아기는 이제 막 4개월 진입했어요
직수하면 아기가 한쪽 30분 이상-총 한시간 이상 먹을 때가 종종 있고
보통 총 2~30분대는 먹는 것 같아요
저도 크게 힘든 것 없이 젖은 잘 나오고 아기도 잘 먹는데 그래도 이렇게 길게 먹으면 너무 많이 먹는 거 아닌지..
배앓이 없이 매일 응가도 잘 하고 아기도 잘 크고 있어 괜찮겠지 싶다가도 이게 맞나 싶어요
다른 아기들은 얼마나 길게 먹나요..??

직수하시는 분들께 궁금한 점

저두 요즘 궁금하던 질문이네요! 아기들이 크면 5분, 10분 컷이라던데, 아직도 한쪽당 20분씩 먹네요..습관인거 같기도 하구요..그냥 젖물고 싶어서인듯... 열심히 안먹고 오물거리고 있으면 빼줘요.. 일단 몸무게는 덜 나가지도, 더 나가지도 않는거 같아서 괜찮겠지... 하고 있습니다.. 
이제 밤수도 끊어야 될거같은데... 양을 조금씩 줄여서 끊는건지.. ? 10분 먹일거 5분 먹이는건가...?😅 너무 어렵네요... 
고수님들 댓글 저도 참고하고 싶어요~~

저희애도 절대 안놔주려는 타입인데 사실 5-6분 정도 부터 슬슬 사출이 적은가보다 느껴져요 그래서 한쪽당 8-10분 정도 걸리는거 같아요.
5분 지나면 슬슬 응?응? 같은 소리를 내거나 졸거나 물었다 뗐다를 반복해요 아니면 띄엄띄엄 오물거리는데 크게 삼키는건 없는 인간쪽쪽이 느낌이 들 때도 있어요. 그럴 땐 가슴 한번 찌부해서 만져보고 말랑하면 그냥 몇번 더 빨게 하고 마무리해요. 아기가 계속 오물거리면서 빨면 사출유도돼서 말랑했던 가슴이 갑자기 단단해지는 순긴이 있잖아요. 만약 그럴 때면 조금 더 기다려줘서 사출되는거 더 먹게 둬요.

길게 먹어도 사출반사 되는거 아니면 그냥 방울방울 나오는거라 크게 많이 먹는거 같진 않더라구요.
계속 오물거리는데 삼키는게 크게 없으면 빼고 반대쪽 물리라더라고요..

가슴마사지 해주시는분이 100일정도되면 5분 5분 먹으면 거의 대부분 먹는양 다 먹는데요! 그리고 5분지나면 사출이 줄어들어서.. 왼5분 오 5분 하고 더 먹고싶어하묜 왼5분 오 5분 이런식으로 먹이라고 하더라구요! 다시 넘어가면 사출되서 다시 젖이 먾이 나온다고하더라구요! 오래 물린다고 좋은거 아니라고 애기들이 좋아서 물고잇는걸수도잇데요! 손가럭으로 강제로 빼라고 했어요! 나중에는 스스로 배불러서 뺀데요! 

135일차에 양쪽 평균 10~15분이면 다먹어요!
산모교실에서도 도우미이모님도한쪽당 15-20분먹이라구 하셔서 먹이다가 오물오물 하는느낌이 들면 빼서 반대쪽 주고 해여
아기가 먹다가 빼진 않나요? 배불러서 빼거나 장난친다고 빼면 두어번 물려보고 안주는데 보채진 않더라구여

저희 아기는 100일 무렵부터 젖을 한쪽장 3-5분씩만 빨아요… 그래도 잘 크고있다는데 원래는 한쪽당 10분 정도씩 먹엇는데 ㅠ 이렇게 짧게 물려도 되나싶을정도에요 ㅜㅠ 더 주려고 하면 머리 뒤로빼거 짜증내요

저두 비슷한 고민해서 여러분들께 여쭤봤는데 모유수유전문가님도, 소아과 의사선생님도 먹는거는 한쪽에 최대 15분씩, 통합 양쪽 30분 물리면 충분하고 그 이상 물고있는건 아기 빨기욕구때문에 물고있는거여서 울어도 그 이상 물릴필요 없다고 했어요.
빨기욕구때문에 오래물고있는가능성도 있을것 같아요!

앗 혹시 수유텀은 어떻게되세요 ? 저도 요즘 오분오분씩 총 십분정도  물리는데 수유텀이 2시간에서 배고픈지 늘지 않네요 ㅜㅠ 

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ขึ้นชื่อว่าทารกแรกเกิดแล้ว คงมีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพให้น่ากังวลเต็มไปหมด เนื่องจากเป็นวัยที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมมาก เสี่ยงจะเกิดอันตรายทางด้านสุขภาพขึ้นได้ง่าย วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาดูถึงประเด็นต่างๆที่จำเป็นต้องทราบไว้ หากต้องดูแลเด็กแรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองหรือไม่ก็ตาม ก่อนอื่นเราไปเริ่มต้นกันด้วยข้อสังเกตเกี่ยวกับเด็กแรกเกิดกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ลักษณะภายนอกเบื้องต้นของทารกแรกเกิดเจ้าตัวน้อยควรมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัม&nbsp;ข้อนี้อาจสังเกตด้วยขนาดร่างกายของเด็กไม่ได้ ให้ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักค่ะ แต่ส่วนที่สังเกตได้คือความยาวของร่างกายซึ่งนับตั้งแต่ปลายศีรษะจนถึงปลายเท้าจะมีความยาวประมารณ 50 เซนติเมตรหรือเกือบสองไม้บรรทัดยาวต่อกันนั่นเอง📏 ส่วนศีรษะจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าลำตัวเป็นปกติ โดยมีเส้นรอบวงประมารณ 35 เซนติเมตร มีผมบางๆปกคลุมเต็มบริเวณศีรษะ และตรงกลางศีรษะค่อนไปทางด้านหน้าจะมีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมอ่อนนุ่มเรียกว่ากระหม่อม&nbsp;ซึ่งถือเป็นส่วนอ่อนไหว เนื่องจากเป็นส่วนที่กะโหลกยังไม่หุ้มเนื้อสมอง โดยกระหม่อมจะปิดก็ต่อเมื่อทารกมีอายุประมาณ 1 ปีครึ่งค่ะผิวนั้นของทารกแรกเกิดนั้นจะบางกว่าคนวัยผู้ใหญ่อย่างเป็นปกติ&nbsp;มักจะสามารถสังเกตเห็นเส้นเลือดฝอยสีแดงหรือสีชมพูเข้มก็ไม่ยาก อาจสังเกตเห็นขนอ่อนขึ้นตามหลังหรือไหล่ของทารก หากหลังคลอดได้ประมาณ 3 วันผู้ปกครองสังเกตว่าผิวของทารกนั้นค่อนข้างเหลือง หรืออาจมีสีเหลืองเกิดขึ้นบริเวณตาขาว👁️ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการตัวเหลืองทันทีค่ะ และร่างกายบริเวณเต้านมนั้นจะค่อนข้างนูนทั้งในเด็กผู้ชายและผู้หญิงจนสามารถคลึงได้ อาจมีน้ำนมไหลออกมาซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรบีบเล่นเพราะอาจทำให้เกิดอาการอักเสบ ในส่วนของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงอาจมีเลือดไหลออกมาได้เล็กน้อยซึ่งไม่อันตรายค่ะเด็กควรเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน&nbsp;หากถูกจับให้อยู่ในท่าทางนอนคว่ำก็สามารถหันศีรษะของตนเองตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่งให้ตนเองยังสามารถหายใจได้อย่างสะดวก เมื่อได้ยินเสียงดังๆหรือเสียงเรียกกระตุ้นทารกควรสะดุ้ง เพื่อเป็นการแสดงว่าได้ยินเสียง👂และสามารถตอบสนองต่อเสียงนั้นๆได้การหายใจของทารกแรกเกิดนั้นหลักๆจะใช้กล้ามเนื้อบริเวณท้อง&nbsp;ดังนั้นหากสังเกตด้วยตาเปล่าจะเห็นได้ว่าท้องมีการขยับมากกว่าบริเวณอก อัตราการหายใจของทารกปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30-40 ครั้งต่อนาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างถี่กว่าเด็กโตมากๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ ในส่วนของการขับถ่ายนั้นปกติแล้วทารกจะถ่ายอุจจาระหลังคลอดได้ประมาณ 24 ชั่วโมง หลายๆท่านอาจเรียกอุจจาระ💩ลักษณะนี้ว่าขี้เทาเพราะเป็นสีดำปนเทา ซึ่งจะไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็นค่ะ แต่เมื่อทารกได้รับประทานน้ำนมของคุณแม่ สีของอุจจาระก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว เขียวปนเหลือง และเหลืองในที่สุด โดยจะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน และจะถ่ายอุจจาระประมาณ 3-6 ครั้งหลังได้ดื่มน้ำนมคุณแม่ค่ะ<hr>การดูแลทารกแรกเกิดการอุ้มเด็กแรกเกิดนั้นสามารถทำได้ 3 แบบ&nbsp;แบบแรกคือการอุ้มทารกให้ทารกนอน ท้ายทอยของเด็กจะพิงอยู่บริเวณข้อพับแขนของคุณแม่ และลำตัวจะนอนบนท่อนแขน ต่อมาจะเป็นการอุ้มเรอ จะเป็นการอุ้มทารกในแนวยืน🤱 ทารกจะพิงร่างกายส่วนหน้าพาดบ่าของคุณแม่ ท้องจะอยู่ที่ไหล่เพื่อช่วยไล่ลม หากคุณแม่อยู่ในท่านั่งอาจใช้วิธีการให้ทารกนั่งบนตักแล้วหันหน้าออกจากคุณแม่ จากนั้นคุณแม่จึงใช้มือลูบหน้าอกและลูบหลังของทารกก็ได้ค่ะ ส่วนท่าสุดท้ายคือการอุ้มปลอบ อิริยาบถจะคล้ายกับวิธีอุ้มเรอท่ายืน แต่เปลี่ยนจากการไล่ลมโดยใช้ไหล่ เป็นการที่คุณแม่คุยกับลูกแทนค่ะการฉีดวัคซีนที่จำเป็นในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค&nbsp;หลังคลอดนั้น ทารกทุกคนต้องได้รับวัคซีนป้องกันวัณโรค💉 ไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งจะมีใบนัดให้คุณผู้ปกครองพาทารกมารับเข็มต่อๆไปของวัคซีนตามระยะเวลาที่เหมาะสมค่ะ นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอีสุกอีใสซึ่งถือเป็นวัคซีนทางเลือก จะฉีดหรือไม่ฉีดก็ได้ค่ะ แต่หากฉีดก็จะลดโอกาสที่เด็กจะติดเชื้ออีสุกอีใสและเป็นแผลตามร่างกายในอนาคตได้ค่ะการดูแลสุขภาพช่องปาก&nbsp;ถึงแม้ว่าทารกแรกเกิดนั้นจะยังไม่สามารถรับประทานอาหารอะไรได้เลยนอกจากน้ำนมของคุณแม่ แต่ก็ต้องได้รับการทำความสะอาดอยู่ดี เพราะคราบน้ำนมนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย🦠ในช่องปากได้เช่นกัน สามารถทำได้โดยใช้นิ้วของเราพันผ้านุ่มๆ แล้วชุบน้ำสะอาดที่ผ่านการต้มเดือดแล้วปล่อยให้อุ่นมาเช็ดให้ทั่วช่องปากทารกอย่างสม่ำเสมอภายหลังการให้ทารกดื่มน้ำนมค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่ถือเป็นเรื่องน่าใส่ใจสำหรับการดูแลเจ้าตัวน้อยในวัยแรกเกิด🚼 สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการดูแลเด็กแรกเกิดคือการหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายทารก หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรมองข้ามเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยค่ะ

พื้นฐานการดูแลทารกแรกเกิด คุณแม่มือใหม่ควรรู้!

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกมักมีอาการท้องอืด ทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัวและรู้สึกเหมือนมีลมตลอดเวลา อาการเหล่านี้มาจากการที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ&nbsp;<hr>สาเหตุของการท้องอืดฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนทำให้การตั้งครรภ์ของทั้งคุณแม่และลูกน้อยสุขภาพดี😌 แต่ก็มีข้อเสียคือฮอร์โมนนี้จะทำให้กล้ามเนื้อเรียบมีอาการคลายตัวลง รวมไปถึงกล้ามเนื้อเรียบในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เคลื่อนไหวช้าลงและทำให้มีอาหารติดอยู่ในทางเดินอาหารนานขึ้น ก็จำทำให้เกิดการสร้างแก๊สตามมานั่นเองค่ะ🧻&nbsp;อาการท้องอืดของคุณแม่ตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกสาเหตุอาการท้องอืดของคุณแม่ตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกนั้น🤰 สามารถเกิดจากปัจจัยอื่นนอกจากการมีฮอร์โมนสูงเช่นกัน เช่นการ เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด หรือ การรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการสร้างแก๊ส การทานอาหารอย่างรวดเร็วโดยที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดก็จะทำให้เกิดลมในทางเดินอาหารได้😫&nbsp;การรับประทานผลิตภัณฑ์นม🥛ก็อาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การย่อยไม่ดี และรู้สึกแน่นท้อง เพราะคุณแม่บางท่านขาดเอนไซม์แลคเตส &nbsp;บล็อกโคลี่ ผักกะหล่ำ ผักคะน้า ถั่ว หรือ หัวหอม ก็เป็นอาหารที่ทำให้ผลิตแก๊สมากขึ้นเช่นกันค่ะ&nbsp;<hr><h2 class="vb_h2">วิธีลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ&nbsp;</h2>😶 ลองศึกษาและจดบันทึก อาหารที่คุณแม่สามารถรับประทานได้ หรือไม่สามารถรับประทานได้ และลองสังเกตุว่าเวลาทานอาหารประเภทไหนจะทำให้เกิดแก๊สมากขึ้น แล้วพยายามทานให้น้อยลง😶 แม้ว่าผัก🥦จะเป็นสาเหตุในการสร้างแก๊สได้ แต่คุณแม่ก็ยังควรรับประทานผักเพราะ ผักนั่นมีวิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยนั่นเองค่ะ แต่สำหรับถั่วนั่นสามารถสร้างแก๊สในร่างกายได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วในปริมาณมากนะคะ😶 พยายามทานอาหารในแต่ละมื้อในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้งขึ้น จะทำให้ปริมาณอาหารค่อยๆ เคลื่อนลงสู่ลำไส้ทีละน้อย และทำให้เกิดแก๊สน้อยลงนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดก็สามารถช่วยให้ลดปริมาณอากาศที่กลืนเข้าไปได้ด้วยนะคะ🤗&nbsp;😶 การเคลื่อนไหวร่างกาย อย่างการยืดเส้นยืดสาย การเดินหลังรับประทานอาหารจะช่วยให้ร่างกายขับลมได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ🏊‍♀️&nbsp;

ท้องอืดในช่วงตั้งครรภ์ของไตรมาสแรก

현대인들의 고질병인 거북목과 함께 새롭게 떠오른 질병인 손목건초염! 장시간 컴퓨터 작업이나 휴대전화📱를 사용하면서 손목 통증을 느끼는 사람이 많아졌다고 해요. 특히, 출산을 앞둔 임산부라면 이 손목 통증을 더욱 잘 살펴봐야 해요. 출산 후에는 늘어나고 약해진 관절이 제자리를 잡기 전, 아기를 돌보면서 손목 통증이 더욱 심해지는 경우가 많습니다. 평소에 손목이 아프지 않던 임산부도 출산 후 아기👶를 돌보며 손목에 통증이 생길 수 있어요.<hr>임신 &amp; 육아 중의 손목 통증? 릴렉신 호르몬의 나비효과, 손목건초염임신을 하면 골반을 넓히기 위해 릴렉신 호르몬이 분비돼요. 릴렉신 호르몬은 모든 관절과 전신의 인대, 연골을 이완시키는 작용을 하는 호르몬이에요. 출산 후에도 6개월 정도 지속적으로 분비되죠. 이러한 호르몬 작용으로 출산 후 관절과 인대가 느슨해진 상태에서 계속 아이를 안고🤱 있다 보면, 손목 관절에 무리가 가게 됩니다.&nbsp;이러한 행동이 반복되다 보면 손목에 힘을 줄 때마다 찌릿찌릿 전기⚡가 오는 것처럼 아프고, 손목 부위가 부으며 딱딱해지는 것을 경험할 수 있습니다. 이러한 질병을 손목건초염이라고 하는데요. 10명의 임산부 중 6명의 걸릴 정도로 흔하게 나타나는 임신&amp;출산 관련 질병 중 하나입니다. 대부분 손목 관절을 지속해서 사용하는 것이 원인이고, 미세한 손상들이 누적되면서 발생하게 된답니다.&nbsp;손목의 통증이 지속되면 순간적으로 강하게 오는 통증으로 인하여 아기를 떨어트릴 수 있는 위험이 생기므로, 통증이 발생한다면 바로 병원🏥을 찾아 치료를 받는 것이 좋아요!<hr>손목건초염의 치료법은? 손목건초염에 걸렸을 때 제일 효과가 있는 치료법으로는 손목의 사용을 줄이고 휴식을 취하는 것이라고 합니다. 하지만 신생아를 돌봐야 하는 엄마들은 손목의 사용을 줄이기가 힘든데요. 붓기나 열감이 있을 때는 얼음찜질🧊을 통하여 통증과 부기 등을 가라앉힐 수 있답니다.&nbsp;또한, 일주일 정도의 물리치료와 약물치료💊를 받는다면 효과를 볼 수 있으며, 손목보호대나 부목 등 보조기로 손목의 움직임을 줄여주면 더욱 효과적으로 치료될 수 있답니다. 이러한 치료들이 듣지 않을 때는 이미 건초가 너무 많이 손상되어 부분적으로 파열되었을 수도 있으므로 빠른 병원 진료를 통해 수술 치료를 받는 것이 좋습니다.&nbsp;<hr>손목건초염 예방법은?엄마의 손목 건초염을 예방하기 위해서는 수유 자세🤱가 제일 중요합니다. 낮에는 앉은 자세로 무릎 아래에 수유 쿠션으로 받치고, 밤에는 누운 상태에서 수유하여 손목에 오는 부담을 최소화하는 것이 좋아요. 집안일도 손목에 무리가 가기 때문에 최대한 자제하고 걸레나 행주를 비틀어서 짜는 행동, 젖병이나 컵 등을 잡을 때도 팔의 전체 힘💪으로 잡는 것이 포인트! 평소에 틈틈이 핫팩으로 온찜질을 해주고, 통증이 있을 때는 엄지 부위를 고정해주는 손목보호대를 착용하는 것이 좋습니다.&nbsp;출산 후 엄마가 손목이 아프다고 해서 약을 먹거나 꾸준히 병원🏥에 가기 쉽지 않죠. 손목을 사용하지 않고 싶어도 나도 모르게 사용을 많이 하게 되는데요. 손목을 사용하되 부담감을 줄여줄 수 있는 손목보호대! 엄마들이 사용하기 좋은 손목보호대는 어떤 것들이 있을까요?<hr>손목보호대 구매 TIP!&nbsp;소재는 부드럽고 통풍이 잘되는 것으로!엄마 뿐만 아니라 아기에게도 닿을 수 있으므로, 부드러운 소재인지, 피부 트러블이 나지 않을지 꼼꼼히 따져보는 것이 좋답니다. 또한, 팔에 감고 있어야 하는 것이다 보니 통풍💨이 잘되는 면 소재를 선택하는 것도 꿀팁! 통기가 잘되지 않으면 땀띠가 나기도 하고, 출산 후 예민해진 피부에 트러블이 올라올 수 있기 때문이에요.🙌&nbsp;벨크로 타입vs.밴드 타입디자인의 경우 벨크로 타입과 밴드형이 있어요. 벨크로 타입의 경우 몸에 맞춰 착용할 수 있고, 압박력도 조절할 수 있다는 장점이 있죠. 그러나 먼지나 머리카락, 옷의 솜 등이 잘 붙어 관리가 필요하며, 이러한 이물질이 많이 묻을 때 접착력이 약해진다는 단점이 있어요.🤔&nbsp;끼워서 착용하는 밴드형의 경우, 쉽게 끼고 벗을 수 있다는 장점이 있으나, 압박력을 조절할 수 없고, 늘어날 때 다시 복원하기 어렵다는 단점이 있답니다. 나에게 알맞은 디자인과 소재를 선택하여 구매하는 것이 좋아요.💁‍♀️적당한 압박이 중요손목보호대를 사용하는 이유는 손목과 손가락, 손바닥 부분을 적당한 압박으로 감싸주며 손목 근육의 지지대 역할을 하는 것! 하지만 너무 압력이 세면 혈액순환🩸이 잘되지 않아 오히려 손가락이 차가워지기도 하고, 피부에 자극을 주어 트러블이 올라오기도 한답니다. 또 반대로 너무 압박이 약하면 손목 보호대의 역할인 지지대 역할을 잘하지 못하게 돼요. 실착이 가능하다면, 직접 착용해보고 나에게 적당한 압박감을 주는 손목보호대를 선택하는 것을 추천해요.😚 <a href="https://billyapplication.page.link/?link=https://billyapplication.page.link/community&amp;apn=kr.villagebaby.billyapplication&amp;isi=1497301126&amp;ibi=kr.villagebaby.billyapplication&amp;ofl=https://babybilly.app"></a>

임신했는데 왜 손목이 아파요?

