เมื่อมีทารกเกิดใหม่แน่นอนว่าทุกคนในบ้านต่างก็ดีใจ และก็อยากชื่นชมความน่ารักของน้องใหม่ พร้อมทั้งต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งในบางครั้งเรา คนในครอบครัว หรือ เพื่อนที่มาเยี่ยมนั้น ก็อาจเผลอทำอะไรที่ไม่ควรทำกับทารกไปโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งวันนี้เราจึงได้นำข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่ควรทำกับทารกมาฝากกันแล้วค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>ทำแบบนี้อันตราย!<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/12df3307-972d-43a9-9df7-3f44238d19fa.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ควรจับทารกเหวี่ยงคุณพ่อบางท่านอาจจะชอบจับลูกน้อยเหวี่ยงไปมา เพราะลูก👶ก็ดูสนุกสนานหัวเราะใหญ่ ซึ่งที่จริงแล้วการจับทารกเหวี่ยงนั้นมีความอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะหากไปจับในบริเวณแขนหรือขาแล้วจับเหวี่ยง จะทำให้ลูกเสี่ยงกระดูก หรือ ข้อต่อหักได้🦴 ดังนั้นอย่าจับลูกเหวี่ยงจะดีที่สุดนะคะไม่ควรเขย่าตัวทารกบางคนเมื่อลูกร้องไห้มากๆ และไม่รู้ว่าจะให้ลูกหยุดร้องไห้ด้วยวิธีไหนดี จึงเขย่าตัวทารก ซึ่งการเขย่าตัวทารกนั้นมีความอันตรายกว่าที่คิด เพราะมีผลให้เส้นเลือดในดวงตา👀หรือสมอง🧠ฉีกขาดได้ รวมถึงอาจทำให้ประสาทตาของทารกหลุดลอก ยิ่งกว่านั้นแผลที่เกิดขึ้นในสมองของทารกอาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราไม่ควรจะไปเขย่าตัวทารกนะคะ&nbsp;<hr>ข้อห้ามที่ไม่ควรทำกับทารก<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/8508ebb1-54c6-4894-b16d-4ac9b32de99c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ควรให้ทานอาหารเสริมก่อนอายุ 6 เดือนเนื่องจากว่าระบบกระเพาะอาหารของทารกนั้นยังเจริญไม่เต็มที่ดังนั้นเมื่อทานอาหารเสริม🍲ก็จะทำให้เกิดอาหารย่อยไม่ได้ และอาจทำให้ลำไส้อุดตัน และลำไส้เน่าตามมาได้นั่นเองค่ะไม่ควรจุ๊บปากหรือหอมแก้มทารกเหตุผลนั้นเป็นเพราะ เราอาจเป็นตัวนำพาเชื้อโรค🦠ที่ไม่แสดงอาการในผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดีกว่า ไปให้กับทารกที่มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าได้นั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด มือเท้าปาก เริม หัด อีสุกสีใสและอื่นๆ อีกโดยควรรอให้ทารกอายุครบ 3 เดือนจะดีกว่านะคะ &nbsp;ไม่ควรดัดขาทารกอาจมีความเชื่อที่บอกว่าจะต้องดัดขา🦵ทารกเพื่อป้องกันขาโก่ง หรือไม่ควรให้ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพราะเชื่อว่าจะทำให้ขาโก่ง ซึ่งความจริงแล้วการดัดขาทารกอาจทำให้ทารกเจ็บ และการดัดขาเองก็ไม่สามารถสร้างแรงกดกับกระดูกขาได้ แถมการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็ไม่ได้ทำให้ขาโก่งด้วย<hr>ระวังสิ่งเหล่านี้<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3070/776d10c5-4aab-4acc-bdfd-16caf4193367.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ไม่ล้างมือก่อนจับทารกการจับทารกทั้งๆที่มือ✋ยังไม่สะอาด อาจทำให้เชื้อโรคต่างๆแพร่สู่ทารกได้ ดังนั้นก่อนสัมผัสก็ควรจะล้างมือ รวมถึงคอยล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆของทารกอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและแบคทีเรียต่างๆค่ะ&nbsp;ไม่ควรพาออกนอกบ้านก่อนอายุ 3 เดือนเนื่องจากระบบต่างๆของทารกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงภูมิคุ้มยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพาน้องออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ🦠 ต่างๆ (ยกเว้นไปโรงพยาบาลตามนัดของคุณหมอ)ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อทารกโดยเฉพาะเพราะว่าผิวของทารกมีความบอบบางมากดังนั้นการใช้สบู่ แชมพู🧴 หรือของต่างๆของผู้ใหญ่ อาจทำให้มีสารตกค้างและเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ&nbsp;เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับข้อระวังต่างๆ ทราบอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมบอกคนรอบข้างเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยกันนะคะ&nbsp;

ระวัง! แบบนี้ไม่ควรทำกับทารก!

เมื่อเกิดมา กล้ามเนื้อคอของทารกจะค่อยๆ มีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ พออายุครบ 3 เดือนกล้ามเนื้อคอก็จะเริ่มแข็งแรงดี วันนี้เราจะมาดูว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้างที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาให้กล้ามเนื้อคอของลูกแข็งแรงเร็วขึ้นกันค่ะ<hr>พัฒนาการกล้ามเนื้อคอ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/d923d252-806d-4224-b3c2-852cede5ecf9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">💖อายุ 1 เดือนเมื่ออายุครบ 1 เดือน เนื่องจากกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงพอ ทารกจะยกศรีษะได้เพียงชั่วขณะ ดังนั้นช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรอุ้มลูกน้อยอย่างระมัดระวัง โดยคอยประคองช่วงคอทุกครั้งนะคะ🙂&nbsp;💖อายุ 2 เดือน&nbsp;เมื่ออายุครบ 2 เดือน ทารกจะสามารถนอนคว่ำ และจะสามารถยกศีรษะชันคอได้ประมาณ 45 องศาค่ะ💖อายุ 3 เดือนในเดือนนี้ทารกจะนอนคว่ำ และสามารถชัดคอได้ประมาณ 90 องศา&nbsp;💖อายุ 4 เดือนลูกน้อยจะสามารถชัดคอได้นานขึ้น และสามารถใช้แขนยันตัวขึ้นได้ กล้ามเนื้อคอ ไหล่ หลัง และสะโพกมีความแข็งแรงขึ้น✔️💖อายุ 5 เดือนขณะนอนคว่ำ ลูกน้อย👶จะสามารถใช้มือยันตัวขึ้นโดยที่ข้อศอกเหยียดตรงได้ หากคุณพ่อคุณแม่จับลูกน้อยให้อยู่ในท่านั่ง คอของลูกน้อยจะไม่พับและจะสามารถตั้งศีรษะตรงได้💖อายุ 6 เดือนลูกน้อยจะสามารถโน้มตัวไปข้างหน้าและใช้มือยันขณะนั่งได้แล้ว<hr>ลูกน้อยคอแข็งช้าเป็นอะไรไหม?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/c787fe1b-ddbc-464f-bc1e-4e3a4675dd55.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">คุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกของตนเองคอแข็งช้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าลูกน้อย👶อาจมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หรือ ระบบประสาท เพื่อให้แน่ใจคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบนะคะ✔️คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เมื่อลูกน้อยไม่สามารถยกศีรษะให้พ้นพื้นได้แม้จะอายุครบ 3 เดือนแล้ว หรือ เมื่อจับลูกนอนคว่ำ ไม่มีการชันคอ หรือยกศีรษะขึ้น เมื่ออายุครบ 4 เดือน<hr>วิธีสร้างกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2250/b6cdfb32-881f-47de-b364-65ea68773198.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คุณพ่อและคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นได้โดยการอุ้มพาดบ่าบ่อยๆ ลูกน้อยจะได้ชัดคอเพื่อมองไปรอบๆ&nbsp;✨นำโมบายมาแขวนไว้เหนือเตียงที่ลูกน้อยนอน✔️หรือ สามารถยกโมบายให้ลูกน้อยใช้มือคว้า ลูกน้อยจะยกตัวขึ้นระหว่างที่พยายามคว้า✨คุณพ่อคุณแม่สามารถเรียกชื่อและพูดคุยกับลูกน้อย👶บ่อยๆ ลูกน้อยจะหันมาตามเสียงเรียกหรือเสียงคุย✨ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ และลองเล่นจ๊ะเอ๋กับลูกน้อยก็จะทำให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวตาม และอารมณ์ดีด้วยค่ะ🙂

ฝึกกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง! ฮึบ!

คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นลูกนอนบิดตัว ซึ่งทารกนอนบิดตัวนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ และจะเกิดจากอาหารการกิน รวมถึงสามารถเกิดได้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน&nbsp;<hr>ทารกนอนบิดตัว<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/1b3d1310-35a8-475f-ae02-9cacece72cf6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ทารกนอนบิดตัวปกติหรือไม่?ทารกนอนบิดตัว เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะการนอนบิดตัวก็คล้ายๆกับผู้ใหญที่บิดขี้เกียจตอนที่เพิ่งตื่นนอน ซึ่งแพทย์👨&zwj;⚕️มองว่าเป็นการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อ&nbsp;สาเหตุที่ทำให้ทารกนอนบิดตัวทารกนอนบิดตัวนั้นอาจมีสาเหตุจากการให้ทานนม🍼เยอะเกินไป หรือ overfeeding จะรู้ได้ว่าให้ทารกทานนมเยอะเกินไปเมื่อ ทารกมีการแหวะนมบ่อยๆ และมีการบิดตัวไปมาผิดปกติ ซึ่งเกิดจากความไม่สบายตัว ในบางรายอาจเป็นไข้ ก็ต้องรีบพาพบแพทย์โดยด่วนนะคะ หรือ ทารกมีเสียงร้อง😭ผิดปกติ หรือ ทารกอาจร้องเสียงครืดคราดในลำคอ เมื่อท้องอืดจากการได้รับนมมากไปค่ะ<hr>การบิดตัวของทารกจากอาการโคลิก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/59d8ea3f-4586-43b4-9aa3-b68e2248f18d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">อาการปวดบิดตัวของทารกที่สามารถพบได้บ่อยๆ คืออาการที่เกิดจากโคลิค😭 &nbsp;ซึ่งหลายๆคนเคยได้ยินกันมาแล้วว่าคือการที่เด็กจะร้องไห้หนักมาก และร้องไห้เป็นเวลา ซึ่งจะเกิดในเด็กที่มีอายุ 3 สัปดาห์ - 3 เดือน ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งจะมีอาการร่วมดังต่อไปนี้✨ร้องไห้หนักติดต่อกัน 3 ชั่วโมง/วันขึ้นไป&nbsp;✨ร้องไห้ติดต่อกัน 3 วัน/สัปดาห์ และอาจจะเป็นนานมากกว่า 3 เดือน✨มีอาการร้องไห้แผดเสียงเหมือนว่ากำลังโมโห💢✨ร้องไห้แทบขาดใจ✨มีปฏิกิริยางอขาเข้าหาหน้าท้อง✨งอตัว✨กำมือแน่นคล้ายจะทำร้ายตัวเอง👊✨มีอาการบิดตัวไปมาดูไม่สบายตัว<hr>วิธีการรับมือเมื่อลูกมีอาการโคลิค<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2835/189420b7-6ca8-4f64-ada8-27f8360436bc.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨คอยปลอบและอุ้มลูกอย่างใกล้ชิดเมื่อลูกร้องโคลิค✨ไม่ควรให้นม🍼ปริมาณมากเกินไป✨อุ้มให้ลูกเรอทุกครั้งเพื่อไล่ลม💨✨หมั่นดูว่าผ้าอ้อมเต็มหรือไม่และเปลี่ยนให้บ่อยๆ✨ดูสภาพอากาศว่าร้อน☀️หรือหนาวเกินไปหรือเปล่า✨เรื่องของนมที่คุณแม่ดื่มตอนให้นมบุตร✨หากลูกกินนมวัว🥛 หรือนมถั่วเหลืองแล้วแหวะนม ถ่ายเหลว ผื่นขึ้น นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกร้องโคลิคทั้งนี้ทั้งนั้นหากลูกยังคงมีอาการปวดบิด ร้องไห้นานจนหน้าแดง มีไข้ มีการหายใจผิดปกติ หรือมีสีอุจจาระที่เปลี่ยนไป ก็ควรจะพาลูกไปหาหมอ👨&zwj;⚕️โดยด่วนค่ะ

สาเหตุที่ทารกนอนบิดตัว

เมื่อเด็กเกิดมาเด็กจะมีปฏิกิริยาสะท้อน หรือที่เรียกว่า Reflex ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เด็ก👶ควบคุมไม่ได้ เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งกระตุ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นเอง ซึ่งปฏิกิริยาสะท้อนของทารกมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>ปฏิกิริยาสะท้อน คืออะไร?<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2729/8e03d251-5d00-4c21-98d6-c452d2f24ec4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ปฏิกิริยาสะท้อน (Reflex) คือการเคลื่อนไหวปกติของทารก👶ที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือ เป็นการตอบสนองต่อการกระตุ้น หรือการกระทำบางอย่างซึ่งโดยทั่วไป แพทย์จะทำการตรวจปฏิกิริยาสะท้อน หรือ Reflex ของทารกเพื่อเช็คพัฒนาการ ดูความปกติของประสาทและสมอง🧠 ซึ่งปฏิกิริยาสะท้อนนี้จะสามารถพบได้ในช่วงอายุเท่าไหร่บ้างเราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>ปฏิกิริยาสะท้อนรูปแบบต่างๆ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2729/11082054-cdbf-406b-9b0b-3de289c466a6.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ปฏิกิริยาการดูด (Sucking reflex)🍼ปฏิกิริยาการดูดนี้เกิดเมื่อมีบางอย่างมาสัมผัสเพดานปากของทารก👶 จะทำให้ทารกดูดทันที ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่สามารถทดสอบโดยการเอานิ้วแตะเบาๆที่ริมฝีปาก ลูกก็จะตอบสนองโดยการทำท่าดูดปากทันทีค่ะเชื่อหรือไม่ค่ะว่าปฏิกิริยาตอบสนองนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อลูกยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่🤰ในสัปดาห์ที่ 32 เลยล่ะคะ โดยจะพัฒนาเต็มที่ในสัปดาห์ที่ 36 ดังนั้นจะเห็นได้ทารกที่คลอดก่อนกำหนดจะดูดนมแม่ไม่ค่อยเก่งจากการที่พัฒนาการ reflexในส่วนนี้ยังไม่สมบูรณ์นั่นเองค่ะ &nbsp;✨ปฏิกิริยาการหา (Rooting reflex)ปฏิกิริยานี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่ลองแตะที่มุมปากของลูกเบาๆ จะพบว่าลูก👶จะหันศีรษะและอ้าปากไปตามทิศทางที่มือโดนปาก ซึ่งการอ้าปาก หรือพยายามงับนี้เป็นปฏิกิริยา reflex ที่ช่วยให้ลูกสามารถหาเต้านมหรือขวดนม🍼 เพื่อดูดและเอาตัวรอดได้ ซึ่งปฏิกิริยานี้จะพบได้ในทารกช่วงอายุ 2 ถึง 3 เดือน และหลัง 4 เดือนปฏิกิริยานี้จะหายไปเอง<hr>ปฏิกิริยาอื่นๆ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2729/df1d1073-066d-47a6-8ebc-37a105f3c44a.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ปฏิกิริยาการก้าว (Stepping reflex)🦶เมื่ออุ้มทารกให้อยู่ในท่ายืนและจับให้เท้าสัมผัสกับพื้นที่เรียบแข็ง โดยให้ศีรษะยื่นไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ลูกจะสามารถก้าวเดินเดินทีละก้าว🦵 โดยวางเท้าข้างหนึ่งไว้ข้างหน้าของอีกข้างหนึ่ง ซึ่งปฏิกิริยาการนี้จะสามารถพบได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด และจะหายไปเองเมื่อช่วงอายุ 5 ถึง 6 เดือน&nbsp;✨ปฏิกิริยาการกำมือ (Palmar grasping reflex)เกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่นำนิ้วไปแตะหรือเข้าสอดที่บริเวณฝ่ามือ✋ของทารก ลูกจะงอนิ้วมือมาจับแล้วกำมือไว้ ซึ่งปฏิกิริยานี้จะสามารถพบได้ในทารกอายุ 2 เดือนจนถึง 6 เดือนได้ค่ะ ซึ่งหากลองแล้วลูกไม่มีการตอบสนองของ reflexนี้ควรลองปรึกษากับแพทย์👩&zwj;⚕️ดูเพราะอาจเกิดจากภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ หรือหากกำมือแน่นมากเกินไปก็อาจแสดงถึงภาวะผิดปกติได้เหมือนกันค่ะ&nbsp;

