วันนี้เราไปหาหมอ ซาวด์หน้าท้อง หมอบอกว่า ยังไม่เจอตัวเด็ก เจอแต่ถุงไข่แดง กับถุงตั้งครรภ์ ขนาด 1.7 และวัดอายุจากเครื่องได้ 6w ค่ะ ประจำเดือนล่าสุด 16/2/2567 แบบนี้ปกติไหมคะ แม่ค่อนข้างกังวลค่ะ
ก่อนหน้านี้วันที่ 4 เมษา ไปซาวด์อีกคลินิคค่ะ เจอถุงตั้งครรภ์ขนาด 1.25 ค่ะ 

ยังไม่เจอตัวอ่อนเลยค่ะ

 รออีกซักพักดูนะคะ

รออีกสัก 2-3 วีคน่ะค่ะ

ของเราใข้เครื่องซาวด์สอดเข้าไปในช่องคลอดค่ะถึงเจอตัวอ่อนตอน 6w ถ้าแบบหน้าท้องอาจจะยังไม่เจอค่ะ

เราเคยซาวด์ตอน 7วีคเจอถุงตั้งครรภ์เปล่า ขนาด 1.81cmค่ะ แต่แม่เจอถุงไข่แดงยังดีกว่าเราอีก ตอนนั้นเราคิดว่าท้องลมด้วยซ้ำ ไม่มีอาการแพ้อะไรเลย  ซาวด์ 9วีคก็ไม่เจอ มาเจอ 11วีคค่ะแต่ผลซาวด์บอกว่า 8วีค ตัวเบ้อเร่อเลย แต่ตอนนั้นก็ใจหายนะเหมือนเขาพัฒนาการช้าไป 3สัปดาห์ แต่หลังจากนั้นเขาก็โตเร็วมากๆจนตอนนี้ก็อายุซาวด์กับอายุที่นับตามปจด.ห่างกันแค่ 5วัน  แค่ 6วีคเองยังไม่ต้องรีบนะแม่ ไม่ต้องกังวลทำใจให้สบายๆแล้วบำรุงไว้เยอะๆเขาจะได้ดูดสารอาหารไปไว้ที่ถุงไข่แดง เผื่ออายุครรภ์มากกว่านี้แล้วแม่แพ้ท้องลูกจะได้มีสารอาหารเลี้ยงตัวเอง

ประจำเดือนวันแรกของครั้งสุดท้ายวันวันเดียวกันเลยค่ะ ของเราวันที่15/02/67

สอบถามหน่อยค่ะ แม่ๆ ตรวจขึ้น2ขีดมั้ยคะ
พอดีประจำเดือนล่าสุด มาวันที่28กุมภา จนถึงตอนนี้ ลองตรวจดู ยังไม่ขึ้น2ขีดเลยค่ะ แต่ไปหาหมอที่คลินิก หมอบอกว่าท้องแล้ว 

 จริงๆถ้า อายุครรภ์น้อยๆซาวด์หน้าท้องบอกอะไรแทบไม่ได้เลยค่ะต้องซาวด์ ช่องคลอดถึงจะชัวร์ ทางนี้หมอกว่าตะมาซาวด์หน้าท้องให้ก็11wแล้วค่ะ

ตอนเจอ2ขีด ได้กี่สัปดาห์แล้วคะ
พอดี เข้าไปปรึกษาหมออยากมีลูกค่ะ หมอนับวันไข่ตก เรียบร้อย หลังจากนั้นหมอนัด หมอตรวจเจอว่าท้องค่ะ ยังท้องอ่อนๆให้ระวัง แต่พอซื้อมาตรวจเอง ขึ้นขีดเดียว เลยกังวลมากเลยค่ะ 

Hi moms,
Im so so worried now. Im almost 8wks pregnant. I have been taking a fish oil for omega3 for the past 5 days, which I did NOT know that has vitamin A (retinyl) in it 🥲. 
Do u have any info or insights in situations like this? 
My last pregnancy was a missed abortion so now I’m wrecked with worrisome. I tried to do everything right and somehow this slipped. I feel so guilty now not knowing if I accidentally hurt the baby or not! 
I look forward to your answers :( 

HELP! Retinol Accident (w/o knowing)

Any mummies have such experiences can share and help? I dont know what to do. She said it is nothing but pretty sure there is something. This has never happened before she is pregnant. Any ideas how can I make her feel better or find out the root cause? 

My wife is moody and crying for no reason

Has anyone gotten yeast infection on their 2nd trimester? And how did you guys treat it?

Yeast infection 

&nbsp; &nbsp; &nbsp;น้ำคร่ำนั้นเป็นของเหลวที่ช่วยพยุงร่างกายของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ของคุณแม่🤰 จะช่วยลดแรงกระทบกระเทือนหรือการกดทับจากอวัยวะภายในบริเวณระบบสืบพันธุ์ ทำให้ทารกในครรภ์ได้รับแรงกระทบกระเทือนเหล่านั้นน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยในการรักษาสมดุลน้ำ💧และแร่ธาตุของทารก ควบคุมสมดุลอุณภูมิ🌡️สิ่งแวดล้อมรอบร่างกายของทารก นับว่าเป็นหนึ่งในกลไกตามธรรมชาติของร่างกายคุณแม่ที่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยของทารกในครรภ์ แล้วถ้าหากของเหลวดังกล่าวมีปริมาณที่น้อยกว่าปกติ จะส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์อย่างไรได้บ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ💁&zwj;♀️<hr>ทำความรู้จักภาวะน้ำคร่ำน้อย<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4577/d22abe27-426e-4d1a-8bbb-0f49ec03f639.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ภาวะน้ำคร่ำน้อยหรือที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า &ldquo;Oligohydramnios&rdquo; เป็นภาวะที่ปริมาณน้ำคร่ำ💧ในครรภ์ของคุณแม่ต่ำกว่าปกติ โดยทั่วไปคุณแม่จะมีปริมาณน้ำคร่ำประมาณ &nbsp;700-900 มิลลิลิตร แต่คุณแม่ที่ประสบกับภาวะนี้จะมีน้ำคร่ำเพียง 100-300 มิลลิลิตร หากคุณผู้อ่านจินจนาการไม่ออก คุณแม่จะมีปริมาณน้ำคร่ำเพียงประมาณ 1-4 ของน้ำอัดลมขวดลิตรเท่านั้นค่ะ ในบางรายอาจลดลงเหลือเพียง 2-3 มิลลิลิตรเท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งการที่น้ำคร่ำมีปริมาณน้อยนี้มักจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านการเจริญเติบโตของทารก🚼 รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนต่างๆตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะสาเหตุของการเกิดภาวะน้ำคร่ำน้อยมีโอกาสที่จะเกิดจากความผิดปกติของร่างกายทารกในครรภ์เองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม🧬 ความผิดปกติของระบบอวัยวะต่างๆในร่างกาย มักจะเกี่ยวข้องกับระบบรักษาสมดุลและแร่ธาตุ เช่น ความผิดปกติในการทำงานของไต การอุดตันของท่อระบบทางเดินปัสสาวะ สิ่งเหล่านี้เป็นผลกระทบจากภาวะที่ทารกโตช้าในครรภ์🤰ได้เช่นเดียวกันค่ะ ระบบต่างๆในร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ หรืออาจมีสาเหตุมาจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวทารกเอง ยกตัวอย่างเช่นความผิดปกติของรกแม่ หรือการเกิดภาวะน้ำคร่ำรั่ว คุณแม่มีภาวะเบาจืด ครรภ์เป็นพิษ การที่คุณแม่ใช้ยาบางกลุ่ม💊 หรือมาจากภาวะที่เกี่ยวกับแฝดในกรณีที่คุณแม่มีลูกแฝด👯&zwj;♂️ก็เป็นไปได้เช่นกันค่ะความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์👉ทารกในครรภ์มีโอกาสโดนมดลูกของคุณแม่กดทับบริเวณผนังทรวงอก ทำให้ปอด🫁และผนังทรวงอกขยายตัวได้ไม่เต็มที่ค่ะ👉ทารกมีโอกาสที่จะรับน้ำเข้าไปในทางเดินระบบหายใจ😪ของปอดไม่ได้ ทำให้พัฒนาการของปอดเป็นไปได้ช้าลงหรืออาจหยุดการเจริญไปเลยค่ะ👉เนื่องจากภาวะดังกล่าวส่งผลต่อพัฒนาการการเจริญของปอด หากปอดหยุดพัฒนาก็จะส่งผลให้ทารกมีการทำงานของปอดที่ผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์🤰ค่ะ👉มีความเสี่ยงที่จะทำให้ทารกมีภาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่า&nbsp;กลุ่มอาการพอตเตอร์&nbsp;หรือ&nbsp;Potter syndrome&nbsp;ซึ่งจะเป็นภาวะที่อวัยวะภายนอกต่างๆ (ส่วนใหญ่จะเป็นระยางค์) รวมไปถึงใบหน้าของทารกผิดรูป🫠 ไปจนถึงอวัยวะภายในที่ผิดปกติอย่างอาการปอดแฟบ เมื่อปอดแฟบก็จะทำให้ทารกสามารถรับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ส่งผลให้เกิดกวามผิดปกติด้านพัฒนาการของสมอง🧠ตามมาค่ะ👉ในคุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยๆ มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ทารกเสียชีวิต💀ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะ เบาลงมาหน่อยก็จะเป็นการที่ทารกพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ตามอาการต่างๆที่เราได้กล่าวมาในข้อด้านบนค่ะ<hr>แนวทางการรักษาภาวะน้ำคร่ำน้อย<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4577/7aa5b755-b01c-4fd6-88e6-52bf86798972.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">วิธีที่ 1️⃣การให้คุณแม่รับประทานน้ำเพิ่มขึ้น🍶 ถือเป็นการบรรเทาภาวะน้ำคร่ำน้อยที่คุณแม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ทำได้ชั่วคราวในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นค่ะวิธีที่ 2️⃣แพทย์อาจเลือกใช้วิธีเติมน้ำคร่ำ หรือมีการใช้สารเคลือบถุงน้ำคร่ำ หากวินิจฉัยว่าการที่น้ำคร่ำน้อยนั้นเกิดจากการที่ถุงน้ำคร่ำของคุณแม่มีการรั่ววิธีที่ 3️⃣ในกรณีที่แพทย์วินิฉัยว่าภาวะน้ำคร่ำน้อยของคุณแม่มาจากการเจริญเติบโตที่ช้าของทารกในครรภ์ แพทย์👩&zwj;⚕️จะทำการรักษาภาวะเจริญเติบโตช้าไปด้วยอย่างเหมาะสมค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าทารกมีการเจริญเติบโตที่ช้าจากสาเหตุใด&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ตาม ภาวะน้ำคร่ำน้อยถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงค่ะ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต💀ของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้เลย ดังนั้นการฝากครรภ์ไว้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสังเกตภาวะความผิดปกติในร่างกายของคุณแม่เองค่ะ หากพบอาการแปลกๆที่ไม่ควรจะเกิดในช่วงอายุครรภ์นั้นๆ ก็ไม่ควรละเลย และควรรีบเข้าพบแพทย์เจ้าของครรภ์👩&zwj;⚕️ทันทีค่ะ

น้ำคร่ำน้อย อันตรายต่อลูก!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;แน่นอนว่าในช่วงตั้งครรภ์🤰คุณแม่มักมีอาการเหนื่อยเพลียเพิ่มขึ้นในระหว่างวันอยู่แล้วซึ่งนับเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากร่างกายของคุณแม่มีการผลิตเลือดเพื่อที่จะนำไปใช้เลี้ยงทารกในครรภ์เพิ่มมากขึ้น จึงต้องการสารอาหารและการพักผ่อน😴ที่มากกว่าปกติ หากยังใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่ได้รับสารอาหารที่มากตามความต้องการของร่างกายก็จะทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย แต่หากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้นแล้วพักผ่อนมากขึ้นก็แล้ว ยังไม่ทำให้อาการเหนื่อยเพลียดีขึ้น คุณแม่อาจมีความเสี่ยงที่จะประสบกับภาวะเหล่านี้ได้ค่ะ<hr>ภาวะขาดสารอาหารบางประเภท<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4470/071721cb-9994-4bd0-9d50-68a334c94d7f.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">👉โดยส่วนมากแล้วสารอาหารกลุ่มที่คนเราขาดง่ายที่สุดมักจะเป็นสารอาหารประเภทวิตามินและแร่ธาตุ เนื่องจากสามารถกะประมาณปริมาณที่ได้รับด้วยตาเปล่าค่อนข้างยาก หากคุณแม่มีอาการอ่อนเพลีย😰มากๆอาจเป็นเพราะคุณแม่กำลังขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างเม็ดเลือดแดง🩸นั่นเองค่ะ การที่คุณแม่ขาดธาตุเหล็กอาจทำให้คุณแม่มีภาวะโลหิตจางได้ค่ะ👉คุณแม่อาจกำลังมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งมีสาเหตุมากจากการทำงานที่น้อยลงของต่อมไทรอยด์ หรือที่เรียกกันว่าภาวะไฮโปไทรอยด์นั่นเองค่ะ ภาวะนี้จะส่งผลให้คุณแม่มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเพิ่มโอกาสให้เกิดโรคอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด หรือความดันโลหิตสูง🩸⬆️ได้อีกด้วยค่ะความผิดปกติของระบบต่างๆภายในร่างกาย👉คุณแม่อาจกำลังประสบอยู่กับโรคเบาหวานประเภทที่มักพบเจอในคนท้อง โดยมีอาการที่สังเกตได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณแม่กระหายน้ำบ่อยๆ🤤🚰 ปัสสาวะบ่อยๆ หรือการที่คุณแม่มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วจนผิดปกติทั้งที่ไม่ได้กำลังลดน้ำหนักค่ะคุณแม่อาจกำลังประสบกับภาวะนอนไม่หลับ ส่งผลให้มีการพักผ่อนระหว่างวันที่ไม่เพียงพอจนทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า😪ระหว่างวัน มีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลทางด้านฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ระบบต่อมไร้ท้อและต่อมมีท่อทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อระบบอวัยวะอื่นๆในร่างกายตามมาค่ะ👉คุณแม่อาจกำลังติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ😮&zwj;💨 หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อภายนอก เช่น บริเวณแผลตามร่างกายค่ะ&nbsp;เนื่องจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกายขณะตั้งครรภ์ คุณแม่อาจกำลังประสบกับภาวะซึมเศร้า😢อยู่ก็เป็นได้ค่ะ<hr>ต้องเหนื่อยล้าแบบไหนถึงควรพบแพทย์<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4470/f4352d33-d334-4cf7-b667-21308ce31c0a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨จู่ๆก็เกิดอาการเหนื่อยล้า😪ขึ้นมาอย่างกะทันหันและหาสาเหตุไม่ได้✨พักผ่อนแล้ว รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นแล้ว ก็ไม่ทำให้อาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียหายไป✨มีอายุครรภ์มากกว่า 3 เดือนแล้วแต่อาการเหนื่อยล้ายังไม่หายไป หรือไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น✨มีอาการวิงเวียนศีรษะ😵&zwj;💫 ปวดศีรษะอย่างรุนแรง🤕 &nbsp;หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น ปัสสาวะน้อยลง จนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติได้&nbsp; &nbsp; &nbsp;จะเห็นแล้วนะคะว่าถึงแม้ว่าอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียนั้นสามารถเกิดได้อย่างปกติในคุณแม่ที่กำลังครรภ์🤰 โดยเฉพาะช่วงสามเดือนแรกในการตั้งครรภ์ของคุณแม่ แต่ก็มีระดับอาการที่ควรเฝ้าระวังอยู่ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณแม่ท่านใดที่สังเกตว่าตนเองมีอาการผิดปกติตามที่กล่าวมา แนะนำให้ไปพบแพทย์👨&zwj;⚕️และทำการตรวจสุขภาพอย่างเร็วที่สุด ไม่ควรมองข้ามแม้จะเป็นอาการเพียงเล็กน้อยก็ตามค่ะ

อาการเหนื่อยเพลียระหว่างการตั้งครรภ์ 

เมื่อเกิดมา กล้ามเนื้อคอของทารกจะค่อยๆ มีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ พออายุครบ 3 เดือนกล้ามเนื้อคอก็จะเริ่มแข็งแรงดี วันนี้เราจะมาดูว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้างที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาให้กล้ามเนื้อคอของลูกแข็งแรงเร็วขึ้นกันค่ะ<hr>พัฒนาการกล้ามเนื้อคอ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/d923d252-806d-4224-b3c2-852cede5ecf9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">💖อายุ 1 เดือนเมื่ออายุครบ 1 เดือน เนื่องจากกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงพอ ทารกจะยกศรีษะได้เพียงชั่วขณะ ดังนั้นช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรอุ้มลูกน้อยอย่างระมัดระวัง โดยคอยประคองช่วงคอทุกครั้งนะคะ🙂&nbsp;💖อายุ 2 เดือน&nbsp;เมื่ออายุครบ 2 เดือน ทารกจะสามารถนอนคว่ำ และจะสามารถยกศีรษะชันคอได้ประมาณ 45 องศาค่ะ💖อายุ 3 เดือนในเดือนนี้ทารกจะนอนคว่ำ และสามารถชัดคอได้ประมาณ 90 องศา&nbsp;💖อายุ 4 เดือนลูกน้อยจะสามารถชัดคอได้นานขึ้น และสามารถใช้แขนยันตัวขึ้นได้ กล้ามเนื้อคอ ไหล่ หลัง และสะโพกมีความแข็งแรงขึ้น✔️💖อายุ 5 เดือนขณะนอนคว่ำ ลูกน้อย👶จะสามารถใช้มือยันตัวขึ้นโดยที่ข้อศอกเหยียดตรงได้ หากคุณพ่อคุณแม่จับลูกน้อยให้อยู่ในท่านั่ง คอของลูกน้อยจะไม่พับและจะสามารถตั้งศีรษะตรงได้💖อายุ 6 เดือนลูกน้อยจะสามารถโน้มตัวไปข้างหน้าและใช้มือยันขณะนั่งได้แล้ว<hr>ลูกน้อยคอแข็งช้าเป็นอะไรไหม?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/c787fe1b-ddbc-464f-bc1e-4e3a4675dd55.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกของตนเองคอแข็งช้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าลูกน้อย👶อาจมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หรือ ระบบประสาท เพื่อให้แน่ใจคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบนะคะ✔️คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เมื่อลูกน้อยไม่สามารถยกศีรษะให้พ้นพื้นได้แม้จะอายุครบ 3 เดือนแล้ว หรือ เมื่อจับลูกนอนคว่ำ ไม่มีการชันคอ หรือยกศีรษะขึ้น เมื่ออายุครบ 4 เดือน<hr>วิธีสร้างกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/b6cdfb32-881f-47de-b364-65ea68773198.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คุณพ่อและคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นได้โดยการอุ้มพาดบ่าบ่อยๆ ลูกน้อยจะได้ชัดคอเพื่อมองไปรอบๆ&nbsp;✨นำโมบายมาแขวนไว้เหนือเตียงที่ลูกน้อยนอน✔️หรือ สามารถยกโมบายให้ลูกน้อยใช้มือคว้า ลูกน้อยจะยกตัวขึ้นระหว่างที่พยายามคว้า✨คุณพ่อคุณแม่สามารถเรียกชื่อและพูดคุยกับลูกน้อย👶บ่อยๆ ลูกน้อยจะหันมาตามเสียงเรียกหรือเสียงคุย✨ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ และลองเล่นจ๊ะเอ๋กับลูกน้อยก็จะทำให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวตาม และอารมณ์ดีด้วยค่ะ🙂

ฝึกกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง! ฮึบ!