ทำไมต้องตรวจ?💡&nbsp;เราทราบดีว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกๆคนต่างหวังว่าทารกในครรภ์จะคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย แต่ในบางกรณีก็อาจพบว่าทารกที่คลอดออกมามีความผิดปกติของโครโมโซม หรือ ภาวะปัญญาอ่อน ดังนั้นการเจาะตรวจน้ำคร่ำ (Amniocentesis) เป็นวิธีที่สามารถหาความผิดปกติของโครโมโซมของทารกก่อนการคลอดได้ เพื่อที่ว่าหากพบความผิดปกติคุณพ่อคุณแม่ร่วมกันตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์นี้ค่ะตรวจอย่างไร?💉&nbsp; &nbsp; &nbsp;แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเก็บน้ำคร่ำผ่านทางหน้าท้องของคุณแม่จนถึงน้ำคร่ำของทารก โดยระหว่างทำการเจาะตรวจ จะสามารถเห็นจากจอภาพอัลตร้าซาวด์ไปด้วย การทำการเจาะน้ำคร่ำนั้นจะทำในช่วงสัปดาห์ที่ 16-20 ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกมีน้ำคร่ำมากเพียงพอประมาณ 20 ซีซีนั่นเอง&nbsp;<hr>TMI จาก BabyBilly👩&zwj;⚕️: &nbsp;หลังทำการตรวจเจาะแล้ว น้ำคร่ำที่ได้ออกมานั้นจะมีเซลล์ของทารกอยู่ด้วย ซึ่งแพทย์จะสามารถดูจำนวนโครโมโซมได้จากเซลล์เหล่านี้ คุณแม่บางคนอาจกังวลว่าหากเจาะน้ำคร่ำไปตรวจแล้วลูกในครรภ์จะเป็นอะไรไหม แต่ไม่ต้องห่วงนะคะเพราะน้ำคร่ำที่ถูกเจาะไปนั่นจะสร้างขึ้นใหม่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และจะไม่มีผลกระทบใดๆต่อลูกน้อยในครรภ์ค่ะควรปฏิบัติตัวอย่างไรก่อนการตรวจก่อนการตรวจแพทย์จะอธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจเจาะน้ำคร่ำเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจว่าควรรับการตรวจหรือไม่ หากตัดสินใจว่าจะเข้ารับการตรวจ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำ แต่ก่อนเข้ารับการตรวจควรจะถ่ายปัสสาวะก่อนนะคะภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นแม้ว่าการตรวจจะนั้นจะทำโดยใช้เครื่องมือที่ปลอดเชื้อและแพทย์ที่ชำนาญ อย่างไรก็ตามก็มีความเป็นไปได้ที่จะพบภาวะแทรกซ้อนต่างๆหลังการเจาะตรวจน้ำคร่ำ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด น้ำเดินก่อนกำหนด มีการติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำหรือรก โดยภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้นำไปสู่การเสี่ยงการแท้งบุตรได้ 1 ใน 200 คนการปฎิบัติตัวหลังรับการตรวจให้คุณแม่หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากภายใน 24 ชั่วโมง เช่น การเดินทางไกล การยกของหนัก การเดินขึ้นลงบันได การมีเพศสัมพันธ์ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้ปกติ โดยไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดแผลบริเวณที่เจาะน้ำคร่ำ โดยหากมีอาการปวดสามารถขอยาจากคุณหมอเพื่อบรรเทาอาการได้ หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีน้ำเดิน ปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดควรกลับไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ

การเจาะตรวจน้ำคร่ำ

작은 손을 꼬물꼬물 움직이면서 두뇌를 발달시키는 아기들.👶🏻 하지만 아직 손과 발을 움직이는 게 자연스럽지 않은 아기들은 종종 자신에게도 상처를 내곤 하죠. 그래서 손싸개와 발싸개를 신생아기부터 하게 되는데요. 올바른 손싸개와 발싸개 사용방법! 빌리가 알려드릴게요.💛<hr>손싸개와 발싸개를 하는 이유는?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3527/f4493d08-e3ab-4e6c-ab8f-48d0c2757be1.webp" class="fr-fic fr-dib">무엇을 해도 귀엽고 앙증맞은 우리 아기손싸개와 발싸개는 왜 써야해요?손싸개와 발싸개는 손과 발을 보호하는 것이 아니라, 손✋🏻과 발🦶🏻로부터 다른 곳을 보호하기 위해 사용해요. 아기는 손톱이 매우 말랑말랑하고 들쭉날쭉하게 자라고요. 3개월 이전의 아기들은 팔을 이리저리 휘젓는 반사운동이 제어가 잘되지 않아 얼굴에 상처🩹를 내곤 합니다.언제까지 해야 좋을까요?2~3개월 정도부터는 아기 스스로 상처가 나면 아프다는 것을 깨달아요. 그래서 스스로 얼굴을 긁고 울기😂도 하죠. 아기 손톱 관리와 손 위생을 꼼꼼하게 신경 써주신다면 3개월 전후로 손싸개를 졸업할 수 있어요.🙌🏻<hr>손싸개와 발싸개 몇 개나 준비해야 할까?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3527/82e3b58d-506d-416c-bf9d-bb4dfcf30385.webp" class="fr-fic fr-dib">얼마나 필요한건지?최소 2개 이상이면 충분해요!손싸개와 발싸개는 아기들이 물기도 하고, 뭐가 묻었을 때를 대비해서 최소한 2개✌🏻 이상 준비해 주는 것이 좋습니다. 하지만 너무 많이 준비하실 필요는 없어요. 아기 배내옷을 뒤집으면 손을 넣을 수 있는 디자인이 많이 나오고 있고, 속싸개, 스와들업을 사용하면 손싸개가 많이 필요하지 않을 거예요.😘손싸개, 발싸개는 3개월 이전엔 계속 하나?가급적 손싸개를 장시간 사용하지 않는 것이 아기의 두뇌🧠 발달에 좋아 아기의 손톱을 자주 관리해 주신다면 손싸개를 많이 준비할 필요는 없어요. 발싸개는 있으면 편하지만 양말🧦로도 대체 가능하니 빨래할 것을 대비해서 2개 정도만 있어도 괜찮아요.<hr>손싸개 발싸개 선택 꿀팁!<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3527/78d4b1e1-4e31-47d7-bd3c-7dd4f30b321c.webp" class="fr-fic fr-dib">빌리만 믿으세요~&nbsp;연약한 아기 피부에 직접적으로 닿고 아기가 입에 넣고 빨기도 해서 아기에게 좋은 재질로 만들어진 제품을 사용하는 것이 중요하겠죠?😚 또한 아기의 소근육과 감각 발달, 활발한 두뇌활동을 위해 아기에게 손싸개를 오랜 시간 착용하게 하는 것보다는 손톱, 발톱을 관리해 주시는 것이 더 좋아요.👍 손싸개는 꼭 필요할 때만 사용하고, 손톱은 주 2회 깎고, 발톱은 월 1회 바싹 들여서 깎지 않고 수평으로 깎으면서 아기의 손톱을 관리해 주시는 것을 권유 드려요!

신생아 필수템, 손싸개&발싸개

Apakah Anda pernah melihat bayi Anda sedang bercermin sambil tersenyum-senyum sendiri melihat pantulan dirinya? Kenapa ya si kecil senang bercermin🪞?<hr>Hal di balik kesukaan bayi bercermin<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2667/7490781c-fe35-4f44-918a-81332dd07165.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👶Bayi menyukai bayiMenurut profesor Linda Polka di Universitas McGill yang mempelajari perilaku bayi dan perkembangan berbicara, bayi sangat menyukai sosok bayi yang lain. Bayi juga sangat menyukai wajah. Bayi menyukai💖 wajah orang tua mereka, pengasuhnya, dan wajah-wajah lainnya.💡Bayi penasaranRasa ingin tahu merupakan penyebab awal bayi sering bercermin. Bermain dengan cermin dapat membuat bayi belajar🤓 untuk fokus, meningkatkan perkembangan emosional dan sosialnya ketika berinteraksi dengan Anda.☘️Belajar memahami lingkungannyaBayi juga belajar memahami lingkungannya saat bercermin. Ketika si kecil berusia 6-12 bulan, mereka mengira gambar pada cermin adalah bayi lain dan mereka ingin berteman. Bayi berusia 13-24 bulan tidak yakin tentang pantulan bayi di cermin. Bayi berusia 20-24 bulan mulai dapat mengenali bahwa pantulan di cermin merupakan diri mereka sendiri😊.&nbsp;<hr>Apa saja manfaat bercermin bagi bayi?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2667/1f4b5102-b6c8-4bfc-a873-35c7b6bcda79.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👀Mendorong kemampuan koordinasi mata dengan tanganKoordinasi mata dengan tangan✋ adalah proses neurologis yang rumit. Bercermin dapat membantu mendorong kemampuan koordinasi ini.✔️Memotivasi bayi saat tummy timeDengan bercermin sambil melakukan tummy time akan membuat bayi lebih termotivasi untuk melihat sekelilingnya dengan baik, dan mengangkat kepalanya. Bayi juga dapat lebih terdorong untuk menjaga keseimbangan⚖️ tubuhnya.😉Bayi lebih mengenal dirinyaAnda dapat mencoba mengoleskan sesuatu pada wajah bayi Anda dan lihat bagaimana ia merespon. Apabila si kecil masih menyentuh cermin🪞, maka artinya ia masih mengira bahwa bayi yang ia lihat di sana adalah orang lain. Namun, jika ia menyentuh wajahnya sendiri, berarti ia telah menyadari bahwa bayangan di dalam cermin adalah dirinya sendiri.

Bayi senang bercermin!

ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่ตั้งครรภ์ และจะส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่🤰ในหลายๆด้าน ดังนั้นการดูแลสุขภาพของคุณแม่ในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เราจะมาดูด้วยกันว่าสาเหตุของความดันโลหิตสูงคืออะไร และเราจะสามารถป้องกันได้อย่างไรบ้างค่ะ&nbsp;<hr>สาเหตุของความดันโลหิตในหญิงตั้งครรภ์<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2102/d9940ee0-90ea-43ed-bb2b-a0ea9b95c9ce.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">การหดรัดตัวของหลอดเลือดแดง&nbsp;การหดตัวของหลอดเลือดแดงอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้🩸 หากมีอาการที่รุนแรงเนื้อเยื่อสำคัญที่ สมอง ตับ ไต ก็อาจถูกทำลายได้ ส่งผลให้เลือดส่งผ่านไปสู่ลูกน้อย👶ในครรภ์น้อยลง ทำให้ได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอไปด้วย&nbsp;กรรมพันธุ์ท่านใดที่ครอบครัวมีประวัติความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ตั้งแต่ครรภ์แรก🤰 รวมถึงท่านใดที่มีคุณแม่ พี่สาว หรือน้องสาวที่มีประวัติภาวะความดันสูงขณะตั้งครรภ์มาก่อนก็จะมีความเสี่ยงเช่นกันค่ะการตั้งครรภ์แฝด&nbsp;การตั้งครรภ์ฝาแฝด👶👶นั้นจะทำให้น้ำหนักของคุณแม่เพิ่มมากขึ้นจนเกินเกณฑ์มาตรฐาน และทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง🩸 คุณแม่ที่เคยเป็นความดันสูง หรือ มีภาวะความดันสูงอยู่ก่อนแล้วก็จะมีความเสี่ยงมากกว่า รวมถึงคุณแม่ที่เคยเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษด้วยผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย&nbsp;คุณแม่ที่ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์และไม่ออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง รวมถึงผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือ โรคภูมิแพ้ตัวเองก็มีความเสี่ยงเช่นกันค่ะ<hr>อาการและวิธีดูแลรักษา<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2102/66bbd6ad-b5d9-45a8-a17a-fc54aadbf99d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อาการความดันโลหิตสูงเมื่อมีความดันโลหิตสูง🩸 คุณแม่จะมีอาการปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว และอาจเห็นแสงแวบๆ รวมถึงร่างกายจะมีอาการบวม และมีอาการจุก แน่น บริเวณลิ้นปี่วิธีการดูแลรักษาคุณแม่ควรพักผ่อนให้มาก โดยควรนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง และหากได้งีบระหว่างวัน 1-2 ชั่วโมงก็จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น หลีกเลี่ยงการทำงานหนักและทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้นะคะ&nbsp;หากมียา💊ลดความดันโลหิตที่ทานมาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนว่าสามารถทานได้หรือไม่ เพราะยาบางอย่างไม่ควรทานระหว่างตั้งครรภ์ และเมื่อฝากครรภ์ก็ควรไปตามนัดทุกครั้ง เพื่อทำการตรวจการทำงานของหัวใจ ตรวจไต เจาะเลือด🩸 และอื่นๆ เป็นการติดตามอาการของคุณแม่อย่างใกล้ชิด ขณะอยู่บ้านคุณแม่สามารถตรวจวัดความดันโลหิตเอง และจดบันทึกให้เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคุณหมอในการวินิจฉัยได้นะคะ<hr>การป้องกัน<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2102/507dd61a-952f-48a4-b1ec-43705ed2c039.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">โดยทั่วไปแล้ว ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์จะหายไปเองได้หลังคลอดบุตร 4-6 สัปดาห์ แต่หากยังมีอาการความดันโลหิตสูงอยู่ ให้พบแพทย์ เพื่อทำการตรวจครรภ์ ระดับความดันโลหิต และตรวจปัสสาวะคุณแม่สามารถป้องกันความดันโลหิตสูงได้🩸 โดยการออกกำลังกายเป็นประจำ (แต่ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อความปลอดภัย) ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยจำกัดปริมาณอาหารที่มีโซเดียม และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้ยาเสพติด ไม่ควรหาซื้อยา💊ทานเองโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์หากมีภาวะความดันโลหิตสูงคุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายอื่นๆ ได้นะคะ&nbsp;

ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์

แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่การตัดเล็บทารกเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เราจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการตัดเล็บลูกน้อยมากฝากในบทความนี้<hr>ความสำคัญของการตัดเล็บทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2305/dc545acc-20db-4b06-a56b-6e961ebc5c22.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ทำไมต้องตัดเล็บทารกคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการตัดเล็บ💅ของลูกน้อยวัยทารกเป็นอย่างมากเนื่องจากเล็บยาวจะทำให้เกิดรอยขีดข่วน หรือบาดแผลบริเวณใบหน้าของทารกได้✨สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ควรศึกษาวิธีการตัดเล็บทารกที่ถูกต้องและเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตัดเล็บให้กับลูกน้อย👶 คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยกันเพื่อให้การตัดเล็บลูกน้อยง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ที่ตัดเล็บสำหรับทารก ไม่ควรใช้ที่ตัดเล็บของผู้ใหญ่<hr>ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการตัดเล็บทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2305/0fe4f232-9160-42ff-94d2-4fc2756f6b7b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ช่วงกลางวันช่วงกลางวันในขณะที่มีแสงสว่างเพียงพอทำให้คุณพ่อคุณแม่มองเห็นได้ชัดเจนและตัดเล็บได้ง่ายกว่าช่วงกลางคืน🌙หรือในที่มืดที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ✨ช่วงทารกหลับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างมากในการตัดเล็บทารก👶เนื่องจากทารกจะไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้ง่ายต่อการตัดเล็บ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรตัดเล็บอย่างเบามือและระมัดระวังเพื่อไม่ให้ทารกตื่น✨ช่วงหลังอาบน้ำหลังอาบน้ำเป็นช่วงที่เล็บอ่อนตัวทำให้ง่ายต่อการตัดเล็บ💅จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่จะต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเพราะทารกมีการเคลื่อนไหวซึ่งอาจก่อให้เกิดให้เกิดบาดแผลขึ้นได้ เช่น การตัดโดนเนื้อ เป็นต้น<hr>ที่ตัดเล็บสำหรับทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2305/dca744a5-b36c-40d8-8744-440136580ac7.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨กรรไกรตัดเล็บกรรไกรตัดเล็บเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ได้ดีในการตัดเล็บ💅ทารกและปลอดภัยตจากเชื้อโรคเนื่องจากจะไม่มีเศษเล็บหรือเศษเนื้อติดค้าง แม้ว่าอาจจะใช้ยากในช่วงแรก จึงต้องฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ เมื่อใช้เสร็จแล้วควรทำความสะอาดทุกครั้ง✨ตะไบตัดเล็บเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ง่ายและปลอดภัย ทำให้เป็นที่นิยม แต่อาจมีราคาสูงกว่าที่ตัดเล็บแบบอื่น &nbsp;✨ที่ตัดเล็บแบบคลิปแนะนำว่าควรใช้ที่ตัดเล็บแบบคลิปเมื่อทารก👶โตในระดับหนึ่ง เนื่องจากเราไม่สามารถมองเห็นว่าที่ตัดเล็บเข้าไปลึกแค่ไหน จึงมีความเสี่ยงที่จะตัดเข้าเนื้อได้ง่าย การใช้ที่ตัดเล็บแบบนี้จึงต้องมีความชำนาญและควรใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง&nbsp;

ตัดเล็บทารก ทำยังไงน้า?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่🤱 (Breastfeeding) ถือเป็นสิ่งที่คุณแม่หลังคลอดมักกังวลเสมอหากคุณแม่ไม่สามารถผลิตน้ำนมให้ลูกดื่มได้อย่างเพียงพอได้ แต่อย่าเพิ่งกังวลกันไปค่ะ เรามี 9 วิธีธรรมชาติที่จะช่วยเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่ได้ จะมีวิธีไหนบ้าง เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ความสำคัญของน้ำนมแม่✨น้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับทารก&nbsp;เพราะว่าน้ำนมแม่สามารถให้พลังงานและสารอาหารทั้งหมดที่ทารกต้องการในเดือนแรกหลังคลอดได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน🛡️ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก อีกทั้งยังมีแอนติบอดีที่ปกป้องทารกจากการติดเชื้อ🦠และโรคต่าง ๆ ซึ่งสำคัญมากกับระบบภูมิคุ้มกันของทารกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ตั้งแต่แรกเกิด หากทารกดื่มนมแม่ไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงที่เรียกว่า “ภาวะโภชนาการต่ำ” อาจทำให้เกิดภาวะแคระแกร็นที่ส่งผลให้ความสูงของเด็กต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอายุเด็กในวัยนั้น&nbsp;<hr>9 วิธีช่วยเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่1️⃣ ให้นมลูกทันทีที่ลูกคลอดเมื่อคุณแม่คลอดเจ้าตัวเล็กออกมาแล้ว อย่ารอนานเกินไปที่จะเริ่มให้นมลูก เพราะการให้นมช้าอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำนมได้ เราขอแนะนำให้คุณแม่พยายามอุ้มเจ้าตัวเล็กและให้นมลูกในทันทีหลังคลอด🤱2️⃣ พยายามให้นมลูกบ่อยๆทุกครั้งที่คุณแม่ให้นมลูกหรือปั๊มนมออกมาจะทำให้ฮอร์โมนโปรแลคตินทำงานและกระตุ้นให้เต้านมผลิตน้ำนมออกมา คุณแม่ควรให้นมลูก 8-12 ครั้งต่อวันเพื่อรักษาระดับการผลิตน้ำนม✅3️⃣ ให้นมจากเต้านมทั้งสองข้างคุณแม่ควรสลับให้นมลูกด้วยเต้านมทั้งสองข้างทุกครั้ง เพราะการให้ลูกดูดนมจากเต้านมทั้งสองข้างสามารถช่วยเพิ่มการผลิตน้ำนม🍼 และยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณแม่เกิดอาการคัดตึงหน้าอก&nbsp;ดังนั้นหากลูกดูดนมจนอิ่มด้วยเต้านมเพียงข้างเดียว คุณแม่สามารถทำต่อได้เองโดยการปั๊มนมอีกข้างหนึ่ง4️⃣ หลีกเลี่ยงยาเสพติด แอลกอฮอล์ และบุหรี่ในระหว่างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เราไม่แนะนำให้ใช้ยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน รวมไปถึงยาคุมกำเนิดบางชนิด นอกจากนี้ ไม่ว่าคุณแม่จะให้นมลูกหรือไม่ก็ตามควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่🚬ด้วยเช่นกัน5️⃣ คุณแม่ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คุณแม่ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เป็น “เฮลตี้มัม” โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ผัก🥦 ผลไม้🫐 และอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ💧 นอกจากนี้ต้องพยายามควบคุมอารมณ์และหลีกเลี่ยงแรงกดดัน รวมไปถึงความเครียดที่อาจส่งผลทำให้น้ำนมแม่ผลิตได้น้อยลง6️⃣ ปั๊มนมด้วยเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าพยาบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านการผดุงครรภ์แนะนำให้คุณแม่ปั๊มนมด้วยเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าวันละ 1 ชั่วโมง ปั๊ม 20 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที พัก 10 นาที ปั๊ม 10 นาที โดยทำแบบนี้ติดต่อกันไปหลายๆ วันเพื่อเป็นการส่งสัญญาณ🚨สู่ร่างกายของคุณแม่และกระตุ้นการผลิตน้ำนม7️⃣ ใช้ท่าทางในการให้นมลูกที่ถูกต้อง&nbsp;วิธีแนบหัวนมระหว่างให้นมลูกอาจส่งผลต่อการผลิตน้ำนมของคุณแม่ได้เช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริง คุณแม่ควรจะให้เจ้าตัวเล็กดูดนมด้วยท่าทางที่ถูกต้อง เนื่องจากจะช่วยป้องกันไม่ให้หัวนมเป็นแผล เกิดการเสียดสี และเกิดอาการเจ็บหัวนมได้ ดังนั้น คุณแม่ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้าตัวเล็กได้แนบปาก👄เข้าไปจนถึงฐานของหัวนม เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บของหัวนมได้แล้ว ยังสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมให้กับคุณแม่ได้อีกด้วยนั่นเองค่ะ&nbsp;8️⃣ พยายามไม่เครียดเพื่อให้ได้น้ำนมที่ดีที่สุด คุณแม่ต้องใส่ใจกับการควบคุมอารมณ์ในขณะที่ให้นมลูก เพราะปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้คุณแม่ผลิตน้ำนมได้น้อยลง เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า คุณแม่สามารถฟังเพลงที่ชอบ🎧หรือทานอาหารที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้น เช่น เค้ก หรือ ช็อกโกแลต🍫 เป็นต้น9️⃣ ทานอาหารที่กระตุ้นการผลิตน้ำนมคุณแม่ควรเพิ่มการทานอาหารที่สามารถช่วยเพิ่มการผลิตน้ำนมให้กับคุณแม่ได้ เช่น อัลมอนด์ ผักหวาน🥬 อินทผลัม ลูกซัด และ DHA&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ดังนั้นคุณแม่ควรทำตามวิธีเหล่านี้ และควรเรียนรู้วิธีเพิ่มฮอร์โมนโปรแลคติน เพราะเมื่อโปรแลคตินหลั่งออกมามาก ก็จะช่วยกระตุ้นให้เต้านมผลิตน้ำนมมากขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ🤱

9 วิธีธรรมชาติที่จะช่วยเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่

아이의 숨구멍이라는 &lsquo;대천문&rsquo;은 태어난 지 얼마 되지 않은 아이의 두개골에서 발견할 수 있는데요. 일반적으로 머리 앞과 뒷부분에 크고 작은 형태를 가지고 있으며, 각각 &lsquo;대천문&rsquo;과 &lsquo;소천문&rsquo;이라 불려요.💁 이러한 숨구멍은 일정 시간이 지나면 닫히기 때문에 그만큼 유연하므로 주의가 필요하답니다. 그럼 &lsquo;대천문&rsquo;에 대해 알아볼까요?<hr>대천문에 대해 자세히 알아봅시다!<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1065/fb84a224-2d3e-4e4d-9e15-c996133cfafc.gif" style="width: 100%;">대천문은... 블라블라~(화난 거 아님)🍋대천문과 소천문태어난 지 얼마 되지 않은 아이의 골격은 성인과 다르게 매우 유연하고 약한데요. 두개골 역시 마찬가지예요. 만약 아이의 두개골이 어른처럼 발달했다면, 출생 시 자궁 밖을 나오기 힘들었을 거예요. 또한, 두개골 안에 있는 뇌 성장도 이루어지기 힘들겠죠. 신기하게도 우리의 인체는 이러한 점들을 고려해서 만들어지는데요. 이러한 이유로 신생아의 머리에는 &lsquo;천문&rsquo;이 있답니다. 천문은 두개골 앞쪽에 다이아몬드 형태💎의 큰 &lsquo;대천문&rsquo;과 뒷통수 근처의 작은 &lsquo;소천문&rsquo;이 있어요.&nbsp;🍋이러한 숨구멍이 있는 이유는 무엇인가요?아이의 두개골에 천문이 있는 이유는 앞서 언급했다시피 엄마 뱃속에서 더욱 유연하게 나오기 위해서, 또 뇌 성장을 위해서예요. 따라서 보통 임신 후반기와 출생 초반기 성장을 위한 기관이라고 생각하면 된답니다.😉 통상적으로 소천문은 생후 3개월 경, 대천문은 생후 12~18개월 전후로 닫힌다고 해요. 그래서 이 시기에 천문이 있는 곳을 만져보면 딱딱함이 느껴진답니다. 그러나 천문이 닫히는 시기가 너무 빠르거나 느릴 경우 임상적인 소견이 있을 수도 있으니 아이를 잘 관찰해주세요.&nbsp;<hr>특별히 유의해야 할 사항은요?&nbsp;<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/1065/2ad15560-bde7-4ef8-9b65-a4aab654f7ae.gif" style="width: 100%;">(헉) 이건 몰랐어!보통 생후 24개월 이전까지 열려 있는 대천문은 아직 뼈가 아니기 때문에 유의할 필요가 있어요.💥 이곳에 압력이 가해질 경우, 뇌에 직접적인 힘이 닿기 때문이죠. 따라서 평소 천문 부위에 센 압력과 힘이 가해지지 않도록 유의해주세요.대천문의 크기와 닫히는 시기가 아이마다 다르므로, 형태와 시기에 관해 너무 우려할 필요는 없어요. 하지만 아이의 머리 모양이 비대칭이거나 언어/인지발달에 지연이 의심된다면, 전문가를 꼭 만나보시길 권해요.