ปฏิกิริยาสะท้อน(Reflex) ในทารก

&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทารกในครรภ์มีการก่อตัวของของระบบประสาทและสมอง🧠ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ในครรภ์ และเริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามช่วงอายุครรภ์ โดยคุณพ่อคุณแม่👫สามารถช่วยกระตุ้นการพัฒนาของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังการคลอดของลูกได้เลยค่ะ นับตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์คุณพ่อคุณแม่อาจจะตื่นเต้นและรอวันที่ได้เจอหน้าลูกน้อย ดังนั้นทางเราจึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการกระตุ้นการพัฒนาสมองของทารกเพื่อให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีสมวัยมาให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ทราบค่ะ<hr>การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี?นับตั้งแต่กระบวนการปฏิสนธิสมบูรณ์ ไข่กับสเปิร์มจะสร้างเป็นตัวอ่อน ซึ่งตัวอ่อนในท้องของคุณแม่🤰ก็จะเริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ พร้อมกับสร้างอวัยวะรวมทั้งเซลล์สมองที่มีการเพิ่มจำนวนและขนาดอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นเนื้อสมองและเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเส้นใยประสาทเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่👫ควรเริ่มกระตุ้นการพัฒนาการสมองของลูกน้อยตั้งแต่อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ ไปจนถึงอายุ 2 ขวบ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่จะใส่ใจเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาของลูก<hr>ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ดีการที่ลูกจะมีพัฒนาการที่ดีนั้นมักเกี่ยวข้องกับหลายๆ ปัจจัย โดยปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาของลูกน้อยในครรภ์ การพัฒนาการของวัยทารก รวมไปถึงการพัฒนาของระดับสติปัญญา🧠✨และการเรียนรู้ตั้งแต่ในครรภ์ไปจนถึงหลังคลอดมีดังนี้พันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่พันธุกรรมของลูกน้อยนอกจากหน้าตา👶 สีผิว และสีผมที่ได้รับการถ่ายทอดมาแล้ว ยีน🧬ทั้งหมดในร่างกายยังมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและระบบประสาทด้วยการรับประทานอาหารและสารอาหารที่คุณแม่ได้รับในขณะตั้งครรภ์ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ต้องใส่ใจกับสุขภาพมากที่สุด ดังนั้นการใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสารอาหารต่างๆ🥗 ที่คุณแม่รับประทานเข้าไปจะส่งผลกับทารกในครรภ์&nbsp;ระบบการทำงานของร่างกายคุณแม่เสียงการทำงานของหัวใจ🫀 เสียงการบีบตัวของลำไส้ หรือเสียงการเคลื่อนไหวของกระแสโลหิตล้วนมีความสำคัญ เพราะลูกน้อยในท้องของคุณแม่สามารถได้ยิน👂เสียงพวกนี้ ซึ่งจะกระตุ้นเรื่องการพัฒนาการได้ยินของลูกน้อยอารมณ์ของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์หากคุณแม่มีความเครียดมาก😡ในระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบกับการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์ด้วย<hr>วิธีการช่วยกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในครรภ์ลูบหน้าท้องกระตุ้นความรู้สึกการที่คุณแม่ลูบหน้าท้องเบาๆ🤰จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนความรู้สึกได้ชวนลูกคุยบ่อยๆ หรือเปิดเสียงดนตรีให้ลูกฟังลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่สามารถได้ยินเสียงผ่านผนังหน้าท้อง🎧🤰 ซึ่งทารกในครรภ์จะได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่อายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป การที่คุณพ่อคุณแม่มีการพูดคุยกับลูกส่งผลให้ทารกมีความคุ้นเคยจากเสียง และคุณแม่สามารถหยิบหนังสือ📖🗣️มาอ่านออกเสียงให้ลูกน้อยฟัง โดยเสียงจากคุณแม่จะกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อสมองที่มีความซับซ้อนของการได้ยิน ตีความเสียง และส่วนความทรงจำ นอกจากนี้การเปิดเพลง🎶ให้ลูกฟังทำให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ดีด้วย😄ส่องไฟฉายบริเวณผิวท้องของคุณแม่เพื่อกระตุ้นการมองเห็นคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการส่วนการมองเห็น👁️ ด้วยการดึงดูดความสนใจของทารกในครรภ์ โดยการส่องไฟฉาย🔦 เลื่อนไป-มา หรือ เปิด-ปิดไฟฉาย พร้อมกับพูดคุยและเล่นกับลูกน้อยไปด้วย แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทำในที่มืด🌌จะช่วยเรื่องการมองเห็นได้ดีกว่าที่สว่าง และควรเริ่มทำตั้งแต่ทารกเริ่มดิ้นไปจนถึงวันที่คลอด&nbsp;การนั่งโยกเก้าอี้ หรือการออกกำลังกายจะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกคุณแม่สามารถนั่งโยกเก้าอี้🪑หน้า-หลัง พร้อมเอามือลูบหน้าท้องไปพรางๆ และเปิดเพลงฟัง🎵 หรือออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยกระตุ้นเรื่องการพัฒนาด้านเซลล์ประสาทการทรงตัวและพัฒนาเรื่องระบบประสาทการสัมผัสของทารก&nbsp; &nbsp; &nbsp;คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์🍲 หมั่นดูแลร่างกายให้พร้อมจนถึงวันคลอด และนอกจากการบำรุงร่างกายที่ดีแล้ว คุณแม่ควรออกกำลังกาย🚶‍♀️แต่พอเหมาะ ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์ เพื่อเป็นการช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดี โดยเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับการกระตุ้นสมอง🧠และระบบประสาทตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังการคลอด🤱

การพัฒนาสมองของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์เป็นยังไงนะ?

น้ำหอมหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หลายๆคนใช้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและเสน่ห์ให้กับเรา แต่เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วจะสามารถใช้น้ำหอมต่อไปได้หรือไม่ จะมีผลกระทบอะไรต่อทารกในครรภ์หรือเปล่า เราไปดูกันเลยค่ะ<hr>ท้องแล้วยังสามารถใช้น้ำหอมได้ไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/f9698c9f-6bad-4a79-814a-e2d706a699a0.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หลีกเลี่ยงน้ำหอม?จากงานวิจัยพบว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอม เทียนหอม สเปร์หอม ไมโครเวฟ รวมถึงการใช้พลาสติก👃หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ผสมน้ำหอมไม่เพียงเท่านั้นคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมที่ถูกผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่🧼 ผงซักฟอง น้ำยาซักผ้า ของใช้ในครัวเรือนและของใช้ต่างๆ<hr>งานวิจัยบ่งบอกว่าอย่างไร?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/977ed452-80f2-4831-8950-86c3191db518.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">งานวิจัยจาก University Of Illinois พบว่าสารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมนั้นมีผลต่อการพัฒนาสมอง🧠 โดยได้ทำการทดลองในหนูที่ตั้งครรภ์ และพบว่าหนูที่ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำหอมและพลาสติกนั้น ลูกหนูที่เกิดมามีระดับปัญญาที่แย่กว่าโดยการทดลองยังสรุปได้ว่าแม้ว่าแม่หนู🐁จะไม่ได้รับผลกระทบแต่ลูกหนูนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงน้ำหอม สเปรย์ต่างๆ และพลาสติกนั่นเองค่ะ<hr>หลังคลอดล่ะ ใช้น้ำหอมได้ไหม?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3409/d1291243-5ae9-49da-a651-0352ade1f37d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้วก็ยังไม่ควรใช้น้ำหอมเพราะผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหอม โคโลญจน์ สเปรย์ฉีดตัวหลายๆตัวมีส่วนผสมของสารเคมีที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกน้อยได้ โดยหายลูกยังอ่อน👶อยู่ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายจากน้ำหอมเหล่านี้โดยการศึกษาของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในปี 1991 พบว่าสารเคมี 95% ในน้ำหอมเป็นสารประกอบที่ทำมาจากปิโตเลียม รวมถึง Greenpeace ยังพบว่าแบรนด์น้ำหอมชื่อดังกว่า 36 แบรนด์ มีส่วนประกอบของสารเคมีที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ อย่างพาทาเลต และ มัสค์สังเคราะห์ ซึ่งสารเคมีสองตัวนี้สามารถมีผลกระทบต่อกระแสเลือด🩸ในสมอง🧠 &nbsp;รวมถึงยังทำให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้สุดท้ายนี้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมยังพบว่าสารเคมี Linalool ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในน้ำหอมสามารถกระทบต่อระบบหายใจและยังก่อให้เกิดอาการง่วงและซึมเศร้าได้อีกด้วย😴 (ขอบคุณข้อมูลจาก Anna O&#39;rourke,her)ทราบอย่างนี้แล้วหากเป็นไปได้ก็ควรเลี่ยงการฉีดน้ำหอมกันไปก่อนเพื่อพัฒนาการและสุขภาพที่แข็งแรงของลูกน้อยนะคะ

ท้องแล้วฉีดน้ำหอมอยู่ระวัง! อันตรายกับลูกในครรภ์

คุณพ่อคุณแม่หลายๆคน ไม่กล้าพาลูกไปตากแดดข้างนอกเพราะกลัวว่าแสงแดดจะเป็นตัวทำร้ายผิวของลูก เพราะทารกยังมีผิวที่บอบบาง แต่ความจริงแล้วหากเลือกช่วงเวลาการพาลูกน้อยออกไปตากแดดได้อย่างเหมาะสม แสงแดดก็สามารถเป็นประโยชน์ให้กับลูกน้อยได้นะคะ&nbsp;<hr>ข้อดีของการตากแดดยามเช้า<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2702/937a4dc8-a068-434b-823f-d5be41ed8c54.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงไหนที่ควรพาลูกตากแดด?แม้ว่าผู้ปกครองหลายๆท่านอาจจะกังวลอยู่ว่าจะพาลูกน้อยตากแดด⛅ได้จริงหรอ แต่ผิวของลูกบอบบางนะ แต่จริงๆแล้ว หากเลือกที่จะตากแดดในยามเช้าซึ่งมีแสงแดดอ่อนๆ ก็จะมีประโยชน์ต่อทารกได้นะคะ&nbsp;แสงแดดดีอย่างไร?🌞วิตามินดีหากพาลูกน้อยตากแดดในยามเช้าลูกก็จะได้รับวิตามินดีค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของทารกจะต้องการโดนรังสียูวีอย่างน้อย 15 นาทีแต่ไม่ควรเกิน 30 นาทีในแต่ละวัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสีโทนผิวของทารกโดยในทารกที่มีผิวคล้ำก็จะต้องการเวลาในการตากแดด⛅มากกว่าค่ะ ข้อดีเมื่อลูกน้อยได้รับวิตามินดีคือ มันจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมที่เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างกระดูก🦴และฟัน รวมถึงเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย🌞ลดอาการตัวเหลืองในทารกแสงแดดจะสามารถช่วยลดอาการตัวเหลืองในทารก👶ที่เกิดจากการเจริญเติบโตของบิลิรูบินเมื่อแรกเกิด หากผู้ปกครองพาลูกไปรับแสงแดดประมาณ 15-20 ต่อวันในช่วงเช้า จะสามารถลดอาการตัวเหลืองของลูกได้🌞ช่วยควบคุมระดับอินซูลินแม้ว่าแสงแดดจะไม่ได้เป็นตัวช่วยให้ระดับของอินซูลินดีโดยตรง แต่วิตามินดีที่ได้รับมาจากแสงแดดสู่ร่างกายนั้นจะเป็นตัวช่วยควบคุมระดับของอินซูลิน📉 ฉะนั้นหากลูกได้รับแสงแดดตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อยจะสามารถช่วยป้องกันภาวะโรคเบาหวานได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยในการป้องกันโรคเบาหวานได้ค่ะ🌞ฮอร์โมนเซโรโทนินนอกจากนั้นแสงแดดยังช่วยในเรื่องของการผลิตเซโรโทนินให้ดีขึ้น ซึ่งฮอร์โมนเซโรโทนินเป็นที่รู้จักกันในนามของฮอร์โมนแห่งความสุขนั่นเอง ซึ่งจะช่วยควบคุมการย่อยอาหาร และการนอนหลับในทารก💤อีกด้วยค่ะ&nbsp;🌞เพิ่มระดับพลังงานแสงแดดธรรมชาติจะเป็นตัวควบคุมการผลิตเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับและตื่นนอน เมื่อทารกได้รับแสงแดด⛅ระหว่างวันก็จะทำให้ระดับของเมลาโทนินลดลงและเพิ่มระดับพลังงานในที่สุดค่ะ<hr>พาทารก 0-6 เดือนตากแดดอย่างไรดี<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2702/c0a594fd-fb2c-477b-9cdb-4b0cdfdd6bba.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงเวลาที่เหมาะสมช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพาลูกน้อยแรกเกิดถึง 6 เดือนการเดินเล่นคือช่วงเวลาก่อน 10 โมงเช้า🕐 หรือช่วงเวลาหลังบ่าย 4 โมง แต่ไม่ควรให้ลูกโดนแสงโดยตรง ให้ใช้รถเข็นเด็กที่มีผ้าคลุมกันแดด และไม่ควรทาครีมกันแดดให้ลูก เพราะผิวของทารกจะไม่สามารถขับเคมีในครีมกันแดดได้&nbsp;วิธีเตรียมตัวเมื่อพาลูกไปเดินตากแดดควรสวมใส่ชุดมีความเบาบางเพื่อให้หายใจได้สะดวก โดยควรจะใส่หมวกเพื่อป้องกันแสงแดดโดนใบหน้า หู คอ และศรีษะของลูกน้อย👶โดยตรง รวมถึงใส่เสื้อผ้าที่มีความยาวคลุมแขนและขาของทารกรวมถึงควรซื้อแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันยูวีเอและยูวีบีได้ เพื่อลดการสัมผัสของแสงยูวี⛅กับดวงตาของลูกน้อย การป้องกันตั้งแต่ยังเล็กจะลดโอกาสจอประสาทตาถูกทำลาย ต้อกระจกและปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับดวงตาเมื่อออกไปข้างนอกให้กางร่ม☂️ให้ลูก หรือเปิดร่มในรถเข็นเด็ก รวมถึงเมื่อให้ลูกนั่งรถยนต์ส่วนตัวก็ควรจะมีที่บังแสงแดดแบบตาข่าย รวมถึงควรใช้ฟิมล์หน้าต่างที่สามารถกรองยูวีได้มากที่สุดหากเป็นไปได้<hr class="vb_h2">พาทารก 6-12 เดือนตากแดดอย่างไรดี<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2702/7e992d34-18c0-4f9e-8d00-e8e9bbcc1c5b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ช่วงเวลาที่เหมาะสมผู้เชี่ยวชาญแนะนำช่วงเวลาในการพาทารกออกแสงแดดไว้คือช่วงเวลา 7 ถึง 10 โมงเช้า โดยควรตากแดดเวลาประมาณ 10-15 นาที🕐 ซึ่งช่วงเวลาที่ทารกจะได้รับประโยชน์สูงที่สุดคือช่วงหลังพระอาทิตย์ขึ้นหนึ่งชั่วโมงและช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกหนึ่งชั่วโมง โดยไม่ควรให้ลูกตากนานเกิน 30 นาที เพราะหากเกินกว่านั้นอาจทำให้ลูกเกิดอาการแสบร้อน ระคายเคือง เกิดรอยแดงได้ค่ะ&nbsp;วิธีเตรียมตัวเมื่อพาลูกไปเดินตากแดด⛅&nbsp;ควรจะยังใส่เสื้อผ้า หมวก ร่มตามข้างต้นเพื่อป้องกันลูกน้อย👶อยู่แต่ให้เพิ่มครีมกันแดดให้ลูกด้วย โดยตอนนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถทาครีมกันแดดให้ลูกน้อยได้แล้ว ซึ่งควรเลือกครีมกันแดดสำหรับทารกโดยเฉพาะ และควรมีค่า SPF อย่างน้อย 30 และสามารถป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบีได้ค่ะ

พาลูกตากแสงแดดยามเช้าดีไหม?