เราอาจพบปัญหาการนอนของทารกในวัยแรกเกิดได้ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ คือ การห่อตัวทารกด้วยผ้า<hr>การห่อตัวทารกแรกเกิด<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/606cf8f5-c3b8-4e48-80cd-44eb2f08a64d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สาเหตุของปัญหาทารกแรกเกิดอาจจะยังไม่สามารถปรับต้วกับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ทำให้เกิดปัญหาในการนอน❌✨การห่อทารกด้วยผ้าห่อตัวช่วยอย่างไรการห่อทารกด้วยผ้าห่อทำให้ทารกเหมือนอยู่ในมดลูก จึงทำให้ทารกนอนหลับง่ายขึ้น ลดอาการงอแง😭 ตื่นตกใจ หรือสะดุ้งตื่นเวลานอน&nbsp;✨เมื่อไหร่ที่ควรหยุดห่อควรห่อทารกถึงอายุ 2 เดือนเท่านั้น หรือหากทารกสามารถนอนหลับเองได้ดีแล้วก็สามารถหยุด❌ห่อตัวได้เลย✨ทำไมถึงควรหยุดห่อเมื่อทารกโตขึ้นจะสามารถนอนหลับได้ดีขึ้นเอง นอกจากนี้เมื่อทารก👶อายุ 2 เดือนจะเริ่มสามารถเคลื่อนไหวและกลิ้งไปมาได้แล้ว ดังนั้นการห่อทารกไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้<hr>ข้อควรระวังในการห่อทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/39a5a38d-6cdd-4d67-b274-a80d9f2b87a4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ห่อแล้วให้นอนหงายท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก เพื่อป้องกันไม่ให้ทารก👶หายใจไม่ออกจนอาจทำให้เกิดการเสียชีวิต หรือที่เรียกว่าการไหลตาย (SIDS)✨ห่อให้พอดีการห่อทารกแน่นจนขา🦵งอหรือเหยียดตรงมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรพันผ้าโดยให้ทารกยังสามารถขยับสะโพกและขาได้เล็กน้อย&nbsp;<hr>วิธีห่อทารกอย่างปลอดภัย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/e1860461-7980-4621-af80-1c9ec23e4060.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">จากคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (The American Academy of Pediatrics) ได้บอกวิธีห่อตัวของทารกอย่างปลอดภัยไว้ ดังนี้ค่ะ&nbsp;✨หากห่อตัวทารก คอยดูให้ทารกนอนหลับในท่าหงาย และระวังไม่ให้ลูกนอนตะแคงหรือคว่ำในขณะหลับ&nbsp;✨รวมถึงควรจัดผ้าปูที่นอน🛏️ให้ตึงเสมอ เพราะหากผ้าปูที่นอนหรือผ้าปูรองนอนมีความหย่อนหรือผ้าห่อตัวของทารกมีการห่อไว้หลวมๆ ก็อาจทำให้ผ้าหลุดออกจากเตียงหรือจากตัวของทารก👶 ได้ และหากผู้ปกครองไม่ได้เฝ้าดูอยู่ขณะนั้นก็อาจทำให้ลูกขาดอากาศหายใจหากหน้าของลูกเข้าไปซุกที่ผ้าทั้งหลายได้ค่ะ&nbsp;✨ที่สำคัญคือจะต้องคอยระวังไม่ให้ที่นอนมีลักษะที่นุ่มจนเกินไป หรือมีลักษณะบุ่มเป็นแอ่ง เพราะอาจทำให้ลูกหน้าคว่ำแล้วเกิดหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้ค่ะ💀 รวมถึงควรจะแยกของเล่น ตุ๊กตา🧸 หมอน ผ้าห่มอื่นๆ ออกจากที่นอนของทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้คุณพ่อคุณแม่เผลอทับโดยไม่ตั้งใจค่ะ&nbsp;✨การห่อตัวทารกจะทำให้อุณหภูมิร่างกายของลูกสูง🌡️กว่าปกติ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรระวังไม่ให้ลูกร้อนจนเกินไป โดยให้สังเกตว่าลูกมีเหงื่อ💦ออกตามตัวไหม แก้มแดงหรือเปล่า ผมเปียก มีผื่นจากความร้อน หรือหายใจเร็วกว่าปกติไหมนะคะ&nbsp;

เอาผ้าห่อตัวทารกจริงๆแล้วดีหรือไม่?

เมื่อทารกเกิดมาก็จะเริ่มสร้างสัมพันธ์กับคนในครอบครัวทันที ทารกจะรับรู้ถึงความรักและสัมผัสได้ว่าทุกคนรอคอยการเกิดมาของตัวเอง วันนี้เรามีวิธีต่างๆมาแบ่งปันให้คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวเพื่อเพิ่มความผูกพันธ์ให้มากขึ้นได้ดังนี้ค่ะ&nbsp;<hr>การสัมผัส<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2230/fd73091c-6eaf-47bd-8957-1edb82f5309e.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรสัมผัสทันทีหลังคลอดหลังคลอดคุณแม่👩ควรสัมผัสกับลูกน้อยทันที โดยพยาบาลจะทำความสะอาดตัวลูกน้อยและจะนำมาให้คุณแม่อุ้ม ให้คุณแม่วางลูกน้อยบนอก สบตาและยิ้มให้ลูกน้อย หากไม่สามารถอุ้มได้ทันทีหลังคลอด ควรได้อุ้มลูกน้อยภายในหนึ่งชั่วโมงจึงจะดีที่สุดค่ะ💖หลังการคลอด หากเป็นไปได้ให้ให้นมลูกน้อยจากเต้าทันทีที่ล้างตัวและทำขั้นตอนอื่นๆของทางโรงพยาบาลเสร็จ เพราะดูดน้ำนม🥛จากเต้าจะทำให้หัวนมปล่อยฮอร์โมน oxytocin เป็นการช่วยให้มดลูกหดตัว ทำให้มีจำนวนเลือดในครรภ์ลดน้อยลงนั่นเองค่ะหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหากลูกน้อย👶ไม่มีภาวะแทรกซ้อน คุณแม่สามารถขอให้ลูกมานอนในห้องพักฟื้นด้วยกันได้ โดยหากคุณแม่ทำการคลอดแบบธรรมชาติก็จะสามารถดูแลลูกน้อยได้ทันทีหลังการนอนหลับพักผ่อนดำเพียง 2-3 ชั่วโมง แต่หากผ่าคลอดอาจต้องพักฟื้นหลายวัน จึงควรมีผู้ช่วยมาดูแลนะคะ&nbsp;<hr>การสัมผัสบ่อยๆ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2230/027443bb-6b37-4996-a8b7-79ad31428992.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">สัมผัสบ่อยๆมีประโยชน์อย่างไร?การสัมผัสบ่อยๆ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อยได้ ทารกชอบการสัมผัสที่อ่อนโยน💖 โดยคุณพ่อคุณแม่👩สามารถลูบหัวหรือตัวเบาๆ หรือ อาจนวดตัวให้เบาๆ โดยต้องล้างมือให้สะอาดก่อนการสัมผัสลูกน้อย เพราะผิวของลูกน้อยยังบอบบางมาก จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายสบตากับลูกระหว่างให้นมในช่วงแรกเกิด ทารก👶จะสามารถเห็นได้ดีในระยะประมาณ 8-10 นิ้ว โดยคุณแม่สามารถสบตากับลูกน้อยระหว่างการให้นม🥛 แต่จริงๆ แล้วในช่วงนี้ทารกจะนอนหลับมากกว่าจึงการสบตาได้ไม่มากเท่าไหร่ค่ะ&nbsp;<hr>การพูดคุย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2230/07f72aac-6f2e-4108-b095-278a6c4acde2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ลูกสามารถจดจำเสียงของแม่ได้และอีกหนึ่งวิธีคือการพูดคุยกับลูกน้อยหลังคลอดทันที เพราะทารกจะจำจดเสียงของแม่ได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ เมื่อได้ยินสิ่งที่คุ้นเคย ก็จะช่วยให้ทารกลดความเครียดลง และรู้สึกสบายใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ💖&nbsp;ลูกชอบฟังเสียงพูดของแม่ทารกชอบฟังเสียงคน ดังนั้น คุณแม่👩พยายามพูดกับลูกน้อยบ่อยๆ โดยสามารถชวนลูกคุยได้ขณะเปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำ หรือ อาจร้องเพลงให้ฟัง🎵 ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านภาษาและการเรียนรู้เสียงของลูกน้อยได้อีกด้วยเห็นไหมคะว่าการสร้างความสัมพันธ์กับลูกน้อย👶 นั้นไม่ได้ยากเลยค่ะ ลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อยบ่อยๆดูนะคะ

สร้างความสัมพันธ์กับทารกแรกเกิดกันเถอะ!

คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นลูกนอนบิดตัว ซึ่งทารกนอนบิดตัวนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ และจะเกิดจากอาหารการกิน รวมถึงสามารถเกิดได้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน&nbsp;<hr>ทารกนอนบิดตัว<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/1b3d1310-35a8-475f-ae02-9cacece72cf6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ทารกนอนบิดตัวปกติหรือไม่?ทารกนอนบิดตัว เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะการนอนบิดตัวก็คล้ายๆกับผู้ใหญที่บิดขี้เกียจตอนที่เพิ่งตื่นนอน ซึ่งแพทย์👨&zwj;⚕️มองว่าเป็นการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อ&nbsp;สาเหตุที่ทำให้ทารกนอนบิดตัวทารกนอนบิดตัวนั้นอาจมีสาเหตุจากการให้ทานนม🍼เยอะเกินไป หรือ overfeeding จะรู้ได้ว่าให้ทารกทานนมเยอะเกินไปเมื่อ ทารกมีการแหวะนมบ่อยๆ และมีการบิดตัวไปมาผิดปกติ ซึ่งเกิดจากความไม่สบายตัว ในบางรายอาจเป็นไข้ ก็ต้องรีบพาพบแพทย์โดยด่วนนะคะ หรือ ทารกมีเสียงร้อง😭ผิดปกติ หรือ ทารกอาจร้องเสียงครืดคราดในลำคอ เมื่อท้องอืดจากการได้รับนมมากไปค่ะ<hr>การบิดตัวของทารกจากอาการโคลิก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/59d8ea3f-4586-43b4-9aa3-b68e2248f18d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อาการปวดบิดตัวของทารกที่สามารถพบได้บ่อยๆ คืออาการที่เกิดจากโคลิค😭 &nbsp;ซึ่งหลายๆคนเคยได้ยินกันมาแล้วว่าคือการที่เด็กจะร้องไห้หนักมาก และร้องไห้เป็นเวลา ซึ่งจะเกิดในเด็กที่มีอายุ 3 สัปดาห์ - 3 เดือน ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งจะมีอาการร่วมดังต่อไปนี้✨ร้องไห้หนักติดต่อกัน 3 ชั่วโมง/วันขึ้นไป&nbsp;✨ร้องไห้ติดต่อกัน 3 วัน/สัปดาห์ และอาจจะเป็นนานมากกว่า 3 เดือน✨มีอาการร้องไห้แผดเสียงเหมือนว่ากำลังโมโห💢✨ร้องไห้แทบขาดใจ✨มีปฏิกิริยางอขาเข้าหาหน้าท้อง✨งอตัว✨กำมือแน่นคล้ายจะทำร้ายตัวเอง👊✨มีอาการบิดตัวไปมาดูไม่สบายตัว<hr>วิธีการรับมือเมื่อลูกมีอาการโคลิค<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/189420b7-6ca8-4f64-ada8-27f8360436bc.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คอยปลอบและอุ้มลูกอย่างใกล้ชิดเมื่อลูกร้องโคลิค✨ไม่ควรให้นม🍼ปริมาณมากเกินไป✨อุ้มให้ลูกเรอทุกครั้งเพื่อไล่ลม💨✨หมั่นดูว่าผ้าอ้อมเต็มหรือไม่และเปลี่ยนให้บ่อยๆ✨ดูสภาพอากาศว่าร้อน☀️หรือหนาวเกินไปหรือเปล่า✨เรื่องของนมที่คุณแม่ดื่มตอนให้นมบุตร✨หากลูกกินนมวัว🥛 หรือนมถั่วเหลืองแล้วแหวะนม ถ่ายเหลว ผื่นขึ้น นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกร้องโคลิคทั้งนี้ทั้งนั้นหากลูกยังคงมีอาการปวดบิด ร้องไห้นานจนหน้าแดง มีไข้ มีการหายใจผิดปกติ หรือมีสีอุจจาระที่เปลี่ยนไป ก็ควรจะพาลูกไปหาหมอ👨&zwj;⚕️โดยด่วนค่ะ

สาเหตุที่ทารกนอนบิดตัว

เมื่อมีทารกเกิดใหม่แน่นอนว่าทุกคนในบ้านต่างก็ดีใจ และก็อยากชื่นชมความน่ารักของน้องใหม่ พร้อมทั้งต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งในบางครั้งเรา คนในครอบครัว หรือ เพื่อนที่มาเยี่ยมนั้น ก็อาจเผลอทำอะไรที่ไม่ควรทำกับทารกไปโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งวันนี้เราจึงได้นำข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่ควรทำกับทารกมาฝากกันแล้วค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>ทำแบบนี้อันตราย!<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/12df3307-972d-43a9-9df7-3f44238d19fa.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ควรจับทารกเหวี่ยงคุณพ่อบางท่านอาจจะชอบจับลูกน้อยเหวี่ยงไปมา เพราะลูก👶ก็ดูสนุกสนานหัวเราะใหญ่ ซึ่งที่จริงแล้วการจับทารกเหวี่ยงนั้นมีความอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะหากไปจับในบริเวณแขนหรือขาแล้วจับเหวี่ยง จะทำให้ลูกเสี่ยงกระดูก หรือ ข้อต่อหักได้🦴 ดังนั้นอย่าจับลูกเหวี่ยงจะดีที่สุดนะคะไม่ควรเขย่าตัวทารกบางคนเมื่อลูกร้องไห้มากๆ และไม่รู้ว่าจะให้ลูกหยุดร้องไห้ด้วยวิธีไหนดี จึงเขย่าตัวทารก ซึ่งการเขย่าตัวทารกนั้นมีความอันตรายกว่าที่คิด เพราะมีผลให้เส้นเลือดในดวงตา👀หรือสมอง🧠ฉีกขาดได้ รวมถึงอาจทำให้ประสาทตาของทารกหลุดลอก ยิ่งกว่านั้นแผลที่เกิดขึ้นในสมองของทารกอาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราไม่ควรจะไปเขย่าตัวทารกนะคะ&nbsp;<hr>ข้อห้ามที่ไม่ควรทำกับทารก<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/8508ebb1-54c6-4894-b16d-4ac9b32de99c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ควรให้ทานอาหารเสริมก่อนอายุ 6 เดือนเนื่องจากว่าระบบกระเพาะอาหารของทารกนั้นยังเจริญไม่เต็มที่ดังนั้นเมื่อทานอาหารเสริม🍲ก็จะทำให้เกิดอาหารย่อยไม่ได้ และอาจทำให้ลำไส้อุดตัน และลำไส้เน่าตามมาได้นั่นเองค่ะไม่ควรจุ๊บปากหรือหอมแก้มทารกเหตุผลนั้นเป็นเพราะ เราอาจเป็นตัวนำพาเชื้อโรค🦠ที่ไม่แสดงอาการในผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดีกว่า ไปให้กับทารกที่มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าได้นั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด มือเท้าปาก เริม หัด อีสุกสีใสและอื่นๆ อีกโดยควรรอให้ทารกอายุครบ 3 เดือนจะดีกว่านะคะ &nbsp;ไม่ควรดัดขาทารกอาจมีความเชื่อที่บอกว่าจะต้องดัดขา🦵ทารกเพื่อป้องกันขาโก่ง หรือไม่ควรให้ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพราะเชื่อว่าจะทำให้ขาโก่ง ซึ่งความจริงแล้วการดัดขาทารกอาจทำให้ทารกเจ็บ และการดัดขาเองก็ไม่สามารถสร้างแรงกดกับกระดูกขาได้ แถมการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็ไม่ได้ทำให้ขาโก่งด้วย<hr>ระวังสิ่งเหล่านี้<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/776d10c5-4aab-4acc-bdfd-16caf4193367.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ล้างมือก่อนจับทารกการจับทารกทั้งๆที่มือ✋ยังไม่สะอาด อาจทำให้เชื้อโรคต่างๆแพร่สู่ทารกได้ ดังนั้นก่อนสัมผัสก็ควรจะล้างมือ รวมถึงคอยล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆของทารกอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและแบคทีเรียต่างๆค่ะ&nbsp;ไม่ควรพาออกนอกบ้านก่อนอายุ 3 เดือนเนื่องจากระบบต่างๆของทารกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงภูมิคุ้มยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพาน้องออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ🦠 ต่างๆ (ยกเว้นไปโรงพยาบาลตามนัดของคุณหมอ)ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อทารกโดยเฉพาะเพราะว่าผิวของทารกมีความบอบบางมากดังนั้นการใช้สบู่ แชมพู🧴 หรือของต่างๆของผู้ใหญ่ อาจทำให้มีสารตกค้างและเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ&nbsp;เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับข้อระวังต่างๆ ทราบอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมบอกคนรอบข้างเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยกันนะคะ&nbsp;

ระวัง! แบบนี้ไม่ควรทำกับทารก!