우리 아이 숨구멍 대천문 정복하기

&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณพ่อคุณแม่ล้วนอยากให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี👩‍🏫 ดังนั้นการวางแผนการศึกษาของลูกเพื่อเป็นการรองรับถึงค่าใช้จ่ายตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงลูกจบปริญญาโทนั้นต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแม่ทราบกันแล้วค่ะ💁‍♀️<hr>3 ทางเลือกการศึกษาของลูก✨การศึกษาแบบประหยัดหมายถึง การที่คุณแม่ส่งรูปไปเรียนโรงเรียนรัฐบาล🏫 มหาวิทยาลัยรัฐ ซึ่งค่าเทอมนั้นจะได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลค่ะ✨การศึกษาแบบปานกลางหมายถึง การที่คุณแม่ส่งรูปไปเรียนโรงเรียนเอกชน โรงเรียนในเครือคาทอลิก✝️ และมหาวิทยาลัยเอกชน เหมาะสำหรับครอบครัวของคุณแม่ที่มีฐานะทางการเงินดีในระดับปานกลางจนถึงค่อนข้างดีมาก✨การศึกษาแบบจัดเต็มหมายถึง การที่คุณแม่ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ ไปจนถึงการที่คุณแม่ส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ🌍 ซึ่งเหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน จึงสามารถซัพพอร์ตลูกได้อย่างเต็มที่ค่ะ💯&nbsp;ตารางแสดงค่าใช้จ่ายรายปีของการศึกษาทั้ง 3 แบบตารางสรุปค่าใช้จ่ายของ 3 ทางเลือกการศึกษาของลูกตลอดระยะเวลาอนุบาลจนถึงปริญญาโท <hr>ควรเตรียมเงินไว้เท่าไหร่สำหรับค่าเล่าเรียนของลูก📊วางแผนการเงินระยะยาวการที่คุณแม่แพลนจะซัพพอร์ตลูกให้เรียนไปถึงปริญญาโท และยิ่งเป็นปริญญาโทที่ต่างประเทศซึ่งล้วนมีค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นหลักล้านต่อปี ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนการศึกษาโดยต้องคำนึงถึงเงินก้อนใหญ่💰ไว้รับรองค่าศึกษาและควรจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาวมาช่วยแบ่งเบาค่าศึกษาเหล่านี้ ซึ่งหากแพลนจะให้ลูกเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ🇬🇧 ประเทศอเมริกา🇺🇸 ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ทราบแล้วใช่ไหมคะว่ากว่าจะส่งเสียให้ลูกแต่ละคนเรียนจบตั้งแต่เด็กจนโตนั้นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล💸 โดยเฉพาะถ้าหากอยากส่งลูกเรียนต่างประเทศ ก็ควรวางแผนการเงินระยะยาวเพื่อเป็นการรองรับค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาการศึกษานั่นเองค่ะ

วางแผนค่าใช้จ่ายลูกตั้งแต่เกิดจนจบ ป.โท ต้องใช้เงินเท่าไร?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ภาวะหรืออาการหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในเจ้าตัวน้อยหลายคนอย่างอาการ &ldquo;ขาโก่ง&rdquo; 🦵นั้น คงสร้างความลำบากใจให้คุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย ภาวะนี้มีสาเหตุมาจากอะไร เกิดขึ้นแล้วมีความเป็นอันตรายต่อตัวเด็กเองมากน้อยแค่ไหน ในอนาคตมีโอกาสหายได้เองหรือไม่ ผู้ปกครองสามารถรักษาได้เองหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบให้คุณผู้อ่านค่ะ💁&zwj;♀️<hr>รู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนเรียกขาโก่ง<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4513/45fa7ff2-48a1-43d7-ba46-94e0d18d410a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ภาวะขาโก่งนั้นถูกระบุความหมายโดนชัดเจนไว้ว่า เป็นภาวะที่ลักษณะขาท่อนล่าง🦵ของเด็กนั้นมีความงอจนทำมุมกับขาท่อนบน (แม้จะยืนตรงๆ) จนดูเหมือนมีลักษณะบิดออกด้านนอกหรือบิดเข้าด้านใน ภาวะนี้มักพบหรือสังเกตได้ง่ายในเด็กเล็ก👶 ผู้ปกครองส่วนมากมักสังเกตได้ในช่วงที่เจ้าตัวน้อยมีอายุประมาณ 1 ขวบซึ่งเป็นช่วงพึ่งหัดเดิน🚶&zwj;♂️นั่นเอง อาการขาโก่งนั้นไม่ได้🙅&zwj;♀️บ่งบอกว่าลูกของเรากำลังเป็นโรคหรือมีความผิดปกติของร่างกายได้เพียงอย่างเดียว เพราะอันที่จริงแล้วเด็กอาจมีภาวะขาโก่งที่มาจากการเติบโตโดยธรรมชาติได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นตามวัย แต่ก็มีอาการขาโก่งที่นับว่าเป็นโรคเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นอาการขาโก่งจากการที่เนื้อเยื่อมีการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติค่ะอาการขาโก่งแบบธรรมชาติ1️⃣สำหรับเด็กเล็กในช่วง 0-2 ปีแรก🚼 แทบทุกคนนั้นจะมีลักษณะกระดูกขาที่โก่งออกไปภายนอกเป็นปกติค่ะ เพราะเป็นท่าทางเดิมจากตอนที่อยู่ในครรภ์🤰 ประกอบกับเป็นท่าทางที่จะช่วยให้เด็กที่พึ่งเริ่มหัดยืนหรือหัดเดิน สามารถรักษาสมดุลการทรงตัวได้ง่ายที่สุด2️⃣สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาเล็กน้อย👶 มีอายุอยู่ในช่วง 2-5 ปี ขาที่ค่อนข้างโก่งจะบิดกลับมาเข้าด้านในมากขึ้นเรื่อยๆ นับเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นของอาการขาโก่งโดยธรรมชาติค่ะ3️⃣สำหรับเด็กที่มีอายุมากขึ้น👦 มีช่วงอายุระหว่าง 4-7 ปี คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตว่าเด็กกลับมามีอาการขาโก่งอีกรอบ แต่รอบนี้เป็นลักษณะโก่งเข้าด้านในเล็กน้อยค่ะ4️⃣สำหรับเด็กที่ค่อนข้างโตแล้ว👨 หรือเด็กที่สามารถเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้อย่างเหมาะสม คล่องแคล่ว และมั่นคง ซึ่งก็คือเด็กที่มีอายุในช่วง 7 ปีขึ้นไปนั่นเอง แนวโน้มของขาที่โก่งเข้าไปด้านในจะมีความตรงขึ้น จนลักษณะขาโก่งนั้นหายไป มีท่อนขาที่เป็นแนวตรงในที่สุดค่ะ<hr>อาการขาโก่งแบบเป็นโรคสังเกตได้อย่างไร<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4513/2e921a8e-a5ea-423a-9475-5ae23b82ced2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">วิธีการสังเกตลูกขาโก่งแบบเป็นโรค&nbsp;👉ตามที่กล่าวไปก่อนหน้าว่า เด็กๆจะหายจากอาการขาโก่งได้เองเมื่อมีอายุประมาณ 7 ปีขึ้นไป แต่อันที่จริงแล้วแนวโน้มของอาการขาโก่งควรจะดีขึ้น พูดง่ายๆคือมันควรจะดูตรงขึ้นตั้งแต่ตอนที่เด็กมีอายุประมาณ 2 ปีค่ะ ดังนั้นหากเจ้าตัวน้อยของคุณพ่อคุณแม่👫ไม่มีทีท่าว่าอาการดังกล่าวจะดีขึ้นเลย อาจเป็นสัญญาณผิดปกติของการเจริญเติบโตในร่างกายเด็กได้ค่ะ👉ปกติแล้วหากเด็กขาโก่งแบบธรรมชาติ ขาควรจะมีลักษณะโก่งเท่ากัน🦵หรือพอๆกันทั้ง 2 ข้าง ดังนั้นหากเจ้าตัวน้อยมีอาการโก่งข้างเดียว หรือโก่งทั้ง 2 ข้างแต่ระดับความโก่งไม่เท่ากันอย่างสังเกตได้ชัดเจน ก็อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของการเจริญเติบโตได้เช่นกันค่ะ👉หากเจ้าตัวน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีภาวะขาโก่งร่วมกับภาวะน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วน🐖 ก็จะมีความเสี่ยงสูงค่ะที่จะเป็นโรคขาโก่งแบบผิดปกติ👉สำหรับเจ้าตัวน้อยบางคนที่เริ่มเดินได้🚶&zwj;♂️เร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ ก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะขาโก่งแบบเป็นโรคเช่นเดียวกันค่ะสามารถดัดขาให้หายโก่งด้วยตนเองได้หรือไม่ต้องขอยืนยันว่าไม่ได้และไม่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ🙅&zwj;♀️ เนื่องจากการดัดขาโดยผู้ที่ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเชิงกายภาพบำบัดจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บต่อเด็ก สร้างอันตรายต่ออวัยวะในร่างกายเด็กได้ ซึ่งอาจร้ายแรงจนถึงกระดูกหัก🦴เลยค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในด้านของความเชื่อสมัยก่อนที่ยังส่งต่อมาถึงตอนนี้ อย่างความเชื่อที่ว่า ถ้าให้ลูกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้วลูกจะขาโก่ง หรือการอุ้มเด็กในลักษณะเข้าสะเอว🤱จะทำให้เด็กขาโก่งนั้น ณ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุนว่าจะทำให้ขาโก่งจริง เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลนะคะ ตามที่กล่าวไปเลยค่ะ ว่าเมื่อเด็กโตขึ้นอาการขาโก่งก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง แต่หากไม่ดีขึ้นผู้ปกครองควรพาเด็กเข้าตรวจร่างกายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ👨&zwj;⚕️โดยทันทีค่ะ

ทำยังไงถ้าลูกขาโก่ง

엄마의 모유에는 필수 영양소인 탄수화물, 단백질, 지방부터 각종 비타민, 철분, 칼슘 등 많은 영양소가 있어요. 또 면역력을 올려주는 것들이 많아서 많은 분이 모유에 관심을 두고 있는데요.🙆 오늘은 모유 수유에 대한 모유량을 늘리는 방법을 알아보려고 합니다. 같이 한번 알아볼까요?<hr>모유량을 늘리기 위해서는? -음식편<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/67b91f3d-c5a0-4ee8-93b6-f070f4437676.webp" class="fr-fic fr-dib">이 세상의 모든 음식을 내놓거라🌟엄마의 건강은 곧 아기의 건강!엄마가 먹는 음식들은 모유에 크게 영향을 미치게 되는데요.👍 엄마의 균형 잡힌 식단은 아기의 건강에도 직결되는 것이에요. 모유를 먹이는 것은 엄마의 체내에서 철분, 미네랄이 많이 빠져나가기도 때문에 고단백 위주의 식단을 섭취하시는 게 좋아요. 미역국, 다시마, 시금치, 등푸른생선🐟도 모유량을 늘리는 것에 도움이 되는 음식들이에요.&nbsp;아기가 태어난 이후로는 엄마의 피로도도 모유량에 영향을 끼치는데요. 엄마의 피로가 올라갈수록 모유도 점차 줄어들게 돼요. 충분한 영양 공급과 휴식으로 엄마👩의 건강부터 챙기는 것이 중요해요.<hr>모유량을 늘리기 위해서는? -수유편<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/81bd3696-a4fa-4934-8ded-9d80bf7d9cec.webp" class="fr-fic fr-dib">우유 내놔내놔!🌟젖을 물리는 횟수 늘리기모유가 잘 나오지 않아도 자주 수유하게 되면 막힌 유선을 뚫어 모유를 잘 나오게 하고 젖몸살💢을 없애는 방법으로도 좋다고 합니다. 보통 8~10회 이상 젖을 물리고, 유두에 상처가 나면 통증은 물론이고 모유가 잘 안 나오게 돼요. 물릴 때에는 젖꼭지 부분만 물리는 것이 아닌 유륜까지 깊게 물려야 유두에 상처가 나는 일이 적어져요.😊🌟완전히 비운 뒤 다른 쪽으로모유가 잘 나오지 않아 양쪽을 번갈아가면서 수유하는 건 바람직하지 않다고 해요.📌 가슴에 있는 모유를 다 비우게 되면 &lsquo;우리 몸은 부족하니까 더 만들어야 한다&rsquo;라고 생각해 더 많은 모유를 생성하게 된다고 해요. 아기에게 젖을 물린 뒤 남은 모유는 유축기로 비워낼수록 유방에서 순환해 비워진 자리에 새로운 모유로 채워지기 때문이에요.🍀처음 나오는 모유의 성분과 나중에 나오게 되는 모유의 성분이 달라요. 처음에 나오는 전유는 수분, 유당 등으로 이루어지고 나중에 나오는 후유는 지방, 단백질 등의 성분으로 이루어집니다. 아기의👼 고른 영양소 섭취를 위해서도 한쪽을 먼저 비우고 다른 쪽으로 수유하는 것이 좋아요.🌟마사지와 모유 촉진제젖이 잘 늘어나지 않을 때는 가슴 마사지를 받는 것도 도움이 돼요.💪 유선을 자극하거나 막힌 유선을 뚫리게 해 주고, 혈액 순환에도 도움이 되기 때문에 모유량이 늘어난다고 해요.시중에 나온 모유 촉진제, 또는 모유 촉진차들이 있는데요. 이런 제품들의 도움을 받는 것도 방법이에요.🙋 모유도 액체, 수분으로 주성분이 이루어졌기 때문에 수분 섭취가 많을수록 모유도 많이 생성됩니다. 하지만 카페인은 체내 수분을 뺏어가는 성분이니 잘 살펴보시고 구매하는 것이 좋아요.

모유량 늘리는 방법

&nbsp; &nbsp; &nbsp;การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาของความท้าทายสำหรับทั้งแม่และทารกในครรภ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณแม่ๆที่มีครรภ์จะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็น เนื่องจากคนท้องส่วนใหญ่ประสบปัญหาในการเดินเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินไป ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวค่ะ💁‍♀️<hr>สาเหตุทั่วไปที่ทำให้คนท้องเดินไม่สะดวก<ul><li dir="ltr">น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น&nbsp;หญิงตั้งครรภ์มักจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อ ทำให้การเดิน🚶‍♀️มีความท้าทายมากขึ้นค่ะ</li><li dir="ltr">จุดศูนย์ถ่วงเปลี่ยนไป&nbsp;มดลูกที่กำลังเติบโตจะเลื่อนจุดศูนย์ถ่วงไปข้างหน้า ทำให้ความสมดุลของร่างกายเปลี่ยนแปลง และทำให้รักษาความมั่นคงขณะเดินได้ยากขึ้นค่ะ</li><li dir="ltr">การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ฮอร์โมนคลายตัวจะถูกปล่อยออกมาในระหว่างตั้งครรภ์🤰 ซึ่งจะทำให้เอ็นและข้อต่อคลายตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดบุตร ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงและการประสานงานขณะเดินนั่นเองค่ะ</li><li dir="ltr">ความเหนื่อยล้าและไม่สบายตัว การตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและไม่สบายตัว ทำให้ยากต่อการรักษารูปแบบการเดินตามปกติ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น🩸 และพุงที่โตขึ้นสามารถทำให้เกิดสิ่งนี้ได้ค่ะ</li><li dir="ltr">อาการบวมและการเก็บของเหลว หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากมีอาการบวมที่ขา🦵และเท้าเนื่องจากการกักเก็บของเหลว ซึ่งอาจทำให้เดินไม่สะดวกและลำบากค่ะ<hr>คนท้องยืนนานๆ ส่งผลกับทารกในครรภ์ยังไงบ้าง</li><li dir="ltr">การยืนเป็นเวลานานในระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อทั้งผู้ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้ เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ยืนเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตบริเวณส่วนล่างของร่างกาย รวมถึงขาและเท้าลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวม เส้นเลือดขอด และไม่สบายได้ค่ะ🤒</li><li dir="ltr">ในแง่ของทารกในครรภ์ การไหลเวียนของเลือด🩸ในมารดาที่ลดลงอาจส่งผลต่อออกซิเจนและสารอาหารที่จัดหาให้กับทารก การยืนเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักแรกเกิดต่ำ แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอาชีพที่ต้องยกของหนักหรืองานที่ต้องใช้แรงมากก็ตามค่ะ</li></ul>หากจำเป็นต้องยืนนานๆ นี่คือข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์<ol><li dir="ltr">สวมรองเท้าที่ใส่สบาย👟 ใช้รองเท้าที่มีการรองรับและช่วยลดแรงกระแทกที่เท้าและขาของคุณแม่ค่ะ</li><li dir="ltr">หยุดพักทุกครั้งที่เป็นไปได้ หาโอกาสนั่งพักผ่อน💺 แม้แต่การพักช่วงสั้นๆ ก็ช่วยผ่อนคลายร่างกายได้ค่ะ</li><li dir="ltr">ใช้ที่พักเท้า🦶 หากยืนเป็นเวลานาน ให้ลองใช้ที่พักเท้าเพื่อยกเท้าขึ้นทีละข้าง ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมและไม่สบายได้ค่ะ</li><li dir="ltr">ฝึกท่าทางที่ดี ยืนโดยให้ไหล่ไปข้างหลัง ยกหน้าอกขึ้น และกระจายน้ำหนักให้เท่ากันทั้งสองเท้า หลีกเลี่ยงการคุกเข่าค่ะ🧎‍♀️</li><li dir="ltr">สวมชุดพยุงตัว🎽 ลองใช้ชุดพยุงตัว เช่น ถุงน่องรัดหน้าท้องหรือผ้ารัดหน้าท้อง ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและลดอาการบวมค่ะ</li><li dir="ltr">ขยับน้ำหนัก ถ่ายน้ำหนักจากเท้าข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งเป็นประจำเพื่อหลีกเลี่ยงการกดดันบริเวณใดบริเวณหนึ่งมากเกินไปค่ะ</li><li dir="ltr">ออกกำลังกายเบาๆ🧘‍♀️ พูดคุยกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณแม่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเบาๆ หรือการยืดกล้ามเนื้อที่สามารถช่วยบรรเทาอาการไม่สบายและปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตค่ะ</li></ol>