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยืนยันการจำแนกสารให้ความหวานเทียม แอสปาร์แตมเป็นสารที่ &#39;มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; หรือ &#39;Possibly carcinogenics to humans&#39; ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ &nbsp;📢 ในขณะที่ข้อโต้แย้งด้านความปลอดภัยยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็กล่าวได้ว่าแอสปาร์แตมสามารถพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มลดน้ำหนัก เจลาติน หมากฝรั่ง ไอศกรีม ยาสีฟัน ยาอมแก้ไอ ผลิตภัณฑ์จากนม แล้วแบบนี้เราจะมีโอกาสเป็นมะเร็งหรือไม่ สารนี้จะหายไปจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเลยหรือไม่ คุณแม่หลายๆท่านกำลังสับสนกับเรื่องนี้🤰🏻 บิลลี่ จึงขออาสามาเช็กข้อเท็จจริงค่ะ!😉<hr>ทำความรู้จักกับแอสปาร์แตม<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/a78f736e-d227-4c42-ad06-239b9f974e58.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🍹แอสปาร์แตม.....มีรสหวานกว่าน้ำตาล 200 เท่า แทบไม่มีแคลอรีเลย🙅🏻&zwj;♀️ หลายๆท่านอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อของแอสปาร์แตม ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถพบเจ้าแอสปาร์แตมนี้ในชีวิตประจำวันของเราได้ โดยสารนี้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากได้รับการอนุมัติในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2524 จึงเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้อาหารมีรสหวาน 👅 ในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกโดยปัจจุบันยังคงมีการใช้ในอาหารและเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ อย่าง Coke Zero, Diet Coke หมากฝรั่ง ลูกอม โยเกิร์ต ไอศรีม ซอส และขนมอีกหลากหลายชนิด แต่ไม่นานมานี้องค์กรอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศให้เจ้าสารที่ถูกใช้ในเชิงเพื่อสุขภาพ กลายเป็นสารก่อมะเร็งแทน ข่าวนี้ทำให้ผู้อ่านหลายๆท่านหนักใจ เพราะเราต่างต้องเคยบริโภคสารนี้กันทั้งนั้น&nbsp;<hr>รู้จักประเภทของสารก่อมะเร็ง<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/6f376079-8bc4-4a7f-858e-dfbfe564c4d5.jpeg" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">องค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ WHO ได้ประกาศให้แอสปาร์แตมเป็นสารที่ &#39;มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; หรือ &#39;Possibly carcinogenics to humans&#39;💥 ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ &nbsp;โดย IARC ได้ระบุให้แอสปาร์แตมเป็นสารก่อมะเร็งในระดับ 2B ซึ่งการนิยามสารก่อมะเร็งของ IARC สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ๆดังนี้ระดับที่ 1&nbsp;เป็นสารกลุ่มที่มีหลักฐานบ่งชี้มากพอในเชิงสถิติ ว่าก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ สารกลุ่มนี้ตามกฎหมายและข้อกำหนดขององค์กรอาหารและยาในแต่ละประเทศ จะต้องไม่ถูกเติมหรือมีการปนเปื้อนในอาหารอยู่แล้ว มักเป็นสารที่ถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและวัสดุอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ได้แก่ สารหนูหรืออาร์เซนิค หรือสารในกลุ่มเบนซีนค่ะระดับที่ 2A&nbsp;เป็นสารกลุ่มที่มีหลักฐานงานวิจัยออกมายืนยันเช่นกันว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ยังถือว่ามีจำนวนงานวิจัยที่น้อย จึงได้แต่ใช้คำว่า &#39;มีแนวโน้มที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์&#39; แทน ยังไม่สามารถยืนยันได้เพราะยังมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือไม่เพียงพอค่ะ อย่างไรก็ตามสารในกลุ่มนี้ก็ยังมีหลักฐานบ่งชี้เพียงพอว่าก่อมะเร็งได้ในสัตว์ทดลองค่ะ ยกตัวอย่างเช่นซิลิกาที่ใช้ทำซองดูดความชื้นนั่นเองค่ะระดับที่ 2Bเป็นสารที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ส่วนหนึ่งบ่งชี้ว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะยืนยัน ในกรณีของการก่อมะเร็งในสัตว์ก็มีแต่ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าสามารถก่อมะเร็งได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งเจ้าแอสปาร์แตมเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ นั่นทำให้เราสามารถตีความได้ว่า ทางองค์กรอนามัยโลกให้ข้อมูลว่าแอสปาร์แตมอาจจะก่อมะเร็งทั้งในสัตว์และในคน แต่ยังเป็นหลักฐานที่มีจำนวนน่าเชื่อถือไม่เพียงพอ เมื่อคำนวณความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติค่ะระดับที่ 3&nbsp;เป็นสารที่ยังไม่มีข้อมูลว่าสามารถก่อมะเร็งได้ทั้งในร่างกายมนุษย์เองและร่างกายของสัตว์ค่ะ<hr>สรุปแล้วแอสปาร์แตมอันตรายแค่ไหน<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/ff5fad7d-077c-48e5-9878-afa7a89598e2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">แอสปาร์แตมก่อมะเร็งจริงหรือไม่?โดยความจริงแล้วสารระดับ 2B นั้นสามารถพบได้ในส่วนผสมในของที่เรารับประทานหรือใช้กันในชีวิตประจำวัน🍽️ อย่าง กรดคาเฟอิกในกาแฟ ว่างหางจระเข้ น้ำมันมะพร้าว รวมถึงกิมจิและผักดองอื่นๆด้วย ซึ่งคนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่ากับสารทดแทนความหวาน หลักฐานจึงยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าแอสปาร์แตมจะทำให้เราเป็นมะเร็งจริงๆ แม้กระทั่งหลักฐานในสัตว์ทดลองเองก็ยังไม่ได้มีจำนวนมากพอที่จะยืนยันได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า ไม่ได้ห้ามบริโภคเป็นอาหาร และไม่ได้หมายความว่าการรับประทานแอสปาร์แตมจะทำให้เกิดมะเร็ง แต่มีความจำเป็นที่จะต้องจำกัดปริมาณในการรับประทานสารให้ความหวานเทียมค่ะ🙌🏻 &nbsp;ยังสามารถรับประทานน้ำอัดลม 0% ได้หรือไม่?ยังสามารถรับประทานได้ค่ะ โดยค่าที่ปลอดภัยในการรับประทานแอสปาร์แตมจะอยู่ที่ไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม👀 หากจะพูดให้เห็นภาพ หากคุณผู้อ่านมีน้ำหนักตัวประมาณ 50 กิโลกรัมนั่นหมายความว่าคุณผู้อ่านสามารถรับประทานแอสปาร์แตมได้ในปริมาณที่ปลอดภัยไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในน้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลหนึ่งกระป๋อง มักใส่แอสปาร์แตมไม่เกิน 300 มิลลิกรัม นั่นแปลว่าคุณผู้อ่านสามารถรับประทานน้ำอัดลมชนิดนั้นได้ประมาณ 6-7 กระป๋องโดยประมาณเลย ซึ่งนับเป็นปริมาณที่ค่อนข้างเยอะมากต่อวัน หากไม่ได้ติดน้ำอัดลมกลุ่มนี้ เรามักจะกินไม่ถึงปริมาณที่มีความเสี่ยงว่าจะก่อมะเร็งอยู่แล้วค่ะ🫡&nbsp;<hr>ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/4063/48fba531-9963-4673-a79c-12bb7740267d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">🍹สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จากการศึกษาที่ประกาศโดย American Society for Reproductive Medicine ในปี 2559 📑 สารให้ความหวานเทียมในเครื่องดื่ม 0% จะลดความสามารถของผู้หญิงในการปฏิสนธิและส่งผลต่อสุขภาพของเซลล์ไข่ โดยหากบริโภคในระหว่างตั้งครรภ์ ว่ากันว่าอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์และทำให้เด็กเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลมที่มีระดับน้ำตาลสูงหากเป็นไปได้นะคะ!🙅🏻&zwj;♀️🍹 แล้วคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกอยู่ล่ะ?หากคุณมีโรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่าฟีนิลคีโตนูเรีย (PKU) ซึ่งไม่สามารถเผาผลาญแอสปาร์แตมได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการรับประทานสิ่งที่มีแอสปาร์แตม 🚫 โดยไม่ใช่เพียงคุณแม่และลูกน้อยเท่านั้นที่ควรเลี่ยง แต่ยังรวมถึงแม่ที่วางแผนหรือกำลังตั้งครรภ์ด้วย ในกรณีของทารกแรกเกิด ทารกจะได้รับการทดสอบที่โรงพยาบาลหลังคลอด ดังนั้นหากมีความผิดปกติก็สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลจนมากเกินไปนะคะ!แม้ว่ากระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารและยาจะได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารให้ความหวาน แต่คุณพ่อคุณแม่บางคนก็ยังคงกังวล ท่ามกลางความขัดแย้งเรื่องแอสปาร์แตม หัวหน้าสำนักโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหารของ WHO แนะนำว่าควรพิจารณา &#39;การดื่มน้ำแทนเครื่องดื่มที่มีรสหวาน🥛&#39; แทนที่จะมองหาของหวานอื่นทดแทน ลองเลิกนิสัยชอบความหวานและพึ่งพาอาหารแปรรูป แล้วหันมาใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพกันดูนะคะ 💖

สารให้ความหวานในน้ำอัดลมก่อให้เกิดมะเร็ง?

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมลูกถึงร้องไห้งอแงหนัก นอกจาก หิว หรือ รู้สึกไม่สบายตัวแล้วยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทารกร้องไห้ เหตุผลเหล่านั้นคืออะไรเราไปดูกันค่ะ<hr>เหตุผลที่ทารกร้องไห้<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/3c4c5aa8-59ae-45e1-93ef-53decd227cb2.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ร้องเพราะหิวการร้องไห้เพราะหิวเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะนึกถึง เพราะนมแม่นั้นจะย่อยง่ายและเป็นปกติที่ลูกจะรู้สึกหิวบ่อย โดยควรให้นมแม่กับลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมงแล้วสังเกตว่าลูกหยุดร้องหรือไม่ หรือยังไม่หยุดร้องแปลว่าอาจมาจากสาเหตุอื่นและหากหยุดร้องแปลว่าถูกต้องแล้วค่ะ✨ร้องเพราะปวดท้องแต่ในเด็กบางคนที่ร้องไห้หนัก😭 อาจมีเหตุผลอื่นเช่น มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บางคนร้องไห้นาน 2-3 ชั่วโมงก็มีค่ะ ความเชื่อและงานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าเหตุผลหลักที่ทารก👶ร้องมักมาจากการมีลม☁️ในกระเพาะอาหารมากทำให้รู้สึกอึดอัดท้อง จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ทารกทานนมแม่เท่านั้นในช่วง 0-3 เดือน เพราะนมแม่จะย่อยได้ง่ายกว่าจึงลดการเกิดลมในท้องได้✨ร้องเพราะผ้าอ้อมเปียกเวลาลูกร้องไห้ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมคอยเช็คผ้าอ้อมของลูกนะคะว่าเปียกหรือไม่&nbsp;✨ร้องเพราะง่วงนอนบางครั้งลูกอาจรู้สึกเหนื่อย หรือง่วงนอน แต่ไม่หลับ นั่นเป็นเพราะสภาพแวดล้อมรอบๆตัวอาจไม่เอื้ออำนวยให้ลูกนอน เช่นมีคนเยอะเสียงดัง อากาศร้อนเป็นต้นค่ะ✨ร้องโดยไม่มีเหตุผลโดยในทารก👶บางคนอาจร้องไห้วันละ 2-3 ชั่วโมงโดยไม่มีเหตุผล และ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งสามารถพบได้ในเด็กวัยก่อน 3 เดือน คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านอาจหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ว่าทำไมลูกถึงไม่หยุดร้องไห้ ยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงดูลูกในช่วง 2-3 เดือนแรก มักพยายามหาเหตุผลต่างๆ ว่าลูกน้อยร้องเพราะอะไรจนเกิดความเครียด😞<hr>ร้องไห้โคลิก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/33ceebc5-bb88-472f-889a-4291b748a7e4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ร้องไห้โคลิกคืออะไร...?ทารกที่ร้องไห้มากๆ และร้องไห้เป็นช่วงเวลา🕐จะเรียกว่าร้องโคลิก ซึ่งทารกจะร้องไห้เก่งและจะร้องเป็นเวลาเดิม เช่น ทุกๆ 4 โมงเย็น โดยยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากสาเหตุใด✨จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกร้องโคลิกหากเป็นการร้องโคลิก😭 &nbsp;ทารกจะยังเจริญอาหารและยังทานนมได้เยอะ น้ำหนักของลูกน้อยก็จะขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยอาการโคลิกนี้จะหายไปเองหลังผ่าน 3 เดือนไปแล้วค่ะ<hr>สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2238/7b7acb58-e8dc-4b1d-b57e-999c47a18921.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สังเกตลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่พยายามสังเกตพฤติกรรมและอารมณ์พื้นฐานของลูก โดยพยายามตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกทันที (ใน 6 เดือนแรก) เพื่อที่ว่าลูกจะได้ไว้ใจและเกิดความผูกพันกับพ่อแม่ โดยให้พยายามสัมผัสลูกบ่อยๆจะทำให้ลูกร้องน้อยลงได้✨ไม่วิตกกังวลจนเกินไปคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป ให้สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และอาจผลัดกันเลี้ยงดูลูกพร้อมกับเปิดเพลงเบาๆ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรทำใจไว้ล่วงหน้าว่าลูกน้อยในช่วง 3 เดือนแรกอาจมีอาการร้องไห้หนัก😭 โดยอาจจะหาเหตุผลได้ หรือ หาเหตุผลไม่ได้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้คืออดทนและใจเย็น โดยหากยังรู้สึกไม่สบายใจ อาจลองพาน้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูความผิดปกติของร่างกายได้นะคะ🏥

หนูร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน!