น้ำหอมหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หลายๆคนใช้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและเสน่ห์ให้กับเรา แต่เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วจะสามารถใช้น้ำหอมต่อไปได้หรือไม่ จะมีผลกระทบอะไรต่อทารกในครรภ์หรือเปล่า เราไปดูกันเลยค่ะ<hr>ท้องแล้วยังสามารถใช้น้ำหอมได้ไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/f9698c9f-6bad-4a79-814a-e2d706a699a0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หลีกเลี่ยงน้ำหอม?จากงานวิจัยพบว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอม เทียนหอม สเปร์หอม ไมโครเวฟ รวมถึงการใช้พลาสติก👃หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ผสมน้ำหอมไม่เพียงเท่านั้นคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมที่ถูกผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่🧼 ผงซักฟอง น้ำยาซักผ้า ของใช้ในครัวเรือนและของใช้ต่างๆ<hr>งานวิจัยบ่งบอกว่าอย่างไร?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/977ed452-80f2-4831-8950-86c3191db518.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">งานวิจัยจาก University Of Illinois พบว่าสารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมนั้นมีผลต่อการพัฒนาสมอง🧠 โดยได้ทำการทดลองในหนูที่ตั้งครรภ์ และพบว่าหนูที่ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำหอมและพลาสติกนั้น ลูกหนูที่เกิดมามีระดับปัญญาที่แย่กว่าโดยการทดลองยังสรุปได้ว่าแม้ว่าแม่หนู🐁จะไม่ได้รับผลกระทบแต่ลูกหนูนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงน้ำหอม สเปรย์ต่างๆ และพลาสติกนั่นเองค่ะ<hr>หลังคลอดล่ะ ใช้น้ำหอมได้ไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/d1291243-5ae9-49da-a651-0352ade1f37d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้วก็ยังไม่ควรใช้น้ำหอมเพราะผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหอม โคโลญจน์ สเปรย์ฉีดตัวหลายๆตัวมีส่วนผสมของสารเคมีที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกน้อยได้ โดยหายลูกยังอ่อน👶อยู่ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายจากน้ำหอมเหล่านี้โดยการศึกษาของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในปี 1991 พบว่าสารเคมี 95% ในน้ำหอมเป็นสารประกอบที่ทำมาจากปิโตเลียม รวมถึง Greenpeace ยังพบว่าแบรนด์น้ำหอมชื่อดังกว่า 36 แบรนด์ มีส่วนประกอบของสารเคมีที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ อย่างพาทาเลต และ มัสค์สังเคราะห์ ซึ่งสารเคมีสองตัวนี้สามารถมีผลกระทบต่อกระแสเลือด🩸ในสมอง🧠 &nbsp;รวมถึงยังทำให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้สุดท้ายนี้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมยังพบว่าสารเคมี Linalool ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในน้ำหอมสามารถกระทบต่อระบบหายใจและยังก่อให้เกิดอาการง่วงและซึมเศร้าได้อีกด้วย😴 (ขอบคุณข้อมูลจาก Anna O&#39;rourke,her)ทราบอย่างนี้แล้วหากเป็นไปได้ก็ควรเลี่ยงการฉีดน้ำหอมกันไปก่อนเพื่อพัฒนาการและสุขภาพที่แข็งแรงของลูกน้อยนะคะ

ท้องแล้วฉีดน้ำหอมอยู่ระวัง! อันตรายกับลูกในครรภ์

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทารกในครรภ์มีการก่อตัวของของระบบประสาทและสมอง🧠ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ในครรภ์ และเริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามช่วงอายุครรภ์ โดยคุณพ่อคุณแม่👫สามารถช่วยกระตุ้นการพัฒนาของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังการคลอดของลูกได้เลยค่ะ นับตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์คุณพ่อคุณแม่อาจจะตื่นเต้นและรอวันที่ได้เจอหน้าลูกน้อย ดังนั้นทางเราจึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการกระตุ้นการพัฒนาสมองของทารกเพื่อให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีสมวัยมาให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ทราบค่ะ<hr>การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/4419/99e55305-b44a-48b6-91b5-cc0657c4691b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">นับตั้งแต่กระบวนการปฏิสนธิสมบูรณ์ ไข่กับสเปิร์มจะสร้างเป็นตัวอ่อน ซึ่งตัวอ่อนในท้องของคุณแม่🤰ก็จะเริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ พร้อมกับสร้างอวัยวะรวมทั้งเซลล์สมองที่มีการเพิ่มจำนวนและขนาดอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นเนื้อสมองและเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเส้นใยประสาทเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่👫ควรเริ่มกระตุ้นการพัฒนาการสมองของลูกน้อยตั้งแต่อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ ไปจนถึงอายุ 2 ขวบ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่จะใส่ใจเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาของลูก<hr>ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ดี<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/4419/5882e7dc-0933-4094-8e15-25ccd7b42a75.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">การที่ลูกจะมีพัฒนาการที่ดีนั้นมักเกี่ยวข้องกับหลายๆ ปัจจัย โดยปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาของลูกน้อยในครรภ์ การพัฒนาการของวัยทารก รวมไปถึงการพัฒนาของระดับสติปัญญา🧠✨และการเรียนรู้ตั้งแต่ในครรภ์ไปจนถึงหลังคลอดมีดังนี้พันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่พันธุกรรมของลูกน้อยนอกจากหน้าตา👶 สีผิว และสีผมที่ได้รับการถ่ายทอดมาแล้ว ยีน🧬ทั้งหมดในร่างกายยังมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและระบบประสาทด้วยการรับประทานอาหารและสารอาหารที่คุณแม่ได้รับในขณะตั้งครรภ์ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ต้องใส่ใจกับสุขภาพมากที่สุด ดังนั้นการใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสารอาหารต่างๆ🥗 ที่คุณแม่รับประทานเข้าไปจะส่งผลกับทารกในครรภ์&nbsp;ระบบการทำงานของร่างกายคุณแม่เสียงการทำงานของหัวใจ🫀 เสียงการบีบตัวของลำไส้ หรือเสียงการเคลื่อนไหวของกระแสโลหิตล้วนมีความสำคัญ เพราะลูกน้อยในท้องของคุณแม่สามารถได้ยิน👂เสียงพวกนี้ ซึ่งจะกระตุ้นเรื่องการพัฒนาการได้ยินของลูกน้อยอารมณ์ของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์หากคุณแม่มีความเครียดมาก😡ในระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบกับการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์ด้วย<hr>วิธีการช่วยกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในครรภ์<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/4419/bc54185c-f7f7-4e7b-8d94-1f795279efc6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ลูบหน้าท้องกระตุ้นความรู้สึกการที่คุณแม่ลูบหน้าท้องเบาๆ🤰จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนความรู้สึกได้ชวนลูกคุยบ่อยๆ หรือเปิดเสียงดนตรีให้ลูกฟังลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่สามารถได้ยินเสียงผ่านผนังหน้าท้อง🎧🤰 ซึ่งทารกในครรภ์จะได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่อายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป การที่คุณพ่อคุณแม่มีการพูดคุยกับลูกส่งผลให้ทารกมีความคุ้นเคยจากเสียง และคุณแม่สามารถหยิบหนังสือ📖🗣️มาอ่านออกเสียงให้ลูกน้อยฟัง โดยเสียงจากคุณแม่จะกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อสมองที่มีความซับซ้อนของการได้ยิน ตีความเสียง และส่วนความทรงจำ นอกจากนี้การเปิดเพลง🎶ให้ลูกฟังทำให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ดีด้วย😄ส่องไฟฉายบริเวณผิวท้องของคุณแม่เพื่อกระตุ้นการมองเห็นคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการส่วนการมองเห็น👁️ ด้วยการดึงดูดความสนใจของทารกในครรภ์ โดยการส่องไฟฉาย🔦 เลื่อนไป-มา หรือ เปิด-ปิดไฟฉาย พร้อมกับพูดคุยและเล่นกับลูกน้อยไปด้วย แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทำในที่มืด🌌จะช่วยเรื่องการมองเห็นได้ดีกว่าที่สว่าง และควรเริ่มทำตั้งแต่ทารกเริ่มดิ้นไปจนถึงวันที่คลอด&nbsp;การนั่งโยกเก้าอี้ หรือการออกกำลังกายจะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกคุณแม่สามารถนั่งโยกเก้าอี้🪑หน้า-หลัง พร้อมเอามือลูบหน้าท้องไปพรางๆ และเปิดเพลงฟัง🎵 หรือออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยกระตุ้นเรื่องการพัฒนาด้านเซลล์ประสาทการทรงตัวและพัฒนาเรื่องระบบประสาทการสัมผัสของทารก&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์🍲 หมั่นดูแลร่างกายให้พร้อมจนถึงวันคลอด และนอกจากการบำรุงร่างกายที่ดีแล้ว คุณแม่ควรออกกำลังกาย🚶&zwj;♀️แต่พอเหมาะ ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์ เพื่อเป็นการช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดี โดยเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับการกระตุ้นสมอง🧠และระบบประสาทตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังการคลอด🤱

การพัฒนาสมองของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์เป็นยังไงนะ?

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยืนยันการจำแนกสารให้ความหวานเทียม แอสปาร์แตมเป็นสารที่ &#39;มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; หรือ &#39;Possibly carcinogenics to humans&#39; ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ &nbsp;📢 ในขณะที่ข้อโต้แย้งด้านความปลอดภัยยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็กล่าวได้ว่าแอสปาร์แตมสามารถพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มลดน้ำหนัก เจลาติน หมากฝรั่ง ไอศกรีม ยาสีฟัน ยาอมแก้ไอ ผลิตภัณฑ์จากนม แล้วแบบนี้เราจะมีโอกาสเป็นมะเร็งหรือไม่ สารนี้จะหายไปจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเลยหรือไม่ คุณแม่หลายๆท่านกำลังสับสนกับเรื่องนี้🤰🏻 บิลลี่ จึงขออาสามาเช็กข้อเท็จจริงค่ะ!😉<hr>ทำความรู้จักกับแอสปาร์แตม<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/a78f736e-d227-4c42-ad06-239b9f974e58.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🍹แอสปาร์แตม.....มีรสหวานกว่าน้ำตาล 200 เท่า แทบไม่มีแคลอรีเลย🙅🏻&zwj;♀️ หลายๆท่านอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อของแอสปาร์แตม ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถพบเจ้าแอสปาร์แตมนี้ในชีวิตประจำวันของเราได้ โดยสารนี้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากได้รับการอนุมัติในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2524 จึงเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้อาหารมีรสหวาน 👅 ในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกโดยปัจจุบันยังคงมีการใช้ในอาหารและเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ อย่าง Coke Zero, Diet Coke หมากฝรั่ง ลูกอม โยเกิร์ต ไอศรีม ซอส และขนมอีกหลากหลายชนิด แต่ไม่นานมานี้องค์กรอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศให้เจ้าสารที่ถูกใช้ในเชิงเพื่อสุขภาพ กลายเป็นสารก่อมะเร็งแทน ข่าวนี้ทำให้ผู้อ่านหลายๆท่านหนักใจ เพราะเราต่างต้องเคยบริโภคสารนี้กันทั้งนั้น&nbsp;<hr>รู้จักประเภทของสารก่อมะเร็ง<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/6f376079-8bc4-4a7f-858e-dfbfe564c4d5.jpeg" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">องค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ WHO ได้ประกาศให้แอสปาร์แตมเป็นสารที่ &#39;มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; หรือ &#39;Possibly carcinogenics to humans&#39;💥 ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ &nbsp;โดย IARC ได้ระบุให้แอสปาร์แตมเป็นสารก่อมะเร็งในระดับ 2B ซึ่งการนิยามสารก่อมะเร็งของ IARC สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ๆดังนี้ระดับที่ 1&nbsp;เป็นสารกลุ่มที่มีหลักฐานบ่งชี้มากพอในเชิงสถิติ ว่าก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ สารกลุ่มนี้ตามกฎหมายและข้อกำหนดขององค์กรอาหารและยาในแต่ละประเทศ จะต้องไม่ถูกเติมหรือมีการปนเปื้อนในอาหารอยู่แล้ว มักเป็นสารที่ถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและวัสดุอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ได้แก่ สารหนูหรืออาร์เซนิค หรือสารในกลุ่มเบนซีนค่ะระดับที่ 2A&nbsp;เป็นสารกลุ่มที่มีหลักฐานงานวิจัยออกมายืนยันเช่นกันว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ยังถือว่ามีจำนวนงานวิจัยที่น้อย จึงได้แต่ใช้คำว่า &ldquo;มีแนวโน้มที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&rdquo; แทน ยังไม่สามารถยืนยันได้เพราะยังมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือไม่เพียงพอค่ะ อย่างไรก็ตามสารในกลุ่มนี้ก็ยังมีหลักฐานบ่งชี้เพียงพอว่าก่อมะเร็งได้ในสัตว์ทดลองค่ะ ยกตัวอย่างเช่นซิลิกาที่ใช้ทำซองดูดความชื้นนั่นเองค่ะระดับที่ 2Bเป็นสารที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ส่วนหนึ่งบ่งชี้ว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะยืนยัน ในกรณีของการก่อมะเร็งในสัตว์ก็มีแต่ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าสามารถก่อมะเร็งได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งเจ้าแอสปาร์แตมเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ นั่นทำให้เราสามารถตีความได้ว่า ทางองค์กรอนามัยโลกให้ข้อมูลว่าแอสปาร์แตมอาจจะก่อมะเร็งทั้งในสัตว์และในคน แต่ยังเป็นหลักฐานที่มีจำนวนน่าเชื่อถือไม่เพียงพอ เมื่อคำนวณความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติค่ะระดับที่ 3&nbsp;เป็นสารที่ยังไม่มีข้อมูลว่าสามารถก่อมะเร็งได้ทั้งในร่างกายมนุษย์เองและร่างกายของสัตว์ค่ะ<hr>สรุปแล้วแอสปาร์แตมอันตรายแค่ไหน<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/ff5fad7d-077c-48e5-9878-afa7a89598e2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">แอสปาร์แตมก่อมะเร็งจริงหรือไม่?โดยความจริงแล้วสารระดับ 2B นั้นสามารถพบได้ในส่วนผสมในของที่เรารับประทานหรือใช้กันในชีวิตประจำวัน🍽️ อย่าง กรดคาเฟอิกในกาแฟ ว่างหางจระเข้ น้ำมันมะพร้าว รวมถึงกิมจิและผักดองอื่นๆด้วย ซึ่งคนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่ากับสารทดแทนความหวาน หลักฐานจึงยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าแอสปาร์แตมจะทำให้เราเป็นมะเร็งจริงๆ แม้กระทั่งหลักฐานในสัตว์ทดลองเองก็ยังไม่ได้มีจำนวนมากพอที่จะยืนยันได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า ไม่ได้ห้ามบริโภคเป็นอาหาร และไม่ได้หมายความว่าการรับประทานแอสปาร์แตมจะทำให้เกิดมะเร็ง แต่มีความจำเป็นที่จะต้องจำกัดปริมาณในการรับประทานสารให้ความหวานเทียมค่ะ🙌🏻 &nbsp;ยังสามารถรับประทานน้ำอัดลม 0% ได้หรือไม่?ยังสามารถรับประทานได้ค่ะ โดยค่าที่ปลอดภัยในการรับประทานแอสปาร์แตมจะอยู่ที่ไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม👀 หากจะพูดให้เห็นภาพ หากคุณผู้อ่านมีน้ำหนักตัวประมาณ 50 กิโลกรัมนั่นหมายความว่าคุณผู้อ่านสามารถรับประทานแอสปาร์แตมได้ในปริมาณที่ปลอดภัยไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในน้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลหนึ่งกระป๋อง มักใส่แอสปาร์แตมไม่เกิน 300 มิลลิกรัม นั่นแปลว่าคุณผู้อ่านสามารถรับประทานน้ำอัดลมชนิดนั้นได้ประมาณ 6-7 กระป๋องโดยประมาณเลย ซึ่งนับเป็นปริมาณที่ค่อนข้างเยอะมากต่อวัน หากไม่ได้ติดน้ำอัดลมกลุ่มนี้ เรามักจะกินไม่ถึงปริมาณที่มีความเสี่ยงว่าจะก่อมะเร็งอยู่แล้วค่ะ🫡&nbsp;<hr>ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/48fba531-9963-4673-a79c-12bb7740267d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🍹สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จากการศึกษาที่ประกาศโดย American Society for Reproductive Medicine ในปี 2559 📑 สารให้ความหวานเทียมในเครื่องดื่ม 0% จะลดความสามารถของผู้หญิงในการปฏิสนธิและส่งผลต่อสุขภาพของเซลล์ไข่ โดยหากบริโภคในระหว่างตั้งครรภ์ ว่ากันว่าอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์และทำให้เด็กเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลมที่มีระดับน้ำตาลสูงหากเป็นไปได้นะคะ!🙅🏻&zwj;♀️🍹 แล้วคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกอยู่ล่ะ?หากคุณมีโรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่าฟีนิลคีโตนูเรีย (PKU) ซึ่งไม่สามารถเผาผลาญแอสปาร์แตมได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการรับประทานสิ่งที่มีแอสปาร์แตม 🚫 โดยไม่ใช่เพียงคุณแม่และลูกน้อยเท่านั้นที่ควรเลี่ยง แต่ยังรวมถึงแม่ที่วางแผนหรือกำลังตั้งครรภ์ด้วย ในกรณีของทารกแรกเกิด ทารกจะได้รับการทดสอบที่โรงพยาบาลหลังคลอด ดังนั้นหากมีความผิดปกติก็สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลจนมากเกินไปนะคะ!แม้ว่ากระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารและยาจะได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารให้ความหวาน แต่คุณพ่อคุณแม่บางคนก็ยังคงกังวล ท่ามกลางความขัดแย้งเรื่องแอสปาร์แตม หัวหน้าสำนักโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหารของ WHO แนะนำว่าควรพิจารณา &#39;การดื่มน้ำแทนเครื่องดื่มที่มีรสหวาน🥛&#39; แทนที่จะมองหาของหวานอื่นทดแทน ลองเลิกนิสัยชอบความหวานและพึ่งพาอาหารแปรรูป แล้วหันมาใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพกันดูนะคะ 💖

สารให้ความหวานในน้ำอัดลมก่อให้เกิดมะเร็ง?