คนท้องเดินไม่ค่อยสะดวก เดินอุ้ยอ้าย เกิดจากอะไร?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;น้ำคร่ำนั้นเป็นของเหลวที่ช่วยพยุงร่างกายของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ของคุณแม่🤰 จะช่วยลดแรงกระทบกระเทือนหรือการกดทับจากอวัยวะภายในบริเวณระบบสืบพันธุ์ ทำให้ทารกในครรภ์ได้รับแรงกระทบกระเทือนเหล่านั้นน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยในการรักษาสมดุลน้ำ💧และแร่ธาตุของทารก ควบคุมสมดุลอุณภูมิ🌡️สิ่งแวดล้อมรอบร่างกายของทารก นับว่าเป็นหนึ่งในกลไกตามธรรมชาติของร่างกายคุณแม่ที่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยของทารกในครรภ์ แล้วถ้าหากของเหลวดังกล่าวมีปริมาณที่น้อยกว่าปกติ จะส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์อย่างไรได้บ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ💁&zwj;♀️<hr>ทำความรู้จักภาวะน้ำคร่ำน้อย<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4577/d22abe27-426e-4d1a-8bbb-0f49ec03f639.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ภาวะน้ำคร่ำน้อยหรือที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า &ldquo;Oligohydramnios&rdquo; เป็นภาวะที่ปริมาณน้ำคร่ำ💧ในครรภ์ของคุณแม่ต่ำกว่าปกติ โดยทั่วไปคุณแม่จะมีปริมาณน้ำคร่ำประมาณ &nbsp;700-900 มิลลิลิตร แต่คุณแม่ที่ประสบกับภาวะนี้จะมีน้ำคร่ำเพียง 100-300 มิลลิลิตร หากคุณผู้อ่านจินจนาการไม่ออก คุณแม่จะมีปริมาณน้ำคร่ำเพียงประมาณ 1-4 ของน้ำอัดลมขวดลิตรเท่านั้นค่ะ ในบางรายอาจลดลงเหลือเพียง 2-3 มิลลิลิตรเท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งการที่น้ำคร่ำมีปริมาณน้อยนี้มักจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านการเจริญเติบโตของทารก🚼 รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนต่างๆตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะสาเหตุของการเกิดภาวะน้ำคร่ำน้อยมีโอกาสที่จะเกิดจากความผิดปกติของร่างกายทารกในครรภ์เองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม🧬 ความผิดปกติของระบบอวัยวะต่างๆในร่างกาย มักจะเกี่ยวข้องกับระบบรักษาสมดุลและแร่ธาตุ เช่น ความผิดปกติในการทำงานของไต การอุดตันของท่อระบบทางเดินปัสสาวะ สิ่งเหล่านี้เป็นผลกระทบจากภาวะที่ทารกโตช้าในครรภ์🤰ได้เช่นเดียวกันค่ะ ระบบต่างๆในร่างกายจึงไม่สมบูรณ์ หรืออาจมีสาเหตุมาจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวทารกเอง ยกตัวอย่างเช่นความผิดปกติของรกแม่ หรือการเกิดภาวะน้ำคร่ำรั่ว คุณแม่มีภาวะเบาจืด ครรภ์เป็นพิษ การที่คุณแม่ใช้ยาบางกลุ่ม💊 หรือมาจากภาวะที่เกี่ยวกับแฝดในกรณีที่คุณแม่มีลูกแฝด👯&zwj;♂️ก็เป็นไปได้เช่นกันค่ะความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์👉ทารกในครรภ์มีโอกาสโดนมดลูกของคุณแม่กดทับบริเวณผนังทรวงอก ทำให้ปอด🫁และผนังทรวงอกขยายตัวได้ไม่เต็มที่ค่ะ👉ทารกมีโอกาสที่จะรับน้ำเข้าไปในทางเดินระบบหายใจ😪ของปอดไม่ได้ ทำให้พัฒนาการของปอดเป็นไปได้ช้าลงหรืออาจหยุดการเจริญไปเลยค่ะ👉เนื่องจากภาวะดังกล่าวส่งผลต่อพัฒนาการการเจริญของปอด หากปอดหยุดพัฒนาก็จะส่งผลให้ทารกมีการทำงานของปอดที่ผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์🤰ค่ะ👉มีความเสี่ยงที่จะทำให้ทารกมีภาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่า&nbsp;กลุ่มอาการพอตเตอร์&nbsp;หรือ&nbsp;Potter syndrome&nbsp;ซึ่งจะเป็นภาวะที่อวัยวะภายนอกต่างๆ (ส่วนใหญ่จะเป็นระยางค์) รวมไปถึงใบหน้าของทารกผิดรูป🫠 ไปจนถึงอวัยวะภายในที่ผิดปกติอย่างอาการปอดแฟบ เมื่อปอดแฟบก็จะทำให้ทารกสามารถรับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ส่งผลให้เกิดกวามผิดปกติด้านพัฒนาการของสมอง🧠ตามมาค่ะ👉ในคุณแม่ที่มีอายุครรภ์น้อยๆ มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ทารกเสียชีวิต💀ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะ เบาลงมาหน่อยก็จะเป็นการที่ทารกพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ตามอาการต่างๆที่เราได้กล่าวมาในข้อด้านบนค่ะ<hr>แนวทางการรักษาภาวะน้ำคร่ำน้อย<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/boards/4577/7aa5b755-b01c-4fd6-88e6-52bf86798972.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">วิธีที่ 1️⃣การให้คุณแม่รับประทานน้ำเพิ่มขึ้น🍶 ถือเป็นการบรรเทาภาวะน้ำคร่ำน้อยที่คุณแม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ทำได้ชั่วคราวในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นค่ะวิธีที่ 2️⃣แพทย์อาจเลือกใช้วิธีเติมน้ำคร่ำ หรือมีการใช้สารเคลือบถุงน้ำคร่ำ หากวินิจฉัยว่าการที่น้ำคร่ำน้อยนั้นเกิดจากการที่ถุงน้ำคร่ำของคุณแม่มีการรั่ววิธีที่ 3️⃣ในกรณีที่แพทย์วินิฉัยว่าภาวะน้ำคร่ำน้อยของคุณแม่มาจากการเจริญเติบโตที่ช้าของทารกในครรภ์ แพทย์👩&zwj;⚕️จะทำการรักษาภาวะเจริญเติบโตช้าไปด้วยอย่างเหมาะสมค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าทารกมีการเจริญเติบโตที่ช้าจากสาเหตุใด&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ตาม ภาวะน้ำคร่ำน้อยถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงค่ะ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต💀ของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ได้เลย ดังนั้นการฝากครรภ์ไว้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสังเกตภาวะความผิดปกติในร่างกายของคุณแม่เองค่ะ หากพบอาการแปลกๆที่ไม่ควรจะเกิดในช่วงอายุครรภ์นั้นๆ ก็ไม่ควรละเลย และควรรีบเข้าพบแพทย์เจ้าของครรภ์👩&zwj;⚕️ทันทีค่ะ

น้ำคร่ำน้อย อันตรายต่อลูก!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 มีประโยชน์มากมายสำหรับทั้งแม่และลูกน้อยที่กำลังเติบโต การออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดิน โยคะก่อนคลอด🧘‍♀️ ว่ายน้ำ และพิลาทิสก่อนคลอด สามารถช่วยรักษาสมรรถภาพโดยรวม เพิ่มระดับพลังงาน และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการคลอด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างและใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนด้วยนะคะ💁‍♀️<hr>ความสำคัญของการออกกำลังกายในช่วงไตรมาสที่ 2ไตรมาสที่ 2 ถือเป็นระยะตั้งครรภ์ที่สบายที่สุด✅ ในช่วงเวลานี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอาการแพ้ท้องและความเหนื่อยล้าลดลงในขณะที่เพลิดเพลินกับระดับพลังงานที่เพิ่มขึ้น การออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงเวลานี้สามารถช่วยรักษาสมรรถภาพโดยรวม ปรับอารมณ์ เพิ่มระดับพลังงาน ส่งเสริมการนอนหลับให้ดีขึ้น😴 และเตรียมร่างกายสำหรับการคลอดลูกค่ะวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม<ul><li dir="ltr">การเดินเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่มีผลกระทบต่ำซึ่งปลอดภัยและเป็นประโยชน์ในระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยปรับปรุงการไหลเวียน รักษาน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา🦵 ตั้งเป้าเดินเร็วอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ห้าวันต่อสัปดาห์ค่ะ</li><li dir="ltr">โยคะก่อนคลอด🧘‍♀️ โยคะนำเสนอการยืดกล้ามเนื้อ การหายใจ และเทคนิคการผ่อนคลายอย่างอ่อนโยน ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่น ความสมดุล และท่าทางพร้อมทั้งลดความเครียด การเข้าร่วมชั้นเรียนโยคะก่อนคลอดที่ออกแบบมาสำหรับสตรีมีครรภ์โดยเฉพาะจะช่วยให้ได้รับคำแนะนำและการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสมค่ะ</li><li dir="ltr">การว่ายน้ำ🏊‍♀️ เป็นตัวเลือกการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากช่วยพยุงตัว บรรเทาอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ และลดอาการบวม เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำและอ่อนโยนต่อข้อต่อและเป็นการออกกำลังกายทั่วร่างกายค่ะ</li><li dir="ltr">พิลาทิสก่อนคลอด พิลาทิสมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง ปรับปรุงท่าทาง และเพิ่มความยืดหยุ่น ชั้นเรียนพิลาทิสก่อนคลอดดัดแปลงมีให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของสตรีมีครรภ์ค่ะ🤰</li></ul><hr>กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง<ul><li dir="ltr">สัมผัสกับกีฬาหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มหรือบาดเจ็บที่ช่องท้อง เช่น ฟุตบอล🏀 บาสเก็ตบอล ขี่ม้า เล่นสกี หรือยิมนาสติกค่ะ</li><li dir="ltr">การออกกำลังกายที่ต้องนอนหงายเป็นเวลานาน&nbsp;เนื่องจากอาจจำกัดการไหลเวียนของเลือด🩸ไปยังทารกได้ ปรับเปลี่ยนการออกกำลังกายเป็นท่าเอนหรือนอนตะแคงค่ะ</li><li dir="ltr">กิจกรรมที่ทำให้เกิดความตึงเครียดที่ข้อต่อมากเกินไปหรือเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวกะทันหันและกระตุก เช่น แอโรบิกที่มีแรงกระแทกสูงหรือการยกน้ำหนักอย่างรุนแรงค่ะ🏋️‍♀️<hr>การป้องกันภาวะแทรกซ้อนขณะออกกำลังกาย</li><li dir="ltr">ปรึกษากับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณแม่ ก่อนที่จะเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายใดๆ ให้ปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพ👨‍⚕️ของคุณแม่เพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งครรภ์ของคุณแม่ดำเนินไปตามปกติและการออกกำลังกายปลอดภัยสำหรับคุณแม่และลูกน้อยค่ะ</li><li dir="ltr">วอร์มอัพและคูลดาวน์ เริ่มต้นเซสชันการออกกำลังกายแต่ละครั้งด้วยการวอร์มอัพเบาๆ🧘‍♂️ และจบลงด้วยช่วงคูลดาวน์เพื่อเตรียมร่างกายและป้องกันกล้ามเนื้อตึงค่ะ</li><li dir="ltr">รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น ดื่มน้ำปริมาณมากก่อน💧 ระหว่าง และหลังการออกกำลังกายเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและควบคุมอุณหภูมิของร่างกายค่ะ</li><li dir="ltr">สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม&nbsp;เลือกเสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี และรองเท้า👟ที่พยุงตัวเพื่อรักษาความสบายและป้องกันความร้อนสูงเกินไปค่ะ</li><li dir="ltr">ใส่ใจกับความรู้สึกไม่สบาย&nbsp;ความเจ็บปวด หรือหายใจไม่สะดวกในระหว่างออกกำลังกาย😮‍💨 ปรับเปลี่ยนหรือหยุดกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายและปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณแม่หากจำเป็นนะคะ</li></ul>

กิจกรรมออกกำลังกายที่แนะนำสำหรับช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสอง 


가온이는 모윰젖병 + 모윰 젖꼭지 2단계랑
닥브 젖병+ 베베그로우 젖꼭지 M 쓰는데

모윰은 요즘 흡착이 너무 심하고...
베베그로우는 모윰 2단보다 좀 느려서
가온이가 답답한지 
배고플때 먹이면 짜증 내더라구요....
슬슬 단계업을 해줘야하나 고민이 되는데
Y컷을 잘 먹을까 걱정도 되서...😭

Y컷으로 먹이고 계신 분들 계시면
적응 어떻게 시키셨는지 궁금해요.

우선 세트 1개씩만 주문해서
몇개만 Y컷으로 바꿔서 줘볼까하는데 
이렇게 적응시키면 될까요?!...


팁 공유는 사랑입니당..💛

혹시 다들 지금 Y컷 젖꼭지 쓰시나요?

🙂‍↕️아직 젖꼭지 업그레이드 안한 엄마 반성해야겠넉요 저 아직 1단계랑 s에서 못벗어나고 있어요😭
근데 일단 한세트 사서 번갈아가면서 적응되면 전체적으로 바꾸는게 좋을 것 같애요

저 헤겐 2단계에서 3단계로 바꿔줘야겠다싶어서 샀는데 켁켁거리길래 다시 2단계로 내려왔어요!
근데 최근에 수유하다가 자꾸 뒤집으려고 난리치길래 추빨대를 사야하나 고민하고 있어요 ㅠㅠ

어 ... 세히는 m도 l사이즈도 권장 하기 한두달전에 바꿨어요 m 사이즈는 콧줄중일땐데 너무 못먹으니 바꿔주면 더 잘나와서 먹지 않을까 하는 맘에 바꿔줫는데 이틀정돈 좀 흘러도 잘먹어서 그냥 뒀고 l 사이즈 바꾼것도 촵촵? 첩첩? 소리가 나서 작은가 하고 한달반?정도 일찍 바꿔줬는데 똑같이 첨엔 흐르고 켁켁했는데 그냥 적응하더라구요 애가 엄마닮아 그러려니 하는지 ... ㅋㅋㅋ 세힌 수월했어요

저 얼마전에 모윰 3단계로 바꿨어요 전 흡착 여지껏 없었는데 3단계 올리니 흡착 심해서 구멍 한번 더 뚫어주니 흡착 없더라구요 그 배달오면 비닐 뜯는거 그거로 한범 더 뚫었어요 ㅋㅋㅋ한번 먹여봤더니 잘먹길래 그냥 올렸어요 저도 첨엔 반반 나눠서 쓰다가 잘먹길래 다 바꿨어요

란시노 쓰는데 란시노Y컷은 조금 벅차해서 유속, 유량 느린 다른 Y컷 쓰다가 적응 후에 란시노로 다시 돌아왔어요 

저는 더블하트 와이컷쓰는데 잘쓰고있어용 M사이즈먹이고있어용  흡착없이 쪽쪽잘빨아용

저희 아기 140일? 그쯤부터 모윰 4단계 사용중이에요 !
모윰 흡착 너무 심해서 안쓰고 란시노 L사이즈 사용하려했더니 저희 아기는 약간 단단한 재질을 좋아하는지 란시노보단 모윰을 훨씬 좋아해서 모윰 그냥 정착,,,,
일단 모윰거는 세척, 소독하고나면 무조건 산적꼬치 (거의 나무 젓가락두께의 꼬치)로 통기구멍 한번 더 뚫고 사용해요
그리고 틈틈히 기억날때마다 뚫어서 사용하고 있어요 ㅎㅎ... 한번 뚫었어도 또 열탕하고 그러면 가끔 막히기도 하더라구요

그리고 모윰3단계, 란시노M도 y컷인데 이건 진짜 잠깐 한 2주 쓰고 바로 다음단계 넘어갔던것 같아요 !

130일부터 분유를 너무 안먹길래 이것저것 시도하다가 베베그로우 L, Y컷으로 바꿨어요~ 아기는 생각보다 적응잘하던데요? 원래 쓰는 단계랑 같이 써보세요~ 저도 M,L 번갈아가며 썼어요!

베베그로우 m 쓰는데 협착도 심하고 애가 먹는 속도 답답해하는 거 같아 L쓰니까 먹다가 계속 사레들려요. ㅠㅠ
S에서 m 갈아탈때는 입에 좀 줄줄 흐르는 정도라 적응할때까지 기다렸는데, 사레가 걸려버리니 이건 못 갈아타겠더라구요.

140일에 먹는거 엄청 답답해해서 더블하트 Y컷으로 바꿔줬는데 이게 자기가 빨아야 나오는거라 먹다가 좀 버겁다싶으면 알아서 쉬었다가 먹고 하더라구요. 한번 먹여보고 괜찮으면 그냥 쭉 먹이셔도될것같아요. 
M으로 먹일땐 너무너무 답답해했어가지규ㅠㅠ 거의 30분 넘게 씨름해서 먹였었는데 L로 바꾸고나니 10분컷👍 
근데 전 오히려 베베그로우가 흡착 심했는데 흡착되는것두 애바애인가보네용🤔

저는 컷이먼지도 모르지만 얼마전에 더블하트 엠에서 엘로 높엿어요! 아주 잘먹어요!!! 흡착은 없는것 같아유!!!

더블하트는 M부터 Y컷인데 저는 L쓰고 있어요. M쓰다가 수유시간 길어지니까 집중력 떨어져서 수유량이 줄더라고요ㅜㅜ L로 바꾸고 두어번 사례 들리고 나니 아기가 알아서 조절하더라고요! 200ml 10분컷입니다ㅋㅋ조금만 빨아도 쑥쑥 나와서 아기가 덜 힘들어하고 좋아요! 가끔 중간에 숨쉬고 싶을때는 두손으로 젖병잡고 입에서 뺐다가 다시 넣더라고요.

&nbsp; &nbsp; &nbsp;หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่พึ่งมีเจ้าตัวน้อยแรกคลอด👶คือพัฒนาการการเคลื่อนไหวของลูกใช่ไหมคะ สำหรับการเคลื่อนไหวในขั้นตอนแรกก็คงไม่พ้นการที่ลูกสามารถพลิกตัวคว่ำได้ด้วยตนเอง แต่โดยปกติแล้วเจ้าตัวน้อยจะสามารถพลิกตัวได้ตอนอายุเท่าไหร่ ถ้าไม่สามารถพลิกตัวได้เองแต่ต้องให้คุณพ่อคุณพ่อคุณแม่ช่วย👫 แบบนี้ปกติหรือไม่ ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการฝึกอย่างไรให้ลูกสามารถพลิกตัวคว่ำได้ เราไปหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>เจ้าตัวน้อยจะสามารถคว่ำได้ด้วยตนเองตอนไหนแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ก็ต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในร่างกายค่ะ โดยปกติแล้วกล้ามเนื้อของเด็ก👶ที่มีอายุประมาณหกเดือนขึ้นไปจะมีการพัฒนาในระดับที่สามารถพลิกตัวคว่ำและหงายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ และจะมีพฤติกรรมการพลิกตัวเกิดขึ้นบ่อยเป็นธรรมชาติ แต่ในทารกที่มีอายุต่ำกว่านั้น เจ้าตัวน้อยก็สามารถเรียนรู้ที่จะพลิกคว่ำพลิกหงายได้เช่นเดียวกันแต่อาจยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ปกครองอยู่ เนื่องจากกล้ามเนื้อคอและกล้ามเนื้อแกนกลางของเด็กยังไม่พัฒนาอย่างสมบูรณ์แข็งแรงมากเพียงพอค่ะ✨ทำไมควรฝึกให้เด็กนอนคว่ำการฝึกให้เจ้าตัวน้อยค่อยๆหัดพลิกตัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการพลิกคว่ำหรือพลิกหงายจะเป็นการช่วยเสริมสร้างและพัฒนาระบบกล้ามเนื้อของเด็กค่ะ โดยกล้ามเนื้อที่จะได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษก็จะมีในกลุ่มต่อไปนี้ กล้ามเนื้อมัดใหญ่บริเวณลำคอ แขน💪 และไหล่ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณท้องซึ่งจัดเป็นกล้ามเนื้อแกนกลางของลำตัวด้วยค่ะ ประโยชน์ของการที่กล้ามเนื้อมัดเหล่านี้พัฒนาได้เร็ว ก็คือเด็กจะมีพัฒนาการทางด้านการเคลื่อนไหวได้รวดเร็วตาม เริ่มตั้งแต่การคลาน🚼 การตั้งไข่ และการเดินอย่างมั่นคงเลยค่ะ<hr>ฝึกให้เด็กนอนคว่ำได้อย่างไร👉เตรียมพื้นที่ให้เด็กหัดพลิกคว่ำ&nbsp;ต้องเป็นพื้นที่โล่งๆเรียบๆและสะอาด อาจใช้ผ้าปูหรือฟูกนุ่มๆ🧽ปูรองไว้ แต่หากเด็กไม่ชอบนอนคว่ำบนพื้นราบ คุณพ่อคุณแม่อาจแก้ปัญหาโดยการให้เจ้าตัวน้อยนอนคว่ำบนร่างกายของคุณพ่อคุณแม่ได้ เช่นการให้เด็กหัดนอนคว่ำบนหน้าอกของตนเอง ในช่วงเริ่มแรกควรใช้เวลาให้เด็กคว่ำไม่มากนัก ประมาณ 1-2 นาทีกำลังเหมาะสม และทุกครั้งที่ให้ลูกนอนคว่ำ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพฤติกรรมลูกและคอยดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ👉ใช้จังหวะเปลี่ยนผ้าอ้อมฝึกให้เด็กหัดนอนคว่ำแทนที่จะยกตัวเด็กขึ้นระหว่างสอดผ้าอ้อม คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีจับเด็กนอนคว่ำบริเวณตักแล้วจึงเปลี่ยนผ้าอ้อมแทนค่ะ&nbsp;หากเด็กไม่ชอบการนอนคว่ำ อาจแสดงพฤติกรรมต่อต้านโดยการ&nbsp; ร้องไห้งอแง😭ขึ้นมา ให้เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการใช้ของเล่น🚂มาวางใกล้ๆตัวเด็ก&nbsp;👉เล่นเหมือนม้ากระดกคุณพ่อคุณแม่อาจเล่นกับลูกในลักษณะเหมือนม้ากระดก🐴 เพื่อให้เด็กเคยชินกับมุมมองใหม่ระหว่างคว่ำตัวและเคยชินไปเองค่ะ👉ทำให้ลูกสนุกกับการคว่ำตัวหากเจ้าตัวน้อยเริ่มเคยชินหรือสนุก🥳กับการพลิกคว่ำ ให้ค่อยๆเพิ่มเวลาที่เด็กจะพลิกคว่ำให้นานขึ้น จากตอนเริ่มต้นที่ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 1-2 นาที ก็อาจเพิ่มเวลามาเป็น 10-15 นาทีจนไปถึง 1 ชั่วโมงเลยก็ได้ค่ะ👉การนอนคว่ำใช้สังเกตพัฒนาการของเด็กได้ด้วยนะหากเจ้าตัวน้อยมีอายุมากกว่า 6-7 เดือนแล้วยังไม่สามารถพลิกคว่ำพลิกหงายได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงยังไม่สามารถชันคอขึ้นหรือดันตัวให้สูงจากพื้นได้ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกของคุณพ่อคุณแม่มีพัฒนาการที่ล้าช้า มีความเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุจากการพัฒนาที่ล่าช้าของระบบกล้ามเนื้อหรืออาจมาจากเหตุผลอื่นๆ ทั้งนี้เป็นประเด็นที่ต้องการคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ👨‍⚕️ค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp;อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านคงจะเห็นแล้วนะคะ ว่าเพียงแค่พฤติกรรมการนอนคว่ำ พลิกคว่ำพลิกหงายของเจ้าตัวน้อย ก็สามารถใช้สังเกตและวัดระดับพัฒนาการของพวกเขาได้แล้ว ดังนั้นผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตทั้งพฤติกรรมและอาการผิดปกติของลูกน้อย👶 หากเข้าข่ายว่าจะมีภาวะเสี่ยงเกี่ยวกับการพัฒนาของร่างกาย ควรพาเจ้าตัวน้อยเข้ารับการตรวจร่างกายและวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ🩺👨‍⚕️ทันที ไม่เช่นนั้นเด็กอาจมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกันได้ค่ะ

ทารกคว่ำตัวเองได้ตอนกี่เดือน 

워킹맘, 워킹대디 필독! 우리 아이 애착 형성을 위한 3가지 솔루션!