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกลทำให้เรามีโอกาสได้พูดคุยจากคนต่างชาติได้ง่ายขึ้น รวมถึงเมื่อทำงานก็มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ดังนั้นการสอนให้ลูกพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาก็จะทำให้ลูกได้เปรียบ ซึ่งเราจะมีวิธีสอนลูกอย่างไรให้ลูกสามารถพูดสองภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติและเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เราไปดูกันเลยค่ะ&nbsp;<hr>กลยุทธ์การสอนภาษาที่สองให้ลูก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/02b963da-73a5-46ef-aa16-b55346fac01c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">ควรจะสอนลูกพูดภาษาที่สองตั้งแต่เมื่อไหร่ดี?คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกพูดภาษาที่สอง🔤ได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ได้เลยค่ะ โดยอาจอ่านนิทาน หรือ เปิดเพลงให้ฟังโดยใช้ภาษาที่สองก็จะทำให้ลูกทำความคุ้นเคยและเริ่มรับรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะหากคุณแม่พูดกับลูกในครรภ์🤰บ่อยๆ ลูกก็จะเกิดการเรียนรู้และมีความคุ้นเคยกับมันค่ะ&nbsp;หลังคลอด คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสอนต่อได้เลยจนลูกอายุ 7 ขวบ เพราะหลังจากนั้นลูกจะมีความคิดเป็นของตนเองและอาจต่อต้าน หรือ อาจรู้สึกสับสน รวมถึงยังเป็นวัยที่เข้าเรียนและได้รับการเรียนจากโรงเรียน🏫แล้วด้วยค่ะ&nbsp;คุณพ่อคุณแม่คือกุญแจสำคัญเทคนิคที่ดีที่สุดในการสอนลูกพูดสองภาษาคือตัวคุณพ่อ👨และคุณแม่👩เองค่ะ เพราะหากคุณพ่อคุณแม่พูดภาษาที่สองกับลูกในชีวิตประจำวันทุกๆวันๆ ทำให้เป็นเรื่องปกติลูกก็จะสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งภาษา🔤ที่ใช้ในทุกๆวัน โดยเวลาคุยกับลูกก็ไม่ควรแปลให้ลูก ให้เริ่มพูดคำง่ายๆก่อนเช่น Dog, Go, Yes, No แล้วค่อยพูดยาวๆเป็นประโยคก็จะทำให้ลูกค่อยๆเข้าใจเองค่ะ&nbsp;<hr>วิธีทำให้ลูกจดจำได้ง่ายขึ้น<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/b2348de6-6aa2-40cf-8391-07d3ea8352e9.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">เปิดการ์ตูนให้ลูกดู📺คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดการ์ตูนที่เป็นภาษาที่สองให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกซึมซึบสำเนียงและการออกเสียงที่ถูกต้อง อาจเปิดเพลงที่เป็นภาษาที่สอง หรือ อ่านนิทานภาษาที่สองให้ลูกฟัง เมื่อลูกได้ฟังบ่อยๆก็จะทำให้ลูกจดจำคำศัพท์ต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ&nbsp;โปสเตอร์ภาษา หนัง หนังสืออ่าน📖ก็เป็นอีกตัวช่วยที่เป็นประโยชน์เมื่อสอนภาษาที่สองให้เจ้าตัวเล็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสอดแทรกภาษาที่สองผ่านกิจกรรมต่างๆได้ โดยไม่ควรทำให้เป็นเรื่องที่จริงจังเพราะลูกจะเกิดการต่อต้านและจะไม่อยากเรียนรู้ค่ะ&nbsp;ทำกิจกรรมอื่นพร้อมกับสอนภาษาไปด้วยเมื่อทำกิจกรรมพร้อมๆกับการเรียนรู้ภาษา🔤จะทำให้เด็กเรียนรู้และจดจำได้มากกว่า ดังนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยออกไปข้างนอกลองชวนลูกพูดคุยและลองบอกคำศัพท์ต่างๆ เมื่อพบสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆระหว่างทาง หรืออาจเปิดเพลง🎶ภาษาที่สองให้ลูกเต้นตามจังหวะเพลงไปด้วย หรือจะชวนลูกดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษโดยไม่มีซับ เพื่อให้ลูกได้ดูและฟังการกระทำของตัวละคร และจับความหมายของคำพูดนั้นๆ<hr>อยากให้พูดเก่งต้องให้ลูกคิดเป็นภาษาอังกฤษ<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2811/8a8ddc4c-7c2c-4bee-8d34-f7bc23f7c0aa.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">วิธีทำให้ลูกคิดเป็นภาษาที่สองเทคนิคสำคัญที่ทำให้ลูกเก่งพูดสองภาษาคือการฝึกให้ลูกคิดเป็นภาษาอังกฤษ🔤แล้วสื่อสารออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลกลับจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยพยายามสื่อสารกับลูกด้วยภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องแปลความหมายให้ฟัง แม้ว่าในช่วงแรกของการพูดลูกอาจจะไม่เข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่พูดถึงอะไร คุณพ่อ👨คุณแม่👩สามารถบอกใบ้โดยการชี้หรือทำท่าทางประกอบเพื่อให้ลูกเข้าใจ แทนการแปลหรือบอกให้ลูกฟังแล้วลูกจะเข้าใจได้เองค่ะ&nbsp;ใช้ความอดทนการจะฝึกให้ลูกพูดภาษาที่สองนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องใช้ความอดทน และรอให้ลูกเรียนรู้ คอยพูดคุยกับลูกเป็นภาษาที่สอง และชมเชยเมื่อลูกทำสำเร็จลูกก็จะมีกำลังใจในการพูดและเรียนรู้เองค่ะ&nbsp;

เคล็ดลับฝึกให้ลูกพูดสองภาษาตั้งแต่เด็ก

เราอาจพบปัญหาการนอนของทารกในวัยแรกเกิดได้ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ คือ การห่อตัวทารกด้วยผ้า<hr>การห่อตัวทารกแรกเกิด<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/606cf8f5-c3b8-4e48-80cd-44eb2f08a64d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨สาเหตุของปัญหาทารกแรกเกิดอาจจะยังไม่สามารถปรับต้วกับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ทำให้เกิดปัญหาในการนอน❌✨การห่อทารกด้วยผ้าห่อตัวช่วยอย่างไรการห่อทารกด้วยผ้าห่อทำให้ทารกเหมือนอยู่ในมดลูก จึงทำให้ทารกนอนหลับง่ายขึ้น ลดอาการงอแง😭 ตื่นตกใจ หรือสะดุ้งตื่นเวลานอน&nbsp;✨เมื่อไหร่ที่ควรหยุดห่อควรห่อทารกถึงอายุ 2 เดือนเท่านั้น หรือหากทารกสามารถนอนหลับเองได้ดีแล้วก็สามารถหยุด❌ห่อตัวได้เลย✨ทำไมถึงควรหยุดห่อเมื่อทารกโตขึ้นจะสามารถนอนหลับได้ดีขึ้นเอง นอกจากนี้เมื่อทารก👶อายุ 2 เดือนจะเริ่มสามารถเคลื่อนไหวและกลิ้งไปมาได้แล้ว ดังนั้นการห่อทารกไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้<hr>ข้อควรระวังในการห่อทารก<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/39a5a38d-6cdd-4d67-b274-a80d9f2b87a4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">✨ห่อแล้วให้นอนหงายท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก เพื่อป้องกันไม่ให้ทารก👶หายใจไม่ออกจนอาจทำให้เกิดการเสียชีวิต หรือที่เรียกว่าการไหลตาย (SIDS)✨ห่อให้พอดีการห่อทารกแน่นจนขา🦵งอหรือเหยียดตรงมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรพันผ้าโดยให้ทารกยังสามารถขยับสะโพกและขาได้เล็กน้อย&nbsp;<hr>วิธีห่อทารกอย่างปลอดภัย<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2306/e1860461-7980-4621-af80-1c9ec23e4060.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%;">จากคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (The American Academy of Pediatrics) ได้บอกวิธีห่อตัวของทารกอย่างปลอดภัยไว้ ดังนี้ค่ะ&nbsp;✨หากห่อตัวทารก คอยดูให้ทารกนอนหลับในท่าหงาย และระวังไม่ให้ลูกนอนตะแคงหรือคว่ำในขณะหลับ&nbsp;✨รวมถึงควรจัดผ้าปูที่นอน🛏️ให้ตึงเสมอ เพราะหากผ้าปูที่นอนหรือผ้าปูรองนอนมีความหย่อนหรือผ้าห่อตัวของทารกมีการห่อไว้หลวมๆ ก็อาจทำให้ผ้าหลุดออกจากเตียงหรือจากตัวของทารก👶 ได้ และหากผู้ปกครองไม่ได้เฝ้าดูอยู่ขณะนั้นก็อาจทำให้ลูกขาดอากาศหายใจหากหน้าของลูกเข้าไปซุกที่ผ้าทั้งหลายได้ค่ะ&nbsp;✨ที่สำคัญคือจะต้องคอยระวังไม่ให้ที่นอนมีลักษะที่นุ่มจนเกินไป หรือมีลักษณะบุ่มเป็นแอ่ง เพราะอาจทำให้ลูกหน้าคว่ำแล้วเกิดหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้ค่ะ💀 รวมถึงควรจะแยกของเล่น ตุ๊กตา🧸 หมอน ผ้าห่มอื่นๆ ออกจากที่นอนของทั้งลูกและคุณพ่อคุณแม่ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้คุณพ่อคุณแม่เผลอทับโดยไม่ตั้งใจค่ะ&nbsp;✨การห่อตัวทารกจะทำให้อุณหภูมิร่างกายของลูกสูง🌡️กว่าปกติ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรระวังไม่ให้ลูกร้อนจนเกินไป โดยให้สังเกตว่าลูกมีเหงื่อ💦ออกตามตัวไหม แก้มแดงหรือเปล่า ผมเปียก มีผื่นจากความร้อน หรือหายใจเร็วกว่าปกติไหมนะคะ&nbsp;

เอาผ้าห่อตัวทารกจริงๆแล้วดีหรือไม่?

Nguy&ecirc;n nh&acirc;n ch&iacute;nh dẫn đến ung thư cổ tử cung, một trong những bệnh truyền nhiễm qua đường t&igrave;nh dục l&agrave; virus HPV. Hiện nay, số lượng bệnh nh&acirc;n nhiễm HPV ng&agrave;y c&agrave;ng gia tăng.🏥<hr>Ung thư cổ tử cung<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3311/5f94b15c-dee9-4816-a1d6-b47e462b397c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🦠Ung thư cổ tử cung l&agrave; g&igrave;?Cổ tử cung l&agrave; một phần trong cơ quan sinh dục nữ👩, tiếp nối giữa &acirc;m đạo v&agrave; th&acirc;n tử cung. Ung thư cổ tử cung l&agrave; bệnh l&yacute; &aacute;c t&iacute;nh xảy ra trong c&aacute;c tế b&agrave;o của tử cung. HPV c&oacute; hơn 100 chủng loại kh&aacute;c nhau, thường kh&ocirc;ng g&acirc;y ra c&aacute;c dấu hiệu hay triệu chứng cụ thể khiến mẹ bầu kh&oacute; ph&aacute;t hiện ở giai đoạn đầu.🤰&nbsp;🦠C&aacute;c loại ung thư cổ tử cungUng thư cổ tử cung v&agrave; tiền ung thư cổ tử cung được ph&acirc;n loại bằng c&aacute;ch quan s&aacute;t dưới k&iacute;nh hiển vi.🔬 Loại ung thư thường gặp nhất l&agrave; ung thư biểu m&ocirc; tế b&agrave;o gai v&agrave; ung thư biểu m&ocirc; tuyến.&nbsp;Ung thư biểu m&ocirc; tế b&agrave;o gai bắt đầu từ c&aacute;c tế b&agrave;o mỏng ở cổ ngo&agrave;i cổ tử cung, thường bắt đầu từ v&ugrave;ng chuyển tiếp (nơi tiếp gi&aacute;p giữa cổ ngo&agrave;i v&agrave; cổ trong của cổ tử cung). Ung thư biểu m&ocirc; tuyến ph&aacute;t triển từ c&aacute;c tế b&agrave;o tuyến tiết chất nhầy của cổ trong cổ tử cung.🔍<hr>Nhiễm virus HPV khi mang thai<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3311/0f1c1100-4be0-4721-a08f-70303d6a199b.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🤰Li&ecirc;n hệ giữa HPV v&agrave; mang thaiNếu mẹ đ&atilde; từng nhiễm HPV v&agrave; đang c&oacute; dự định mang thai, mẹ n&ecirc;n đi kh&aacute;m b&aacute;c sĩ👩&zwj;⚕️ để được tư vấn v&agrave; xem c&oacute; cần thực hiện c&aacute;c x&eacute;t nghiệm HPV như x&eacute;t nghiệm Pap để s&agrave;ng lọc những dấu hiệu bất thường của cơ thể.🧫 Ngo&agrave;i ra, b&aacute;c sĩ c&oacute; thể chỉ định những x&eacute;t nghiệm bổ sung, soi cổ tử cung để chắc chắn kh&ocirc;ng c&oacute; bất thường c&oacute; thể dẫn đến ung thư cổ tử cung.&nbsp;Nếu mẹ đang mang thai v&agrave; x&eacute;t nghiệm dương t&iacute;nh với HPV, mẹ sẽ được gi&aacute;m s&aacute;t chặt chẽ thay đổi của m&ocirc; tử cung do sự thay đổi của c&aacute;c m&ocirc; diễn ra rất nhanh ch&oacute;ng đặc biệt trong thời kỳ mang thai.👀 Nếu sự thay đổi m&ocirc; tăng l&ecirc;n qu&aacute; nhanh, b&aacute;c sĩ c&oacute; thể chỉ định ho&atilde;n điều trị v&igrave; n&oacute; thường dẫn đến chuyển dạ sớm ở thai phụ hoặc g&acirc;y chảy m&aacute;u.🩸 Nếu mụn c&oacute;c to đến mức g&acirc;y tắc nghẽn &acirc;m đạo, ch&uacute;ng sẽ cần được loại bỏ trước khi sinh con.🤰Virus HPV v&agrave; sinh conNguy cơ l&acirc;y truyền HPV từ mẹ sang con rất thấp. Ngay cả nếu trẻ sơ sinh nhiễm HPV, cơ thể b&eacute; vẫn c&oacute; thể loại bỏ virus n&agrave;y.😀&nbsp;D&ugrave; mẹ dương t&iacute;nh với HPV, b&eacute; sinh ra thường kh&ocirc;ng c&oacute; biến chứng về sức khỏe li&ecirc;n quan đến HPV. Rất hiếm gặp biến chứng nặng như mụn c&oacute;c sinh dục ph&aacute;t triển ở cổ họng b&eacute;. Ở những trường hợp hiếm n&agrave;y, b&eacute; cần phải phẫu thuật laser để ngăn mụn c&oacute;c cản trở đường thở của b&eacute;.😟🤰Điều trị HPV khi mang thaiĐa số người nhiễm HPV đều cải thiện v&agrave; tự khỏi bệnh sau một thời gian ngắn.😀 Một số phương ph&aacute;p điều trị HPV phổ biến nhất như loại bỏ mụn c&oacute;c bằng d&ograve;ng điện, sử dụng nitơ lỏng để đ&oacute;ng băng hoặc ph&aacute; hủy mụn c&oacute;c sinh dục, sinh thiết h&igrave;nh n&oacute;n, sử dụng v&ograve;ng điện LEEP kho&eacute;t ch&oacute;p cổ tử cung hoặc b&ocirc;i thuốc theo b&aacute;c sĩ chỉ định.👩&zwj;⚕️&nbsp;<hr>Biện ph&aacute;p ph&ograve;ng ngừa nhiễm HPV<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3311/e4361288-fd6e-4e28-9316-731f1e08a764.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">☔Sử dụng bao cao su khi quan hệ t&igrave;nh dụcSử dụng bao cao su đ&uacute;ng c&aacute;ch c&oacute; thể l&agrave;m giảm nguy cơ nhiễm HPV v&agrave; c&aacute;c bệnh l&acirc;y truyền qua đường t&igrave;nh dục kh&aacute;c.🙂 Những bố mẹ thường xuy&ecirc;n sử dụng bao cao su khi quan hệ c&oacute; thể giảm tối thiểu tới 70% nguy cơ nhiễm c&aacute;c bệnh tr&ecirc;n.👨&zwj;👧Hạn chế quan hệ t&igrave;nh dục với nhiều ngườiSố lượng bạn t&igrave;nh c&agrave;ng nhiều th&igrave; khả năng nhiễm bệnh c&agrave;ng lớn. Mẹ chỉ n&ecirc;n quan hệ thường xuy&ecirc;n với 1 bạn t&igrave;nh, hoặc duy tr&igrave; h&ocirc;n nh&acirc;n một vợ một chồng.👨&zwj;👧&nbsp;💉Ti&ecirc;m chủng vắc xinHiện nay, c&oacute; 2 loại vắc xin gi&uacute;p ngăn ngừa nhiễm HPV bao gồm Gardasil v&agrave; Cervarix.💉 Hai loại vắc xin được chứng nhận an to&agrave;n sử dụng cho phụ nữ từ 9-26 tuổi. Vắc xin c&oacute; thể ngăn ngừa tới 90% nguy cơ ung thư cổ tử cung v&agrave; 60% tổn thương tiền ung thư n&ecirc;n mẹ h&atilde;y đảm bảo ti&ecirc;m đủ mũi theo chỉ dẫn b&aacute;c sĩ nh&eacute;!🥰&nbsp;