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกลทำให้เรามีโอกาสได้พูดคุยจากคนต่างชาติได้ง่ายขึ้น รวมถึงเมื่อทำงานก็มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ดังนั้นการสอนให้ลูกพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาก็จะทำให้ลูกได้เปรียบ ซึ่งเราจะมีวิธีสอนลูกอย่างไรให้ลูกสามารถพูดสองภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติและเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>กลยุทธ์การสอนภาษาที่สองให้ลูก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/02b963da-73a5-46ef-aa16-b55346fac01c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรจะสอนลูกพูดภาษาที่สองตั้งแต่เมื่อไหร่ดี?คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกพูดภาษาที่สอง🔤ได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ได้เลยค่ะ โดยอาจอ่านนิทาน หรือ เปิดเพลงให้ฟังโดยใช้ภาษาที่สองก็จะทำให้ลูกทำความคุ้นเคยและเริ่มรับรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะหากคุณแม่พูดกับลูกในครรภ์🤰บ่อยๆ ลูกก็จะเกิดการเรียนรู้และมีความคุ้นเคยกับมันค่ะ&nbsp;หลังคลอด คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสอนต่อได้เลยจนลูกอายุ 7 ขวบ เพราะหลังจากนั้นลูกจะมีความคิดเป็นของตนเองและอาจต่อต้าน หรือ อาจรู้สึกสับสน รวมถึงยังเป็นวัยที่เข้าเรียนและได้รับการเรียนจากโรงเรียน🏫แล้วด้วยค่ะ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่คือกุญแจสำคัญเทคนิคที่ดีที่สุดในการสอนลูกพูดสองภาษาคือตัวคุณพ่อ👨และคุณแม่👩เองค่ะ เพราะหากคุณพ่อคุณแม่พูดภาษาที่สองกับลูกในชีวิตประจำวันทุกๆวันๆ ทำให้เป็นเรื่องปกติลูกก็จะสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งภาษา🔤ที่ใช้ในทุกๆวัน โดยเวลาคุยกับลูกก็ไม่ควรแปลให้ลูก ให้เริ่มพูดคำง่ายๆก่อนเช่น Dog, Go, Yes, No แล้วค่อยพูดยาวๆเป็นประโยคก็จะทำให้ลูกค่อยๆเข้าใจเองค่ะ&nbsp;<hr>วิธีทำให้ลูกจดจำได้ง่ายขึ้น<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/b2348de6-6aa2-40cf-8391-07d3ea8352e9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เปิดการ์ตูนให้ลูกดู📺คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดการ์ตูนที่เป็นภาษาที่สองให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกซึมซึบสำเนียงและการออกเสียงที่ถูกต้อง อาจเปิดเพลงที่เป็นภาษาที่สอง หรือ อ่านนิทานภาษาที่สองให้ลูกฟัง เมื่อลูกได้ฟังบ่อยๆก็จะทำให้ลูกจดจำคำศัพท์ต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ&nbsp;โปสเตอร์ภาษา หนัง หนังสืออ่าน📖ก็เป็นอีกตัวช่วยที่เป็นประโยชน์เมื่อสอนภาษาที่สองให้เจ้าตัวเล็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสอดแทรกภาษาที่สองผ่านกิจกรรมต่างๆได้ โดยไม่ควรทำให้เป็นเรื่องที่จริงจังเพราะลูกจะเกิดการต่อต้านและจะไม่อยากเรียนรู้ค่ะ&nbsp;ทำกิจกรรมอื่นพร้อมกับสอนภาษาไปด้วยเมื่อทำกิจกรรมพร้อมๆกับการเรียนรู้ภาษา🔤จะทำให้เด็กเรียนรู้และจดจำได้มากกว่า ดังนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยออกไปข้างนอกลองชวนลูกพูดคุยและลองบอกคำศัพท์ต่างๆ เมื่อพบสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆระหว่างทาง หรืออาจเปิดเพลง🎶ภาษาที่สองให้ลูกเต้นตามจังหวะเพลงไปด้วย หรือจะชวนลูกดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษโดยไม่มีซับ เพื่อให้ลูกได้ดูและฟังการกระทำของตัวละคร และจับความหมายของคำพูดนั้นๆ<hr>อยากให้พูดเก่งต้องให้ลูกคิดเป็นภาษาอังกฤษ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/8a8ddc4c-7c2c-4bee-8d34-f7bc23f7c0aa.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">วิธีทำให้ลูกคิดเป็นภาษาที่สองเทคนิคสำคัญที่ทำให้ลูกเก่งพูดสองภาษาคือการฝึกให้ลูกคิดเป็นภาษาอังกฤษ🔤แล้วสื่อสารออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลกลับจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยพยายามสื่อสารกับลูกด้วยภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องแปลความหมายให้ฟัง แม้ว่าในช่วงแรกของการพูดลูกอาจจะไม่เข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่พูดถึงอะไร คุณพ่อ👨คุณแม่👩สามารถบอกใบ้โดยการชี้หรือทำท่าทางประกอบเพื่อให้ลูกเข้าใจ แทนการแปลหรือบอกให้ลูกฟังแล้วลูกจะเข้าใจได้เองค่ะ&nbsp;ใช้ความอดทนการจะฝึกให้ลูกพูดภาษาที่สองนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องใช้ความอดทน และรอให้ลูกเรียนรู้ คอยพูดคุยกับลูกเป็นภาษาที่สอง และชมเชยเมื่อลูกทำสำเร็จลูกก็จะมีกำลังใจในการพูดและเรียนรู้เองค่ะ&nbsp;

เคล็ดลับฝึกให้ลูกพูดสองภาษาตั้งแต่เด็ก

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมลูกถึงร้องไห้งอแงหนัก นอกจาก หิว หรือ รู้สึกไม่สบายตัวแล้วยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทารกร้องไห้ เหตุผลเหล่านั้นคืออะไรเราไปดูกันค่ะ<hr>เหตุผลที่ทารกร้องไห้<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/3c4c5aa8-59ae-45e1-93ef-53decd227cb2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ร้องเพราะหิวการร้องไห้เพราะหิวเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะนึกถึง เพราะนมแม่นั้นจะย่อยง่ายและเป็นปกติที่ลูกจะรู้สึกหิวบ่อย โดยควรให้นมแม่กับลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมงแล้วสังเกตว่าลูกหยุดร้องหรือไม่ หรือยังไม่หยุดร้องแปลว่าอาจมาจากสาเหตุอื่นและหากหยุดร้องแปลว่าถูกต้องแล้วค่ะ✨ร้องเพราะปวดท้องแต่ในเด็กบางคนที่ร้องไห้หนัก😭 อาจมีเหตุผลอื่นเช่น มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บางคนร้องไห้นาน 2-3 ชั่วโมงก็มีค่ะ ความเชื่อและงานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าเหตุผลหลักที่ทารก👶ร้องมักมาจากการมีลม☁️ในกระเพาะอาหารมากทำให้รู้สึกอึดอัดท้อง จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ทารกทานนมแม่เท่านั้นในช่วง 0-3 เดือน เพราะนมแม่จะย่อยได้ง่ายกว่าจึงลดการเกิดลมในท้องได้✨ร้องเพราะผ้าอ้อมเปียกเวลาลูกร้องไห้ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมคอยเช็คผ้าอ้อมของลูกนะคะว่าเปียกหรือไม่&nbsp;✨ร้องเพราะง่วงนอนบางครั้งลูกอาจรู้สึกเหนื่อย หรือง่วงนอน แต่ไม่หลับ นั่นเป็นเพราะสภาพแวดล้อมรอบๆตัวอาจไม่เอื้ออำนวยให้ลูกนอน เช่นมีคนเยอะเสียงดัง อากาศร้อนเป็นต้นค่ะ✨ร้องโดยไม่มีเหตุผลโดยในทารก👶บางคนอาจร้องไห้วันละ 2-3 ชั่วโมงโดยไม่มีเหตุผล และ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งสามารถพบได้ในเด็กวัยก่อน 3 เดือน คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านอาจหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ว่าทำไมลูกถึงไม่หยุดร้องไห้ ยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงดูลูกในช่วง 2-3 เดือนแรก มักพยายามหาเหตุผลต่างๆ ว่าลูกน้อยร้องเพราะอะไรจนเกิดความเครียด😞<hr>ร้องไห้โคลิก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/33ceebc5-bb88-472f-889a-4291b748a7e4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ร้องไห้โคลิกคืออะไร...?ทารกที่ร้องไห้มากๆ และร้องไห้เป็นช่วงเวลา🕐จะเรียกว่าร้องโคลิก ซึ่งทารกจะร้องไห้เก่งและจะร้องเป็นเวลาเดิม เช่น ทุกๆ 4 โมงเย็น โดยยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากสาเหตุใด✨จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกร้องโคลิกหากเป็นการร้องโคลิก😭 &nbsp;ทารกจะยังเจริญอาหารและยังทานนมได้เยอะ น้ำหนักของลูกน้อยก็จะขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยอาการโคลิกนี้จะหายไปเองหลังผ่าน 3 เดือนไปแล้วค่ะ<hr>สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/7b7acb58-e8dc-4b1d-b57e-999c47a18921.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สังเกตลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่พยายามสังเกตพฤติกรรมและอารมณ์พื้นฐานของลูก โดยพยายามตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกทันที (ใน 6 เดือนแรก) เพื่อที่ว่าลูกจะได้ไว้ใจและเกิดความผูกพันกับพ่อแม่ โดยให้พยายามสัมผัสลูกบ่อยๆจะทำให้ลูกร้องน้อยลงได้✨ไม่วิตกกังวลจนเกินไปคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป ให้สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และอาจผลัดกันเลี้ยงดูลูกพร้อมกับเปิดเพลงเบาๆ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรทำใจไว้ล่วงหน้าว่าลูกน้อยในช่วง 3 เดือนแรกอาจมีอาการร้องไห้หนัก😭 โดยอาจจะหาเหตุผลได้ หรือ หาเหตุผลไม่ได้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คืออดทนและใจเย็น โดยหากยังรู้สึกไม่สบายใจ อาจลองพาน้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูความผิดปกติของร่างกายได้นะคะ🏥

หนูร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;พัฒนาการด้านหนึ่งของเจ้าตัวน้อย👶ที่คุณพ่อคุณแม่อาจเป็นกังวลก็คือพัฒนาการทางด้านร่างกาย ประเด็นหนึ่งที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดก็คือเรื่องความสูงของลูก ซึ่งเป็นประเด็นที่มีปัจจัยมาเกี่ยวข้องอย่างหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม🧬ที่เด็กได้รับมาจากทางคุณพ่อคุณแม่เอง ไลฟ์สไตล์ อาหารการกินของเด็ก แต่วันนี้บทความของเราจะพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับอีกหนึ่งปัจจัย ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตทางด้านความสูงของเด็กโดยตรงนั่นก็คือ &ldquo;โกรทฮอร์โมน&rdquo; นั่นเองค่ะ💁&zwj;♀️<hr>โกรทฮอร์โมนคืออะไร<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4580/84a2b6b0-2580-4e70-9b91-3699f72a28de.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) หากดูจากชื่อภาษาอังกฤษของเจ้าฮอร์โมนตัวนี้แล้ว คุณผู้อ่านก็คงพอจะเดาออกใช่ไหมคะ ว่าฮอร์โมนตัวนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของคนเราแน่ๆ ซึ่งก็ถูกต้องค่ะ เจ้าฮอร์โมนตัวนี้ถูกผลิตโดยต่อมใต้สมอง🧠 และจะถูกส่งเข้ากระสเลือดเพื่อไปสื่อสารกับเซลล์ต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์กล้ามเนื้อและกระดูก🦴ค่ะ เพื่อให้เซลล์เหล่านั้นมีการเจริญและแบ่งตัว ร่างกายก็จะเจริญเติบโตค่ะถ้าเด็กขาดโกรทฮอร์โมนจะเป็นอย่างไร💫มีลักษณะโครงร่างของใบหน้าอ่อนวัยข้อนี้อาจถูกมองเป็นข้อดีได้ แต่ก็ไม่ใช่ข้อดีเสียทีเดียวค่ะ เพราะเด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมนจะมีลักษณะโครงร่างของใบหน้าอ่อนวัยกว่าปกติ👶 แต่บางรายก็พบลักษณะอื่นๆ เช่นปากแหว่งเพดานโหว่ควบคู่ค่ะ💫ในส่วนของรูปร่างโดยรวมและความสูง&nbsp;เด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมนจะมีรูปร่างเตี้ย และอาจอวบ เพราะมีไขมันสะสมบริเวณลำตัวค่ะ ในกรณีที่เป็นเพศชาย👦ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น จะสังเกตว่าเสียงไม่ค่อยแตกทุ้ม🔉💫ไม่ได้ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมองการขาดโกรทฮอร์โมนนั้นไม่ได้ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมอง🧠ของเด็ก ดังนั้นเด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมนก็จะยังมีระดับสติปัญญาตามปกติค่ะ<hr>สาเหตุที่เด็กขาดโกรทฮอร์โมน<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4580/6cae1c79-03c2-4816-9ae9-237fca11173a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">สาเหตุที่ 1️⃣ในกลุ่มที่ขาดมาตั้งแต่กำเนิด อาจมีสาเหตุมาจากการที่ต่อมใต้สมองมีรูปร่างไม่สมบูรณ์หรือมีขนาดเล็กเกินไป หรืออาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม🧬ที่ทำให้ไม่สามารถหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ อาจเกิดจากการที่โกรทฮอร์โมนไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะทำงานได้ ตัวรับสัญญาณ🛜ของโกรทฮอร์โมนอาจไม่สามารถรับได้ แต่บางรายก็ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ค่ะสาเหตุที่ 2️⃣ในกลุ่มที่พึ่งมาขาดตอนโตขึ้นมา อาจเกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณสมอง ไม่ว่าจะเป็นการที่มีก้อนเนื้องอกไปกดทับบริเวณต่อมใต้สมอง เกิดอาการติดเชื้อบริเวณสมอง เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณสมอง รวมไปถึงการผ่าตัดรักษาและการใช้รังสี☢️รักษาบริเวณสมองด้วยค่ะ<hr>วิธีป้องกันภาวะขาดโกรทฮอร์โมนในเด็ก<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4580/634de1a5-901d-4312-b92c-86e61458e06b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ในกรณีที่เจ้าตัวน้อยยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องโกรทฮอร์โมนโดยตรง เราจะส่งเสริมการหลั่งของโกรทฮอร์โมนให้เป็นไปตามปกติด้วยพฤติกรรมเหล่านี้ได้ค่ะ👉เด็กๆควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ&nbsp;การพักผ่อนในที่นี้หมายถึงการนอนหลับ😴อย่างเพียงพอเท่านั้น เพราะโกรทฮอร์โมนจะหลั่งเวลาที่เรานอนหลับค่ะ ระยะเวลาที่เหมาะสมในเด็กๆก็คือไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน และควรเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มของแต่ละคืน🌃 เพราะเป็นช่วงเวลาที่โกรทฮอร์โมนสามารถหลั่งได้ดีที่สุดค่ะ👉ควบคุมโภชนาการ&nbsp;รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน🍲 ในปริมาณและความถี่ของแต่ละมื้ออย่างเหมาะสม อาจมีการใช้อาหารเสริม💊รับประทานควบคู่แต่ควรขอคำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกรก่อนเสมอค่ะ👉เน้นอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมอย่างการดื่นนม&nbsp;สำหรับเด็กที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่นควรดื่มนม🥛ประมาณวันละ 600-800 มิลลิลิตร แต่หากเป็นเด็กที่เล็กกว่านั้นก็อาจปรับปริมาณลง ดูตามความเหมาะสมเมื่อรวมอยู่ในมื้ออาหารได้ค่ะ👉เน้นกิจกรรมที่แอคทีฟสำหรับเด็กเล็กควรเน้นกิจกรรมที่ได้มีการขยับตัว🤾&zwj;♀️ ได้มีการออกกำลังกาย เพราะแรงกระแทกเบาๆระหว่างข้อต่อกระดูกในร่างกายระหว่างที่ทำกิจกรรม จะทำให้เซลล์กระดูกถูกกระตุ้นและขยายตัวได้ค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ตาม การที่เจ้าตัวน้อยของเราจะมีความสูงเท่าไหร่นั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโกรทฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ก่อให้เกิดภาวะแคระแกร็นได้ ยกตัวอย่างเช่นความผิดปกติของกระดูก🦴ในรูปแบบต่างๆซึ่งยังไม่ถูกกล่าวถึงในบทความนี้ แต่โกรทฮอร์โมนก็ยังเป็นตัวละครหลักที่ทำหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางด้านร่างกายของเด็กๆ👶อยู่ดี ดังนั้นหากเราป้องกันเด็กๆจากภาวะขาดโกรทฮอร์โมนได้ ก็จะถือว่าเป็นการตัดปัจจัยเสี่ยงเรื่องความแคระแกร็นออกไปหนึ่งปัจจัยค่ะ