스토케 뉴본세트 있는데
역방쿠 필수일까요?
없는집이 없는거 같네요..
리라스 옆잠 베개도 미국에선 금지인데 
한국에서는 필수 같고…
써보신분들이나 안쓰시고 잘 넘어가신분들
후기 부탁드려요🥹


역방쿠 & 리라스베개 필수일까요 

라라스 친구네가 지금 1개월차 아가 키우는데 효자템이라고 꼭 사라고 그러더라구여..! 잘잔대용

전 두개다 없이 키웠어요~ 있으면 아무래도 엄마가 덜 힘들거에요ㅎㅎ 써본사람들은 다 추천하더라구요

둘 다 썼지만 뒤집기하고나서부턴 무용지물이에요. 제일 짧게 쓴 육아템네요...ㅎㅎ 라라스도 뒤집으면 차분해야해요..  

라라스만 구매했어요 패키지로 저렴하기도하거 라라스는 그나마 오래? 사용할것같아서요 역방쿠는 뒤집기하면 못쓴다길래 저는 구매안했어요

역방쿠 당근으로 데려왔는데 잘 게워내는 아가라 수유 후 모빌 볼 때 진짜 잘쓰고 있어요 수유쿠션 세탁하는 날은 몸이 힘들더라구요🥲 짧게 쓰는건 당근도 괜찮은거 같아요

라라스는 필수래서 샀는데 안쓰고 지나갔어요. 애기가 불편해했고 힘들어도 등대고 자도록 하는 게 안전해요.
역방쿠는 소화시킬 때 어째도 잠깐은 세워두는 게 좋은데 쿠션 받치는 거보다 안정적이라 추천요! 스토케 뉴본은 2개월 정도면 금방 졸업해용 ㅠ

라라스 안 썼어요. 생각보다 진짜 위험한데 많이 써서 너무 놀라울 따름이에요.

저는 역방쿠 대신 역류방지침대를 썼는데 이건 뽕뽑았어요. 낮잠잘때나 잠시 집안일 할 때(트림시킨 뒤 눕혀서) 눕히고, 밤잠 잘때만 각도쿠션 빼서 사용했어요.(침대라 친정갈 때 요기나게 썼었네요)
라라스는 주변에서 많이 사용후기를 들었는데 보통 뒤집기 시작하면 소용없다해서  비추하더라구요

라라스도 역방쿠도 모두 구입했지만 아기가 둘 다 싫어해서 거의 못 쓰고 있어요 ㅋㅋㅋㅋㅋㅋ

등센서 심한 아기였어서 라라스는 한달정도 썼고 역방쿠는 계속 거부해서 안쓰고 뉴본 썼어요ㅡㅎ 역방쿠 아깝 ㅠ ㅋㅋ

라라스 애기 30일 정도부터 썼는데 애기가 좀 작은편이라 뒤집기 하고도 한참 쓰다 지금은 애착베개 됐어요 ㅋㅋ 이제 두돌 다됐는데 아주 한평생 썼네요 ㅎㅎ 둘째는 이제 30일 됐는데 안쓸수 있음 안쓰려구요~!! 

라라스같은 옆잠베개 사용중인데 아기가 40일에 8시간통잠자는 기적을보여주더라구요 ㅎㅎ 최고였어요 지금은 80일인데 뒤집기마스터한 애기인데 잘때 못뒤집게해서 더잘자서 뒤집기지옥도없었어요! 필수는아니지만 저는 주변에 무조건추천해요!!

굳이요..? 저는 역방쿠 선물 받아서 쓰기썼지만 없어도 됐을것같다 생각들었고 라라스는 왠지 다 있길래 필요할것같아 샀으나 아가가 싫어해서 10번도 못썼어요% 어느 템이나 애바애랍니다. 물론 성공 확률이 높으니 국민템이 되었겠지만 뉴본세트 있으시다하니 일단 뉴본만 써보시고 더 필요한것같다 라고 생각 되면 그때 구매하셔도 늦지 않을거에요. 우린 택배의 민족이니까요

전 라라스쓰니까 애도 불편 저도 불편 기저귀는 봐꿔도 새고 애기가 잠도 깊게 못자서 좋은지 모르겠어요....

전 역방쿠만 샀는데 안써요.. 역류방지쿠션인디 거기에만 앉으면 역류해서 안쓰고, 라라스베개는 나중에 뒤집기하면 못쓴다고 했는데 문제는 라라스베개를 끊는 게 힘들다고 하더라구요 그래요 뭣모를때 아무것도없이 수면교육 했는데 잘 되서 두개 다 없이 잘 키우고 있어요

뉴본세트 잇으면 둘다 필수는 아닌듯 해요 ㅎㅎ

저는 뉴본, 역방쿠 사용중인데 뉴본은 개인적으로 사용빈도가 낮아요ㅠ 모빌 보여주기도 어렵고 뉴본보다 역방쿠에 혼자 누워있는 시간이 길더라구요 엄마가 보기에도 뉴본 보다 역방쿠에 누워있는게 편해보이기도 합니다ㅎㅎ 뉴본은 분유줄 때 아주 가끔, 엄빠 밥먹는데 안잘때 옆에 앉혀놓는 용도로 사용해요 다 부모마음이랍니다

라라스는 첫 한두달은 잘 쓰다가 백일쯤되니 발도 걸리고 답답한지 싫어하더라구요 ㅋㅋㅋ 굳이? 없어도 되는거같은데 역방쿠는 초반에 터미타임도하고 수유후에 잠깐 눕혀놓고 모빌 보게 할때도 좋아요!

뭐든 있으면 부모가 돌아버리기 직전에 단 한번이라도 애기 재울때 먹힐때가 있습니다. 그때 얼마가 되더라도 값어치를 했다고 느끼실거에요.. 제가 그랬거든요

등대고 자는게 좋데서 라라스 안썼고
역방쿠도 위험하고 역류방지 효과도 없데서 안썼네요

역방쿠는 잘쓰고있어요 특히 뒤집기 시작하고 잠깐 자리비울때 못뒤집는 용도로 쓰니까 편하드라구여!!! 라라스는 있는데 애가 싫어해서 안쓰네영

둘다 너무 이득 많이 본 케이스에요 ㅠㅠ 
참고로 분리수면 안하고 안방에서 아기침대두고 같이 자요 ! 
역방쿠도 토방지 + 낮잠 잘때 + 치발기나 혼자 놀 때 잘 쓰고있고 (앤젤엔비꺼..) 라라스도 최고에요 .. 라라스 쓰고부터 통잠 시작했었어요 

라라스는 저희애는 안맞아서 창고행갔고 역방쿠는 유용했어요~  근데 굳이 없어도 될거같단 생각은 들었어요. 

라라스 역방쿠 둘 다 사용중인데 진짜 효자템이요👍🏻👍🏻👍🏻

진짜 애기타입에따라 필수거나 안쓰거나 그런거같아요
저는 라라스는 잘쓰긴한데 등센서 장착해서 쓰다말다하고있고 역방쿠는 개월수쫌되야 쓸수있다해서 3개월됐는데 토쟁이인데도 아직안썻어요 

필수는 아니지만 있으면 육아의 질이 올라가는건 맞는거같아요 ㅎㅎ

역방쿠는 수유하고 눕혀놓을때 잘썼어요~ 모빌이랑 같이 틀어서 주면 좋아요~ 뒤집기하기전까지 잘썼어요!
옆잠베게는 안썼어요 ㅎㅎ 머미쿨쿨로 뒤집기 하기전까지만 모로반사 잡아줬어요! 옆잠 안써도 통잠 잘 애는 자요 ㅎㅎ 저희애도 55일차부터 통잠잤어요~

라라스로 통잠 잡았고 뒤집기 시도할때 바로 졸업시켰어요 지금 7개월인데 저는 아직 수유 역방쿠에서 합니다

라라스 없이도 잘 자면 없이 키우는 거 추천이요...

세개 다 있는데 라라스가 제일 유용하긴 해요. 그런데 워낙 애바애라ㅜㅜ

물건 늘리기 싫어서 옆잠베개 살생각도 안했는데 없어도 아주아주 잘자요! 신생아때 스와들업 입혀서 모로반사만 잡아줬어요~ 60일부터 통잠잡니다ㅋㅋ 역방쿠도 역류방지기능 없다던데 그냥 젖먹이고 바로 바닥에 뉘어놓기 좀 그래서 쓰고는 있어요ㅋㅋ 근데 둘다 필템은 아닌거같아요..! 육아템중에 진짜 꼭 필요하다고 느낀건 기저귀갈이대 딱 하나였어요ㅎㅎ 나머진 그냥 상황따라 있어도되고 없어도 되고~~ 아직 아기 출생 전이면 미리 들이시지 말고 태어나고 꼭 필요하다고 느끼시면 사는거 추천이요!! 태어나면 살게 더더 많답니당

구입도 안했어요 ㅋㅋㅋㅋ 그냥 역방쿠대신 좀더 안아주고 재울때는 안겨서 잠들면 눕혀줫어용

속역류있는아기라 역방쿠 정말잘썼어요!! 라라스는 아기 거부해서 당근행되었어요 ㅠ

역방쿠는... ㅎㅎ 너무 비싸게 살 필요 없고 나눔이나 가격 저렴하게 데리고 오는건 추천하는데 잘 게우는 아기아니면 안아서 트럼 잘 시켜주면 되용 ~ 라라스는 전 없이 키웠는데 있었으면 좋았겠다싶은데 라라스 졸업이 힘들다고 다시 돌아가면 안쓴다고도 하더라구요 안사고 생활해보고 정말 필요한거같으면 그때 구매해도 안늦어용

역방쿠 라라스 둘 다 국민템이라해서 샀는데 아기가 싫어해서 못 쓰고 방치중이에요 ㅜㅜ 저희 아기는 신생아때부터 옆으로 잘 자서 라라스 안써도 괜찮고 안거나 다리에 앉혀서 소화시키니 역방쿠도 안써도 괜찮더라구요^^ 

저희 아기는 하늘보고 자는 아기라 옆잠베개  거부했어요~ 미리 살 필요는 없는거 같아요

아기 90일인데 둘다없이 키우고있어요~ 

라라스 안썼어요. 라라스 뗄 때 엄마도 아기도 힘들어하더라고요. 안 쓰길 잘했다고 생각했어요.

라라스는 안썼고 뉴본에서 잘자고 넘 좋아해서 잘썼고 역방쿠는 여행같은거 갔을때 이불에 걍 눕히기그래서 많이썼고 집에선 잘안써요 그냥 이불이나 바닥에 눕히고 모빌보여줘요

저는 없어요~ 혹시나해서 좁쌀베개는 사봤는데 효과없고 아기가 싫어했어요 ㅠ 아기한테 해놓고 나니 혹시나 걱정되는 맘에 잠도 잘 안오더라구요~ 영아돌연사 걱정되심 안사는게 좋을 거 같아요 

뉴본만 사고 나머지 저 둘은 안샀어요!

역방쿠는 선물받아서 사용했는데 잠깐씩 두는 용도(제가 밥 먹을때정도)로 사용했고, 라라스는 아예 사지 않았어요! 아기 침대에는 이불이랑 베개 포함해서 아무것도 없는게 안전하다고 해서요ㅎㅎ

똑바로 재우다가 등센서랑 모로반사가 심해서 주변에서 라라스 추천해줘서 사용했는데 완전 잘 자서 아직도 잘 사용중이에요

4갤차 아기인데 뉴본에 눕혀놓고 장난감 걸어주면 집중해서 잘놀아서 옆에 두고 밥을 먹는다던가 설거지도 하고 그래서 잘 쓰고 있구요
라라스는 선물 받았는데 저희애는 옆으로 돌려서 눕히는거 자체를 싫어해서 라라스를 아예 시도도 못했어요.. 애바애 인듯합니다
그리고 역방쿠 저는 수유할때도 눕혀 놓고 먹여서 잘 쓰고 있어요 !

역방쿠에 올려놓면 더 토해서 모빌볼때 아주 잠깐만 썼고 거의 쓴일없이 당근으로 팔았네요 라라스도 그냥 자는걸 더 잘자고 편해해서 단 하루도 쓰지못하고 세워만놓다가 팔았어요 애마다 다르겠지만 저희앤 둘다 싫어했던걸로 ㅋㅋㅋㅋ 

저도 트립트랩 뉴본세트로 역방쿠 대신 잘 쓰고 역방쿠나 다른 베개류 없이 키웠어욤!

역방쿠는 재우는 용도 말고 밥먹고 눕혀놓고 모빌보여줄때 잠깐 썼어요. 전 뉴본이 없어서 이걸 썼는데 있으시다면 굳이..? 싶고요. 라라스는 첨부터 안썼습니다. 신생아 직후 누워서 자는 수면 교육으로 넘어갔어요

애바애인거 같아요~~ 필수템은 아닌듯.. 둘 다 있으나 바닥에 더 많이 눕는 딸 맘입니다🤣🤣🤣

저는 안전때문에 역방쿠 라라스 안쓰고 키우고잇는데 불편함없어요 스와들업입혀서 재우네용 뉴본은 잠깐 눕혀듀는용으로 쓰고잇어요

라라스쓰고 통잠잤어요.. 라라스 쓰기 전에 몇번 옆으로 재우고 토닥거리다가 등에 베개 놓아주니 잘자서 샀어요ㅋㅋ 역방쿠도 엄마편한템이긴 해요

전 역방쿠 , 허그곰(라라스처럼 옆잠베개) 너무너무 잘쓰고있어요 ! 102일 아가구요 :) 역방쿠는 타이니모빌볼때 엄청 잘쓰고 , 허그곰은 진짜 꿀잠템이랍니다 .. 나중에 졸업할때가 두렵긴해요 🙂

저는 트트 뉴본이랑 역방쿠 써요 라라스는 태열때매 안쓰고 나중에 졸업하기 힘든경우도 있대서 안쓰려구요 ㅎㅎ 연습해서 그냥 등대고 자게끔 하고있어욤 트트랑 역방쿠는 쓰임새가 좀 달라서 둘 다 잘 쓰고 있어요!

전 역방쿠만 엄청 잘썼고
라라스는 안썼어요 ㅎㅎ

8개월차 둥이 육아중이에요 :) 역방쿠는 잘 개워내는 아가들이어서 유용히 잘 사용했구요, 라라스는 패쓰했는데 크게 문제는 앖었어용 ㅎㅎㅎ 역방쿠도 사용기간은 짧지만 짧은기간 뽕뽑듯 사용해서 후회는 없답니다! 엄마 마음이라 정답은 없는거 같아요 😂

전동생이 한살차이 조카가 있어서 물려받았는데 역방쿠는 초기때 잘썼구 라라스는 뒤집기 하기까지 잘썼어요~ 

둘다 쓰지않고 잘 자라고 있어요!

트트 뉴본+ 역방쿠+ 옆잠베개 다있었는데
트트 뉴본 있으니깐 역방쿠 필요없어서 당근으로 팔았어요~
옆잠베개는 필요없을거같아서 처음에 안샀는데 애기 등센서가 심해서 옆으로 눕혀 껴안고 재우다보니 애기가 옆으로 누워야 자기시작해서 옆잠베개 들이고 옆잠베개 껴안게해서 재웠어요!

역방쿠, 라라스 없이 키웠어요.
뉴본키트, 바운서도 없이 키웠답니다. 
라라스는 물려받아서 가지고 있는데도 위험해보여서 안 썼는데
100일무렵부터 뒤집으려도 꿈틀꿈틀하면서 스스로 옆잠을 자더라구요.

역방쿠는 모빌이랑 높이가 잘맞아서 밥먹이고 눕혀놓으면 쉬는시간 가질수 있어서 좋았어요 
라라스는 유명하고 좋다고 해서 구매했는데 잘모르겠어요ㅠ 필수는 아니라고 생각해요

8개월 19일 된 아기 입니다.
기존 분이분이분 으로 이유식 한끼당 160g 먹었습니다.
지금 아기가 기침 감기가 너무너무 심하게 걸려서 ㅠㅠ
분유를 먹는 족족 기침 때문에 토 를 하는데요 ㅠㅠ
감기가 일주일째 ..;; 분유량도 엄청 떨어짐 ㅠㅠ
​
아침에 또 토를해서 (이후 분유까지 거부함..)
혹시나해 이유식을 줘봤는데 160g 다먹더라고요...?
아직 중기2 하고 있는데
이참에 이기회에 이이분이분 으로 이유식 3끼 시도해 
봐도 괜찮을까요??.. ㅠ ㅠ..
만약 이유식3끼 하게되면 최대한 열심히 분유 맥여도 
하루에 총 400ml 도 안나올것같은데..
지금 기침이 심하니 이유식이라도 더 맥이는게 나을까요? ㅠㅠ
그리고 혹시 실생활에서 기침좀 좋아지게 하는 법 있을까요..?
일단 목에 손수건두르고 ㅠ 습도는 60 맞춰놓고 있습니다..
하 너무 힘드네요 ㅠㅠ 

8개월 기침너무심해서 분유토 .. 이유식 3끼 해도될까요..?ㅠ 도와주세요..

저도 애가 감기로 거의 3주가량 고생하고 밤에 기침할때  다 토하면서 가래도 섞여나오고 그게또 기관지염이되고 ㅜ 지금은 좋아졌지만 그덕분에 울 애기는 이유식을 안먹어서 이제 회복하긴 했는데 이제는 이유식을 다 먹고 분유를 안 먹네여 ㅡㅡ 
님 애기두 얼른 나았으면 좋겠네요. 나아지면 분유 다시 잘 먹을거니 지금 덜 먹는건 괜찮지 않을까요 ㅜ

흑 저희도 너무 안떨어져서ㅜ 배숙? 해보려고요ㅠ

คุณพ่อคุณแม่ทานเมื่อลูกไม่กินข้าว กินแต่ขนมและยังกินของเล่นอีก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยๆในเด็กวัยเตาะแตะ ทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรทำสิ่งต่อไปนี้<hr>วิธีรับมือลูกไม่ยอมกินข้าว<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2458/7d13ca11-856c-4cf8-8fb2-91868c6acc78.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรทำอย่างไรดี?✨ลดปริมาณขนมต่างๆ🍬 ที่ลูกทานส่วนใหญ่จะมีรสหวาน ทำให้น้ำตาลในเลือดมีระดับที่สูงขึ้นหลังการกิน และจะไปกดสมองส่วนที่ควบคุมความหิวในสมองของลูก ทำให้ลูกไม่อยากกินนั่นเองค่ะ✨จัดเมนูที่หลากหลาย🍲เพื่อให้ลูกได้ลองอาการใหม่ๆ และยังเป็นการดึงดูดความสนใจลูกได้อีกด้วย ซึ่งเด็กวัยนี้มักทานอาหารใหม่ได้ง่าย✨ทานพร้อมกันทั้งครอบครัว เพราะการที่ลูกได้ทานอาหารพร้อมกับผู้ใหญ่👪จะทำให้ลูกทานอาหารได้มากขึ้น เพราะการเห็นคนอื่นทานเป็นการกระตุ้นความอาหารของลูกได้นั่นเองค่ะ✨ตกแต่งจานให้สวยงามน่าทาน ลองจัดจานลูกให้ดูน่ารัก เสริมสร้างจินตนาการ ทำให้แต่ละมื้อมีสีสันสดใส อาจทำเป็นตัวการ์ตูนหรือรูปทรงต่างๆ⭐ที่ลูกชอบ✨ตักอาหารปริมาณพอเหมาะ หากตักให้ลูกมากเกินไป🍲 อาจทำให้ลูกเห็นแล้วไม่อยากทาน เพราะรู้สึกว่ายากที่จะทานให้หมด ควรกำหนดเวลาที่ชัดเจนในการทาน และเมื่อหมดเวลาทานก็ให้เก็บจาน✨ให้ลูกวิ่งเล่น หากลูกวิ่งเล่นออกกำลังกายจนเหนื่อย🏃 จะทำให้ลูกรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที แต่ที่สำคัญคือห้ามให้ขนมหรือของว่างอื่นๆเลยนะคะ<hr>เมื่อลูกไม่ค่อยยอมทานข้าวได้ควรทำอย่างไร?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2458/6b39d722-a4d3-4eb5-9356-3ecd806c7538.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เช็คสิ่งเหล่านี้ก่อนอื่นเลยควรเช็คน้ำหนักและส่วนสูงของลูกว่าลูกยังอยู่ในช่วงปกติหรือไม่ หากพบว่าน้ำหนักและส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์แปลว่าคุณกำลังให้ปริมาณอาหารลูกที่พอเหมาะ หากลูกไม่ยอมทานก็ไม่ควรไปบังคับ หรือดุด่าให้ลูกทาน และควรงดขนมต่างๆ ไอศกรีม🍦 และอื่นๆ เพื่อให้ลูกไม่อิ่มก่อนมื้ออาหาร โดยควรให้อาหารเหล่านี้หลังมื้ออาหารลดนมเป็นอาหารเสริมหากลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไป ข้าวควรเป็นอาหารหลักและนมควรเป็นอาหารเสริม โดยควรลดจำนวนการให้นมลงเหลือวันละ 2-3 มื้อ โดยไม่ควรให้ก่อนมื้ออาหาร เมื่อทานข้าว🍲ให้ลูกนั่งทานบนเก้าอี้ และ เมื่อทานกันทั้งครอบครัวก็ไม่ควรพูดคุยเรื่องเครียดๆ โดยปล่อยให้ลูกลองทานเองและคอยช่วยเหลือในส่วนที่จำเป็น