Phòng chống HPV ung thư cổ tử cung

B&eacute; mới sinh gần như ngủ suốt ng&agrave;y đ&ecirc;m v&agrave; chỉ thức dậy một l&uacute;c để b&uacute; mẹ th&ocirc;i. B&eacute; chưa ph&acirc;n biệt được ng&agrave;y đ&ecirc;m n&ecirc;n b&eacute; cứ ngủ suốt ng&agrave;y v&agrave; đến đ&ecirc;m quấy đ&ograve;i chơi. Mẹ mệt lắm phải kh&ocirc;ng ạ?😳<hr>V&igrave; sao trẻ sơ sinh hay thức đ&ecirc;m?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3480/87423305-868f-4e17-9824-2f1bf0432337.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">😴Ban ng&agrave;yMẹ n&ecirc;n cho b&eacute; hoạt động, chơi đ&ugrave;a thỏa th&iacute;ch thật nhiều v&agrave;o ban ng&agrave;y. Đảm bảo &aacute;nh s&aacute;ng trong ph&ograve;ng b&eacute; để b&eacute; l&agrave;m quen với dần. Cho b&eacute; tiếp x&uacute;c với c&aacute;c &acirc;m thanh th&ocirc;ng thường ban ng&agrave;y như tiếng tivi, tiếng m&aacute;y giặt. Khi đang b&uacute;, nếu b&eacute; ngủ th&igrave; mẹ h&atilde;y nhẹ nh&agrave;ng đ&aacute;nh thức con dậy, n&oacute;i chuyện v&agrave; h&aacute;t cho con nghe để b&eacute; c&oacute; thể tỉnh t&aacute;o buổi s&aacute;ng nh&eacute; ạ!🌄😴Ban đ&ecirc;mMẹ n&ecirc;n giữ y&ecirc;n lặng v&agrave; n&oacute;i khẽ khi cho con b&uacute; ban đ&ecirc;m, cho con ăn ban đ&ecirc;m ngay tại ph&ograve;ng b&eacute; để r&uacute;t thời gian bữa ăn v&agrave; con nhận ra bữa ng&agrave;y v&agrave; bữa đ&ecirc;m kh&aacute;c nhau. Mẹ n&ecirc;n giữ ph&ograve;ng tối v&agrave; y&ecirc;n tĩnh, kh&ocirc;ng n&oacute;i chuyện với b&eacute;, vỗ về b&eacute; nhẹ nh&agrave;ng v&agrave; kh&ocirc;ng vui đ&ugrave;a chơi như buổi s&aacute;ng.🌃Mẹ n&ecirc;n dạy con nhận biết ban đ&ecirc;m l&agrave; thời gian đi ngủ từ khi b&eacute; được 2 tuần tuổi để b&eacute; dễ đi v&agrave;o nếp sinh hoạt nhanh ch&oacute;ng.✨ Nếu b&eacute; đ&ograve;i ăn hoặc quấy kh&oacute;c, mẹ n&ecirc;n đ&aacute;p ứng nhu cầu của b&eacute; nhanh ch&oacute;ng rồi đặt b&eacute; xuống giường ru b&eacute; ngủ. B&eacute; dần sẽ học được t&iacute;n hiệu giờ đi ngủ tới rồi qua những lời ru, hay đọc chuyện cổ t&iacute;ch mỗi đ&ecirc;m.🌙<hr>Tập cho b&eacute; th&oacute;i quen ngủ đ&uacute;ng giờ<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3480/55674b7f-75e1-4164-9585-7c0f06ebdd92.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Giai đoạn 3-4 th&aacute;ng đầu đời l&agrave; khoảng thời gian th&iacute;ch hợp để gi&uacute;p b&eacute; h&igrave;nh th&agrave;nh nếp ngủ. Đ&acirc;y cũng l&agrave; thời điểm v&agrave;ng b&eacute; c&oacute; thể tự ngủ m&agrave; kh&ocirc;ng cần sự gi&uacute;p đỡ của người lớn v&agrave; b&eacute; c&oacute; thể tập ngủ cả đ&ecirc;m nếu mẹ &aacute;p dụng th&oacute;i quen đặt b&eacute; xuống giường khi buồn ngủ nhưng vẫn thức.🛏️Ru b&eacute; ngủ bằng c&aacute;ch đung đưa n&ocirc;i hay cho b&eacute; b&uacute; kh&ocirc;ng sai, tuy nhi&ecirc;n, mẹ l&agrave;m li&ecirc;n tục sẽ h&igrave;nh th&agrave;nh cho b&eacute; th&oacute;i quen chỉ đi ngủ khi c&oacute; bố mẹ bế đung đưa hoặc cho b&uacute;. Nếu b&eacute; ngủ gật v&agrave; bỗng tỉnh dậy giữa nửa đ&ecirc;m, b&eacute; sẽ cảm thấy lo lắng v&agrave; kh&oacute;c v&igrave; kh&ocirc;ng hiểu bố mẹ đi đ&acirc;u rồi, chuyện g&igrave; đang xảy ra. V&igrave; thế, mẹ n&ecirc;n tranh thủ khoảng thời gian n&agrave;y uốn nắn b&eacute;, tạo cho b&eacute; th&oacute;i quen ngủ ngon s&acirc;u giấc nh&eacute;!🥰

Dạy bé phân biệt ngày và đêm

N&uacute;m v&uacute; giả được thiết kế tương tự như n&uacute;m v&uacute; mẹ🤱, được l&agrave;m từ nhiều chất liệu kh&aacute;c nhau v&agrave; thiết kế kh&aacute;c nhau. N&uacute;m v&uacute; giả cũng c&oacute; nhiều lợi &iacute;ch v&agrave; nhược điểm, mẹ h&atilde;y t&igrave;m hiểu v&agrave; c&acirc;n nhắc thật kỹ trước khi mua v&agrave; sử dụng cho b&eacute; nh&eacute;.😀<hr>N&uacute;m v&uacute; giả l&agrave; g&igrave;?<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3336/4ad3b12b-5271-47e0-aecb-8e36c44c3e65.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">N&uacute;m v&uacute; giả l&agrave; một vật c&oacute; thiết kế tương tự như n&uacute;m v&uacute; mẹ, được l&agrave;m bằng cao su, nhựa hoặc silicon.😀 Đ&acirc;y sẽ l&agrave; lựa chọn tốt để dỗ d&agrave;nh b&eacute; mỗi khi b&eacute; quấy kh&oacute;c sau khi b&uacute;, ợ hơi, c&aacute;u kỉnh, bực bội. M&uacute;t l&agrave; bản năng tự nhi&ecirc;n của trẻ, tạo cảm gi&aacute;c thư gi&atilde;n, an to&agrave;n v&agrave; thoải m&aacute;i.🤗&nbsp;<hr>Lợi &iacute;ch của n&uacute;m v&uacute; giả<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3336/6f72a9c8-d0c1-48d7-8b3e-8a2ff10cdd14.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🤱Gi&uacute;p xoa dịu trẻMột số b&eacute; rất quấn mẹ lu&ocirc;n th&iacute;ch được mẹ &ocirc;m, &acirc;u yếm v&agrave; chỉ b&uacute; khi đ&oacute;i.🍼 C&oacute; b&eacute; rất th&iacute;ch ti mẹ d&ugrave; đ&atilde; b&uacute; đủ, nếu kh&ocirc;ng thấy hơi mẹ, b&eacute; sẽ quấy kh&oacute;c. N&uacute;m v&uacute; giả sẽ gi&uacute;p xoa dịu trẻ, l&agrave;m b&eacute; cảm gi&aacute;c thoải m&aacute;i v&agrave; an to&agrave;n. Đặc biệt trong những ng&agrave;y b&eacute; phải đi ti&ecirc;m chủng hay x&eacute;t nghiệm, d&ugrave;ng n&uacute;m v&uacute; giả sẽ l&agrave;m b&eacute; an t&acirc;m hơn rất nhiều.😍🤱Giảm nguy cơ đột tử ở trẻ sơ sinh (SIDS)B&eacute; sơ sinh sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả khi ngủ sẽ giảm nguy cơ đột tử.☠️ Những nghi&ecirc;n cứu n&agrave;y kh&ocirc;ng cho thấy bản th&acirc;n n&uacute;m v&uacute; c&oacute; thể ngăn ngừa SIDS, chỉ l&agrave; việc sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả c&oacute; quan hệ chặt chẽ l&agrave;m giảm nguy cơ SIDS thấp hơn.😀🤱Hỗ trợ cho việc đi lại của trẻCho b&eacute; ngậm n&uacute;m v&uacute; giả trong chuyến bay d&agrave;i c&oacute; thể gi&uacute;p giảm đau tai do thay đổi &aacute;p suất kh&ocirc;ng kh&iacute; khi bay.✈️ N&uacute;m v&uacute; giả cũng hữu x&iacute;ch nếu b&eacute; đang quấy kh&oacute;c tr&ecirc;n &ocirc; t&ocirc;🚔 hoặc xe đẩy.🤱Hỗ trợ trẻ v&agrave;o giấc ngủSau khi được b&uacute; v&agrave; ợ hơi, ngậm n&uacute;m v&uacute; giả c&oacute; thể gi&uacute;p b&eacute; v&agrave;o giấc ngủ dễ hơn.😴 B&eacute; cảm thấy an t&acirc;m hơn như mẹ đang vỗ về b&ecirc;n cạnh n&ecirc;n b&eacute; sẽ thoải m&aacute;i để đi v&agrave;o giấc ngủ hơn.🤱Dễ d&agrave;ng ngừng sử dụngKhi n&agrave;o bố mẹ quyết định đến l&uacute;c cho b&eacute; ngừng sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả. mẹ c&oacute; thể cất n&oacute; đi. Kh&aacute;c với th&oacute;i quen kh&aacute;c như b&eacute; m&uacute;t ng&oacute;n tay, ngưng sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả dễ d&agrave;ng hơn v&agrave; kh&ocirc;ng tốn nhiều thời gian cho b&eacute; th&iacute;ch nghi.🙆&zwj;♀️<hr>Nhược điểm của n&uacute;m v&uacute; giả<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3336/4787c537-ff8c-4892-90d1-924fc1cf265c.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🤱Phụ thuộc n&uacute;m v&uacute;Khi sử dụng một thời gian, b&eacute; sẽ dễ phụ thuộc v&agrave;o n&uacute;m v&uacute; giả, rất kh&oacute; chịu, quấy kh&oacute;c nếu mẹ kh&ocirc;ng cho sử dụng.😠 Khi ngủ, nếu n&uacute;m v&uacute; rơi ra khỏi miệng b&eacute;, c&oacute; thể b&eacute; sẽ quấy kh&oacute;c đ&ecirc;m.🤱Tăng nguy cơ nhiễm tr&ugrave;ng tai giữaSử dụng n&uacute;m v&uacute; giả c&oacute; thể l&agrave;m tăng nguy cơ nhiễm tr&ugrave;ng tai giữa.👂 V&igrave; tỷ lệ nhiễm tr&ugrave;ng tai giữa trước 6 th&aacute;ng tuổi rất thấp trong khi nguy cơ đột tử sơ sinh cao nhất, mẹ c&acirc;n nhắc cho b&eacute; sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả cho đến 6 th&aacute;ng tuổi để giảm nguy cơ SIDS rồi cho b&eacute; ngừng sử dụng dần để ngăn ngừa nguy cơ nhiễm tr&ugrave;ng tai giữa.👌🤱Ảnh hưởng việc b&uacute;Nếu mẹ cho b&eacute; ngậm n&uacute;m v&uacute; qu&aacute; sớm, b&eacute; c&oacute; thể b&uacute; mẹ &iacute;t thường xuy&ecirc;n hơn v&agrave; bỏ b&uacute; mẹ sớm. Tuy nhi&ecirc;n, t&ugrave;y b&eacute; với t&iacute;nh c&aacute;ch kh&aacute;c nhau, việc b&uacute; mẹ c&oacute; thể kh&ocirc;ng bị ảnh hưởng ở một số b&eacute;.🤱&nbsp;🤱Ảnh hưởng đến sức khỏe răng miệngSử dụng n&uacute;m v&uacute; giả v&agrave;i năm đầu đời kh&ocirc;ng g&acirc;y ra ảnh hưởng đến c&aacute;c vấn đề răng l&acirc;u d&agrave;i.🦷 Nếu b&eacute; sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả k&eacute;o d&agrave;i, khớp cắn v&agrave; răng của b&eacute; c&oacute; thể bị lệch hoặc kh&ocirc;ng v&agrave;o đ&uacute;ng c&aacute;ch.<hr>Hướng dẫn sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả cho b&eacute;<img src="https://cdn.billyapi.com/froala/posts/3336/25e3b04d-f267-4ce4-b8a2-b17f40bec666.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🤱Đợi b&eacute; c&oacute; khả năng b&uacute; tốtMẹ n&ecirc;n đợi đến khi b&eacute; c&oacute; khả năng b&uacute; tốt, thường khi b&eacute; được 3-4 tuần tuổi rồi mới cho b&eacute; d&ugrave;ng n&uacute;m v&uacute; giả. Mẹ n&ecirc;n hạn chế sử dụng n&uacute;m v&uacute; giả nếu đang gặp kh&oacute; khăn trong việc nu&ocirc;i con bằng sữa.🤫🤱N&uacute;m v&uacute; giả kh&ocirc;ng phải biện ph&aacute;p đầu ti&ecirc;nN&uacute;m v&uacute; giả kh&ocirc;ng n&ecirc;n l&agrave; biện ph&aacute;p đầu ti&ecirc;n để dỗ d&agrave;nh trẻ. Mẹ n&ecirc;n thử những c&aacute;ch kh&aacute;c như thay đổi c&aacute;ch bế, đung đưa, bế b&eacute; ra ngo&agrave;i.🏃&zwj;♀️🤱Chọn loại n&uacute;m v&uacute; ph&ugrave; hợpMẹ ch&uacute; &yacute; lựa chọn n&uacute;m v&uacute; được l&agrave;m từ chất liệu v&agrave; thiết kế an to&agrave;n. Khi đ&atilde; t&igrave;m được loại b&eacute; th&iacute;ch, mẹ c&oacute; thể mua sẵn một v&agrave;i chiếc để b&eacute; d&ugrave;ng thay thế h&agrave;ng ng&agrave;y nh&eacute;.😚Mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n chọn loại c&oacute; th&ecirc;m trang tr&iacute; v&igrave; b&eacute; sẽ dễ cắn m&uacute;t, c&oacute; thể g&acirc;y nguy cơ ngạt thở cho trẻ.🙅&zwj;♀️ Nếu b&eacute; kh&ocirc;ng th&iacute;ch n&uacute;m v&uacute; giả, mẹ đừng bắt b&eacute; sử dụng. Trong khi ngủ💤, nếu n&uacute;m v&uacute; rơi ra, mẹ kh&ocirc;ng cần phải đặt lại cho b&eacute;.🤱Kh&ocirc;ng phủ đồ ngọt v&agrave;o n&uacute;m v&uacute;Mẹ kh&ocirc;ng phủ đường, mật ong🍯 hay bất kỳ đồ ngọt v&agrave;o n&uacute;m v&uacute;. Răng v&agrave; nướu của b&eacute; c&oacute; thể bị tổn thương đ&oacute;!🦷🤱Kh&ocirc;ng sử dụng n&uacute;m v&uacute; b&igrave;nh sữa thay thếN&uacute;m v&uacute; b&igrave;nh sữa kh&ocirc;ng thể thay thế n&uacute;m v&uacute; giả. B&eacute; c&oacute; thể ngậm v&uacute; ra khỏi nắp v&agrave; bị sặc.🍼☠️🤱Thường xuy&ecirc;n kiểm tra n&uacute;m v&uacute;Mẹ phải thường xuy&ecirc;n kiểm tra sự hao m&ograve;n của n&uacute;m v&uacute;, loại bỏ n&uacute;m v&uacute; c&oacute; vết nứt hay c&oacute; dấu hiệu m&ograve;n.👀 Nếu thấy b&eacute; đang nhai n&uacute;m v&uacute;, mẹ n&ecirc;n cất đi v&igrave; c&oacute; thể c&aacute;c mảnh nhỏ rơi ra khi b&eacute; nhai, g&acirc;y nguy cơ ngạt thở.👃Để &yacute; c&aacute;c bộ phận lỏng lẻo tr&ecirc;n n&uacute;m v&uacute;, đề ph&ograve;ng c&aacute;c bộ phận n&agrave;y rơi v&agrave; hư hỏng c&oacute; thể g&acirc;y nguy cơ ngạt thở cho b&eacute;. Mẹ h&atilde;y lu&ocirc;n lựa chọn n&uacute;m v&uacute; mềm từ c&aacute;c nh&agrave; sản xuất uy t&iacute;n, bảo vệ sức khỏe b&eacute; nh&eacute;!👍

Bé nên dùng núm vú giả như thế nào?