ภาวะแคระแกร็นในเด็ก 

&nbsp; &nbsp; &nbsp;พัฒนาการทารกในครรภ์สัปดาห์ที่ 10 จะมีขนาดเท่ากับผลไม้ อย่างเช่น ส้มจี๊ด🍊 มีความยาวประมาณ 1.2 &nbsp;นิ้ว น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 0.14 ออนซ์ และส่วนสมองของทารกในครรภ์สามารถสร้างเซลล์ประสาทได้เกือบ 250,000 เซลล์ต่อนาที ในช่วงตั้งครรภ์ 10 สัปดาห์ คุณแม่ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกันค่ะ<hr>พัฒนาการของทารกในครรภ์ช่วงสัปดาห์ที่ 10<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/5070/4c08a08a-8553-4391-afd2-cd8870173409.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨มีการพัฒนาของระบบหัวใจคุณแม่สามารถเริ่มได้ยินเสียงหัวใจ🫀ของทารกในครรภ์เต้นถี่ ๆ โดยสามารถฟังผ่านทางเครื่องช่วยฟังของคุณหมอ&nbsp;✨มีการพัฒนาของระบบไต&nbsp;ไตของทารกเริ่มมีระบบกรองเลือด🩸และผลิตปัสสาวะตั้งแต่สัปดาห์นี้ มีการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารแล้ว และเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำคร่ำในอีกไม่ช้า ตับและลำไส้ ก็เริ่มทำงานด้วยตนเองแล้ว✨มีการพัฒนาของมือและเท้า&nbsp;เท้า🦶ที่มีลักษณะเป็นพังผืด จะเริ่มแยกตัวออกมาเป็นนิ้ว ทารกอาจงอข้อศอกและข้อมือได้แล้วด้วย✨มีการพัฒนาของศีรษะศีรษะของทารกจะมีการพัฒนามากขึ้น จะมีคอและกระดูกบนใบหน้าที่สมบูรณ์มากขึ้น จึงทำให้คุณแม่สามารถมองเห็นหน้า👶ของลูกน้อยชัดเจนขึ้นถ้าทำอัลตร้าซาวน์ในช่วงเวลานี้✨มีการพัฒนาของระบบกระดูกกระดูก🦴จะเริ่มมีความแข็งแรงมากขึ้น หน่อฟันของทารกจะเริ่มปรากฏ เริ่มมีเส้นขนชุดแรก (Lanugo) เป็นขนเส้นเล็ก ๆ ทั่วตัวลูกน้อย อวัยวะหลายส่วนพัฒนาเต็มที่แล้ว ทั้งหูชั้นในและหูชั้นนอก หน่อฟัน และดวงตา✨มีการพัฒนาของเล็บเล็บ💅เริ่มงอกขึ้นมาบนนิ้วมือ และนิ้วเท้าแล้ว และเส้นผมบาง ๆ รวมทั้งขนอ่อน ๆ ก็เริ่มขึ้นแล้วเช่นกัน แขนเริ่มงอและเตรียมพร้อมสำหรับข้อมือในอนาคต✨มีการพัฒนาของฮอร์โมนสำหรับทารกเพศชาย👦 ลูกอัณฑะจะเริ่มผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งถือเป็นฮอร์โมนเพศชายนั่นเองค่ะ<hr>สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ 10 สัปดาห์ควรทำ มีดังนี้<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/5070/c77bdb8b-f5a2-4cd1-992e-269fecef4b7f.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">👉ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คุณแม่ควรสวมใส่ชุดที่สบายๆ 👗ไม่อึดอัดท้อง โดยเฉพาะเวลานั่ง เดิน หรือขยับตัวก็จะได้รู้สึกสบายตัวนั่นเองค่ะ และควรเดินออกกำลังกายเบาๆ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้อย่างทั่วร่างกาย👉เลี่ยงการทานอาหารดิบคุณแม่ไม่ควรรับประทานอาหารดิบอย่างเช่น ซาชิมิ🍣 หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น เนื้อย่างมีเดียมแรร์ และควรเลี่ยงการทารอาหารรสจัดเกินไป เช่น เค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด👉ทานอาหารที่มีประโยชน์คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เน้นอาหารที่มีโฟเลต ผลไม้ที่มีวิตามินและไฟเบอร์ และดื่มนม🥛เพื่อเสริมแคลเซียมให้กับร่างกายและสร้างกระดูกและฟันให้ทารกในครรภ์ ลดการดื่มกาแฟลง เพราะปริมาณคาเฟอีนมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารก หันมาดื่มชาสมุนไพรแทน จะดีต่อสุขภาพมากกว่า👉ทานแคลเซียมเพิ่มแม่ตั้งครรภ์ 10 สัปดาห์ควรดื่มนมและรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมมากขึ้น เพราะแคลเซียมจะไปช่วยพัฒนาร่างกายของลูกน้อย รวมไปถึงกระดูกและฟัน🦷อีกด้วย&nbsp;👉เตรียมของว่างระหว่างวันคุณแม่อาจะพบเจอกับปัญหารู้สึกเวียนหัวระหว่างวัน การเตรียมของว่างไว้ใกล้มือ เช่น ขนมขบเคี้ยว คุ๊กกี้🍪 ก็สามารถบรรเทาอาการแพ้ท้องได้&nbsp;👉ไม่ยกของหนักช่วงนี้คุณแม่จะมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้มีอาการหน้ามืดได้บ่อย ๆ ดังนั้นคุณแม่ควรพยายามอย่าลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป และห้ามยกของหนักเด็ดขาด🙅&zwj;♀️ เพราะเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจนสามารถทำให้เกิดการแท้งได้&nbsp; &nbsp; &nbsp;ช่วงตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 10 ถือเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่สามารถอัลตร้าซาวน์ดูพัฒนาการของลูกได้ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของดีเอ็นเอในยีน🧬 และควรปรึกษาแพทย์ด้านพันธุศาสตร์มาช่วยดูจากประวัติดีเอ็นเอของครอบครัวและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อทารกในครรภ์

อาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ 10 สัปดาห์

ในยุคสมัยนี้ก็มีนมประเภทต่างๆมาให้เราเลือกดื่มกัน ซึ่งโดยส่วนมากคนที่ตั้งครรภ์ก็สามารถดื่มนมสดธรรมดา หรือ นมสดพาสเจอไรส์พร่องมันเนยได้ แต่หากคนไหนที่ไม่ชอบทานนมวัว หรือ แพ้นมวัวก็จะมีเครื่องดื่มชนิดอื่นที่สามารถมาทดแทนได้ ไม่ว่าจะเป็นนมถั่วเหลือง นมแอลมอนด์ และอื่นๆ ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงกันค่ะว่า นมแบบไหนจึงจะเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์<hr>การดื่มนมส่งผลดีต่อผู้ที่ตั้งครรภ์อย่างไร?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3011/d13e1db7-6bed-4378-8858-cd524624c5c8.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ในระหว่างการตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่รวมถึงเจ้าตัวเล็กในครรภ์จะต้องการแคลเซียมมาช่วยในการเสริมสร้างกระดูก ฟัน🦷 กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ เส้นใยประสาทต่างๆ และยังช่วยลดการเกิดตะคริว รวมถึงการได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอจะทำให้เด็กโตมาสูงกว่าหากคุณแม่ไม่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอระหว่างการตั้งครรภ์ อาการที่เกิดขึ้นได้ในระหว่างการตั้งครรภ์🤰ได้อีกด้วย ซึ่งคุณแม่ควรจะได้รับประมาณแคลเซียมประมาณ 1,000-1,300 มิลลิกรัมต่อวันค่ะ<hr>แนะนำนมบำรุงครรภ์สำหรับคุณแม่<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3011/c3c2bd9f-fcec-4499-b4c3-3ab5c019c67f.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">จริงๆแล้วก็มีนมหลากหลายชนิดมากที่คุณแม่สามารถรับประทานได้ในระหว่างการตั้งครรภ์แล้วแต่ความชอบเลย โดยเริ่มจากนมวัวนมวัว🐄นั้นมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์ในร่างกาย เพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโน วิตามินดี อี และเอ รวมถึงยังช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานในระหว่างการตั้งครรภ์และยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารก เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ทารก และช่วยทำให้เนื้อเยื่อแข็งแรง โดยคุณแม่สามารถทานนม 1 แก้วต่อวัน หากเป็นนมไขมันต่ำ🥛 ควรทานวันละ 2-3 แก้วต่อวันเพื่อให้ได้ปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอค่ะ&nbsp;นมแพะใครที่เคยทานนมแพะ🐐มาก่อนจะทราบว่านมแพะจะมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่ก็มีประโยชน์ไม่แพ้นมวัวเลยทีเดียวโดยใน 1 แก้วนั้นคุณแม่จะได้รับแคลเซียมสูงถึง 283 มิลลิกรัม และยังได้โปรตีน วิตามินเอ บี 2 ที่มากกว่านมวัว แถมยังมีไขมันเนยต่ำอีกด้วย ทั้งยังช่วยในการย่อยอาหารและเร่งกระบวนการเผาผลาญของร่างกายด้วยค่ะ&nbsp;นมถั่วเหลืองใครที่ชอบทานนมถั่วเหลือง🥜เป็นประจำอยู่แล้วก็สบายใจได้เลย เพราะนมถั่วเหลืองนั้นมีโปรตีนเกือบเทียบเท่ากับนมวัวเลยทีเดียวค่ะ รวมถึงยังมีแคลเซียม เส้นใยอาหารพอสำหรับความต้องการของร่างกายต่อวัน มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ โรคหลอดเลือก และโรคหัวใจ หากรับประทานนมถั่วเหลือง 1 แก้วคุณแม่จะได้ปริมาณแคลเซียมประมาณ 300 มิลลิกรัมค่ะ&nbsp;นมอัลมอนด์คุณแม่คนไหนที่แพ้กลูเตนและนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์🍶ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ได้ทานกันได้ โดยนมถั่วเหลืองมีเส้นใยอาหาร โปรตีน กรดโฟลิก วิตามินบี อี ธาตุเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ ให้พลังงานต่ำ และเป็นนมที่ปราศจากคอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัว ซึ่งใน 1 แก้วจะมีแคลเซียม 7.5 มิลลิกรัมนมข้าวโอ๊ตนมข้าวโอ๊ต🌾สามารถลดอาการท้องผูกได้ เพราะเป็นนมที่มีเส้นใยอาหารสูง และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และความอยากอาหาร รวมถึงยังมีวิตามินเอ บี โพแทสเซียม แมงกานิส และฟอสฟอรัส ซึ่งนมข้าวโอ๊ะจะมีโปรตีนสูงกว่านมอัลมอนต์ และมีแคลเซียม 120 มิลลิกรัมต่อการดื่ม 1 แก้ว<hr>นมที่ควรเลี่ยงหากกำลังตั้งครรภ์<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3011/adb5e960-4160-4450-9ab9-a778167a9f87.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ถึงแม้ว่าผู้ตั้งครรภ์จะสามารถเลือกทานนมได้หลายชนิด แต่นมดิบ หรือนมที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ🦠ก็ไม่ควรไปทาน เพราะอาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่จะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และทำให้คุณแม่มีอาการเจ็บป่วยได้ โดยหากดื่มนมแล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศรีษะ ไข้ขึ้น ก็ควรจะไปพบแพทย์โดยด่วนเลยค่ะ &nbsp;

คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มนมอะไรได้บ้างนะ?

이제 336일 된 아기에요
짝짜꿍은 두 손에 장난감 쥐어주면 그래도 하는 것 같더니 안하고
그나마 도리도리만 할 때도 있고 안할 때도 있고 그래요.
잼잼도 밥 먹을 때만 음식 만지작하다가 가끔 하고 따라서 하는 건 아니에요 ㅠ

이제 11개월인데 아직도 모방행동이 별로 없으니 슬슬 걱정이 되네요.
아무리 앞에서 쇼를 해도 ㅠㅠ 안 따라해요.

모방행동 안 하는 아기 ㅠㅠ 걱정돼요

엉금이는 340일 넘었는데도 잘안해요...ㅎ구래서 그냥 가다리면 하겠지해요...

저번주 영검때 여쭤봤더니 이제부터 슬슬 할 것이니 넘 걱정하지 말랍니다(이러고 사실 저도 걱정은 돼요ㅠ ㅋㅋ) 338일입니다

제가 적어놓은 육아일기 보니 331일때는 짝짜꿍 곤지곤지 못한다고 써놨는데 349일에는 "따라쟁이 우리아들" 이라고 썻네요..ㅋㅋㅋ 어느순간 갑자기 시작돼요 모방행동!! 조금만 더 기다려보세요!

저랑 완전 똑같은 고민ㅠㅠㅠㅠㅠ 333 아가인데 모방행동 전혀 없네요ㅜㅡㅠㅡㅠㅡㅜ
그래도 기다리는 수 밖에 없겠죠ㅠㅡㅠ

저두요 ㅜㅠ 짝짝쿵만큼은 잘했는데 갑자기 또 안하네요 

도겸이도 아직이에요! 모방은 잘 안하는데 다른건 하니깐 위안 삼고 있어요 😂😂😂

352일인데 하~나도 안해요ㅠㅠ..손잡고 하려하면 뿌리치고ㅠㅠ 앞에서 보여줘도 관심없어요ㅠㅠ 흑

아기 성격마다 할 수 있어도 안하기도 한다고 해요!

5일뒤 돌인아기ㅋㅋㅋㅋㅋ안해요 박수나 도리도리 40번시키면 겨우한번해줄까??해요 ㅋㅋㅋ잼잼곤지곤지는못해옄ㅋㅋ곤지잼잼은 안하는아기 엄청많더라구요 제주위ㅋㅋㅋㅋ 돌돌이가지고  엄마가하는행동 따라한던지 물티슈나 휴지 보이면 엄마가하던 닦는행동하면 모방행동 정상이라고하더라구요ㅋㅋㅋ그냥하기싫거나 재미없거나하면 안한다고ㅋㅋ

346일 아기인데 도리도리만 모방하고 다른거 안해요ㅠㅠ 

ท้อง4 เดือนกว่าแล้ว ท้องดูไม่ออกเลยค่ะใครเป็นเหมือนกันบ้างคะ ? 

อยากสอบถามแม่ๆหน่อยค่ะ

เค้ากว่าจะออกก็6เดือนเลยค่ะ หลังตากนั้นจะค่อยๆออกมาเรื่อยๆค่ะ 

ใจเย็นนะคะ บ้านนี้ท้องออก 6เดือน พอหลังจากกนั้นโตไวมากจนตกใจ555 

ถ้าท้องแรก ปกติ ครับ จะเห็นได้ชัดตอน 6 เดือน ครับ

 เป็นเพราะว่าคุณแม่ตัวเล็กหรือเปล่าคะ

ตอนเรา 5 เดือนก็ไม่ป่องค่ะ มาออกตอน 7 เดือนน้ำหนักขึ้นอย่างแรง

ท้องแรกก็แบบนี้แหล่ะค่ะ ช่วงไตรมาศสุดท้ายถึงจะโตเร็ว

ท้องแรกก็แบบนี้แหละ 6เดือนขึ้นไปท้องถึงออกให้เห็น
  ไม่ต้องเครียดกับขนาดท้องนะคะ น้ำหนักลูกในครรภ์ต้องดูที่ผลอัลตร้าซาวด์ ไม่ได้ดูที่ขนาดท้องของแม่ที่ออกมา  ดูอย่างชมพู่สิค่ะ เค้าท้องแฝด เค้ายังไม่เครียดเลย ว่าท้องเล็ก
เพราะเค้าได้อัลตร้าซาวด์และรู้ว่าลูกแข็งแรง น้ำหนักดี
   หากหมอไม่ว่าอะไรไม่ต้องกังวลและก็ไม่ต้องไปฟังคนที่ว่าท้องเล็กด้วย

ท้อง 3 เดือนเราไม่มีคนดูออกเลยค่ะว่าท้อง มาออกตอน 6 เดือนแล้วค่ะ
คุณแม่อย่าคิดมากนะคะ

6 เดือนแรกเป็นช่วงสร้างเซลล์ จะไปขยายขนาดก็ช่วงไตรมาสสุดท้ายค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องท้องไม่โต ระวังอย่าให้น้ำหนักขึ้นเยอะค่ะ เดือนละโลพอ เพราะเดือนท้ายๆ จะขึ้นเยอะมากจนคุมไม่ได้

ท้องแรกรึป่าว ของเรากว่าตอนจะออกก็6เดือนไปแล้วค่ะ แต่เมื่อก่อนเราผอมนะคะ

เดี๋ยวพอได้ซาวด์ ก็ขอให้สนใจน้ำหนักลูกจากการซาวด์มากๆนะคะ ถามหมอทุกครั้งที่ได้ซาวด์ว่า ตอนที่น้ำหนักลูกเท่าไรแล้ว อวัยวะครบมั๊ย มีปัญหาอะไรมั๊ย
ไม่ต้องกังวลขนาดท้องตัวเองนะคะ เพราะน้ำหนักแม่ไม่เกี่ยวกับน้ำหนักลูกค่ะ

출산 후 너무나 깜빡깜빡하는 게 많고 심지어 손에 쥐고 있는 물건을 찾기도 하지요.🤔 이는 마미 브레인 신드롬이라고도 하는 산후 건망증 때문인데요. 왜 이렇게 건망증이 심해지는지 원인과 극복 방법을 알아보아요.🙆&zwj;♀️<hr>산후 건망증 원인<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1207/9fb41aee-a0b5-45de-8266-3d3683c7bff7.gif" style="width: 100%; height: 100%;">뭐..얘기하려고 했지..?🔔 호르몬 변화에스트로젠은 분만 직전 수치가 최고치에서 출산 직후 최저치로 급격히 떨어져요. 에스트로젠의 분비가 적어지면 집중력이 저하되어 거의 모든 산모가 출산 후 심각한 건망증을 경험하게 되어요.🙄 보통 출산 한 달 내로 그 호르몬 수치가 정상으로 올라가지만 건망증은 쉽게 나아지지 않기도 해요.🔔 수면 부족뇌는 수면 중에 경험과 정보를 정리해요. 하지만 육아로 인해 수면이 부족하면 새로운 기억의 생성과 유지를 담당하는 뇌의 해마 기능이 저하되어 건망증뿐 아니라 집중력, 판단력, 감정 제어 등에 문제가 생길 수 있어요. 그리고 신생아를 입양한 양육자도 수면 부족과 육아 스트레스로 건망증이 나타날 수 있어요.🥱🔔 스트레스건망증은 심리적인 요소와 연관되어 출산과 육아에 대한 부담감, 불안감으로 건망증이 심해지면서 우울증이 찾아오기도 하고, 반대로 산후우울증 때문에 건망증이 심해지기도 해요.😔🔔 업무 과부하육아, 살림, 집안의 대소사, 심지어 직장 일까지 많은 업무를 하게 되면 하나에 집중할 수 없어 오히려 해야 할 일을 자꾸 잊어버리게 되어요.😨<hr>산후 건망증 극복하는 생활습관<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1207/ade28370-2403-4f4f-8391-937b7a5ba8f0.gif">가만보자..내가 오늘..🔔 메모와 알람 활용평소에 일정한 장소에 메모하거나 이미지로 기억해보세요. 또한 중요한 일이나 약속은 핸드폰 일람을 맞추어 두세요.⏰🔔 우선순위 정하기뇌의 과부하가 걸리지 않도록 일에 우선순위를 정해서 한 번에 한 가지 일만 집중해 일의 효율성을 높이세요.📝🔔 운동과 수면규칙적인 운동은 뇌의 혈액순환을 돕고 뇌로 가는 산소와 영양 공급을 늘려 뇌세포를 보호하고 스트레스를 줄여 기억력 향상에 좋아요.🏊&zwj;♀️ 충분한 수면과 숙면을 위해 가족이나 육아도우미의 도움을 받아 수면시간을 확보하세요.🔔 쓰기와 명상 생활화일기 쓰기 나 명상으로 생각을 집중하는 훈련을 해보세요. 인지기능을 발달시키고 기억력 높이는 데 도움이 되어요.🧘&zwj;♀️

산후 건망증, 어떻게 해야 하나요?