ลูกกินแต่ขนม ไม่ยอมกินข้าว

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์จะเป็นช่วงที่คุณแม่มีระดับฮอร์โมน และค่า hCG ในเลือดชัดเจนมากยิ่งขึ้น แล้วมีสิ่งไหนที่คุณแม่ควรระวังในขณะตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์ วันนี้ทางเราได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแม่ทราบพร้อมๆกันแล้วค่ะ💁‍♀️<hr>การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์👉อาการครั่นเนื้อครั่นตัวคุณแม่จะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว และมีอาการอาการไข้ต่ำ🤒 อาการเหล่านี้จะปรากฏในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอาการนี้จัดว่าเป็นอาการปกติ คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ วิธีดูแล คือ ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะทำให้อาการทุเลาลงได้👉อาการปวดหลังคุณแม่จะพบเจอกับอาการปวดหลัง เนื่องจากร่างกายมีการขยายตั้งแต่ช่วงอุ้งเชิงกรานลงมา เพื่อเตรียมรองรับตัวอ่อนที่กำลังจะเกิดขึ้น อาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตัว และปวดตรงบั้นเอวนั้นเป็นอาการที่แม่ท้องต้องเผชิญ คุณแม่ควรปรับเปลี่ยนท่านอน🛏️ หรือใช้หมอนตั้งครรภ์หนุนช่วงขา เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้แล้วค่ะ👉อาการอยากทานของเปรี้ยว&nbsp;หนึ่งอาการยอดฮิตของคุณแม่ท้องอ่อนๆ คืออาการหิวอาหารเปรี้ยว เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้ม🍊 สตอเบอร์รี่🍓และองุ่น🍇 เป็นต้น ยังรวมไปถึงอาการหิวอาหารเมนูแปลกๆในคุณแม่บางรายอีกด้วย👉มีความไวต่อกลิ่นคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์จะมีสัมผัสกับกลิ่นที่ไวยิ่งขึ้น👃 แพทย์เรียกอาการนี้ว่า “Super Smell” อาการเหล่านี้มักทำให้คุณแม่รู้สึกเวียนศีรษะ มีอาการคลื่นไส้กับกลิ่นต่างๆรอบตัว ไม่ใช่เฉพาะกับกลิ่นอาหาร แต่ยังรวมไปถึงกลิ่นหอมต่างๆ เช่น กลิ่นของน้ำหอม และอาจรวมไปถึงอาจมีอาการเหม็นสามี จนไม่อยากให้สามีเข้าใกล้ด้วยเช่นกัน&nbsp;👉ความต้องการทางเพศเปลี่ยนไปคุณแม่จะมีความต้องการทางเพศที่เพิ่มขึ้น ในบางรายจะมีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น หรือในบางรายก็อาจจะมีความต้องการทางเพศที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาการนี้จะหายไปก็ต่อเมื่อคุณแม่เริ่มเข้าสู่การตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 🤰เป็นต้นไป&nbsp;👉รูปร่างมีน้ำมีนวลคุณแม่จะมีร่างที่อวบยิ่งขึ้น และมีลักษณะมีน้ำมีนวล จึงสังเกตได้ว่าไม่สามารถใส่เสื้อผ้าชุดเดิมได้อีกต่อไป เพราะชุดคับลง👗 จนทำให้คุณแม่หลายๆท่านอาจสงสัยว่าตัวเองทานอาหารเยอะเกินไปหรือเปล่า&nbsp;<hr>วิธีปฏิบัติตัวสำหรับคุณแม่ท้อง 3 สัปดาห์✨หยุดการทานยาทุกชนิดที่เคยทานก่อนตั้งครรภ์คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา💊หรือรับประทานวิตามินใดๆเข้าร่างกาย เพราะยาหรือวิตามินเหล่านั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ได้ เช่น วิตามินเอ✨ระมัดระวังตัวมากขึ้น&nbsp;คุณแม่ควรใส่ใจดูแลตนเองให้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ เช่น การใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำยาล้างห้องน้ำ เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักด้วย📦&nbsp;✨ลดละเลิกการดื่มแอลกอฮอล์&nbsp;คุณแม่ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด การสูบบุหรี่🚬 รวมไปถึงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ด้วยและหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีที่สุดค่ะ ควรหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสารอาหารเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังทารกผ่านทางสายสะดือ✨งดสัมผัสกระบะทรายแมว&nbsp;คุณแม่ควรงดการสัมผัสกับอุจจาระของแมว🐈อย่างเด็ดขาด เพราะในอุจจาระ💩แมวจะมีเชื้อโรคอยู่ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านั้นจะส่งผลจะกระทบโดยตรง ผ่านการหายใจ หรือผ่านการสัมผัส สามารถทำให้ตัวเชื้อเข้าสู่ปอด และส่งผลถึงเด็กในครรภ์ได้✨แจ้งทันตแพทย์ว่ากำลังตั้งครรภ์&nbsp;เพราะการทำฟันนั้น🦷 อาจส่งผลกระทบต่อครรภ์ของคุณแม่ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ควรจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือทันตแพทย์ที่คุณได้ทำการรักษา เพื่อการหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์✨งดกิจกรรม adventureคุณแม่ควรงดกิจกรรมโลดโผนทุกชนิด เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก การเดินป่า🧗‍♀️ และชกมวย🥊 เป็นต้น เพราะกิจกรรมเหล่านี้อาจส่งผลกระทบกับเด็กในครรภ์ได้นั่นเองค่ะ&nbsp; &nbsp; &nbsp; แม้ว่าการตั้งครรภ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 นี้ คุณแม่จะยังคงใช้ชีวิตได้เป็นปกติ แต่คุณแม่ก็ควรระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุต่างๆที่สามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ รวมไปถึงควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อน😴 การทานอาหารที่มีประโยชน์ และหันมาดูแลสุขภาพร่างกายให้มากยิ่งขึ้น

อาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์

저는 아침 입덧은 이것저것 먹으면 금방 나아지고
점심때도 입덧이 심하지 않아요.
다만 저녁에는 밥먹기전부터 울렁거리고
밥먹을때도 얼마 안들어가고,,
 밥먹은 후에 체한듯이 답답하고 머리아파요

저녁시간에 누워만있는게 답답해서
병원에서 어제 입덧약을 처방받았습니다

다만 약 복용 시간을 모르겠네요,,
의사쌤은 심해지기 4-6시간 전에 먹으라고하고, 약사쌤은 1-2시간 전에 먹으라고 하는데,,.

저녁에 입덧 심해지시는 분들은
보통 언제 입덧약 복용하나요?

저녁에 입덧심해지면 약 언제드세요?

몇주되셨나요? 저도 밤에 심한편인데 계속 참다가 이제 입덧약 먹는데요 자기전에 2알,아침공복1알,점심 1알 이렇게 먹으니까 괜찮더라고요

아기가 50일 지나면서 뒤통수가 점점 납작해지더니 백일 지나니 그냥 절벽이 되어버렸어요😂
베개 이것저것 바꿔보다가 마지막 희망을 갖고 라라스 바디필로우도 질렀네요
두상은 유전이라더니 포기해야할까요? (아기아빠가 완전 납작하거든요)
지금 아기자는 사진 올려봅니다🤣😂

납작두상 어떻게 관리하시나요??

옆으로 잘누워자는 아기는 라라스 추천 많이 하더라구요 저희아이도 단두가심해 정말 많이 알아봤어요 4개월차에 전 업체 방문하려구요 ㅠ 조금이라도 두상만들수있는시기라 셀프로 하다 시간만 보내는건 아닌가 해서..

유전이래요ㅜ 아무리 손대도 한계가 있다기에 맘비웠어요

저두 라라스 쓰고있는데 짐 라비킷 라이너루프트필로우도 주문해놨어요
낮잠은 라라스 밤잠은 라비킷 사용하려구요

몽슈슈, 라비킷 쓰고 옆으로 재우기 할때는 유니필로우써요.

유전입니다....하하 (남편 완전 납작..)

비비앤빕으로 옆으로만 좌우 바꿔가면 재우니 두상검진 한달만에 사두도 없어지고 뒷통수도 많이 나왔어요!

라비킷쓰는데...더 납짝쿵 심해지고있는듯해요🤣 시오나 베개 꺼짐도 없다해서 구매하고 세탁해놨어요...제발 베개 유목민 안되길 ㅠ

저희 아기도 완전 절벽 뒷통수여서2개월쯤에 라라스베개 쓰고 지금 4개월 차인데 뒷통수가 나왔어요!! 저희 부부도 완전 납작에 남편은 옆짱구..ㅠㅠ 아가가 옆짱구가에다가 아직 콘헤드가 남아있어서 예쁜두상은 아니지만 그래도 라라스 쓰고 뒷통수가 나와서 만족하면서 쓰고 있어요

저도 첨엔 라비킷써서 둥글해지나했는데 안되서 시오나 주문해서 낮에 사용하고 있어요.. 시오나가 라비킷보다 배로 높아서 저녁에 좀 걱정되서... 낮에 쓰긴하는데 뒤집기 시기라 그런지 자꾸 미끌리네여..ㅜ 얼른 뒤집기 랑 앉기 자주해줘서 눕기를 줄여나가는게 답일 듯해여..

두상네이버카페 가입해서 보니 대부분 정자세로 눕힐 땐 몽슈슈, 옆으로는 비비앤빕 써서 저도 두개 다 구입했어요ㅠㅠ
넘 미안하게도 여아인데 제가 뒷납작이라 평생 우울했던지라 이것만큼은 물려주고 싶지않네요ㅠㅠㅠ…이번주에 헬멧업체 방문해서 측정 좀 해보고 전 결정하려구요ㅠㅠ…

병원에서는 원인이 다양해서 특정지어서 말할 수 없다고 하시네요. 콜린성 두드러기 일 수도 있고 이유식 알러지 일 수도 있도 그 외 많은 이유들이 있을 수 있는데 세균성이나 바이러스성 같지는 않다고 하셨습니다.
평소와 달랐던 점은 아기띠를 5~10분 정도 착용했고 단호박 1일차였습니다.
단호박 알러지일까요..?
붉은 반점 주위로 하얗게 동그랗게 둘러싸고 있습니다 ㅠㅠ
사진은 종아리만 보이는데 전신이 그래요

아기 이유식 알러지 겪어보신분 계실까요?

음식 알레르기는 보통 먹은 후 바로 올라와요. 먹고 바로 올라왔다면 음식 알레르기가 맞고 지금 알레기반응이 나타났다고해서 쭉 그 음식을 못먹게되는건 아니고 2주에서 한달정도 쉬었다가 먹이셨을때는 반응이 안나타날 수도 있어요. 그치만 단호박을 먹은 뒤 올라온게 아니라면 꼭 음식 알레르기는 아닐 수도 있을거같아요..!

19~20주차 들어서면서 복부팽만이 훨씬 심해졌는데, 변도 염소ㄸ 같은 걸 일주일에 한번 갈까말까하구요.. 
일단 배가 찢어질 거 같이 아프고 넘 커져있어요ㅠㅠ 
얼마전 아기 보러 갔을 때, 300g대였는데 엄마배가 이렇게 커질 수 있나요? 다 변이랑 가스로 가득차있는 거 같아요.. 
소화도 잘 안되고, 아침에 일어나도 복부팽만 때문에 배가 안 고파요.. 화장실 가려고 물 자주 마셔도 물배만 차서 헛구역질 나네요ㅠㅠ 
아예 변 마려운 느낌이 없고 배도 꾸륵거리는 거 없고 가스도 안 나와요 ㅎㅎ..  
그냥 오른쪽 옆구리 뒤쪽만 콕콕 쑤시는 정도?.. 
16~17주차 때 마그밀 먹고 변비 직방으로 해결한 적 있는데, 남아있는 마그밀을 또 먹어야할지... 
자연적으로 변비를 뚫리게 기다려야할지 고민이네요ㅠㅠ 
인터넷 찾아보면 저처럼 배 부르신 분들 없더라구요.. 
거의 만삭급.. 

20주차 복부팽만으로 배가 찢어질 거 같아요ㅠㅠ

효소나 미역국이런거 드셔 보아요 소화 안될땐 효소를 추천합니다 미역은 변비에 좋아요

ㅜㅜ괴롭 ㅜㅜㅜ 저도 저녁에는 그런데 하루종일 그러면 넘 힘드시겠어요 ㅠㅠ 혹시 먹는 걸 체크해보세요ㅠ 

엄청 힘드시겠네요ㅠㅠㅠ 저는 유산균이랑 소복효소먹고 있어요! 매실청도 달고살고있고요 ㅎㅎ..

저도 임신후 바로 변비가 심해져서 계속 고생하다가.. 키위다섯개 먹으란 의사쌤 말씀에 키위두개에 푸른챙겨먹으며 겨우 좀 갔구요..
심할땐 야쿠르트에서 나오는 갓비움 제품 반병만 먹어도 화장실 가지더라구요~ 그래서 전 많이 심할땐 갓비움 반병먹어요 약보낫 낫겠지싶어서
효과는 진짜 좋더라구요~ 

종근당 유산균 락토핏 맘스 아침 공복에 매일 드셔보세요. 3일후부터 꾸준한 시간에 변 잘 보실거예요. 캐나다 유산균이랑 효소 뭐 이것 저것 다 먹으면서 지내다가 도련님이 사줘서 그냥 먹게 됐는데 효과가 꾸준해서 좋네요.

저는21주차입니당.. 매일 검은콩밥 먹고있어요 3끼이상 검은콩 먹고 유산균 먹기전에도 화장실 자주갓어요~~검은콩 몸에 좋고 식이섬유많은건 아시죵?

마그밀 드시지 마시고 차전자피환 드세요 제가 쌍둥이라 철분 2배로 먹어서 진짜 너무 힘들었는데 이거 먹고 매일 화장실 가요

전 임신초기때부터 변비가 있어서 락토핏 맘스 계속 먹고 있는데 효과가 없드라구요 간간히 푸룬쥬스먹으며 해결했는데 진짜 변비랑 복부팽만 사람 미치게해여.. 그래서 검색하니깐 효소 추천하드라구여!! 밤에 식사후 먹는데 진짜 속 너무 편해요!! 가스찬듯 빵빵했는데 늦게 먹고 자도 넘 편해요!! 이틀째는 화장실도 갔어요! 효소 강력추천!!!!

골드키위 드셔보셨어요? 저는 골드키위먹고 배변활동이 수월해져서 가끔 먹어주고있어요~

어휴... 저도요... 복부팽만 때문에 죽겠어요..

혹시 오른쪽옆구리가 잘때 너무 아파서 깨는데.. 그게 변비때문인가요 ㅠ?

부가부 드래곤플라이 배시넷 및 시트
스트롤러로 보고 있는데 어떠세욤

다들 유모차 뭘로 하실 생각이거나 하셨어요? 

저는 줄즈 데이5로 정햇어요ㅎ
겨울아기라 절충사려다가
데이5는 세미 디럭스로 나왓대요ㅎ 
가격대는 부가부 드래곤플라이랑 비슷한거같은데ㅎㅎ
검색해보시면 여러가지 장점이 많더라구용ㅎ 실물보고 확정햇어요ㅎㅎ

저는 작년이라 부가부 비6 절충형으로 했어요. 대신 흔들림이 좀 걱정되서 100일 이후에 유모차 길 좋은데서 조금씩 태우기 시작했어요~! 

저는 부가부 안전성 문제 있었던 것 때문에 깔끔히 배제하고 실버크로스 듄 고민중이에요! 어차피 애기 크면 이러나 저러나 휴대용으로 넘어가야해서 절충형중에서도 흔들림 적고 느낌 좋은 세미디럭스로 마음이 기울었어용

전 부가부 드레곤플라이로 구매했어욥

부가부 드래곤플라이 생후 대략 40 몇일쯤 부터 태운 사람인데 아직도 잘 타는데요 거진 일년써보니 진짜 무거버요... 맨날 차에 실었다 내렸다 진짜 힘드러용 그래서 또 삿습니다 휴대용ㅋ... 그리고 단점은 딱 하나. 앞에 핸들이 너무 애랑 가까워요 그래서 장난감 같응거 끼우면 애 얼굴이랑 장난감이 거의 닿는 수준

유모차는 태워보고 사세요 애기마다 호불호가 잇더라구요

첫째때 실버크로스 듄 너무 잘 썼어요ㅎㅎ 절충형이지만 디럭스만큼 안정적이였어요ㅎㅎ 둘째는 뭐 첫째꺼 물려 타는거죠

부가부 폭스5 쓰는데 안정적이고 정말 좋아요 여전히 잘 쓰고 있고 앞으로도 유모차 그만 탈 때까지 쓸 거 같아요 단점은 아무래도 차에 넣고 빼기가 좀 자리차지 많이 한다라서 휴대용 사서 차에 넣고 다니고 집 근처는 계속 폭스 태우려고요 휴대용도 부가부 살 거예요

부가부 드래곤플라이 사용중인데 접고펴고도 쉽고 좋아요!

첫째 디럭스 뉴나 믹스넥스트 18개월까지 태우고, 그 후에 휴대용은 와이업 지니에스로 바꿨어요~ 

전 아직 5개월이지만 실버크로스 듄 생각하고 있어요!! 일단 절충형이지만 디럭스같은 안정감도 있다하고 이쁘고 이뻐요🫶

실버크로스 듄이요 안정감있고 예쁘더라구요! 부가부는 개인적으로 제스탈이 아니라서 ㅠㅠ

부가부 드플, 오이스터 소아과에서 봤고 저는 리안 쓰고 있어용

저는 부가부 폭스3+ 부가부 버터플라이 조합인데 너무 좋아요. 
지금은 둘째가 폭스쓰고, 첫째가 버플써요!

저는 뉴나 믹스넥스트 디럭스절충형으로 샀어요! 오이스터랑 잉글레시나 줄즈 고민햇는데 잉글레시나 빼곤 무게 차이도 별로없고 ㅜㅜ 일단 뉴나는 흔하지도 않고 바퀴가 안정적이고 핸들링이 너무좋아서 ㅜㅜ 그리고 디럭스 절충형사고싶엇는데 흔치 않더라고요 근데 뉴나가 딱이엇구 나중에ㅜ애기 크고도 나중에 타도 짱짱할거 같아서 ㅎㅎ 놀이동산이나 이런데 데리고 다닐때두 나중에 태우려고요 ㅎㅎ
디럭스 무거워서 다들 절충형 많이 태우시는데ㅜㅜㅜ 저는 찌끔 무거워도 안정적이구 쭉 오래 쓸거 샀어요 ㅎㅎ
나중에 휴대용하나 구매할거긴 한데
안전하구 쭉 오래 쓸수 있을거같아서 샀어요ㅎㅎ~~ 

저는 부가부 드래곤플라이 사서 잘사용중이예요!!!
사실 배시넷도사고싶었는데,애기 백일전에는 밖에 못나갈거같아서 가감히 배시넷구매는안했어요.
지금 109일차인데 102일부터 타고다니는데 핸들감이며 애기 태우는것도 괜찮은거같아욥

에그3 플러스로 구매했어요! 절충형같은 휴대형이라길래 구매해서 시트 깔고 쓰고있어요 아가도 50일부터 태워봤는데 편안한지 잘자고 핸들링이나 이런것도 넘 좋더라구요🤣

베이비하우스갔다가 오이스터3랑 실버크로스듄 비교해보고 절충형이지만 핸들링이너무잘되고 안정적이라서 실버크로스듄사서 잘쓰고있어요.. 좀 무겁긴하지만 아기가 그만큼 편하게타고있다는거니까 감안하고태우고있네요

쥴즈 데이5 사서 베시넷처럼도 쓰고 앉아서도 쓰고 잘쓰고있습니당 ㅎㅎ 

전 디럭스 무거워서 절충 리안으로 맘 굳혓는데 베페가서 봐버려규요 ㅎㅎㅎ 

줄즈 데이5샀어요. 양대면 폴딩은 안되지만 익숙하니 폴딩, 언폴딩 쉬워요ㅎㅎ 다만 차가 아반떼인데 트렁크 가득차요

오이스터3플러스 샀어요~
고민하다가 부모 위주 보다 아가 위주로 쓰고 싶어서요~
중고로 몇십 주고 사느니(당*근에는 몇십 하면서도 구성품 빠진 것들이 대부분이더라고요) 7월 행사주 이라 기본 사은품+포토후기사운품+캐리콧 또는 아기침대 주고 있어요~

실버크로스 듄 써요 아기가 원래 유모차만 타면 울고 싫어했는데 바꾸고 부터는 잘타요 ㅎㅎ 일단 안정감이 있어서 만족합니당

전 스토케 디럭스 당근 해놓고 (9월아기 얼마 못탈거같아서) 
에그 제트플립 신형 
휴대용 ( 신생아 시트 후 스토케랑 같이 쓸 예정) 

새거 사놨어요!