Tắm cho b&eacute; c&oacute; lẽ kh&ocirc;ng qu&aacute; kh&oacute;, nhưng tắm cho trẻ sơ sinh lần đầu ti&ecirc;n đều l&agrave;m bất cứ bố mẹ n&agrave;o cũng bối rối phải kh&ocirc;ng. Baby Billy sẽ hướng dẫn c&aacute;ch bố mẹ tắm cho b&eacute; lần đầu ti&ecirc;n đ&acirc;y!🛀<hr>Lau m&igrave;nh cho trẻ sơ sinh<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3442/b2123464-7d05-460b-8e86-d9f5facdfc91.gif" class="fr-fic fr-dib" style="height: 100%; width: 100%;">🛀Chuẩn bịThật ra th&igrave; lần đầu ti&ecirc;n tắm của b&eacute; thực chất l&agrave; qu&aacute; tr&igrave;nh được vệ sinh lau th&acirc;n thể bằng khăn lau thấm nước v&igrave; sức khỏe v&agrave; an to&agrave;n của b&eacute;.😀 Mẹ n&ecirc;n thực hiện lau người b&eacute; ở nơi ấm &aacute;p, bề mặt đặt b&eacute; n&ecirc;n l&oacute;t một lớp khăn d&agrave;y. Nếu sử dụng điều h&ograve;a hay ở nơi c&oacute; thời tiết lạnh, mẹ cũng phải đảm bảo nhiệt độ ph&ograve;ng tối thiểu l&agrave; 26 độ nh&eacute;, b&eacute; dễ bị lạnh lắm đ&oacute; ạ! Mẹ cần khăn mềm thấm nước, khăn tắm sạch v&agrave; kh&ocirc;, một t&atilde; mới, quần &aacute;o sạch, nước ấm v&agrave; một tinh thần chuẩn bị sẵn s&agrave;ng.💪🛀Tắm cho b&eacute; bằng khănĐầu ti&ecirc;n, mẹ cởi quần &aacute;o cho b&eacute; v&agrave; đỡ phần đầu của b&eacute; bằng một tay.👚 Mẹ đừng bỏ t&atilde; của b&eacute; vội v&igrave; đ&acirc;y l&agrave; khu vực sẽ vệ sinh cuối c&ugrave;ng. Quấn người b&eacute; trong một c&aacute;i khăn để giữ b&eacute; ấm v&agrave; chỉ hở những bộ phận cần được lau rửa.Sử dụng khăn l&agrave;m sạch b&eacute; từng vị tr&iacute; một, từ tr&ecirc;n xuống dưới v&agrave; trước ra sau. Mẹ bắt đầu ở sau tai, sau đ&oacute; di chuyển đến cổ, khuỷu tay, đầu gối, giữa c&aacute;c ng&oacute;n tay v&agrave; ng&oacute;n ch&acirc;n. Mẹ đừng bỏ s&oacute;t cả c&aacute;c ngấn kẽ dưới c&aacute;nh tay, sau tai v&agrave; xung quanh cổ nữa nh&eacute;.✌️Sau khi l&agrave;m sạch c&aacute;c v&ugrave;ng tr&ecirc;n, mẹ mới chuyển đến l&agrave;m sạch t&oacute;c b&eacute; bằng nước. B&eacute; sơ sinh chưa c&oacute; nhiều t&oacute;c n&ecirc;n chưa cần thiết d&ugrave;ng tới dầu gội, chỉ cần sử dụng nước l&agrave; đủ sạch. Mẹ nghi&ecirc;ng nhẹ đầu b&eacute; ra ph&iacute;a sau để tr&aacute;nh nước l&agrave;m ướt mắt con.👩&zwj;🦱Đối với b&eacute; g&aacute;i, nếu c&oacute; một ch&uacute;t dịch tiết &acirc;m đạo th&igrave; cũng kh&ocirc;ng sao, mẹ kh&ocirc;ng cần phải lau qu&aacute; kỹ lưỡng. Đối với b&eacute; trai kh&ocirc;ng cắt bao quy đầu, mẹ chỉ cần vệ sinh nhẹ nh&agrave;ng b&ecirc;n ngo&agrave;i. Nếu b&eacute; đ&atilde; cắt bao quy đầu th&igrave; tuyệt đối kh&ocirc;ng được rửa đầu dương vật cho đến khi phần da đ&atilde; l&agrave;nh hẳn.👩&zwj;👧&zwj;👦&nbsp;Rồi cuối c&ugrave;ng, mẹ l&agrave;m kh&ocirc; to&agrave;n bộ th&acirc;n b&eacute; bằng khăn mềm. Tr&aacute;nh ch&agrave; x&aacute;t qu&aacute; mạnh l&agrave;m tổn thương l&agrave;n da nhạy cảm của b&eacute;.🥰<hr>Tắm cho b&eacute; trong chậu nước<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3442/0349f872-94a9-4274-8c3d-805d4a440da1.gif" class="fr-fic fr-dib" style="height: 100%; width: 100%;">🛀Chuẩn bịB&eacute; sẽ thực sự được tắm trong chậu nước khi cuống rốn đ&atilde; rụng, rốn v&agrave; bao quy đầu đ&atilde; l&agrave;nh lặn ho&agrave;n to&agrave;n. Qu&aacute; tr&igrave;nh tắm cho b&eacute; đ&ograve;i hỏi th&aacute;i độ hợp t&aacute;c của b&eacute; v&agrave; sự ki&ecirc;n nhẫn từ bố mẹ!😇&nbsp;Mẹ chỉ cần cho b&eacute; tắm 2-3 lần/ tuần. Mẹ cần mua cho b&eacute; bồn tắm trẻ em l&agrave;m bằng nhựa d&agrave;y, c&oacute; k&iacute;ch thước ph&ugrave; hợp với cơ thể b&eacute;; miếng l&oacute;t hỗ trợ giữ đầu v&agrave; cả cơ thể b&eacute; an to&agrave;n trong nước; thảm chống trơn trượt, cố định được chậu tắm.🙆&zwj;♀️&nbsp;🛀Tắm cho b&eacute; trong chậu/ bồn tắmĐổ v&agrave;o chậu tắm khoảng 2-3 cm mức nước ấm. Từ từ mẹ vừa đỡ phần đầu b&eacute; vừa hạ xuống nước. Mẹ sử dụng khăn mặt của b&eacute; để lau mặt v&agrave; t&oacute;c.&nbsp;Để bảo vệ tr&aacute;nh nước v&agrave;o mắt, mẹ h&atilde;y để tay l&ecirc;n tr&aacute;n che nước bắn khi mẹ đang lau t&oacute;c cho b&eacute; nh&eacute;. Đối với những b&eacute; c&oacute; m&aacute;i t&oacute;c d&agrave;y, mẹ c&oacute; thể sử dụng dầu gội chuy&ecirc;n dụng xoa l&ecirc;n đầu b&eacute; rồi nhẹ nh&agrave;ng m&aacute;t xa v&agrave; xả sạch dầu gội.🧴&nbsp;Sử dụng một lượng nhỏ sữa tắm d&agrave;nh ri&ecirc;ng cho trẻ sơ sinh để l&agrave;m sạch cơ thể b&eacute;. Sau khi tắm xong, mẹ thấm nước kh&ocirc; người b&eacute; v&agrave; thoa một lớp kem dưỡng ẩm. Cuối c&ugrave;ng mẹ thay cho b&eacute; một chiếc t&atilde; mới.🧻&nbsp;<hr>Lưu &yacute; khi tắm cho b&eacute;<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3442/17250d5f-5e2a-4d18-a676-abc06e94e486.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">Mẹ h&atilde;y để to&agrave;n bộ quần &aacute;o v&agrave; khăn tắm cần thiết trong tầm với gần khu vực tắm để nhanh ch&oacute;ng mặc cho b&eacute; v&agrave; giữ ấm cơ thể. Mẹ kiểm tra nhiệt độ nước tắm bằng khủy tay, đảm bảo độ ấm th&iacute;ch hợp tầm 37-38 độ C. Sau khi tắm xong, mẹ d&ugrave;ng gạc hay khăn mỏng lau sạch c&aacute;c chất tiết từ mắt v&agrave; mũi. Mẹ lu&ocirc;n ch&uacute; &yacute; khi di chuyển b&eacute; ra khỏi bồn tắm tr&aacute;nh trơn trượt nh&eacute;.🧚 &nbsp;

Lần đầu tiên mẹ tắm cho bé như thế nào?

Gi&agrave;u hai con mắt kh&oacute; hai b&agrave;n tay! D&acirc;n gian Việt Nam đến nay vẫn lu&ocirc;n quan trọng sức khỏe của đ&ocirc;i mắt.👀 Bố mẹ đừng qu&aacute; lo lắng. Tầm nh&igrave;n của b&eacute; sẽ ng&agrave;y c&agrave;ng trở n&ecirc;n tốt hơn theo thời gian để b&eacute; c&oacute; thể tự tin kh&aacute;m ph&aacute; thế giới.😀<hr>Tầm nh&igrave;n của b&eacute; ở c&aacute;c độ tuổi<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2547/33062a0e-d752-4091-a96d-f4111ec18632.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👶Trẻ sơ sinh đến 4 th&aacute;ng tuổiKhi mới sinh, hệ thống thị gi&aacute;c👀 chưa ph&aacute;t triển đầy đủ, b&eacute; c&oacute; thể cảm nhận được &aacute;nh s&aacute;ng💡, h&igrave;nh dạng v&agrave; chuyển động nhưng chưa thể nh&igrave;n thấy r&otilde;. B&eacute; c&oacute; thể nh&igrave;n xa khoảng 20-38cm, chỉ đủ xa để nh&igrave;n thấy khu&ocirc;n mặt bố mẹ khi bố mẹ c&uacute;i xuống s&aacute;t b&eacute;. Khu&ocirc;n mặt của bố mẹ l&agrave; điều th&uacute; vị nhất đối với b&eacute; thời điểm n&agrave;y đấy!😉Sau một thời gian chỉ nh&igrave;n thấy mỗi đen v&agrave; trắng, khi được 8 tuần tuổi, b&eacute; c&oacute; thể dễ d&agrave;ng tập trung hơn v&agrave;o khu&ocirc;n mặt của bố mẹ rồi.👪 Khi được 1-2 th&aacute;ng tuổi, b&eacute; c&oacute; thể tập trung hai mắt v&agrave; theo d&otilde;i chuyển động từ tr&aacute;i sang phải của khu&ocirc;n mặt bố mẹ mỗi lần cả nh&agrave; chơi &uacute; &ograve;a rồi.😚Từ 2 th&aacute;ng tuổi đến th&aacute;ng thứ tư, b&eacute; sẽ c&agrave;ng ph&acirc;n biệt được m&agrave;u sắc r&otilde; r&agrave;ng hơn. B&eacute; sẽ tỏ ra th&iacute;ch th&uacute; với c&aacute;c m&agrave;u cơ bản tươi s&aacute;ng v&agrave; những h&igrave;nh ảnh chi tiết bắt mắt.🌈 L&uacute;c n&agrave;y, bố mẹ c&oacute; thể thu h&uacute;t ch&uacute; &yacute; của b&eacute; bằng c&aacute;ch cho trẻ xem tranh, ảnh v&agrave; đồ chơi rực rỡ m&agrave;u sắc.📘👶Trẻ từ 5-8 th&aacute;ng tuổiB&eacute; dần nhận biết được chiều s&acirc;u kh&ocirc;ng gian, nhận định đồ vật ở xa hay gần. Hai mắt dần phối hợp với nhau v&agrave; c&oacute; khả năng ph&acirc;n biệt m&agrave;u tốt, ph&aacute;t hiện được những m&oacute;n đồ rất nhỏ khi b&eacute; 5 th&aacute;ng tuổi.🦖 Đến khoảng th&aacute;ng thứ 8, thị gi&aacute;c b&eacute; đủ tốt để nhận biết mọi người v&agrave; c&aacute;c đồ vật trong ph&ograve;ng, phối hợp c&aacute;c bộ phận mắt-tay-ch&acirc;n cơ thể khi b&eacute; b&ograve; xung quanh nh&agrave;.🏠👶Trẻ từ 9-12 th&aacute;ng tuổiV&agrave;o khoảng 9 th&aacute;ng tuổi, b&eacute; bắt đầu tự đứng l&ecirc;n. Khi được 10 th&aacute;ng tuổi, b&eacute; đ&atilde; c&oacute; thể nắm đồ vật bằng ng&oacute;n c&aacute;i v&agrave; ng&oacute;n trỏ.🤏&nbsp;Đến khi b&eacute; được 12 th&aacute;ng tuổi, hầu hết b&eacute; đ&atilde; biết b&ograve; v&agrave; bắt đầu tập đi. Bố mẹ khuyến kh&iacute;ch b&eacute; tập b&ograve; hơn tập đi sớm để b&eacute; l&agrave;m quen phối hợp tay v&agrave; mắt tốt hơn.🙆&zwj;♀️ Ở độ tuổi n&agrave;y, b&eacute; đ&atilde; c&oacute; thể đ&aacute;nh gi&aacute; khoảng c&aacute;ch đồ vật ở xa hay gần v&agrave; n&eacute;m đồ vật kh&aacute; ch&iacute;nh x&aacute;c.👧Trẻ từ 1-2 tuổiĐến 2 tuổi, sự phối hợp giữa mắt v&agrave; tay v&agrave; nhận thức chiều s&acirc;u của trẻ được ph&aacute;t triển tốt.😀 B&eacute; ở độ tuổi n&agrave;y v&ocirc; c&ugrave;ng hiếu động v&agrave; t&ograve; m&ograve; về m&ocirc;i trường xung quanh. B&eacute; li&ecirc;n tục lắng nghe v&agrave; nh&igrave;n mọi thứ, thậm ch&iacute; c&oacute; thể viết nguệch ngoạc bằng b&uacute;t m&agrave;u trong s&aacute;ch vở của bố mẹ.🖍️<hr>Chăm s&oacute;c mắt của b&eacute;<img src="https://s3.ap-northeast-2.amazonaws.com/images.villagebaby.kr/posts/2547/86881644-2172-4212-8da8-f9cdced4faf3.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👁️Dấu hiệu nhận biết vấn đề về thị lựcHầu hết c&aacute;c trẻ sơ sinh đều c&oacute; đ&ocirc;i mắt khỏe mạnh v&agrave; ph&aacute;t triển khả năng thị gi&aacute;c b&igrave;nh thường.🥰 Tuy nhi&ecirc;n, những vấn đề về mắt c&oacute; thể ph&aacute;t triển v&agrave; cần được ph&aacute;t hiện v&agrave; chữa trị sớm.Bố mẹ h&atilde;y để &yacute; tới những dấu hiệu như con chảy nước mắt nhiều c&oacute; thể do ống dẫn nước mắt bị tắc.😭 M&iacute; mắt đỏ hoặc nhiều gỉ mắt cũng thể b&aacute;o động b&eacute; bị nhiễm tr&ugrave;ng mắt. Nếu b&eacute; qu&aacute; nhạy cảm với &aacute;nh s&aacute;ng, c&oacute; thể do &aacute;p lực trong mắt bị tăng cao. B&eacute; li&ecirc;n tục đảo mắt c&oacute; thể do b&eacute; gặp vấn đề trong kiểm so&aacute;t cơ mắt. Sự xuất hiện của một đồng tử m&agrave;u trắng c&oacute; thể l&agrave; dấu hiệu của ung thư mắt.🏥&nbsp;👁️Gi&uacute;p b&eacute; ph&aacute;t triển thị lựcBố mẹ sử dụng đ&egrave;n ngủ trong ph&ograve;ng b&eacute;🛏️, treo c&aacute;c đồ chơi tr&ecirc;n cao khi b&eacute; c&ograve;n nằm cũi để b&eacute; c&oacute; thể nắm, nghịch v&agrave; quan s&aacute;t nhiều m&agrave;u sắc v&agrave; chuyển động của vật. Mẹ cũng n&oacute;i chuyện c&ugrave;ng b&eacute; khi mẹ đi quanh ph&ograve;ng để b&eacute; lắng nghe v&agrave; tập hướng mắt theo.👩&zwj;👧&nbsp;Khi b&eacute; lớn hơn, bố mẹ c&oacute; thể chơi tr&ograve; chơi trốn t&igrave;m để b&eacute; ph&aacute;t triển tr&iacute; nhớ thị gi&aacute;c. Khuyến kh&iacute;ch b&eacute; chơi đồ chơi với đủ h&igrave;nh dạng v&agrave; m&agrave;u sắc.😀 Để b&eacute; b&ograve; v&agrave; chơi tr&ecirc;n s&agrave;n nh&agrave; một thời gian d&agrave;i. Đọc v&agrave; kể chuyện để k&iacute;ch th&iacute;ch khả năng h&igrave;nh dung của b&eacute; v&agrave; tạo tiền đề cho việc học v&agrave; kỹ năng đọc sau n&agrave;y.🙆&zwj;♀️&nbsp;

Bé đã nhìn thấy được bao xa?