ช่วงนี้คุณแม่ตั้งครรภ์บางท่านอาจกำลังรู้สึกหายใจไม่สะดวก😮&zwj;💨 หายใจได้ไม่เต็มปอด หรืออาจรู้สึกลำบากเวลานอน ซึ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาการที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในผู้ที่ตั้งครรภ์ โดยอาการจะเป็นมากหรือเป็นน้อยก็ขึ้นอยู่กับสรีระของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์นะคะ👶🤰 ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุ และ วิธีการรับมือกับอาการหายใจไม่สะดวกกันค่ะ&nbsp;<hr><h2 class="vb_h2">ทำไมถึงรู้สึกหายใจไม่สะดวก</h2><img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/2017/461b5449-8873-491c-88df-33c42f92e714.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สาเหตุที่คนท้องหายใจได้ไม่สะดวกการเติบโตของทารกในครรภ์👶 การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และการเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินหายใจ ทำให้คุณแม่หายใจได้ลำบากขึ้น หรืออาจเกิดจากปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับการหายใจของคุณแม่ที่มีมาก่อนแล้วและถูกกระตุ้นเมื่อตั้งครรภ์🤰 โดยอาการหายใจไม่สะดวก😮&zwj;💨 นี้มักพบในไตรมาสที่ 3 เพราะทารกในครรภ์มีขนาดใหญ่ขึ้นส่งผลให้มดลูกขยายตัวไปดันอวัยวะรอบๆ รวมถึงปอดนั่นเองค่ะ✨อาการที่พบได้บ่อยอาการที่พบได้บ่อยได้แก่การหายใจถี่ และรู้สึกเมื่อยล้าง่าย ร่างกายอ่อนแอ มีอาการหายใจผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วขึ้น และมีสีเล็บและผิวหนังที่ผิดปกติ🤰 โดยการหายใจไม่สะดวกนี้เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงอาการจะเป็นมากหรือน้อยแล้วแต่ สรีระของคุณแม่และทารกในครรภ์ค่ะ&nbsp;<div id="attachment_250901"><hr>อาการหายใจไม่สะดวกเป็นอันตรายไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/2017/086ce140-3f14-43a8-bc28-ae1849b6bebd.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;"></div>การหายใจไม่สะดวกมีผลต่อลูกในครรภ์ไหม?โดยปกติแล้วอาการหายใจติดขัด😮&zwj;💨 จะไม่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ เพียงแต่อาจจะทำให้คุณแม่ไม่สบายตัว และอาจรู้สึกลำบากในการนอนหลับ รู้สึกเหนื่อยและเมื่อยล้า&nbsp;หากมีอาการแบบนี้ให้รีบพบแพทย์แต่ถ้าหากคุณแม่พบว่าตัวเองมีปัญหาการควบคุมลมหายใจอย่างมาก หรือ เกิดการขาดออกซิเจนนานๆ ในกรณีนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อคุณแม่🤰และลูกในครรภ์👶 ในได้นะคะ ดังนั้นหากมีอาการรุนแรง หายใจไม่ได้นานๆ อ่อนเพลีย เจ็บหน้าออก หรือมีอาการปวดศีรษะ ให้คุณแม่รีบพบแพทย์โดยด่วนค่ะ<hr>วิธีรับมือกับอาการหายใจติดขัดขณะตั้งครรภ์<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/2017/5ccf00a7-1b1f-4eb3-ae84-6007f4222357.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะต้องใช้พลังเยอะ อย่างการซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าว เพราะหากทำมากไปจะทำให้คุณแม่รู้สึกหายใจลำบากและเหนื่อยง่าย✨พยายามนั่งให้ตัวตรงและผ่อนไหล หลังจากนั้นให้หายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ ก็จะทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น✨หากอยู่ในท่านอนให้ใช้หมอนหนุนร่างกายส่วนบน ก็จะทำให้หายใจได้ง่ายขึ้นค่ะ&nbsp;✨หากรู้สึกว่าท่าที่กำลังนั่งหรือนอนอยู่นี้หายใจไม่ค่อยออกก็ลองหาท่าที่ตัวเองรู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุดค่ะ&nbsp;✨การฝึกหายใจโดยการหายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยหอบได้ดีขึ้นค่ะ&nbsp;✨อาจลองออกกำลังกายโดยการยกแขนไปข้างหน้าแล้วชูขึ้นศีรษะ แล้วเหวี่ยงแขนไปข้างหลังเบาๆ พร้อมกับหายใจเข้าและออกตามลำดับ เพื่อช่วยขยายปอด

อาการหายใจไม่สะดวกในหญิงตั้งครรภ์

妊娠中、気分転換のために香水<span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🫧"}' id="isPasted">🫧をつけてみようかなと思うママもいるでしょう。香りは緊張を和らげ心を落ちつかせてくれます。ただ、妊娠中は母体や赤ちゃんへの影響を考えて、香水を使用する際には気をつけたいポイントがいくつかあります。今回は、そんな妊娠中に注意したい香水の使用方法について見ていきたいと思います💁🏻&zwj;♀️<hr>妊娠前と同じように 妊婦も香水を使えるの？<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/5762/806e34ab-6c4d-4488-9a0a-44b446dec982.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;"><span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🫧"}' id="isPasted">🫧そもそも妊婦も香水をつけていいの？妊娠中、できることなら香水はつけない方が良い<span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🙅🏻‍♀️"}' id="isPasted">🙅🏻&zwj;♀️とされていますが、香りの種類や香料の種類によっては香水をつけることは可能です。香水をつけることで、気分転換になりリラックスできるのであれば、微量であれば問題ないと言われています。ただし、香りの強い香水はつわりを悪化させる原因となるため注意<span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"⚠️"}' id="isPasted">⚠️が必要です。また、妊婦さんの体はとてもデリケートなので、香水をつけたところが被れた場合は使用を控えましょう。また、香りの感じ方は人それぞれです。自分は心地良い香りでも相手は不快に感じることもあるため、妊婦健診で病院<span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🏥"}' id="isPasted">🏥に行くときは香水をつけることは避けましょう。 <span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🫧"}' id="isPasted">🫧香水にはリラックス効果がある？ストレスが溜まりやすい妊婦生活。たまにはおしゃれして香水をつけて、気分転換したくなる妊婦さんもいることでしょう。肌に直につけると量が多くなってしまうため、微量を洋服👗や小物につけるなどして工夫して使用してください。また、妊娠してから臭いに敏感で体臭がきつくなったと感じる妊婦さんもいますが、体臭対策のためと大量の香水をつけることは控えましょう。そして、香水を使用するのであれば、自然の成分から作られたオーガニック製品🍃を選ぶとさらに良いです。リラックスと思い、入浴時にアロマオイルを使用する方もいますが、子宮伸縮を引き起こすものもあるため、必ず成分の特徴を確認してから使用してくださいね。<hr>妊婦さん注目！ 香水を賢く使用しよう<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/5762/ec483142-b954-4601-8eec-ff8e054ced22.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;"><span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🫧"}' id="isPasted">🫧赤ちゃんへの影響を考える香水が赤ちゃんに与える影響には、どういったものがあるでしょうか👀<ul><li dir="ltr">子どもが将来、がんや不妊症を引き起こすリスクが上がる</li><li dir="ltr">一部香水に含まれる成分は胎盤を通して胎児へ送られる</li><li dir="ltr">化粧品などに含まれる化学物質は障害を与える可能性がある</li><li dir="ltr">香水はほとんどが合成香料であり、赤ちゃんへ悪影響を与える可能性がある</li></ul> <span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🫧"}' id="isPasted">🫧妊娠中おすすめの香りと避けたい香り香水に含まれる合成香料によって、お腹の赤ちゃんに大きな影響を及ぼすのではないかと不安を感じる妊婦さんもいることでしょう。すべての香水がダメというわけではありませんが、使用を避ける🚨べき香水もあります。具体的な成分や種類についてはあまりにも多すぎるため、参考までに代表的な香りを簡単にまとめました<span data-sheets-root="1" data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":12040119}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"💁🏻‍♀️"}' id="isPasted">💁🏻&zwj;♀️<div align="left" dir="ltr"><table style="margin-right: calc(0%); width: 100%;"><tbody><tr><td style="background-color: rgb(255, 192, 203); width: 29.1858%; vertical-align: middle; text-align: center;">おすすめの香り</td><td style="width: 70.8142%; vertical-align: middle;">オレンジ、ティーツリー、ローズウッド、ベルガモット、サンダルウッドなど</td></tr><tr><td style="background-color: rgb(255, 192, 203); width: 29.1858%; vertical-align: middle; text-align: center;">避けたい香り</td><td style="width: 70.8142%; vertical-align: middle;">レモングラス、シナモン、ミント、ローズマリー、ジャスミンなど</td></tr></tbody></table></div> ここまで、妊婦さんの香水の使用について話してきました。香水は天然成分のものを微量で使用するのであれば、妊婦さんでも安心して使うことができます。我慢することが増え、ストレスの溜まりやすい妊婦生活中、少しでも妊婦さんがリラックスして穏やかに過ごせるかが赤ちゃんの健康に繋がります。体調を考慮しつつ、香りで楽しみを見つけてみるのも良いかもしれません✨

妊婦さんは香水をつけても大丈夫？

妊娠中に適度な運動や散歩をするのは良いことですが、中には注意が必要な場合もあります。そのうちの一つが階段です。階段は日常に溢れており、普段は平気な階段でも妊婦さんには危険をもたらす場所となってしまいます。そんな妊婦さんが特に注意したい、階段がなぜ危険を及ぼすのか、階段を使用する際の注意点や、転倒時の対処法を紹介していきたいと思います<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"☝🏻"}' id="isPasted">☝🏻<hr>妊娠中の階段 妊婦には危険な理由<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/4318/5eaedded-2cd8-449e-a563-589e42512298.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">妊娠初期はつわりで体力が低下しやすい時期です。また、妊娠中期は貧血<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🩸"}' id="isPasted">🩸で立ちくらみを起こしやすく、妊娠後期からは大きくなったお腹で足元が見えにくくなるため、歩く際にはさらに注意が必要になります。そういった妊娠中のさまざまな症状や変化により、妊娠前まではなにげなく通っていた道や、階段が危険なスポットとなってしまうのです。もし誤って妊娠中に階段から落ちたり、転んでしまったうと、母体だけでなく赤ちゃん<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"👶🏻"}' id="isPasted">👶🏻にも影響を与えてしまう可能性もあります。万が一、そういった状況に陥った場合は、お腹の張りと出血を必ず確認し、すぐにかかりつけの病院へ連絡するようにしましょう。<hr>妊婦が階段を使用する時 押さえておきたい注意点<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/4318/1b9a2c0b-6f99-4c24-aac6-da2b376835ea.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">階段を昇り降りする時には、必ず手すりをもち、ステップ🪜の中央をしっかり踏むようにしながら、次のステップへと進むようにしましょう。手すりがない階段は、できるだけ避けることをおすすめしますが、どうしても利用が避けられない場合は、壁に手を添えるようにして、昇り降りをするようにしてください。途中でお腹が張ってきたり、息がつまりしんどくなってきた場合は、無理せず休憩しながら昇り降りするようにしてください。また、妊娠が進むにつれ大きくなったお腹<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🤰🏻"}' id="isPasted">🤰🏻により、足元が見えにくくなってくるので、今まで以上に注意が必要となります。妊娠後期からは運動不足になりがちなため、階段昇降運動が勧められたりもします。臨月には陣痛を促したり、子宮口が開きやすくする効果があるため、出産が遅れている妊婦さんにはぴったりの運動となりますが、転倒などの危険も伴うため、なるべく平地での散歩やウォーキング<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🚶🏻‍♀️"}' id="isPasted">🚶🏻&zwj;♀️の方が良いでしょう。<hr>どうしよう... 妊婦が階段から落ちた時は？<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/4318/67a9486d-1c7f-4d08-9e2c-e3a0737f748b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">妊娠中は十分に注意を払っていても、階段から落ちてしまうことがあります。万が一階段から落ちてしまった場合は、焦らずに出血をしていないか、お腹が張っていないか、羊水が漏れていないかを確認しましょう。これらの症状の内、一つでも当てはまる時にはすぐに病院<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"🏥"}' id="isPasted">🏥に連絡してください。妊娠中に階段から落ちると胎盤が剥離する可能性があり、切迫早産、切迫流産につながる恐れもあります。基本的に階段から落ちた時の衝撃は羊水にて吸収されるため、赤ちゃんに大きな影響はありませんが、妊娠中はどの妊娠周期でも階段からは落ちないように十分注意し、階段を利用しましょう<span data-sheets-userformat='{"2":637,"3":{"1":0},"5":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"6":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"7":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"8":{"1":[{"1":2,"2":0,"5":{"1":2,"2":0}},{"1":0,"2":0,"3":3},{"1":1,"2":0,"4":1}]},"9":1,"12":0}' data-sheets-value='{"1":2,"2":"😌"}' id="isPasted">😌

何気なく使っている階段は妊婦には危険なの？

훈육은 여러 가지 바람직한 습관🙆을 형성시키거나 바람직하지 못한🙅 행위를 교정하는 것이에요. 훈육을 단순히 체벌로 생각하고 쉽게 화를 내기도 해요. 하지만 아기는 모든 것을 보고 들은 대로 흡수하기에 양육자가 먼저 올바른 행동을 보여주어야👀 해요. 아기의 인지 발달에 따라 훈육방법에 차이가 있어요. 다양하고 좋은 방법들이 있겠지만, 대표적인 것들을 살펴보아요.<hr>아기의 월령에 따라 구분한 훈육방법, 함께 알아봐요!<img src="https://media.giphy.com/media/xT5LMprY6NcAUzvV3G/giphy.gif">두 배로 혼나겠군...✨0~6개월아기는 이시기에 자신의 불편함을 울음😭으로 표현해요. 아기는 청각이 먼저 발달하고 시각이 점점 발달하기 때문에 목소리의 톤과 표정으로 아기의 기분을 대변해 주세요. 아기가 울면 바로바로 반응하는 것보다 아기 성향에 따라 30초나 1분 등 아기가 감정조절 할 수 있는 시간⏰을 주세요.&nbsp;아기에게 다가갔을 때 바로 안아 들지 말고 가벼운 다독거림으로 시작해서 아기의 불편함을 대변하여 말해주세요. 양육자의 목소리💬와 표정에 따라 자신의 감정을 인지해요. 아기 울음의 발 빠른 대처가 예민한 아기의 성향이 있는데 한몫을 할 수 있어요. 울고 떼쓰면 바로 해결해 준다고 인식하기 때문이에요.✨7~16개월아기👶가 기어 다니다 걷는 시기이에요. 간단한 말을 알아듣고 손과 입으로 탐색을 많이 해요. 하지만 무엇이 잘못된 행동인지 모르기에 먼저 관심을 다른 쪽으로 유도해서 잘못한 행동을 알려주세요. 예를 들어 위험한 것📌을 던지면, 위험하지 않은 것을 대처해서 가지고 놀 수 있게 해주세요. 그리고 잘못된 행동을 설명해주세요.아기가 말을 듣지 않고 울며😢 고집을 부리면 집안에 아기 안전문을 두고 거리를 한동안 유지해 주세요. 아기가 감정을 추스르는 시간도 가지고 다른 것에 관심을 끌게 되는 여유가 생겨요. 그런 후 차분하게 서로가 어떤 기분이었는지 말해 보고 하면 안 되는 행동에 대해 설명하고 반복되면 단호하게 안 된다고 말해주세요.✨17~36개월아기는 목소리와 분위기를 느끼고 잘못한 행동이었는지 아니었는지 알게 되어요. 점차 행동의 이유와 그에 따른 결과를 이해해요👼. 자신의 의사를 충분히 표현하고 주도 하고자 하는 성향이 있어요. 그러므로 아기의 의사 결정이 반영되도록 여러 가지 대안을 주어 스스로 실천할 수 있게 해주세요. 아이가 공공장소나 낯선 장소에 갔을 시 불안한 마음으로 말을 잘 듣지 않아요.&nbsp;아기의 관심을 끌 수 있는 것들을 준비해주세요. 아기가 사고를 칠 때 화😡를 먼저 내면 아기는 양육자가 자신을 싫어한다고 생각해요. 감정적으로 아기를 몰아세우지 않도록 주의해주세요. 양육자께서 먼저 모범이 된 행동을 보여 주셔야 아기가 바람직한 행동을 하게 되어요.