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องอาหารการกินหรือโภชนาการนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์🤰 คุณผู้หญิงบางท่านอาจบำรุงร่างกายโดยการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งครรภ์ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์แล้ว ชนิดและปริมาณของอาหารที่เหมาะสมนั้นอาจไม่เหมือนกับช่วงก่อนตั้งครรภ์เสียทีเดียว อีกทั้งร่างกายของคุณผู้หญิงในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์นั้นก็ล้วนแล้วแต่ต้องการสารอาหารที่ต่างกันบ้าง วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาดูถึงประเภทอาหารที่เหมาะสมกับคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีอายุครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน ว่าควรเน้นไปที่การรับประทานอาหารประเภทใด หรือควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดบ้าง เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>ร่างกายของคุณแม่เมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือน<ol><li dir="ltr">เป็นช่วงที่หน้าท้องของคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว🤰 ซึ่งหมายความว่าเจ้าตัวน้อยในครรภ์นั้นเริ่มมีขนาดร่างกายที่เพิ่มขึ้น</li><li dir="ltr">เมื่อทารกในครรภ์มีขนาดตัวมากขึ้น จึงต้องการพลังงานและทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร จนไปถึงแก๊สออกซิเจน💨ที่แลกเปลี่ยนผ่านกระแสเลือดของคุณแม่</li><li dir="ltr">เป็นช่วงที่ระบบประสาทและสมองของเด็กในครรภ์👶พัฒนา</li><li dir="ltr">เป็นช่วงอายุครรภ์ที่คุณแม่มีโอกาสเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย อาจมีอาการขับถ่ายลำบาก💩หรือขับถ่ายค่อนข้างน้อยกว่าปกติ</li></ol>✨สารอาหารที่ร่างกายของแม่และเด็กต้องการ&nbsp; &nbsp; จากหัวข้อก่อนหน้า เราได้พูดถึงภาวะหรือเงื่อนไขทางสุขภาพร่างกายของคุณผู้หญิงและเจ้าตัวน้อยในครรภ์เมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือนไปเรียบร้อยแล้ว แล้วคุณแม่ควรที่จะได้รับสารอาหารประเภทใดเพื่อชดเชยเงื่อนไขทางสุขภาพเหล่านั้นบ้าง เราไปดูกันต่อเลยค่ะ<ol><li dir="ltr">เนื่องจากเป็นช่วงที่เจ้าตัวน้อยในครรภ์จะมีขนาดตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงร่างกายของเด็กมีการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้น สารอาหารจำพวกโปรตีน🍖จึงเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญมากๆในช่วงไตรมาสนี้ค่ะ</li><li dir="ltr">อย่างที่กล่าวไปถึงเรื่องเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนผ่านกระแสเลือดของคุณแม่ การที่คุณแม่รับประทานสารอาหารจำพวกธาตุเหล็กจะช่วยให้เม็ดเลือดแดงในร่างกายของคุณแม่ ซึ่งเป็นตัวละครหลักในการขนส่งแก๊สออกซิเจนและสารอาหารไปยังร่างกายของทารกนั้นมีความแข็งแรงสมบูรณ์💪 สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเป็นปกติค่ะ</li><li dir="ltr">คุณแม่ควรได้รับสารอาหารจำพวกไอโอดีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสมอง🧠ของทารกในครรภ์ค่ะ</li><li dir="ltr">เนื่องจากเป็นช่วงที่คุณแม่อาจมีอาการท้องผูก จึงควรได้รับกากใยอาหารหรือที่เราเรียกว่าไฟเบอร์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่ายให้เป็นไปอย่างปกติค่ะ🚽<hr>แหล่งอาหารและวัตถุดิบที่แนะนำ1. อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารให้พลังงานในกลุ่มโปรตีน ยกตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เนื้อปลา🐟 เครื่องดื่มประเภทนม หรืออาจเป็นโปรตีนจากพืชจำพวกถั่วก็ได้เช่นกันค่ะ2. อาหารกลุ่มที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น เนื้อสัตว์สีแดง ตับ ไข่แดง🍳 เนื้อปลา หรือผักบางชนิดอย่างใบกะเพรา3. อาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุไอโอดีน ยกตัวอย่างเช่นปลาทะเล หรือเกลือธรรมชาติจากทะเล🧂4. อาหารที่อุดมไปด้วยกากใยอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่แแล้วจะเป็นอาหารในกลุ่มที่ไม่ให้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้🍓 แต่ก็มีอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานบางประเภทที่อุดมไปด้วยกากใยอาหารเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีทก็เป็นที่แนะนำเช่นกันค่ะ</li></ol>&nbsp; &nbsp; &nbsp;อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านก็จะได้ทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะว่าร่างกายของคุณแม่และเจ้าตัวน้อยในครรภ์นั้นควรได้รับสารอาหารประเภทใดเพื่อไปทดแทนเงื่อนไขทางสุขภาพในช่วงอายุครรภ์ 4 เดือนบ้าง สำหรับสารอาหารกลุ่มที่ไม่แนะนำให้รับประทานก็จะเป็นอาหารจำพวกหมักดอง หรือชีส เนื่องจากมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อก่อโรคค่อนข้างสูงจากกระบวนการแปรรูปอาหาร จนไปถึงอาหารที่มีไขมันสูง คอเลสเตอรอลสูง เช่นกลุ่มเนื้อสัตว์ติดมัน🥩 อาหารที่ผ่านกระบวนการทอด และอาหารหรือเครื่องดื่มที่น้ำตาลสูงอย่างน้ำหวานและน้ำอัดลมค่ะ อันที่จริงแล้วกลุ่มอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นก็คล้ายกับอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพของคนทั่วไปเลย ดังนั้นเราเชื่อว่า คุณแม่สามารถเลือกที่จะไม่รับประทานได้ถูกประเภทแน่นอนค่ะ

ตั้งครรภ์ 4 เดือน ควรทานอะไร อาหารสำหรับคนท้อง 4 เดือน ถึงดีต่อแม่และลูก

การที่ทารกแรกเกิด👶 หรือ เด็กทารกเป็นหวัดและมีน้ำมูก🤧เสมหะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ทั่วไป แต่การที่ลูกมีน้ำมูกและเสมหะนั้นเป็นต้นเหตุให้ลูกหายใจไม่สะดวกและอาจเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมาได้ ดังนั้นการดูดน้ำมูกและเสมหะออกจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้เพื่อให้ลูกสามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้นค่ะ&nbsp;<hr>ทำไมทารกจึงมีมีน้ำมูกและเสมหะ?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2719/761ca197-e03f-4f97-be28-89efecefcbba.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">โดยธรรมชาติของมนุษย์ ร่างกายจะมีระบบป้องกันเชื้อโรค🦠 แบคทีเรียและสิ่งสกปกรก ซึ่งจมูกของคนจะผลิตเมือกขึ้นมาเพื่อกันสิ่งสกปรก เชื้อโรค ควัน ฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ โดยเมือกเหล่านี้จะทำการดักจับสิ่งแปลกปลอมให้เป็นก้อนรวมกัน ซึ่งบางครั้งก็อาจส่งผลให้เกิดการบวมของหลอดเลือดภายในโพรงจมูกได้👃 โดยอาการบวกมักจะเกิดในฤดูหนาว หรือ เมื่ออากาศแห้ง ทำให้จมูกเกิดการอุดตันนั่นเองค่ะ&nbsp;<hr>ที่ดูดน้ำมูกคืออะไร จำเป็นไหม?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2719/971b0b6e-e5c3-4e91-ae08-36e24c5f970a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🪀ที่ดูดน้ำมูก&nbsp;คือ สิ่งที่ออกมาแบบมีจุดประสงค์เพื่อดูดมูกหรือเมือกที่อุดตันจมูกของทารกเพื่อให้สามารถหายใจได้สะดวกขึ้น อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้เหมาะกับขนาดของจมูก👃ของลูกน้อย🪀เมื่อเก็บน้ำมูกเมื่อคุณพ่อคุณแม่ทำการเก็บน้ำมูก เข้าสู่ที่ดูดน้ำมูก น้ำมูกจะถูกเก็บเข้าไปในที่เก็บเฉพาะ โดยจะไม่มีการไหลกลับไปยังจมูกของลูก👶 โดยที่ดูดจมูกนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก<hr>รูปแบบต่างๆของที่ดูดจมูก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2719/0783ae14-a53b-4e82-9700-595b411d9def.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🪀แบบดูดด้วยมือ/ดูดอัตโนมัติรูปแบบการดูดด้วยมือหรือดูดอัตโนมัตินั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นลูกบอลยาง มีขนาดพอดีมือ✋ ลักษณะกลมและจะมีปลายแหลมยื่นออกมา ซึ่งส่วนปลายนี้จะเอาไปสอดเข้ารูจมูกของทารก ลูกบอลด้านล่างจะมีลักษณะเป็นกระเปาะซึ่งจะเอาไว้ใสขี้มูกหรือเสมหะที่ถูกดูดออกมาจากจมูก👃ของลูกซึ่งจะมีรูปแบบทั้งที่ใช้มือบีบลูกบอล หรือ แบบอัตโนมัติก็มีให้เลือกตามที่ต้องการเลยค่ะ โดยแบบอัตโนมัตินั้นเพียงแค่ใส่ปลายของเครื่องเข้าไปในจมูกของลูกก็จะทำการเก็บน้ำมูกให้อัตโนมัติค่ะ&nbsp;🪀แบบใช้ปากดูดที่ดูดน้ำมูกแบบใช้ปากดูดนั้นกำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากหลายๆท่านพบว่าแบบใช้ปากดูดนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าแบบอื่นๆ โดยวิธีการใช้นั้นมีลักษณะเหมือนกับแบบการใช้มือ แต่ใช้ปาก👄แทน ใครที่กำลังกังวลว่า อ้าว แล้วเสมหะของลูกจะไปเข้าปากเราหรอ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเครื่องถูกออกแบบให้มีตัวกรองและจะไม่มีน้ำมูก👃 หลุดเข้าไปแน่นอนค่ะ แต่ข้อควรระวังเวลาใช้ที่ดูดแบบใช้ปากก็คือ คุณพ่อคุณแม่จะต้องดูแรงดูดให้ดี เพราะหากดูดแรงเกินไปจะทำให้จมูกของลูกระคายเคืองได้นะคะ&nbsp;🪀แบบสเปรย์แบบสเปรย์นี้จะไม่เหมือนกับการดูดแบบมือหรือแบบปาก แต่เป็นการพ่นสเปรย์เข้าไป เพื่อลดการอุดตันของจมูกของลูกน้อย แต่จะสามารถใช้ได้กับการอุดตันในจมูก👃ที่แห้งเท่านั้น โดยสเปรย์จะช่วยให้ลูก👶หายใจได้ดีขึ้นจากการพ่นสเปรย์และจามน้ำมูกออกมา รวมถึงยังช่วยทำความสะอาดเมือกที่เยอะหรือหนาจนเกินไปด้วยค่ะ

ที่ดูดน้ำมูกให้ทารก มีแบบไหนบ้างนะ?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เมื่อเจ้าตัวน้อยมีอาการจุกเสียด🤢 แน่นท้อง ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะะระบบทางเดินอาหารของทารกนั้นยังไม่แข็งแรงหรือพัฒนาได้เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการจุกเสียดและอาการท้องอืด บทความนี้จะพาคุณแม่มาดูว่า สาเหตุอะไรบ้างนะที่ทำให้ทารกจุกเสียด แน่นท้อง รวมไปถึงวิธีรับมือกับอาการนี้ มาดูกันเลยค่ะ💁‍♀️<hr>อาการจุกเสียด เกิดจากอะไร?👉สาเหตุที่สามารถทำให้เกิดอาการจุกเสียด&nbsp;- การทำงานของระบบทางเดินอาหารยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ระบบทางเดินอาหารของทารกนั้นต้องใช้เวลาในการอุ่นเครื่อง♨️ กว่าที่ระบบย่อยอาหารของทารกจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มากไปกว่านั้น ในระบบทางเดินอาหารของทารกยังไม่มีแบคทีเรียชนิดดีที่เพียงพอจะช่วยในการย่อยอาหาร จึงทำให้เด็กเล็กมักจะมีอาการท้องอืดบ่อยเพราะระบบต่าง ๆ ของทางเดินอาหารยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่- ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปริมาณแบคทีเรีย🦠ในลำไส้มากเกิน ภาวะขาดเอนไซม์ย่อยนม โรคลำไส้แปรปรวน สามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืดในทารก หรือเด็กเล็กได้- การกินนม🍼 หากทารกกินนมแม่แล้วท้องอืด อาจเป็นไปได้เวลาเวลาที่ดูดนมแม่ ทารกใช้ปากดูดเพียงหลวม ๆ ทำให้มีอากาศเล็ดลอดเข้าไปได้มากขึ้น หรือหากทารกกินนมขวด ก็อาจเป็นไปได้ว่าในขวดนมมีฟองอากาศอยู่มาก- ทารกแพ้อาหาร เด็กที่เริ่มกินนมผง หรืออาหารบดนิ่ม🥣 อาจเริ่มมีปัญหาแพ้อาหารหรือไวต่ออาหารบางอย่าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร รวมถึงก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารมากขึ้นด้วย- ทารกร้องไห้บ่อย😭 เวลาที่เจ้าตัวเล็กอ้าปากร้องไห้โยเย ก็เป็นจังหวะที่ทารกได้กลืนเอาอากาศเข้าไปในระบบทางเดินอาหารด้วยเช่นกัน&nbsp;<h2 dir="ltr">👉เทคนิคในการระบุอาการจุดเสียดของทารกอย่างแม่นยำ</h2>คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการจุกเสียดในทารก โดยสังเกตจากอาการเหล่านี้- ร้องไห้บ่อย😭 ร้องไห้ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น- ลูกมีท่าทีหงุดหงิดบ่อย🤬 เนื่องจากลูกมีลมในท้องเยอะ จนทำให้หงุดหงิด- ทารกนอนไม่หลับ😪 กระสับกระส่าย เนื่องจากแก๊สในระบบทางเดินอาหารเยอะ ทำให้เกิดลมมาก อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัว- ทารกหน้าแดง🥵 อาการหน้าแดงในทารกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาการท้องอืด ทำให้รู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณท้องจนสีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจน หรือร้องไห้<hr>7 วิธีรับมือเมื่อทารกมีอาการจุกเสียด มีดังนี้<h2 dir="ltr">1️⃣&nbsp;จับลูกเรอบ่อยๆ&nbsp;</h2>หากทารกมีอาการท้องอืด คุณพ่อคุณแม่ควรจับลูกเรอบ่อย ๆ การทำให้ทารกเรอจะเป็นกำจัดอากาศ💨ส่วนเกินที่กลืนเข้าไปออกมา ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดให้ดีขึ้นได้2️⃣ นวดตัวให้ลูกการนวดที่หน้าท้อง ขา หลัง และทั่วร่างกายของทารกจะช่วยให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกสงบและผ่อนคลาย😌 โดยกดไปที่ท้องเบา ๆ ให้เป็นลักษณะวงกลมเพื่อช่วยขจัดเอาอากาศส่วนเกินออก3️⃣ ทำท่าจักรยานให้ลูกคุณพ่อคุณแม่สามารถทำท่าปั่นจักรยาน🚲ให้ลูกได้ง่าย ๆ โดยวางลูกน้อยลงบนเบาะสำหรับเด็ก แล้วค่อยๆ หมุนที่ขาไปมาในท่วงท่าคล้ายกับว่าขาทั้งสองข้างกำลังปั่นจักรยาน ท่านี้จะช่วยดันอากาศที่ติดอยู่ออกมา หรือถ้าจะไม่ปั่นจักรยาน ก็แค่ค่อย ๆ ดันเข่าของทารกขึ้นไปที่ท้อง และค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นปล่อยขาของทารกให้เหยียดตรง ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ก็จะช่วยดันอากาศที่ติดอยู่ออกมาได้เช่นกัน4️⃣ เลือกใช้ขวดนมและจุกนมที่ได้มาตรฐาน ควรใช้ขวดนม🍼ขนาดเล็กสำหรับเด็กเพราะกระเพาะอาหารของทารกนั้นเล็กเกินกว่าจะรองรับปริมาณนมจากขวดนมขนาดใหญ่ได้ และควรใช้ขนาดจุกนมที่เหมาะสมเพื่อให้สูตรไหลช้า แต่ไหลสม่ำเสมอ รูจุกนมที่เล็กเกินไปอาจทำให้ลูกน้อยต้องดูดจุกนมแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นการดูดอากาศเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น แต่รูจุกนมที่ใหญ่เกินไป ก็อาจทำให้ทารกกลืนอากาศมากขึ้น เพราะต้องอ้าปากกว้างมากขึ้น5️⃣ ลองเปลี่ยนสูตรนมผงในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มให้ทารกกินนมผง นมผงบางสูตรอาจทำให้ทารกเกิดอาการท้องอืด ควรเปลี่ยนเป็นสูตรอื่นที่เป็นมิตรกับระบบทางเดินอาหารของทารก หรือสูตรที่มี PHP (Partially Hydrolyzed Protein) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน ทำให้มีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้สามารถย่อยได้ง่าย และดูดซึมได้ดี✅ นมที่มีส่วนผสมของ PHP จึงมีส่วนช่วยลดอาการไม่สบายท้องของเจ้าตัวเล็กได้เป็นอย่างดี6️⃣&nbsp;เปลี่ยนอาหารที่คุณแม่รับประทานแม่ให้นมลูกอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการกินอาหารบางประเภทที่เสี่ยงทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากขึ้น และหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจถูกส่งต่อผ่านน้ำนมไปยังทารก🤱 และมีผลทำให้ทารกท้องอืดตามมาด้วยได้ อย่างไรก็ตาม การแพ้อาหารในทารกยังถือว่าพบได้น้อย7️⃣ รีบให้นมก่อนที่ลูกจะร้องไห้ ยิ่งลูกร้องไห้โดยที่ยังไม่ได้กินอะไรล่ะก็ เสี่ยงที่ทารกจะกลืนเอาอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารมากขึ้น หากเป็นไปได้ควรให้นมทันทีที่ลูกหิว😫 เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกร้องไห้งอแงเพราะหิวนม ยิ่งลูกร้องนานยิ่งเสี่ยงจะกลืนอากาศเข้าไปมากเท่านั้น&nbsp; &nbsp; &nbsp;โดยทั่วไปแล้วอาการทารกท้องอืดนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเฉพาะทาง หรือไม่จำเป็นต้องกินยา💊ใดเป็นพิเศษ อาการดังกล่าวสามารถที่จะดีขึ้นตามลำดับเองได้ &nbsp;รวมไปถึงการที่ทารกกลืนอากาศเข้าไปมาก ๆ และไม่สามารถระบายออกได้หมด ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีลมจุกเสียดอัดแน่นอยู่ภายในท้องของทารก ดังนั้นแพทย์👨‍⚕️อาจวินิจฉัยให้ใช้ยาบางชนิดที่สามารถช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดจากอาการท้องอืดของทารกได้ เช่น ยาใช้ภายนอกอย่าง มหาหิงค์ เป็นต้น

วิธีระบุอาการจุกเสียดในทารกแรกเกิดอย่างแม่นยำและวิธีจัดการกับมัน!

Ayam mengandung banyak nutrisi yang baik bagi pertumbuhan bayi. Karena itu ayam🐔 banyak digunakan sebagai menu MPASI bayi. Bagaimana menyajikan hidangan ayam yang aman bagi si kecil?<hr>Bayi sudah bisa mulai makan ayam dari kapan?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2723/1a59f076-7df0-4ca6-917d-eaf6f34a2240.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">💡Sebelumnya, mari kita kenali nutrisi yang terkandung di dalam daging ayamDaging ayam mengandung banyak sekali nutrisi yang berperan penting dalam perkembangan anak. Daging ayam mengandung asam amino yang berperan dalam membangun otot rangka dan jantung💖. Selain itu, juga terdapat vitamin B3, B6, vitamin A, C, D, E, K, selenium, seng, protein, dan magnesium.✨Kapan ya si kecil sudah boleh makan ayam?Bayi sudah boleh makan daging ayam mulai sekitar umur 6 bulan, sesegera ia sudah mulai makan MPASI. Paha bawah ayam yang tulangnya telah dihilangkan dan dikuliti merupakan makanan pertama yang baik bagi bayi yang baru mulai MPASI karena bentuknya yang mudah dipegang🍗 dan nutrisi yang bisa diperoleh hanya dengan mengisapnya.<hr>Tips memilih daging ayam bagi si kecil<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2723/c625ffd7-6b04-4386-8710-a8eb0e61c284.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">✔️Tidak berlemakPastikan untuk memilih daging ayam yang lunak dan tidak berlemak. Untuk jenis lemak sehat dapat Anda temukan dalam kacang-kacangan, minyak zaitun, alpukat🥑, dan yogurt.🤤Dada ayamBagian paha ayam yang enak dan dada ayam yang lembut paling nyaman untuk dikonsumsi si kecil. Anak-anak disarankan untuk mengonsumsi daging atau ayam sebanyak tiga sampai empat kali seminggu📅 untuk asupan hariannya.<hr>Tips penyajian hidangan ayam bagi bayi!<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2723/b51c050d-f0da-4d6b-9246-98630908bc1d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👶Bayi berusia 6-9 bulanPada usia ini bayi sudah mulai bisa mengunyah sehingga Anda dapat mulai memberikannya paha ayam utuh dengan tulang rawan dan kulit yang telah dihilangkan. Apabila tidak tersedia paha ayam utuh, Anda juga dapat memberikan si kecil daging dada ayam yang dipotong berbentuk persegi panjang dengan ukuran jari🤏 orang dewasa.🗓️Bayi berusia 9-18 bulanPada usia ini si kecil sudah mulai terlatih untuk mengunyah, menelan, mencerna makanan dengan ukuran sedang. Anda dapat mulai memberikan daging ayam yang telah disuwir. Namun, tetaplah berhati-hati dengan tulang🦴 rawan yang bisa saja terbawa di dalam suwiran.💭Bayi berusia 18-24 bulanBerikan bayi usia ini potongan daging ayam dengan ukuran gigitan yang kecil. Selain itu, apabila si kecil sudah bisa mengunyah👄, mengoyak, menelan dengan baik, Anda dapat menghidangkan paha ayam bagian atas dengan kulit yang telah dikuliti. Potongan dan tekstur yang lebih rumit akan membantu bayi melatih menelan dan mengunyah.

Mulai kapan ya si kecil boleh makan ayam?