Sản dịch sau sinh là hiện tượng bình thường sau sinh. Tuy nhiên, khi sản dịch kéo dài, mẹ cảm thấy vô cùng khó chịu.<hr>Sản dịch sau sinh🩸Sản dịch là gì?Sản dịch sau sinh là dịch chảy từ âm đạo sau khi mẹ hoàn thành ca sinh, bao gồm máu, các mô từ lớp niêm mạc tử cung và có thể cả vi khuẩn. Sản dịch sẽ thay đổi màu dần trong vài ngày, từ màu đỏ tươi ở vài tuần đầu rồi giảm dần khi dòng chảy trở nên ít dần. Nhờ tử cung co bóp để đóng các mạch máu, lượng máu chảy ra ngoài mới giảm xuống được.🩸Sản dịch thường kéo dài bao lâu?Sản dịch sau sinh thường kéo dài từ 2-4 tuần tùy theo cơ địa của từng mẹ. Sản dịch sau sinh mổ thường sẽ ít hơn so với sinh thường. 3 ngày đầu sau sinh, sản dịch thường có màu loãng và máu thành cục nhỏ màu đỏ sẫm.&nbsp;4-8 ngày sau sinh, sản dịch trở nên loãng hơn, trong máu có lẫn ít chất nhầy nên máu có màu nhạt hơn. 9 ngày sau, sản dịch chuyển sang không có màu, vàng hoặc màu trắng đục. Dù sản dịch đã hết, nếu mẹ hoạt động quá nhiều hoặc quá sớm, sản dịch có thể quay trở lại.<hr>Sản dịch sau sinh bất thườngSản dịch thường không có mùi hôi, chỉ có mùi tanh nhẹ. Khi dịch chảy qua âm đạo, sản dịch mất tính chất vô khuẩn và có thể bị các vi khuẩn gây bệnh như tụ cầu, trực khuẩn, liên cầu làm cho có mùi tanh và độ pH kiềm.🦠 Thường tình trạng này kéo dài trong khoảng 20 ngày, thậm chí có thể tới 40-45 ngày đối với một số mẹ rồi giảm đi rõ rệt. Tuy nhiên, nếu mẹ thấy những dấu hiệu này, sản dịch của mẹ đang gặp bất thường rồi…Dịch âm đạo của mẹ có mùi hôi, mùi khó chịu.😷 Dù một thời gian trôi qua, sản dịch vẫn có màu đỏ tươi và nhiều như tuần đầu mới sinh, hoặc thậm chí chảy máu nhiều hơn. Dù mẹ được nghỉ ngơi đầy đủ, máu vẫn chảy nhiều hơn và màu đỏ tươi sau 4 ngày sinh. Khi ấn vào đáy tử cung, sản dịch có màu đen kèm theo mùi hôi. Khi ấn vào bụng cảm giác có cục gì đó trong bụng và cứng bụng. Nhịp tim mẹ không đều. Đôi khi mẹ thấy sốt nhẹ hoặc cảm thấy ớn lạnh. Mẹ thấy mệt mỏi, chóng mặt.😫 Nếu mẹ thấy bất kỳ một trong các dấu hiệu trên, mẹ nên đi khám bác sĩ ngay nhé!<hr>Lưu ý trong thời gian ra sản dịchMẹ không nên sử dụng tampon quá sớm vì có thể sẽ vô tình đưa vi khuẩn vào trong tử cung. Băng vệ sinh vẫn là người bạn đáng tin cậy trong giai đoạn này. Mẹ phải giữ vệ sinh tuyệt đối, tắm rửa và làm sạch cơ thể thường xuyên, thay băng vệ sinh thường xuyên.🚿Mẹ nên lựa chọn quần áo rộng rãi, nên bỏ đi những quần áo dính vết sản dịch, không nên dùng lại. Khi thấy bất kỳ dấu hiệu bất thường nào, mẹ hãy đi khám bác sĩ ngay để kiểm tra. Khi thấy dấu hiệu chậm hết dịch và bị sốt, mẹ cần nghĩ ngay đến hiện tượng bế sản dịch.👩‍⚕️

Sản dịch sau sinh của mẹ cũng có thể bất thường!

Hút sữa dự trữ là giải pháp hầu như được nhiều bà mẹ áp dụng vì sự thuận tiện và vì nhiều lý do khác phải cho bé bú bình. Nhiều người cho rằng hút sữa sẽ làm tắc sữa hoặc mất sữa. Vậy mẹ đã biết làm thế nào để hút sữa đúng cách giúp sữa về nhanh chưa?&nbsp;<hr>Lợi ích của việc hút sữa🍼Bé được bú cả sữa đầu và sữa cuốiSữa mẹ tiết ra trong những phút đầu của cữ bú thường chứa nhiều vitamin và kháng thể. Sữa cuối tiết ra thường chứa nhiều chất béo hơn. Nếu mẹ cho bé bú nhanh, đôi khi bé sẽ không bú được sữa cuối. Hút sữa ngay sau khi con bú sẽ dự trữ được lượng sữa cuối giúp bé uống đủ và tăng cân khỏe mạnh.🤱🍼Dự trữ sữa mẹ cho bé khi mẹ đi làmHút sữa để nhà có thể giúp bé vẫn uống được sữa mẹ ngay cả khi mẹ không ở nhà.👩‍💻 Mẹ vẫn có thể đảm bảo dinh dưỡng cho bé và tiết kiệm được một khoản tiền cho việc mua sữa bột nếu như mẹ vẫn còn nguồn sữa dồi dào trong cơ thể.🍼Kích sữa nhiều hơnTrong giai đoạn đầu khi bé còn bú ít, nếu mẹ không tăng cường việc hút sữa sẽ không kích thích được lượng sữa về. Ngược với quan niệm rằng hút sữa làm tắc sữa hay mất sữa, nếu mẹ hút sữa đúng cách, đây là cách kích sữa một cách tự nhiên và an toàn.😀🍼Chọn máy hút sữaMáy hút sữa là sự mô phỏng lại quá trình bú mẹ của bé giúp sữa mẹ tiết ra nhanh hơn, an toàn và bảo vệ được đầu ngực của mẹ. Mẹ nên chọn những loại máy dùng lực nhẹ nhàng, không làm đau mẹ, có các chế độ như mát xa, kích sữa, hút sữa để thuận tiện cho mẹ nhất.👀<hr>Hút sữa đúng cách như thế nào?🍼Hút sữa đúng cữMẹ nên hình thành thói quen hút sữa ngay sau khi cho bé bú. Điều này giúp hình thành cơ chế tiết sữa tự nhiên với nhiều lượng sữa hơn và lâu hơn trong cơ thể mẹ.😄Mẹ cũng nên đặt lịch hút sữa trong ngày. Phụ thuộc vào giai đoạn phát triển của bé, khoảng thời gian cách nhau hút sữa sẽ khác nhau. Trong khoảng 3 tháng đầu, mẹ nên hút sữa theo cữ 3 tiếng một lần. Sau này, khoảng thời gian các cữ hút sữa có thể tăng lên.📈🍼Chườm ấm trước khi hút sữaMẹ nên chườm bằng khăn ấm xung quanh ngực và mát xa nhẹ nhàng. Mẹ sẽ kích thích sữa về nhiều hơn và dễ hút hơn đó ạ!🌞🍼Uống nước ấm trước khi hút sữa80% thành phần trong sữa mẹ là nước. Uống sữa ấm hoặc nước ấm trước khi hút sữa sẽ gọi sữa về nhiều và nhanh hơn. Mẹ hãy uống thật đủ nước ấm trước khi hút nha!🌊🍼Bảo quản sữa đã hútMẹ nên bảo quản sữa bằng dụng cụ chuyên dụng để đựng sữa và đảm bảo vô khuẩn. Bảo quản trong ngăn đá tủ lạnh sẽ để được lâu hơn. Hâm nóng sữa đến khi sữa đủ ấm trước khi cho bé, tuyệt đối không đun nóng sữa ở nhiệt độ cao đến khi sôi và các thành phần dinh dưỡng sẽ bị phân hủy, làm mất giá trị dinh dưỡng của sữa mẹ. Mẹ hãy nghiên cứu thật kỹ như chọn loại túi dự trữ sữa, chuẩn bị không gian dự trữ sữa, máy hâm sữa chuyên dụng để tốt nhất cho cả mẹ và con.🤓

Hút sữa mẹ bằng máy đúng cách

Mỗi khi b&eacute; tỉnh dậy sau giấc ngủ, bỗng dưng b&eacute; kh&oacute;c to. Bố mẹ lo nhỡ b&eacute; cảm thấy kh&ocirc;ng khỏe ở đ&acirc;u, kh&ocirc;ng c&oacute; giấc ngủ ngon đ&ecirc;m qua, hay c&oacute; g&igrave; đ&oacute; kh&ocirc;ng ổn rồi. H&ocirc;m nay, Baby Billy sẽ gi&uacute;p mẹ giải đ&aacute;p tại sao b&eacute; hay kh&oacute;c mỗi khi tỉnh dậy v&agrave; xử l&yacute; như thế n&agrave;o?😴<hr>Tại sao b&eacute; ngủ dậy hay kh&oacute;c?<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3488/39ec7551-5170-460b-8b0a-144d9bd36ac4.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">😴B&eacute; ngủ dậy nhưng kh&ocirc;ng đủ giấcB&eacute; đang cảm thấy mệt mỏi v&igrave; vẫn c&ograve;n đang buồn ngủ m&agrave; phải dậy. Nhiều ba mẹ cho rằng n&ecirc;n tập cho b&eacute; th&oacute;i quen dậy sớm để v&agrave;o nếp v&agrave; khiến b&eacute; dễ d&agrave;ng quen giấc hơn sau khi lớn l&ecirc;n. Thực chất, điều n&agrave;y chỉ khiến giấc ngủ của b&eacute; bị gi&aacute;n đoạn n&ecirc;n sau khi ngủ dậy, b&eacute; vẫn thấy mệt mỏi v&agrave; kh&oacute;c.😢😴B&eacute; muốn được chăm s&oacute;cTh&ocirc;ng thường, sau khi ngủ dậy, b&eacute; muốn g&acirc;y sự ch&uacute; &yacute; tới ba mẹ để được quan t&acirc;m v&agrave; chăm s&oacute;c. B&eacute; đang bị n&oacute;ng hay lạnh, b&eacute; cảm thấy đ&oacute;i sau khi tỉnh dậy,.. b&eacute; đang thể hiện nhu cầu của m&igrave;nh v&igrave; b&eacute; biết, ba mẹ sẽ chiều theo &yacute; b&eacute; ngay khi tiếng kh&oacute;c của m&igrave;nh m&agrave;.👪😴B&eacute; cảm thấy kh&ocirc;ng thoải m&aacute;iC&oacute; thể b&eacute; vừa mơ thấy g&igrave; đ&oacute; kh&ocirc;ng l&agrave;m b&eacute; thoải m&aacute;i, hoặc b&eacute; kh&ocirc;ng thấy mẹ ở b&ecirc;n cạnh, b&eacute; c&oacute; phản ứng g&agrave;o kh&oacute;c v&agrave; li&ecirc;n tục gọi mẹ. Đ&oacute; l&agrave; v&igrave; ở độ tuổi qu&aacute; nhỏ, b&eacute; cảm thấy sợ h&atilde;i v&agrave; lo lắng khi bỗng kh&ocirc;ng cảm nhận được hơi ấm của mẹ. B&eacute; đang rất muốn được mẹ bế v&agrave; vỗ về &acirc;u yếm m&igrave;nh.🥰<hr>C&aacute;ch gi&uacute;p b&eacute; c&oacute; một giấc ngủ ngon<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3488/c34ac3d3-3bee-477e-b84c-170c74879b6f.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">😴Chơi đ&ugrave;a c&ugrave;ng con trước khi ngủMẹ n&ecirc;n tham gia c&aacute;c hoạt động thư gi&atilde;n c&ugrave;ng b&eacute; v&agrave;o buổi tối trước khi đi ngủ như h&aacute;t ru, đọc truyện cổ t&iacute;ch để b&eacute; thấy thoải m&aacute;i hơn. Đ&acirc;y cũng l&agrave; một c&aacute;ch dễ d&agrave;ng đưa b&eacute; v&agrave;o giấc ngủ nhanh ch&oacute;ng. Lặp đi lặp lại qu&aacute; tr&igrave;nh, mẹ cũng x&acirc;y dựng th&oacute;i quen ngủ v&agrave; t&iacute;n hiệu với b&eacute; rằng, &agrave; khi mẹ bắt đầu h&aacute;t ru, giờ ngủ đến rồi!🧸😴Mặc quần &aacute;o thoải m&aacute;i, tho&aacute;ng m&aacute;t cho b&eacute;Khi b&eacute; mặc quần &aacute;o thoải m&aacute;i, tho&aacute;ng m&aacute;t, b&eacute; cũng dễ ngủ hơn v&agrave; dễ cựa m&igrave;nh hơn trong l&uacute;c ngủ. B&agrave;n tay v&agrave; ch&acirc;n cũng m&aacute;t hơn so với cơ thể của b&eacute;, n&ecirc;n mẹ h&atilde;y lưu &yacute; nhiệt độ ph&ograve;ng của b&eacute; sao cho ph&ugrave; hợp, m&aacute;t mẻ nhưng kh&ocirc;ng qu&aacute; lạnh.👚😴Giảm bớt &aacute;nh s&aacute;ng trong ph&ograve;ngĐồng hồ sinh học của con đang dần được x&acirc;y dwungj. Để đảm bảo b&eacute; c&oacute; một giấc ngủ ngon v&agrave; gi&uacute;p b&eacute; ph&acirc;n biệt được ng&agrave;y v&agrave; đ&ecirc;m, mẹ n&ecirc;n giữ ph&ograve;ng b&eacute; ở trạng th&aacute;i tối, tắt bớt đ&egrave;n để b&eacute; biết l&agrave; m&agrave;n đ&ecirc;m đ&atilde; bu&ocirc;ng rồi nh&eacute;.🌃😴Thay đổi tư thế b&eacute; ngủNếu b&eacute; bỗng chợt tỉnh giấc buổi đ&ecirc;m v&agrave; kh&oacute;c, mẹ c&oacute; thể nhẹ nh&agrave;ng đến v&agrave; vỗ b&eacute;, đưa b&eacute; n&uacute;m ti giả v&agrave; gi&uacute;p b&eacute; thay đổi tư thế ngủ sao cho thoải m&aacute;i hơn.🛌🏻😴Vỗ về b&eacute;Mẹ nằm cạnh b&eacute; một l&uacute;c, nhẹ nh&agrave;ng vỗ b&eacute; v&agrave; đưa b&eacute; quay lại giấc ngủ. B&eacute; sẽ an t&acirc;m hơn v&igrave; b&eacute; biết mẹ đang ở ngay b&ecirc;n cạnh m&igrave;nh rồi.Nếu b&eacute; li&ecirc;n tục kh&oacute;c k&eacute;o d&agrave;i, mẹ cũng đừng trở n&ecirc;n căng thẳng qu&aacute;. H&atilde;y cứ b&igrave;nh tĩnh, cười v&agrave; nhẹ nh&agrave;ng vỗ về con để b&eacute; biết rằng, mẹ rất hiểu nhu cầu của con v&agrave; mẹ lu&ocirc;n lắng nghe con m&agrave;.💖

Tại sao bé hay khóc sau khi ngủ dậy?