훈육방법, 아기의 월령에 따라 다르다?

최근에 토끼똥같이 싸기시작하더니ㅠㅠ
어제부터는 응가쌀때 힘들고 아픈지 찡찡거리면서 울더라구요ㅠㅠㅠㅠ3번싸긴 햇는데 작은똥에 너무 힘들어해서ㅠㅠㅠㅠㅠ어떻게 하면 조금 나아질까요🥺🥺🥺

아기 응가ㅠㅠㅠㅠ

저희 아기도 그래서 물을 챙겨주는걸 더 신경썼어요! 그랬더니 좀 나아지더라구용~!

저는 결국 피를 봤어요 오늘 ㅠㅠ 병원 가서 변을 말랑하게 해주는 약을 받았구요ㅠㅠ 야채는 충분히 주고 있고 물을 조금씩 수시로 많이 주는게 좋다고 하는데 아직 아가가 물을 잘 못마셔서ㅠㅠ...

이유식 하시면 이유식 반찬에 양배추 꼭꼭 주세요!
저희 아가도 변비 올것처럼 찰흙똥 싸길래 끼니에 1번씩 양배추 주고 있고, 그 이후로는 좀 괜찮아진 거 같아요><

응가 너무 힘들어해서 
양배추 고구마 이유식에 섞어주고 
간식으로는 바나나 으깬거 주고
물 자주 주니까 변비 해결 되더라구요


응가하려고 힘주고 바로 확인해서 토끼똥처럼 조금만 쌌음 전 바로 똥꼬 마사지 해줘요
다리 올리고 물티슈 손가락에 말아서 항문주위와 항문 지그시 눌러가면 동그랗게 굴리듯 눌러주면 바로 이어서 가래떡 나올 때도 있어요!!!

오 저도 같은고민이라 들어왔는데 좋은 정보가 많네요^^ 애기가 며칠동안 자꾸 짜증내고 심하게 울길래 병원갔다왔는데 다른이상은 없다해서 변비때문인가해서 변묽게하는 약받아왔어요 저도 약먹일까말까 고민했는데 일단 너무 힘들어하면 먹여보는것도 좋을것같아요
삐뽀삐뽀정유미에서 통곡물과 야채비율을 (2배로?) 높이고 물 많이주라고 하더라구요 근데 물도 먹는것보다 흘리는게 더 많아서..^^; 이유식을 너무 되직하게줬나해서 묽게줬더니 싫어하고..ㅎ 고민이 많습니다~ 양배추랑 고구마도 먹여봐야겠어요~ 이유식초기에는 장이 적응하느라 설사나 변비 올 수도 있다그러더라구요 근데 넘 힘들어보여서 안쓰러워요ㅜ

유산균 주고 사과랑 단호박 주니 효과있었어요!! 고기양도 살짝 줄여주니 더 편해하는거 겉더라구요>_<

내일 50일되는 아기인데요
조리원에서 나오고나서 태열도 있고 얼굴은 신생아때 안 발라줘도 된다고해서 로션 안발라줬었는데요..
이제 슬슬 발라줘야할 것 같은데
다들 목욕하고나서 얼굴이랑 몸에 아기 로션 발라주시나요?
수딩젤이나 크림같은것도 사용하는지..
어떤 제품 쓰는지도 공유해주세요~
저는 아토팜 있는데 그냥 로션만 얼굴이랑 몸에 발라주면 되는건지...ㅠㅜ

아기 얼굴에 로션 발라주시나요?

저는 31일째 되는 날부터 얼굴엔 크림 발라주고 몸에는 로션 바르고 있어요!
빨갛게 태열 올라오는 곳은 수유시마다 젖은 거즈손수건으로 닦아주고 수딩젤 바르고 마르면 크림 /로션 한번 더 얹어주고요!!
제품은 몽디에스꺼 쓰고 있습니다

저도 안발라주다가 태열때문에 수딩젤바르다보니 얼굴이 건조해져서 크림발라주고잇어요!전 닥터바이오 티타이드 크림발라요!몸이랑 전부요!

조리원나오자마자는 아토팜크림으로 몸만발라주다가 쁘리마쥬선물받게되어서 몸은 고보습크림 얼굴은 세럼발라주고 있어요~

조리원서도 얼굴 각질이 다 벗겨지는 애라 오일마사지 해주시더라고요ㅠㅠ 지금은 태열과 여드름 있어서 아토오겔 수딩젤만 하루 2번 이상 발라줍니다. 아기가 특별히 피부 트러블 없으면 전 안발라줄것같아요~ 

쁘리마쥬 발라주고 있어용! 
저녁 목욕 후에 얼굴에 세럼 , 크림
몸에 로션이요,  아침에 세수하고 세럼바르고 있어요!

제가 쓴 글인줄 알았어요 ㅋㅋㅋ 저도 50일까지 안바르다 애기 볼이 갑자기 너무 거칠해져서 바르고있어요! 아토팜 mle 크림 몸에 바르던거 바르다가 몽디에스 로션 시켜서 오늘 첨 발라줬어요 

50일아기 무스텔라 크림 조금만 발라주고있어요

คุณแม่หลายๆท่านที่กำลังกลุ้มใจว่าทำไมช่วงนี้ถึงชอบเรอบ่อย ตดบ่อย รู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งเมื่อผายลมบ่อยๆ สามีก็จะแซวบ้าง ลุกหนีบ้าง จริงแล้วๆอาการเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ตั้งครรภ์หรือเปล่าและจะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>อะไรที่ทำให้คนท้องผายลมอยู่บ่อยๆ?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2914/4eaabf44-041b-4cc6-bf0a-a7212928c191.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เรามาทำความรู้จักกับร่างกายของคนท้องกันเถอะก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจว่าในร่างกายของผู้ที่ตั้งครรภ์เนี่ยมีระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูง จึงทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว และทำให้ไม่สามารถกลั้นการผายลม💨ได้ ซึ่งมดลูกของคุณแม่ที่ขยายใหญ่ขึ้นก็ไปเบียดกระเพาะอาหาร ทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดี จึงเป็นสาเหตุของการมีลมเยอะนั่นเองค่ะอาจเกิดจากอาหารต่างๆที่ทานเข้าไปอาหารบางอย่างมีความย่อยยาก หรือ เป็นตัวที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น ขนมปัง🍞 ข้าวโอ๊ต มันฝรั่ง ข้าวโพด นม ชีส หมากฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี &nbsp;ถั่วลิสง ถั่วดำ น้ำอัดลม น้ำหวานต่างๆ หรืออาจมีจากการกลืนอากาศเข้าไป เช่น จากการเคี้ยวหมากฝรั่ง ดื่มน้ำอัดลม ดื่มจากหลอด สูบบุหรี่ หรือกลืนน้ำลายบ่อยๆ<hr>วิธีการลดการเรอและการผายลม<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2914/1fbd17e8-2c2c-45f9-bea2-fe07f6ce8b2f.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">การเรอหรือการผายลมบ่อยๆ เป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับสาวๆ ยิ่งตั้งครรภ์แล้วยิ่งท้องอืด ลมเยอะ ยิ่งเรอบ่อย ซึ่งวันนี้เรามีวิธีลดอาการผายลมมาฝากกันแล้วค่ะพยายามเลือกทานอาหารที่สร้างแก๊สน้อยพยายามเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สเยอะๆ เช่น ถั่ว🥜 ข้าวโพด หัวหอม หน่อไม้ฝรั่ง หรือ นม ไอศกรีม น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ซึ่งจริงๆแล้วแต่ละคนก็ได้รับผลจากอากาศแต่ละชนิดต่างกัน และสำหรับบางคนทานเข้าไปอาจไม่เกิดแก๊สก็ได้ ดังนั้นให้พยายามสังเกตตนเองว่าเราสามารถทานอะไรและไม่สามารถทานอะไรบ้าง อาหารอันไหนที่ทำให้เราเรอ หรือผายลมเยอะก็ให้หลีกเลี่ยงไปค่ะ&nbsp;ไล่ลมโดยการยกขาในระหว่างที่ตั้งครรภ์หากรู้สึกว่ามีปริมาณแก๊ส💨 ในท้องเยอะ ให้ลองหาที่ยกขาขึ้น เพราะการยกขาจะทำให้ลดแรงกดของลูกน้อยในครรภ์ลง จึงทำให้สามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ โดยขณะที่ยกขาขึ้นควรจะใส่เสื้อผ้าสบายๆ เพื่อไม่ให้ไปขัดขวางการย่อยอาหารนะคะ&nbsp;ลดปริมาณอาหารแต่เพิ่มจำนวนมื้ออาหารพยายามลดปริมาณอาหารที่ทานในแต่ละมื้อลง🍲 และเพิ่มความถี่ในการทานมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหารค่ะ<hr>อาการแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2914/efe44622-5c07-4efe-9ecc-350965333c46.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ทำไมจึงตดเหม็น? ปกติคนเราตดวันละกี่ครั้ง?โดยปกติแล้วคนเราจะตดหรือผายลมประมาณ 6-10 ครั้ง/วัน โดยการเรอหรือการผายลมมักจะเกิดขึ้นหลังการรับประทานอาหาร ซึ่งอาหารบางอย่างก็สามารถส่งผลให้เวลาผายลมมีกลิ่นเหม็นได้ เช่น อาหารที่มีแบคทีเรีย🦠ที่สร้างไฮโดรเจนซัลไฟด์ แก๊สมีเทน หรืออาหารที่มีสารซัลเฟอร์&nbsp;อาการอย่างไรที่ควรไปหาหมอ?✨มีอาการท้องเสียบ่อยๆ✨มีอาการท้องผูกซ้ำๆ✨มีอาการปวดท้องเป็นเวลานาน✨มีอาการท้องอืดเป็นเวลานาน✨กลั้นอุจจาระไม่ได้&nbsp;✨อุจจาระมีเลือด✨น้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ✨มีอาการไข้สูง อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น ปวดข้อ&nbsp;

ตั้งครรภ์แล้วทำไมถึงลมเยอะ เรอบ่อย ผายลมบ่อย?

เริ่มเข้า 2-3 เดือน แม่ๆ ทานอาหารแบบไหนกันบ้างคะ แชร์แม่มือใหม่ทีค่ะ 😄

ไตรมาสแรกแม่ๆทานอะไรกันบ้างคะ

อยากทานอะไรทานเลยค่ะคุณแม่ เน้นอาหารที่มีโฟเลตสูงค่ะ ทานนมเยอะๆยิ่งดีค่ะคุณแม่ เน้นเนื้อ นม ไข่ ค่ะ 

เน้นอาหารปรุงสุกใหม่ เนื้อสัตว์และผัก สำคัญมากๆคุณหมอเราย้ำตลอดค่ะ ทานยาตามที่คุณหมอสั่ง นอนหลับให้ไม่นอนกว่า 7-8 ชม. และดื่มน้ำเปล่าเยอะๆค่ะ

เรามีสิทธิ์ประกันสังคม  ถ้าเราจะไปใช้ในการตรวจครรภ์ การซาวด์ หรือฝากครรภ์ สามารถใช้สิทธิ์ได้ไหมคะ หรือค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่คะ

สอบถามเรื่องการใช้สิทธิ์ประกันสังคม

การใช้สิทธิ์ปกส.เราต้องสำรองจ่ายก่อนแล้วไปเบิกตอนคลอดค่ะ ค่าฝากได้ 1,500 
ค่าคลอด 15,000 
เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร : เบิกได้ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย (สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน)
เบิกเงินสงเคราะห์เพื่อเลี้ยงดูบุตร : เบิกได้ 800 บาท ต่อเดือน (ตั้งแต่เกิดจนถึง 6 ปี)

รุ้สึกว่า ท้องไม่โตขึ้นเลยค่ะ 10 สัปดาห์ หรือแม่กังวลมากไป ต้องรอกี่สัปดาห์ ท้องถึงจะโต 

ท้อง10 สัปดาห์

10เท่าถั่วเขียวเองค่ะคุณแม่ใจเย็นๆน้าา 5เดือนท้องออกชัดค่ะ

1-3 เดือนแรกปกติมาก ของเราเพิ่งเริ่มป่องๆตอน 4 จะ 5 เดือนค่ะ แล้วดูเหมือนว่าจะป่องขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัดเลยค่ะ

 ใจเย็นๆนะคะคุณแม่  เพิ่งตั้งครรภ์ไตรมาสแรกเอง

 ขึ้นอยู่กับสรีระของคุณแม่ด้วยนะคะ  ถ้าคุณแม่เป็นคนตัวเล็กก็จะเริ่มเห็นว่าท้องป่องตอนอายุครรภ์เยอะหน่อยค่ะ

 ของเราก็เป็นคนตัวเล็ก กลัวท้องจะป่องก็เล่นปาไปซะเดือนที่หกค่ะ 😊😊

 ยังอยู่ในช่วงไตรมาสแรกเองค่ะ  บางทีน้องอาจจะตัวเล็กอยู่ด้วย

งุ้ยยย คนแม่รีบจุงงง อยากรีบใส่ชุดคุมท้องสวยๆใช่ไหมคะ🥰🥰🥰🥰

เรา11วีคยังเอว25อยู่เลยค่ะไม่ขยับเเถมนนลดลงเเพ้ท้องผอมลงไปอีก หุ่นดีกว่าก่อนท้อง😂

วันนี้ไปฝากครรภ์มาค่ะ อายุครรภ์นับได่  11 สัปดาห์ แต่หมอซาวด์ดูอายุครรภ์กำลังประมาณ 1 เดือน เจอถุงตั้งครรภ์แต่ไม่เจตัวอ่อนค่ะ 

ฝากครรภ์ไม่เจอตัวเด็ก มีแม่ๆคนไหนเป็นแบบนี้บ้างคะ

ปกติ9วีคก็เจอน้องแล้วนะคะ ถ้า11วีคจริงต้องเจอแล้วค่ะ นับตามใบซาวก็อีกประมาณ4-5วีคค่อยจะเจอน้องค่ะ

เราเจอตั้งเเต่5วีค 6วีคได้ยินเสียงหัวใจค่ะ11 วีคตัวใหญ่เห็นเเขนขาน้องดุกดิ้กเเล้วค่ะความยาวตัวมากกว่า4cmเเล้วค่ะ 

งั้นถ้าแบบนี้เป็นท้องลมรึป่าวคะ

10 วีคของบ้านนี้ ยกแขนโชว์แม่แล้วคะ

ตอนนั้นของแม่นับได้ 8 สัปดาห์ก็ยังไม่เจอเหมือนกันค่ะ  จนหมอนัดใหม่อีกรอบก็ยังไม่เห็นชัดแต่มีถุงตั้งครรภ์ คุณหมอเลยขออัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอดเลยเจอน้องจิ๋วค่ะ 

อายุครรภ์4เดือนเจ็บหน่วงๆบริเวณหัวเหน่าปกติไหมคะ

เจ็บหน่วงบริเวณหัวเหน่า

มดลูกกำลังขยายค่ะ

ขออนุญาตสอบถามแม่ๆค่ะ คือเราฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐตามสิทธิ์ประกันสังคม ถ้าเราอยากผ่าคลอดเราต้องบอกคุณหมอยังไงคะ แต่เคยแบบพูดๆไว้ว่าอยากผ่าคลอด คุณหมอก็บอกว่าให้คลอดเองก่อน ถ้ามีข้อบ่งชี้ถึงจะผ่าให้ แล้วเราสามารถฝากพิเศษกับโรงพยาบาลรัฐแล้วเลือกผ่าคลอดได้มั้ยคะ

หรือถ้าจะย้ายไปคลีนิคอื่นตอนนี้เค้าจะยังรับรึเปล่าค่ะ แล้วเราต้องบอกหมอยังไง


อยากผ่าคลอดต้องบอกหมอยังไง

ถ้าฝากพิเศษกับหมอ น่าจะขอผ่าได้ค่ะ แต่ถ้าคลอดธรรมชาติ ก็ดีกับการฟื้นตัวและลูกมากกว่า

โรงบาลรัฐ เค้าจะให้เราคลอดเองก่อน(ประหยัดค่าใช่จ่ายรัฐ) แต่ถ้าหมอประเมินแล้วว่าเราคลอดเองไม่ได้ ถึงจะผ่า ของแฟนเราคลอดศิริราช ใช้สิทธิ์บัตรทอง หมอพยาบาลดูแลดีมาก ห้องก็ดี ไม่แออัด แฟนเราผ่าเสียเงินไป3พันเอง คุ้มมากคับ พอคลอดแล้วเราถึงไปเอกชน เวลาพาลูกไปหาหมอ เพราะถ้าใช่สิทธิ์บัตรทอง รอนานมากกกกก สงสารเด็ก

ส่วนใหญ่ถ้าสิทธิโรงบาลรัฐหมอจะประเมินให้คลอดเองก่อนค่ะ นอกจากคุณแม่และน้องมีข้อจำกัดทางสรีระ หรือดูแล้วเด็กไม่กลับตัว รกแม่ต่ำ เชิงกรานแคบ หมอจะซาวน์อีกทีตอนประมาณ 32-35 สัปดาห์ เพื่อวางแผนการคลอดค่ะ :)

ทำไมถึงอยากผ่าคลอดอ่ะคะ คลอดธรรมชาติ​ดีกว่านะคะ ฟื้นตัวเร็ว แผลหายเร็ว คลอดเสร็จ​เดินได้เลย ลูกได้นมเร็วกว่า และได้ normal flora จากช่องคลอดคุณแม่ ลูกแข็งแรง​กว่า ด้วยค่ะ ปกติ หมอจะแนะนำให้คลอดเอง ยกเว้นมี indication ต้องผ่าค่ะ อันนี้คือตาม แนวปฏิบัติ​ทางการแพทย์​เลย