아기에게 예쁜 것만 물려주고 싶고 좋은 것만 먹이고 싶은 게 부모의 마음인데요. 아이가 사두증이나 단두증으로 인해 외형상 두상이 예쁘지 않은 게 아이가 자라서 콤플렉스가 될까 걱정이 되어요. 아기에게 동글동글한 예쁜 두상을 가질 수 있도록 사두증과 단주증 예방법을 알아보아요.👌<hr>아기 사두증과 단두증에 대해 알아볼까요?<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/425d206d-2c2a-4977-ac5f-9155d48676ac.webp" class="fr-fic fr-dib">아이 두상 예쁘다아~아기 사두증, 단두증 원인아이 두상은 머리 뒷부분 전체가 납작하면 단두증이라고 하고 일정하게 둥글지 않고 머리 뒷부분 좌측이나 우측 한쪽이 평평하거나 튀어나온 모양을 사두증 이라고 해요. 아이의 두개골은 부드럽고 유연하여 쉽게 모양이 변할 수 있어요.👶 특히 생후 5개월까지 아이는 머리를 움직이지 못하여 같은 자세로 누워있으면 두상이 비대칭 해지기 쉬워요. 또한, 엄마 뱃속에서 한쪽으로 치우쳐 지냈거나, 출산 시 압력과 자궁 수축으로 인해 두상 비대칭이 될 수 있어요.사두증 과 단두증 위험성?자세 유지로 사두증과 단두증일때는 아기의 건강이나 지능에 직접적인 영향을 주지 않고 외형적 이상일 뿐이에요. 가벼운 함몰은 생활습관을 통해 교정 가능하여 문제가 되지 않아요. 하지만 함몰 정도가 심하여 자라면서 비대칭이 심해지면 얼굴 골격 성장에 영향을 줄 수 있어요. 아기 두상은 생후 15개월까지 자라기 때문에 두개골 형상이 완성되는 시기인, 생후 3~9개월 사이에 치료가 필요할 경우 전문의의 치료를 받아 보는 게 좋아요.👩&zwj;⚕️사두증과 단두증 진단법사두증과 단두증 집에서 진단하는 방법은 한 달에 한 번씩 머리둘레를 생후 12개월까지 측정하면 좋아요. 성장 속도가 한 달 전과 비교해 매우 느리거나 빠른 경우 전문의의 진료를 받아보는 게 좋아요. 아기 정수리 위에서 머리를 내려다보고 사진을 찍어 이마와 뒤통수가 고른지, 좌우가 대칭되는지 비교해 보세요. 그 외 다른 방법은 손가락을 펴 아기의 양쪽 귀에 대보고👂 손가락과 아기의 인중이 일직선 위에 위치하는지, 잇몸이나 입술의 비대칭 여부를 확인해 보세요.<hr>사두증과 단두증 교정 및 예방법<img src="https://cdn.billyapi.com/new/froala/posts/dd587e91-9784-43ae-9deb-aa50a40e60ce.webp" class="fr-fic fr-dib">&nbsp;교정하는 거 이거 맞아..?수유할 때나 아기가 잘 때 고개 방향을 잘 바꿔 주세요. 아기는 보통 같은 방향으로만 바라보고 자는 것을 좋아하기에 주기적으로 아이 몸의 방향을 바꾸어 주는 것도 좋은 방법이에요.️ 아기가 깨어 있는 동안에는 아이가 좋아하는 장난감의 위치를 수시로 바꿔주세요. 아기의 목 근육이 발달하면, 아기 배가 바닥에 닿도록 엎드려 눕는 연습을 해주시고 100일 후에는 엎드린 자세로 최소 30분씩 하루 3회 정도로 천천히 늘려 주세요. ️아이 목에 무리가 가지 않는 짱구 베개를 활용하는 것도 좋아요. 보다 효과적인 방법으로는 두상 교정 헬멧을 활용하면 좋아요. 두상 교정 헬멧은 전문의의 정확한 검진 후에 교정 사용할 수 있는 의료기기에요. 튀어나온 부위에 압력을 주기보다 함몰된 부분이 자랄 수 있게 도와주어 두상이 고르게 성장할 수 있도록 도움을 받을 수 있어요.🐤

아기 사두증? 단두증?

터미타임이라고 들어보셨죠? 터미는 영어로 &#39;배&#39;를 의미하는데요. 터미타임이란 아이👶가 배로 엎드려 있는 시간☀️을 말해요. 그런데 터미타임을 왜 하는 걸까요? 터미타임에 대해 궁금한 것들을 알아보고 안전한 터미타임 방법을 실천해 보아요.😘<hr>터미타임이란?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/a00b6546-e3a9-48f1-b9ea-d3372c286142.jpeg" style="width: 1084px;">대근육 발달을 도와요.🧸대근육 발달평소 아기는 거의 누워서 생활하죠. 그래서 터미타임을 하게 되면 잘 쓰지 않던 근육들을 많이 사용하게 되어요. 뒤쪽의 목, 등, 허리와 엉덩이 근육과 코어근육까지 사용할 수 있어요. 아이가 엎드림으로써 이런 근육들까지 쓸 수 있게 만들어주는 거예요. 그럼 큰 근육들💪, 대근육 발달을 도울 수 있겠죠? <img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/7d9cb0ec-4d56-4c48-907c-4315ccf29c08.jpeg" style="width: 1084px;">자세성 사두증 예방에도 좋아요.🧸자세성 사두증 예방계속 누워만 있으면 자세성 사두증, 즉 아기 머리가 찌그러질 수도 있어요. 터미타임을 통해 엎드려 있는 시간🕚이 늘어나면 자세성 사두증 예방에도 도움이 많이 되어요. 고개를 드는 스트레칭을 통해 사경 재활에도 좋아요.<hr>언제부터 하는 게 좋을까요?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/ebc9e938-5243-4af1-ac68-f71dd3b12ba2.jpeg" style="width: 1084px;">신생아 시기에도 괜찮아요.🧸 언제부터 할까?빠를수록 좋아요. 미국 소아과 학회에서는 아이가 태어난 첫날부터 터미타임을 시작하라고 해요😮. 하지만 한국에서는 여러 가지 이유로 어려울 수도 있는데요. 제왕절개를 한 경우 며칠 동안 아이 안아보는 것이 힘들 수도 있고, 산후조리원에 들어가면 아이를 잠깐씩만 보기 때문에 터미타임을 할 시간⌛이 충분하지 않을 수 있어요. 조리원 퇴소 후 아이가 출생하지 2-3주 정도 지났을 때 터미타임을 시작을 해도 문제가 되지 않아요. <img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/8b1ec57f-4030-4381-a518-5f2dc2e374ec.jpeg" style="width: 1084px;">천천히 조금씩 늘려가요.🧸 얼마나 할까?터미타임을 안전하게 하기 위해서는 아이가 엎어져 있는 동안 잘 보고 관찰👀을 해야 해요. 신생아 때는 하루 2-3회, 1회에 1분 미만부터 시작해요. 아이가 잘하는 것 같으면 시간을 5분 정도까지 늘려보아도 괜찮아요. 아이가 자라면서 잘하게 된다면 1일 5-10회, 1회 5분 정도씩 하루에 총 1시간 정도 연습을 해주어도 좋아요.<hr>안전한 터미타임 방법<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/7d288e3e-432d-41ec-9097-a606d92b4f16.jpeg" style="width: 1084px;">천천히 조금씩 늘려가요.🧸 엄빠와 함께하는 법아이를 엎드린 채로 안고 가슴이나 배 위에 올려두는 자세도 터미타임을 하는 방법 중 하나예요. 아이가 숨을 쉬는 걸 볼 수 있어서 안전하게 진행할 수 있어요😌. 미국에서는 아이를 옆구리에 안고, 아이의 가슴을 손으로 받쳐서 아이가 바닥을 볼 수 있게 안는 걸 &#39;풋볼🏉 홀드&#39;, 럭비공 잡는 자세라고 해요. 이렇게 안아서 연습해 보는 것도 좋아요. 3-4개월쯤 되면 아이가 고개를 들어서 앞을 쳐다볼 수 있게 엄빠의 얼굴을 앞에 보여주는 것도 좋아요. 아이가 손을 뻗어 잡을 수 있도록 앞에 장난감을 놔두는 것도 도움이 되어요. <img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/05056848-afd6-43b5-8e6e-e05869a8badd.jpeg" style="width: 1084px;">수건이나 역방쿠를 받쳐주면 좋아요.🧸 아이가 힘들어한다면?아이가 너무 힘들어하면 무리해서 억지로 시킬 필요는 없어요🙅&zwj;♂️. 더 천천히 여유를 갖고 조금씩 시간을 늘려가는 것이 좋아요. 아이가 기분이 좋을 때😝 시도를 해보는 것도 좋아요. 아기가 고개를 들고 싶어서 낑낑거리는데 잘 안되고 힘들어하는 것 같을 때는 가슴 아래쪽을 받쳐주면 고개를 들기가 좀 더 편해져요. 수건같은 걸 넣어서 받쳐줘도 좋고 역방쿠 같은 곳에 아이를 기울여서 눕혀두는 것도 괜찮아요. <img src="https://cdn.billyapi.com/posts/5024/c2396e3c-f0b7-45d1-9ce8-a5ec3ddf535e.jpeg" style="width: 1084px;">반드시 아이를 지켜보면서 해요.🧸 주의사항반드시 아이가 깨어있을 때 해요, 잠들었을 때는 위험하니 절대 하면 안 돼요🚫. 또, 어른이 아이를 지켜볼👀 수 있을 때 해주세요. 목은 머리를 지탱해주고, 척추와 뇌를 연결해주는 기관이라 정말 중요한 곳이에요. 장소는 너무 푹신한 곳보다 단단한 곳에서 하는 게 좋아요. 너무 푹신한 곳은 아이가 폭하고 빠졌을 때 숨쉬기 힘들어요.<div class="vb_no_margin"> </div><hr style="text-align: left;" class="vb_no_margin"> 터미타임은 좋은 효과가 많지만, 처음부터 무리해서 하는 것은 좋지 않아요. 천천히 차근차근 시간과 횟수를 늘리도록 해요. 아기와 함께하는 즐겁고 안전한 터미타임을 가져보아요.💜 <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/eBLGakq72n0?&wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen="" class="fr-draggable"></iframe>출처: 말랑닥터-소아청소년과TV

터미타임 언제? 어떻게? 주의사항은?

女性にとって、おりものは日々の健康状態を知るための大切なサインの一つです。特に妊活中の方にとっては、正確な排卵日や妊娠の兆候を把握するために、おりものの状態を観察することがとても大切です。そんな、妊娠や排卵日によって変化する「おりもの」について詳しく見ていきましょう🔍<hr>おりものとは？おりものとは、膣から分泌される粘液のことです。女性ホルモンの影響を受け、生理周期に合わせて量や状態が変化します。正常なおりものは、自浄作用を促し膣内を清潔に保ち、受精をサポート🤝🏻する役割があります。おりものの色や量は個人差が大きいですが、生理がある時期の女性なら誰しも経験する症状の一つとなります。<hr>正常なおりものと注意したいおりもの正常なおりものの特徴おりものの状態には個人差がありますが、通常正常なおりものは、透明または白っぽい状態で、粘り気があり、においはほぼ無臭ですが、生理前に若干すっぱい匂いがすることもあります。おりものの量や質は、排卵周期や妊娠などの状態によって変化するため、普段から自身のおりものの状態や変化をよく観察👀することが大切です。例えば、排卵期に近づくとおりものの量が増える傾向にあります。また、生理が終わった直後は、おりものの量がもっとも少ない時期となります。 注意したいおりものとは？おりものの色や量、においがいつもと違ったり、下記のような症状が伴う場合、感染症🦠による影響である場合もあります。こういった症状が見られる場合は、専門医に相談することをおすすめします。<ul><li dir="ltr">排卵や着床の時期と関係なく出血が見られる</li><li dir="ltr">おりものが異常に臭い</li><li dir="ltr">かゆみや炎症を伴う</li></ul><hr>妊娠初期のおりものの特徴おりものの色や量と粘り気妊娠初期には、体内のホルモンバランス⚖️が変化するため、普段のおりものとは少し違うなと感じることが多いです。特に、おりものの量が通常よりも多くなる傾向にあります。色も透明な色ではなく、白っぽかったり淡いピンク色になることもあります。また、通常より粘り気がなくなり、クリーム状になることが多いです。こういった変化は、受精卵が子宮内膜に着床するために必要な、プロゲステロンの増加によるものであるため、大きな心配はいりません。 おりものに血が混ざる？妊娠超初期に起こる軽い出血🩸は、着床出血と呼ばれ、子宮内膜に胚が着床する際に一時的に毛細血管が破れることが原因で起こります。これは妊娠することで現れる症状の一つとなり、赤ちゃんに影響のない出血となります。ですが、出血量が多い場合や出血が長時間にわたって続く場合は、異常が疑われるため必ず専門医🧑🏻‍⚕️に相談するようにしてください。

妊娠や排卵日によって変化する「おりもの」

คุณแม่หลายท่านคงจะเจอกับปัญหากลิ่นตัวที่มาพร้อมๆกับการตั้งครรภ์ ซึ่งในวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่าทำไมท้องแล้วจึงมีกลิ่นตัว และจะมีวิธีระงับกลิ่นตัวของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>สาเหตุที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีกลิ่นตัวกลิ่นตัวของคุณแม่นั้นเกิดจากการที่ต่อมเหงื่อ💦ที่เรียกว่าอะโพครายน์ หลั่งของเหลวที่มีลักษณะเหมือนสีน้ำนมออกมาในปริมาณน้อย ซึ่งเราจะมองไม่ค่อยเห็น โดยเมื่อน้ำนมเหล่านี้ถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียก็จะทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมาได้นั่นเองค่ะซึ่งเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นปริมาณมากที่เราจะเห็นเป็นรอยเปียกเสื้อใต้วงแขนนั้น👚 จะเป็นการที่ต่อมเหงื่อครายน์หลั่งออกมานั่นเอง โดยในตอนแรกนั้นจะไม่มีกลิ่น และเมื่อเวลาผ่านไป มีการเติบโตของแบคทีเรีย🦠ขึ้นก็จะทำให้มีกลิ่นตัวขึ้นมาค่ะ รวมถึงฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปในร่างกายของคุณแม่ก็มีส่วนทำให้กลิ่นตัวของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่แรงขึ้น แถมยังส่งผลให้รักแร้ดำขึ้นด้วย<hr>สาเหตุที่ตั้งครรภ์แล้วรักแร้ดำฮอร์โมนคือตัวการฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์คือ ฮอร์โมนเอสโตเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน📈 ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้ก็เป็นตัวการที่ทำให้คุณแม่มีรอยดำเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรักแร้ ศอก เข่า ขาหนีบ นอกจากนั้นยังมีกลิ่นและอาการคันร่วมด้วยการโกนขนรักแร้การโกนขนรักแร้บ่อยๆ จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมนาโนไซด์เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้รักแร้ดำขึ้น💦 &nbsp;วิธีแก้คือคุณแม่สามารถใช้ครีมโกนหนวดเพื่อลดการระคายเคืองระหว่างโกนขนได้นั่นเองค่ะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมอีกสาเหตุที่คุณแม่มีรอยดำใต้รักแร้เข้มนั้นอาจมาจากยีนที่ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม🧬 ซึ่งคนในครอบครัวก็จะพบรักแร้ดำเช่นกัน<hr>วิธีรับมือกลิ่นตัวของคุณแม่สำหรับคุณแม่ที่กำลังกังวลใจกับเรื่องกลิ่นตัวแล้วล่ะก็ อย่าเพิ่งเครียดไปนะคะ เพราะทางเรามีวิธีมารับมือมาฝากกันแล้วค่ะ&nbsp;ใช้โรลออนระงับกลิ่นกายคุณแม่สามารถหาซื้อโรลออนหรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายมาใช้เพื่อลดปัญหากลิ่นเต่าได้ แต่ก็ควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่ไม่แพ้ด้วยนะคะ&nbsp;ทานกินผักผลไม้ทราบหรือไม่คะว่าการทานผักผลไม้🍈นั้นนอกจากจะช่วยลดอาการท้องผูกแล้วยังช่วยลดกลิ่นเต่าของคุณแม่ได้ด้วย เพราะการที่คุณแม่ขับถ่ายเป็นปกติมีส่วนช่วยในการลดกลิ่นตัวของคุณแม่ได้นั่นเองงดทานอาหารเครื่องเทศเมื่อเราทานเครื่องเทศหรืออาหารที่มีกลิ่นแรงๆ ร่างกายของเราก็จะขับของเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของกลิ่น🦨ได้นั่นเองค่ะ&nbsp;อาบน้ำให้สะอาดยิ่งในอากาศเมืองร้อนอย่างประเทศไทยนั้น การอาบน้ำ🚿เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดกลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัวของเราได้ โดยควรอาบน้ำเช้าเย็น และไม่ควรปล่อยให้เหงื่อของเราหมักหมม เวลาอาบให้เน้นบริเวณข้อพับต่างๆ เพราะเหล่านั้นมักเป็นที่สะสมของแบคทีเรียนั่นเองค่ะ&nbsp;

ทำไมตั้งครรภ์แล้วกลิ่นตัวแรง!!?

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ประจำเดือน🩸 คือสิ่งที่ผู้หญิงเรามีทุกเดือนกันอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึง การนับประจำเดือน หลายคนอาจจะสงสัยว่านับยังไง ทำไมต้องนับ จริงๆแล้วการนับประจำเดือนมีความสำคัญอย่างมากค่ะ เพราะเป็นการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากคุณแม่กำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์🤰 สิ่งที่สำคัญและควรใส่ใจ คือการนับประจำเดือนเพราะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการวางแผนการตั้งครรภ์ค่ะ💁‍♀️<hr>ทำความเข้าใจกับประจำเดือน✨ประจำเดือนประจำเดือน เกิดจากการลอกตัวของเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง👱‍♀️ ซึ่งจะแตกต่างกันไป &nbsp;โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นในทุกๆ 21-35 วัน แต่ละรอบใช้เวลา 3-7 วัน การที่ร่างกายของเราต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อโพรงมดลูกใหม่เสมอ ก็เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน เกิดเป็นวงโคจรของรอบเดือน ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามระดับของฮอร์โมนเพศของผู้หญิงด้วยค่ะ✨ข้อควรรู้เกี่ยวกับประจำเดือนโดยปกติแล้ว รอบเดือนจะมีทุกๆ 28 วันค่ะ &nbsp;แต่ก็อาจเปลี่ยนไปตามอายุ หากอายุยังไม่ถึง 21 ปี จะมีระยะห่างประมาณ 33 วัน หากอายุ 21 ปีขึ้นไปแล้ว โดยทั่วไปจะมีระยะห่าง 28 วัน และหากอายุ 40 ปีขึ้นไป👩‍🦳จะมีระยะห่างลดลงเรื่อยๆ หรือประมาณ 26 วันค่ะ โดยเฉลี่ยแล้วเลือดจะหลั่งประมาณ 5 ถึง 12 ช้อนชา บางคนอาจจะมีอาการก่อนมีประจำเดือนเช่น เจ็บเต้านม ท้องอืด หงุดหงิดได้ง่าย🤯 เชื่อว่าวันนั้นของเดือนผู้หญิงทุกคนก็รู้กันดีว่าอารมณ์ขึ้นลงได้ง่ายค่ะ✨ทำไมต้องนับประจำเดือนเรานับประจำเดือนเพื่อทำให้เรารู้ วันไข่ตก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์🤰สำหรับคุณแม่ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เนื่องจากการตกไข่จะเกิดขึ้นแค่เดือนละครั้ง&nbsp;ไข่ที่พร้อมผสม จะรออยู่ที่ตำแหน่งปลายท่อนำไข่ได้เพียงแค่ 12-24 ชม.เท่านั้นของในแต่ละเดือน หากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ได้ ไข่ก็จะเข้าไปฝังตัวในเยื่อบุหนังมดลูก แล้วกลายเป็นตัวอ่อน เรียกว่าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น แต่ถ้าไข่นั้น ไม่ปฏิสนธิภายใน 14 วัน ก็จะเป็นเลือดประจำเดือน🩸ออกมาตามปกติค่ะ&nbsp;ดังนั้นการที่คุณแม่นับประจำเดือน จึงเป็นการวางแผนที่ดีสำหรับคุณแม่ที่กำลังรอคอยการมีลูกน้อย👶ค่ะ<hr>นับประจำเดือนให้รู้วันไข่ตก🗓️เรียนรู้วิธีนับประจำเดือนเริ่มจากคุณแม่ ควรจดบันทึก📝วันที่ประจำเดือนมาไว้ทุกๆ เดือนสม่ำเสมอเป็นเวลา 8-12 เดือน แล้วนำมาคำนวณ ดังนี้ค่ะ1. คำนวณเพื่อหาความยาวรอบเดือน ให้คุณแม่ลองนับย้อนไปวันแรกที่มีประจำเดือนครั้งเดือนล่าสุด🩸 จนถึงวันแรกที่มีประจำเดือนของเดือนที่ผ่านมา เช่น เดือนล่าสุดที่ผ่านมาคือวันที่ 8 มกราคม เดือนที่ผ่านมาก็คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เราจะได้ความยาวรอบเดือนคือ 30 วันค่ะ2. หาวันตกไข่ที่แน่นอน มีวิธีง่ายๆคือการเอาความยาวรอบเดือน มาลบด้วยระยะเวลาที่ไข่ตก เช่น มีประจำเดือนวันล่าสุดคือวันที่ 8 มกราคมจากวันนี้ ให้เรานับไปอีก 16 วัน เราก็จะได้วันไข่ตก คือวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นั่นเองค่ะ เมื่อคุณแม่ได้รู้วันไข่ตกที่แน่นอนแล้ว💯 ก็สามารถนัดแนะกับคุณพ่อ👨 มีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันไข่ตก หรือ หลังวันตกไข่ประมาณ 2 วัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ไข่และอสุจิได้มาเจอไข่ เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ&nbsp;👉เทคนิคง่ายๆในวันไข่ตกการมีเพศสัมพันธ์ก่อนไข่ตกประมาณ 1-2 วัน จะทำให้อสุจิได้ไปรอที่รังไข่ เพื่อเจอกับไข่ที่จะตกลงมา แล้วทำการปฏิสนธิจนเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น🤰 โดยคุณแม่ๆที่มีรอบเดือนมาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน คือ 28 วัน&nbsp;วันไข่ตก ก็คือวันที่ 14 ของรอบเดือนค่ะ แต่การตกไข่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ให้สังเกตจาก 2 สัปดาห์ก่อนวันประจำเดือนมา จะเป็นช่วงไข่ตกค่ะ🔎สังเกตอาการไข่ตก&nbsp;ในช่วงตกไข่อุณหภูมิ🌡️ในร่างกายของคุณแม่จะสูง ตอนเช้าจะลดลงเล็กน้อย และจะเพิ่มขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงหลังการตกไข่ค่ะ สังเกตว่าจะมีตกขาวมากขึ้น และมีลักษณะเมือกบาง💦 คล้ายไข่ขาว โดยทางการแพทย์จะเรียกตกขาวนั่นว่า มูกที่ปากมดลูก (Cervical Mucus) เป็นมูกที่จะช่วยให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น ปากมดลูกกว้างขึ้นและมีอารมณ์ทางเพศมากขึ้นค่ะ😍 ถ้ามีอาการข้างต้น ก็ให้คุณแม่รู้ได้เลยค่ะ ว่าวันไข่ตกมาถึงแล้ว