้อนได้ก็จริงในช่วงเวลานั้น แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญไม่ได้ติดเพียงคุณพ่อหรือคุณแม่ แต่เจ้าตัวน้อยในครรภ์เองก็สามารถติดเชื้อได้เช่นเดียวกันค่ะ</li><li dir="ltr">สำหรับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์เข้าเดือนที่ 8-9 หรือพูดง่ายๆว่าเป็นช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนก่อนคลอด แนะนำว่าให้งดกิจกรรมทางเพศไปเลยจะปลอดภัยต่อร่างกายของทั้งคุณแม่และเจ้าตัวน้อยในครรภ์มากที่สุดค่ะ🙅‍♀️ เพราะเป็นช่วงที่เริ่มเสี่ยงต่อการที่ถุงน้ำคร่ำจะแตกแล้ว และหากแตกก่อนกำหนดก็อาจเพิ่มความเสี่ยงแก่เด็กในครรภ์ได้ค่ะ<hr>คุณแม่ที่ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการตั้งครรภ์</li><li dir="ltr">คุณแม่ที่เคยมีประวัติการแท้ง&nbsp;หรือประวัติคลอดก่อนกำหนดมาก่อน</li><li dir="ltr">ครรภ์ที่คุณแม่กำลังอุ้มท้องอยู่ถูกวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นมีอาการเลือดออกที่ผิดปกติ🩸 คุณแม่มีอาการเจ็บหรือปวดท้องน้อย คุณแม่ที่มีอาการรกเกาะต่ำ</li><li dir="ltr">คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝด👯‍♂️ ซึ่งถือว่าไม่ใช่ครรภ์ปกติ นับเป็นอีกหนึ่งภาวะตั้งครรภ์เสี่ยงค่ะ</li><li dir="ltr">คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ได้ 8-9 เดือน (ท้องแก่มาก)</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;อ่านมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านทุกท่านคงจะเห็นแล้วนะคะว่า กิจกรรมทางเพศสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในไตรมาสสาม (อายุครรภ์ 7-9 เดือนนั้น) หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยงออกไปก่อน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรทำอย่างอ่อนโยนมากๆ และสำหรับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์เข้าเดือนสุดท้ายก่อนกำหนดคลอดนั้น กิจกรรมทางเพศถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำมากๆ และที่สำคัญที่สุด หากคุณพ่อและคุณแม่อยากประกอบกิจกรรมดังกล่าวกันจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลครรภ์ก่อนค่ะ👨‍⚕️

การมีเพศสัมพันธ์ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสามอันตรายไหม?

56일차예요~ 수유량이 80미리 넘어가면서부터
아기가 편하게 한번에 쭉 다 먹어준적이
별로 없어요🥲
지금도 겨우 100미리정도 먹는데
3-40정도 남겨놓고부터
눈 감은채 온몸을 비틀고 난리를 쳐서
젖병, 젖꼭지 온갖 브랜드꺼 다 써봐도 똑같고..
졸려서 그런거 같기도 하고 속이 안좋아 그런가싶어
중간트림시키고 다시 먹여서 다 먹일때 있고
못먹일때 있고 그래요 ㅜ_ㅜ

먹는양이 적다보니 몸무게도 잘 안늘고
수유텀도 안늘고 통잠이 뭔가요? 흑흑

저희아기는 모빌도 10분 보면 안아달라고 뿌앵뿌앵

휴 다른아기들과 비교하지말라하지만
걱정되는 마음이 드는건 어쩔 수 없네요

다들 어떠세요? ㅠㅠㅠ


아기들 분유 한번에 쭉쭉 먹어주나요?

수유텀을 좀 늘려보세여~~저희도 그래서 수유텀을 늘렸더니 한번에다먹더라구여~~중간에 배고파하면 미친듯이 달래주던가 쪽쪽이 물려서 넘겨여~~

50정도 먹이고 트름시키고 또 먹여보셔영 저희애기도 47일차 이제 120 먹는데 중간에 난리난리...너무 급하게 먹어서 중간중간 끊어 먹이고 트름시키고 하니까 마지막까지 다먹어요

저희 아가 이야기인가요?😂 100 먹이는데 양 절대 안늘고 30분기본..그래도 젖꼭지  한단계 올리고 그나마 좀 빨라진거..ㅋㅋㄱ모빌 보고 뿌엥 튤립책  듣다뿌엥  안아달라고 하루종일 뿌엥ㅜㅜ 근데 신랑한테는 안그러더라구요? 요놈ㅜㅜ

저희 아가는 너무 자요...
3분만 신나게 빨고 잠들어서 깨워서 먹이기 바빠요 ㅜㅜ
심지어 요새는 그 3분을 너무 급하게 허겁지겁 먹고 속역류 생겨서 계속 게워내요 ㅜㅜ

저희 애도 그래요. 크게 태어나서 다들 잘먹겠다고 샛각하지만, 120ml 먹을 때도 30분 이상 걸려요ㅠㅠ 160ml 씩 쭉쭉 먹고 텀도 긴 아가들 보면 너무 부럽더라고요..저도 젖병도 바꿔보고 젖꼭지 브랜드마다 사보고..업시켜보고 이것저것 다 했는데 소용없어요. 분유가 맛없나해서 분유 바꿔볼까하다 똥은 잘싸서..참고있네요ㅜ

30넘어가면 발버둥을쳐요 여전히 신생아네요 젖병 분유 다 바꿔봤는데 모르겠어요 밥좀 편하게 먹어주면 바랄게없겠어요 ㅠ 

Search results related to