ช่วงไม่ท้องคือเป็นคนง่ายๆ ใครยังไงก็ได้ คือแบบไม่ยุ่งกับใครเลย พอท้องวีน เหวี่ยงใส่ทุกคนหนักมาก ยิ่งเจอคำพูดแบบบางทีเข้าใจว่าเค้าไม่ได้อะไรกับเราแต่มันหงุดหงิด คือแก้ไม่หายเลย พยายามหลีกเลี่ยงอยู่คนเดียว ทำสิ่งที่ตัวเองสนใจก็แล้ว มันก็แบบหงุดหงิด เหวี่ยงแฟน จนแฟนบอกว่าคนอื่นเค้าปกตินะมีแต่เธอช่วงนี้ไม่ปกติ 

อารมณ์คนท้อง

ทางนี้ก็พยายามพักผ่อน อยู่คนเดียว ดูอะไรคลายเครียดค่ะ

ใช่เลยค่ะ บางทีหนีมาดูการ์ตูนจอยๆคนเดียว ก็ตามมากวนจนเราหงุดหงิด 

8w ไปซาวด์มาวันนี้ หมอบอกท้องลม มีแต่ถุงไม่เจอตัวอ่อนเลย เสียใจและร้องไห้หนักมาก อีก1สัปดาห์ หมอนัดขูดมดลูกที่โรงพยาบาล ใครมีประสบการณ์ขูดมดลูกแนะนำวิธีการเตรียมตัวหน่อยค่ะ เจ็บมากไหม และใช้เวลาฟื้นตัวนานไหมค่ะ  

8w ไปซาวด์มาวันนี้ หมอบอกท้องลม

8 สัปดาห์ขูดหรือดูดสุญญากาศคะ แม่บ้านนี้เคยดูดสูญญากาศค่ะแทบจะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย ไปนอนโรงพยาบาลก่อน 1 คืนงดอาหารงดน้ำก่อนเที่ยงคืน เข้าห้องฉีดยาสลบแป๊บเดียวค่ะไม่เกินครึ่งชั่วโมง ออกมาก็จะปวดฉี่พอฉี่ก็จะรู้สึก แสบๆขัดๆหน่อยเป็นแค่แป๊บเดียวค่ะ แล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ไม่ต้องกังวลไปนะคะสู้ๆนะคะคุณแม่

หมอสรุปเร็วดีค่ะ ของเราเคยไปซาวด์ 7วีคไม่เจอ 9วีคก็ไม่เจอ  หมอนัดขูดมดลูกเหมือนกัน แต่เราเคยมีประสบการณ์แท้งท้องแรกทารกหยุดเติบโตตอน 6วีค หมอบอกว่าเขาจะแท้งออกมาตามธรรมชาติตอน 12วีค ท้องนี้เราก็เลยรอให้ครบ 12วีค แต่ก็ขอซาวด์ตอน 11วีคอีกรอบ เจอเด็กตัวเบอเร่อเลย แต่อายุซาวด์ได้ 8วีคเอง ไม่ตรงตามปจด.ห่างกันเกือบ 3วีค  หมอบอกว่าเขาอาจจะเติบโตช้าในช่วงแรก ก็เฝ้าติดตามมาเรื่อยๆ ตอนนี้อายุซาวด์ห่างจากการนับจากปจด.แค่ 5วัน  ใจเรายังไม่อยากให้รอดูอีกหน่อยค่ะ เผื่อเขาจะโตช้าแบบลูกเรา

บ้านนี้แท้งเองโดยสมบูรณ์ค่ะ ปจด ขาด1เดือนกับ6วัน ตรวจขึ้น2ขีด (ตรวจทุกวันทุกเช้า) ต่อมากำลังเตรียมตัวไปฝากครรภ์วันจันทร์แต่วันอาทิตย์มีเลือดออกเยอะมากคล้ายปจด.ปวดท้องหนักมากจนทนไม่ไหวเลยตัดสินใจไปรพ.เอกชน ระหว่างรอซาวด์คุณหมอให้ดื่มน้ำมากๆและมารู้สึกว่ามีลิ่มเลือดออกจึงไปดูที่ห้องน้ำสรุปมีลิ่มเลือดก้อนใหญ่ รอถึงเวลาซาวด์ไม่เจอถุงตั้งครรภ์ เสียใจมากๆค่ะ ตั้งใจมีลูกมากๆแม่กับสามีรอมา2ปีแล้ว

ของเรา8w กำลัง9 คะ เมื่อวานเลือดออก เจอตัวน้องไม่เจอหัวใจน้องแล้วหมอนัด 29นี้ไปแอดมิดขูดมดลูกคะ

ประสบการณ์ร้อน ๆ เพิ่งออกจาก รพ.วันนี้เลยค่ะ
วันที่ 20 หมอนัดตรวจปกติ 9w ปรากฏว่า เจอแต่ถุงตั้งครรภ์กับถุงไข่แดงเหมือนรอบก่อน ๆ ไม่เจอตัวอ่อนไม่เจอหัวใจ หมอให้โอกาสอีก 2 สัปดาห์ ถ้าไม่เจอน้องต้องเอาออก พอกลับบ้านมา เย็นวันนั้นมีเลือดออกติดกางเกงในนิดหน่อย
เช้าวันที่ 21 ออกเยอะขึ้น เลยไป รพ. หมอให้แอดมิด ระหว่างนั้นก็มีเลือดออกเรื่อย ๆ หมอซาวดูไม่สรุปว่าเป็นท้องลม เนื่องจาก ถุงขนาดใหญ่ปกติและอายุครรภ์แค่ 9w ให้เราแอดมิดรอหมอใหญ่ คืนนั้นเราปวดท้องมาก มากแบบเกือบช็อก เช้าวันที่ 22 เราลุกจะไปเข้าห้องน้ำ ถุงตั้งครรภ์หลุดออกมาลงพื้นเลยค่ะ สาย ๆ หมอใหญ่เข้ามา ก็เอาเราไปซาวดูว่าหลุดหมดไหม เหลือเศษนิดหน่อย ฉีดยาสลบ ดูดเศษออกให้หมด พอเราฟื้นจากยาสลบ มึนมากโลกหมุน อาเจียนไป 4 รอบ เลยได้แอดมิดอีก 1 คืน ฉีดยากันอาเจียน เช้าวันที่ 23 อาการดีขึ้น เลยได้กลับบ้านค่ะ สรุปเราท้องลม น้องขับตัวเองออกตามธรรมชาติค่ะ คิดว่าเราดูแลตัวเองดีมาก ๆ แล้ว ทานโฟลิคก่อนตั้งครรภ์ 4 เดือน ยังไม่รอดเลยค่ะ สู้ ๆ นะคะ 

เราขูดมดลูกเดือนธันวาคมที่ผ่านมาค่ะ เราและคุณหมอเฝ้ารอตั้งแต่ 8 วีค จน 12 วีค หมอจึงสั่งแอดมิท หาทำกันมาก จนถุงการตั้งครรภ์ใหญ่มากๆ ดูดออกมาไม่หมด แต่คุณหมอแจ้งว่าจะถูกขับออกมาเองตามธรรมชาติค่ะ 

ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านค่ะ 🫶✌️

พอดีมีทริปไปเที่ยว ช่วงนั้นน่าจะได้ 28 วีค อยากทราบว่าเราสามารถโดยสารทางเรือได้ไหมคะ

ท้องนั่งเรือได้ไหมคะ

ได้นะคะ เราก็เพิ่งนั่งเรือข้ามเกาะมา แต่เป็นเรือเฟอรี่นะคะ ถ้าสปีดโบ๊ท ไม่แนะนำค่ะ แรงกระแทกเยอะ

เจ็บท้องล่าง ข้างขวามากๆเวลานั่งแทบยืนไม่ได้ เจ็บมากๆแต่ท้องไม่แข็งนะคะ บางทีเจ็บจนเดินไม่ได้ ทั้งๆที่อยู่บ้านนั่งและนอนทั้งวันค่ะ แม่ๆคนไหนเคยเป็นแบบนี้บ้างคะ ควรไปหาหมอมั้ยคะ?

เจ็บท้องล่างข้างขวา

ถ้าแทบยืนไม่ได้ ไปหาหมอดีกว่าค่าคุณแม่

เด็กน้อย 3 เดือนนิดๆ ชอบให้จับยืน และชอบให้จับเดิน แบบนี้คือเราควรฝึกให้น้องเดินไหมครับ

ตอนนี้น้องยังพลิกตัว ยังคลานไม่ได้เลย แต่คุยเก่งมากๆๆ 🤣

เด็กน้อย 3 เดือนนิดๆ ชอบให้จับยืน

คุณพ่อใจเย็นค่ะพึ่ง3เดือน🤣

 น้องยังเป็นวัยเตาะแตะอยู่เลยค่ะ 😂😂😂

ขาน้องยังไม่แข็งแรง อันตรายค่ะ

เนื่องจากคุณหมอปรับยาแก้อาเจียนให้ค่ะ หน้าซองเขียนยานี้ทำให้ท้องผูก ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ อาทิตย์กว่าแล้วค่ะไม่ถ่ายเลย พอปวดท้องจะถ่าย ถ่ายไม่ออก เหมื่อนมีอะไรถ่วงตรงก้นอยู่ค่ะ ทานผลไม้ ทานผัก ทานน้ำเยอะๆ ใช้ยาสวนถวาร ยาทำให้อึนิ่มก็แล้ว เหมื่อนมันสะสมเยอะติดกันเป็นก้อนใหญ่ พอจะออกไม่มีแรงเบ่ง เภสัชแนะนำให้ใช้มือล้วงเท่าไหร่ก็ไม่หมด คุณแม่ท่านไหนมีคำแนะนำ หรือเคยเจอปัญหานี้มั้ยค่ะ ทรมานมากๆค่ะ

ท้อง 15 week ท้องผูกหนักมาก

 ทานมะละกอสุกค่ะ 

เคยค่ะ แต่แม่ทานพวกบำรุงเสริม 

 ลองทานผักบุ้งต้มดูนะคะ มีไฟเบอร์สูงมากค่ะ

ตอนตั้งครรภ์ก็ท้องผูกเช่นกันค่ะ อาศัยกินน้ำลูกพรุนทุกคืนก่อนนอน ก็ดีขึ้นนะคะ ลองดูค่ะ

มีน้อง เภสัชกร รู้จักกันดี กับ สามี เค้าแนะนำให้กิน แคลเซี่ยม ชื่อว่า calza เค้าว่าตัวนี้ไม่ทำให้ท้องผูก

ดิฉันก็กินตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ไม่เคยท้องผูกเลยค่ะ แต่ปกติตอนไม่ท้องก็ นานๆเป็นทีนะคะ ท้องผูก น่ะ

อันนี้ จะบอกแค่ว่าเผื่อทานยาบำรุงน่ะค่ะ

อาการท้องผูกลองทาน โยเกิร์ต น่าจะ ดัชชี่ Bio นะคะ เคยเข้าดูในเวป

เดิมเราก็เปนคนท้องผูก อาทิตนึงถ่ายที แต่ไม่เคยรุ้สึกอึดอัดนะค่ะ พอหลังจากตั้งครรภ์กลับไม่เคยรุ้สึกปวดอึด้วยตัวเองเลยตั้งแต่เริ่มท้อง ต้องสวนทุกๆสามวันตลอดเลยค่ะ คุณหมอให้ยาระบายอ่อนๆให้กินก่อนนอนก็ไม่ช่วยเลย พยายามกินน้ำลูกพรุนหรือฟักทองหรือมะละกอช่วยได้ดีเลย

ธาตุหนักเหมือนเราเลย  ลองน้ำมะขามเปียก อีกอย่างคะ สูตรโบราณ แต่อร่อยดี เอามะขามเปียกมาต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำตาลตามชอบ อันนี้ระวังนิดค่ะ ร้ำตาลจะขึ้นเอา เดือดแล้วกรอง เก็บในตู้เย็นกินได้หลายวันอยู่..

สลัดผักที่มีบร็อคโคลี่และกีวี่ แล้วราดน้ำมันมะกอก Extra virgin เลยค่ะ

ไม่มีมดลูกแต่ขอแนะนำครับ

นมโฟร์โมสต์ Yummy รสธรรมชาติ 1 ขวดขนาดกลางดื่มตอนท้องว่างให้หมดขวดเลยครับ

ของเราพอเริ่มเข้าวีคที่35ท้องผูกตลอด ทานนมเปรี้ยว โยเกิรต ลูกพรุนก็เอาไม่อยู่ หมอที่รับฝากครรภ์จ่ายยาระบายส้มแขกให้ก็ไม่ได้ผล
สุดท้าย ใช้วิธีกินส้มเขียวหวานหรือส้มอะไรก็ได้วันละไม่ต่ำกว่า5ลูกทุกวัน ถ่ายคล่องเลยทีนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีผลเสียหรือเปล่า แต่อาการท้องผูกหายปลิดทิ้งเลยค่ะ

เราดื่มน้ำพรุนค่ะ 

คุณแม่ท่านไหนเป็นบ้างคะ ใต้ราวนม ร้อนๆแสบๆ จนไหม้ ลูบละจะเสียวๆร้อนๆวูบๆวาบๆ ตึงๆ ไม่สบายมากๆค่ะตรงนี้ 😩😩

ใต้ราวนมไหม้

เหมือนจะเป็นอาการเสียดสีของผิวหรือเปล่าคะคุณแม่

แนะนำไปหาหมอผิวหนังค่ะ

ตามหัวข้อเลยค่ะ ไขขาวไขมันคืออะไรค่ะ ใครเคยมี หรือเป็นอยู่ไหม  ทางนี้เช็ดออก พอเย็นอาบน้ำก็มีออกมาอีก เป็นไขๆติดในหัวนม

ท้อง23Wหัวนมมีไขขาวๆ

เราก็มีค่ะ แต่มีตั้งแต่ช่วง 18wแคะออกสนุกดี5555 แต่ตอนนี้ 29w ไม่มีเฉยเลย

เดือนนี้ล่อไปกล่องที่2แล้วจ้า
เดือนที่แล้วล่อไป5กล่องนิ่มๆเลย

วันนี้อิแม่ไปกดตังซื้อนม1กล่ อง

👍🏻👍🏻👍🏻 แสดงว่ากินกิน

 หนูกินเก่งมากลูก 555

สอบถามแม่ๆ หลังจากที่ได้ยาตรวจเลือดของคุณหมอมาทาน แม่บ้านไหนอึออกยาก ปวดท้องอึแล้วอึไม่สุดบ้าง แบยนี่ปกติมั้ยคะ


ปวดท้องอึ อึออกยาก

ปกติค่ะพยายามดื่มน้ำเปล่าเยอะๆนะคะ

บ้านนี้ไม่มีปัญหาเรื่องขับถ่าย​เลยค่ะ​ ตั้งแต่หมอใส่ตัวอ่อนทำเด็กหลอดแก้ว​ ตอนเช้าก็ดื่มน้ำเสาวรส​ น้ำอินทผาลัม​ น้ำลูกพรุน​ ค่ะ

วันนี้หมอนัด นับจากประจำเดือน อายุครรภ์ 9w1d วันนี้ซาวด์ทางช่องคลอด เจอหมอคาดว่าน่าจะเป็นตัวอ่อน แต่ยังไม่เห็นหัวใจ วัดได้ 0.37 วัดอายุครรภ์จากเด็กได้ 6w ค่ะ หมอบอกว่า มันแปลก แล้วน้องก็เล็กเกินไป หมอให้โอกาสอีก 2 สัปดาห์ ถ้าน้องไม่พัฒนาต้องเอาออก แม่ก็ทำใจไว้แล้วค่ะ แต่ลึก ๆ ก็ยังหวังว่าน้องจะโตขึ้นค่ะ 😭

ขอกำลังใจจากแม่ ๆ ค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ ของเราเคสเดียวกันเลยค่ะ 8W น้องขนาดแค่ 1 cm ไม่เห็นหัวใจ  หมอให้โอกาสอีก 1 อาทิตย์ ถ้าน้องไม่พัฒนาต้องเอาออก เรายังมีความหวังสู้ๆนะคะแม่

ขอให้ปกตินะคะ ของเราตอนตรวจเจอว่าท้อง ได้7w ไปหาหมอ หมอบอกเจอแต่ถุงยังไม่มีตัวเลยนัดอีกทีตอน11w เจอเป็นก้อนเล็กมากๆแต่มีเสียงหัวใจแล้วค่ะ สู้ๆนะคะขอให้น้องอยู่

เป็นกำลังใจให้นะคะ

มีใครเป็นเหมือนเราบ้าง เจ็บหน่วงๆใต้สะดื้อ เป็นบางช่วงเจ็บจิมิเป็นบางครั้ง+ปวดหลัง+เท้าบวม และปวดข้อมือแบบสุดๆใช่สัญญาณเตือนใกล้คลอดไหมแม่ๆแนะนำได้นะคะ

น้องควีนอายุครรภ์34w1d

33 วีค มีอาการเหมือนกันค่ะ เจ็บหน่วงๆ ใต้สะดือร้าวไปจิมิ เดินลำบาก ปวดขาหนีบ

พอดีทำหน้าอกมามีเครื่องปั๊มนมที่เหมาะกับคนทำหน้าอกมั้ยคะ หรือสามารถใช้ได้หมดไม่มีอะไรพิเศษ แม่ๆใช้รุ่นไหนกันบ้างคะ

ขอคำแนะนำเครื่องปั๊มนม

เราเล็งๆยี่ห้อนี้ เห็นดาราเป็นพรีเซนเตอร์
https://s.lazada.co.th/s.MWykl?cc

เราพึ่งไปถอยของ Brusta มาค่ะ ไปลองเล่นมาแล้วถูกใจ ดูดนมดูถนอมน้องนมเราดี โหมดการทำงานก็ครบ แยกเต้าซ้าย-ขวา ด้วย เทียบเท่ารุ่นแพงๆเลย

ท้อง 6week 2day ตอนนี้มีเมือกสีน้ำตาลออกที่ช่องคลอด ไม่มีอาการปวดท้องใดๆ ถือว่าปกติไหมคะ

มีเมือกสีน้ำตาลออกที่ช่องคลอด

แนะนำให้ไปพบคุณหมอนะคะคุณแม่