Vỗ ợ hơi cho b&eacute; sau khi b&uacute; sẽ gi&uacute;p b&eacute; ti&ecirc;u h&oacute;a tốt hơn, tr&aacute;nh n&ocirc;n trớ, đặc biệt l&agrave; đối với những b&eacute; b&uacute; b&igrave;nh. C&aacute;c mẹ ch&uacute;ng m&igrave;nh đ&atilde; biết c&aacute;ch vỗ ợ hơi b&eacute; đ&uacute;ng c&aacute;ch chưa?😏<hr>T&aacute;c dụng của vỗ ợ hơi cho b&eacute;<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3382/e023a931-f4b3-4e1f-94e6-345f3a5dd8ea.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👼Đẩy kh&iacute; trong đường ti&ecirc;u h&oacute;aVỗ ợ hơi cho b&eacute; gi&uacute;p đẩy kh&iacute; ở trong đường ti&ecirc;u h&oacute;a của b&eacute;. V&igrave; hệ ti&ecirc;u h&oacute;a của b&eacute; chưa ho&agrave;n chỉnh, khi b&eacute; kh&oacute;c hay h&aacute; miệng b&eacute; đều nuốt một lượng kh&iacute; lớn v&agrave;o người. Khi b&eacute; b&uacute; mẹ hoặc b&uacute; b&igrave;nh, nếu tư thế b&uacute; kh&ocirc;ng đ&uacute;ng, cả kh&ocirc;ng kh&iacute; v&agrave; sữa đều đi v&agrave;o dạ d&agrave;y b&eacute;. Vỗ ợ sẽ gi&uacute;p đẩy hết kh&iacute; ra ngo&agrave;i.😤👼Gi&uacute;p b&eacute; kh&ocirc;ng bị đầy bụngMẹ h&atilde;y tưởng tượng dễ hiểu như bụng b&eacute; đang bị đầy kh&iacute;, diện t&iacute;ch để b&eacute; dự trữ thức ăn sẽ bị thu hẹp phải kh&ocirc;ng? Khi đẩy được hết kh&iacute; ra ngo&agrave;i, b&eacute; sẽ ăn được nhiều hơn v&agrave; cũng kh&ocirc;ng cảm thấy tức bụng. B&eacute; thoải m&aacute;i v&agrave; dễ chịu hơn cũng gi&uacute;p b&eacute; ngủ ngon giấc hơn.🥰👼Tr&aacute;nh n&ocirc;n trớKhi cả kh&ocirc;ng kh&iacute; v&agrave; sữa đi v&agrave;o dạ d&agrave;y, b&eacute; rất dễ bị n&ocirc;n trớ, ọc sữa. Mẹ h&atilde;y để &yacute; tư thế b&eacute; đang b&uacute; mẹ hay b&uacute; b&igrave;nh để giảm thiểu lượng kh&iacute; đi v&agrave;o b&eacute; nhiều nhất c&oacute; thể nh&eacute;!😀<hr>Hướng dẫn vỗ ợ hơi đ&uacute;ng c&aacute;ch<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3382/b39c7398-5b2c-432e-ab07-468b4558190d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">👼Chuẩn bị trước khi vỗ ợ hơiMẹ n&ecirc;n chuẩn bị một chiếc khăn sữa ở b&ecirc;n cạnh để lau khi b&eacute; ợ cặn sữa ra ngo&agrave;i.🧻 Lựa chọn tư thế vỗ ợ thuận tiện nhất v&agrave; đảm bảo an to&agrave;n nhất cho b&eacute;. Mẹ lu&ocirc;n lu&ocirc;n n&ecirc;n vỗ ợ hơi kể cả khi b&eacute; ăn ban đ&ecirc;m hay ban ng&agrave;y.&nbsp;👼Tư thế vỗ ợ hơiNếu bố mẹ l&agrave; một lực sĩ c&oacute; c&aacute;nh tay khỏe v&agrave; to bản, mẹ c&oacute; thể để b&eacute; nằm sấp tr&ecirc;n c&aacute;nh tay của bố hoặc mẹ.💪 Ở tư thế kh&aacute;c, mẹ c&oacute; thể bế v&aacute;c b&eacute; nằm song song với cơ thể, đầu dựa v&agrave;o vai mẹ, một tay mẹ giữ cổ v&agrave; đầu b&eacute;, một tay tiến h&agrave;nh vỗ ợ.👼C&aacute;ch vỗ ợ hơiMẹ khum b&agrave;n tay lại v&agrave; vỗ v&agrave;o lưng b&eacute; sao cho nghe thấy tiếng bồm bộp giữa bữa ăn v&agrave; sau bữa ăn.🍲 Mẹ vỗ dọc lưng b&eacute; theo chiều từ thắt lưng đến cổ để đẩy kh&ocirc;ng kh&iacute; từ dưới tho&aacute;t l&ecirc;n. Khi kh&iacute; được đẩy ra ngo&agrave;i, mẹ c&oacute; thể thấy b&eacute; tạo ra tiếng ợ hơi hoặc tr&agrave;o một ch&uacute;t cặn sữa ra ngo&agrave;i. Mặt b&eacute; l&uacute;c n&agrave;o sẽ cười thấy thoải m&aacute;i v&agrave; dễ chịu hơn đ&oacute; ạ!😁

Vỗ ợ hơi đúng cách cho bé

So với những m&ugrave;a kh&aacute;c, mẹ phải chuẩn bị gấp đ&ocirc;i cho việc sinh nở v&agrave;o m&ugrave;a đ&ocirc;ng?🙀 V&igrave; thời tiết lạnh, kh&ocirc;ng chỉ mẹ m&agrave; cả b&eacute; cũng cần phải cẩn thận với nhiệt độ cơ thể thay đổi để th&iacute;ch nghi với nhiệt độ thấp. Vậy đ&ocirc;ng n&agrave;y, mẹ sẽ cần phải chuẩn bị g&igrave;?🧐&nbsp;<hr>Tips chuẩn bị đồ đi sinh v&agrave;o m&ugrave;a đ&ocirc;ng<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3471/7addac9f-010f-4fde-9729-0dc0907bb153.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥶Mẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n đi ra ngo&agrave;i v&agrave;o th&aacute;ng cuối k&igrave;Đi ra ngo&agrave;i trời m&ugrave;a đ&ocirc;ng kh&oacute; khăn hơn mẹ nghĩ.😣 Nếu ngo&agrave;i trời vừa mưa v&agrave; gi&oacute; thổi lạnh, mẹ n&ecirc;n ở trong nh&agrave; v&agrave; giữ bản th&acirc;n thật ấm &aacute;p v&agrave; an to&agrave;n trong những ng&agrave;y th&aacute;ng cuối k&igrave;. Nếu thật sự mẹ cần phải ra ngo&agrave;i, mẹ h&atilde;y mang gi&agrave;y thật ấm, chống thấm nước v&agrave; chống trơn th&igrave; c&agrave;ng tốt. &nbsp;Thay v&igrave; mặc quần &aacute;o qu&aacute; d&agrave;y, mẹ n&ecirc;n mặc nhiều lớp để c&oacute; thể kiểm so&aacute;t nhiệt độ cơ thể dễ d&agrave;ng hơn. Để tr&aacute;nh bị cảm c&uacute;m do gi&oacute; lạnh, sẽ tốt hơn nếu mẹ đ&atilde; ti&ecirc;m ph&ograve;ng cảm c&uacute;m v&agrave; lu&ocirc;n tr&aacute;nh gi&oacute; đ&oacute; ạ!🌬️🥶Kiểm tra nh&agrave; trước khi đ&oacute;n b&eacute; vềL&uacute;c đ&oacute;n b&eacute; về, c&oacute; lẽ trời đ&atilde; tối rồi!✅ Mẹ n&ecirc;n kiểm tra nh&agrave; v&agrave; đảm bảo nh&agrave; ấm trước khi ch&agrave;o đ&oacute;n th&agrave;nh vi&ecirc;n mới n&agrave;y về nh&agrave;. H&atilde;y kiểm tra c&aacute;c cửa sổ, cửa ra v&agrave;o xem c&oacute; nhiều gi&oacute; luồn qua v&agrave;o được ph&ograve;ng b&eacute; kh&ocirc;ng. Mẹ cũng kiểm tra cả nguồn nước n&oacute;ng, c&aacute;c ống dẫn nước để đảm bảo b&eacute; sẽ được chăm s&oacute;c trong một m&ocirc;i trường ấm &aacute;p nhất, kh&ocirc;ng c&ograve;n cảm thấy lạnh lẽo của m&ugrave;a đ&ocirc;ng nữa!🥰<hr>Những đồ d&ugrave;ng mẹ nhất định phải c&oacute; trong m&ugrave;a đ&ocirc;ng!<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3471/483bfbc6-3566-4520-b493-ea513c24515d.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥶Quần &aacute;o ngủ d&agrave;i v&agrave; đồ l&oacute;tV&igrave; mẹ sẽ to&aacute;t mồ h&ocirc;i nhiều sau khi sinh con, bộ quần &aacute;o l&oacute;t v&agrave; đồ ngủ của mẹ sẽ ướt nhẹp mồ h&ocirc;i mất.💦 Ph&ograve;ng sinh trong bệnh viện được che chắn gi&oacute; cẩn thận n&ecirc;n cũng ấm hơn. Mẹ n&ecirc;n mang thật nhiều đồ l&oacute;t để thay, quần &aacute;o ngủ l&agrave;m từ chất liệu tho&aacute;ng m&aacute;t v&agrave; thấm mồ h&ocirc;i. Nếu trời n&oacute;ng, mẹ n&ecirc;n mặc quần &aacute;o l&oacute;t tho&aacute;ng, nhẹ v&agrave; dễ h&uacute;t mồ h&ocirc;i để cảm thấy dễ chịu. &nbsp;🥶Tất ngủ v&agrave; tất d&agrave;iB&agrave;n ch&acirc;n v&agrave; cổ ch&acirc;n cần được giữ ấm trong thời tiết lạnh. Mẹ n&ecirc;n đeo th&ecirc;m tất ngủ, nhưng nếu tất ngủ l&agrave;m mẹ kh&oacute; chịu, mẹ cũng phải che chắn ch&acirc;n v&agrave; mắt ch&acirc;n kh&ocirc;ng bị nhiễm lạnh nh&eacute;.🧦&nbsp;🥶M&aacute;y phun sương tạo ẩmPh&ograve;ng sinh của mẹ c&oacute; thể sẽ hơi n&oacute;ng v&agrave; kh&ocirc;. V&igrave; thế, mẹ h&atilde;y sắm cho m&igrave;nh một m&aacute;y phun sương tạo ẩm! M&aacute;y sẽ phun ra những hơi nước l&agrave;m ẩm kh&ocirc;ng kh&iacute;, gi&uacute;p mẹ thở dễ d&agrave;ng hơn v&agrave; c&oacute; một giấc ngủ ngon hơn sau khi vượt cạn th&agrave;nh c&ocirc;ng đ&oacute; ạ!😉&nbsp;🥶Quần &aacute;o c&oacute; l&ocirc;ng NOMẹ kh&ocirc;ng n&ecirc;n mang theo những chiếc &aacute;o l&ocirc;ng nỉ m&agrave; l&ocirc;ng dễ bị rơi ra.⛔ Sau khi sinh, khi mẹ &ocirc;m em b&eacute;, những chiếc &aacute;o l&ocirc;ng n&agrave;y sẽ l&agrave;m b&eacute; kh&oacute; chịu v&igrave; da b&eacute; vẫn c&ograve;n yếu v&agrave; rất nhạy cảm. L&ocirc;ng rơi ra cũng c&oacute; thể bay v&agrave;o miệng b&eacute; v&agrave; l&agrave;m tắc hệ h&ocirc; hấp của b&eacute;.🙅&zwj;♂️ &nbsp;<hr>Đồ d&ugrave;ng chuẩn bị cho b&eacute; trong m&ugrave;a đ&ocirc;ng!<img src="https://cdn.billyapi.com/posts/3471/2027df75-faa0-4e61-994e-10c78add1d89.gif" class="fr-fic fr-dib" style="width: 100%; height: 100%;">🥶Mũ cho b&eacute;Khi đưa b&eacute; từ bệnh viện về nh&agrave;, thay đổi m&ocirc;i trường v&agrave; kh&ocirc;ng kh&iacute; sẽ l&agrave; một nhiệm vụ kh&oacute; khăn v&igrave; cơ thể b&eacute; chưa thể th&iacute;ch nghi nhanh như người lớn.✨ V&igrave; thế, mẹ phải chuẩn bị đầy đủ để bảo vệ trước khi cho b&eacute; ra ngo&agrave;i. Một chiếc mũ sẽ bảo vệ đầu b&eacute; che chắn gi&oacute; v&agrave; tr&aacute;nh cảm lạnh, mẹ h&atilde;y chuẩn bị ngay cho b&eacute; nh&eacute;!🥶BodysuitMột bộ &aacute;o liền quần ấm &aacute;p sẽ rất hữu hiệu khi mẹ đưa b&eacute; từ bệnh viện về nh&agrave; hay đi ra ngo&agrave;i để đi kh&aacute;m định kỳ v&igrave; ch&uacute;ng l&agrave;m ấm v&agrave; giữ nhiệt to&agrave;n th&acirc;n b&eacute; rất tốt. Cả bộ &aacute;o liền quần bodysuit n&agrave;y ho&agrave;n to&agrave;n cản gi&oacute;, mẹ kh&ocirc;ng c&ograve;n phải lo gi&oacute; sẽ l&ugrave;a v&agrave;o trong kẽ hở quần &aacute;o l&agrave;m b&eacute; lạnh nữa.👍&nbsp;🥶Dụng cụ l&agrave;m ấm giấy ướtAaa lạnh&hellip;! B&eacute; bỗng giật m&igrave;nh khi mẹ l&ocirc;i giấy ướt lạnh để lau cho b&eacute;.😣 Trong những thời điểm n&agrave;y, dụng cụ l&agrave;m ấm giấy ướt sẽ rất c&oacute; &iacute;ch, l&agrave;m giảm t&igrave;nh trạng b&eacute; bị sốc v&agrave; kh&oacute;c v&igrave; bỗng gặp lạnh. Đ&acirc;y kh&ocirc;ng phải l&agrave; đồ d&ugrave;ng bắt buộc phải c&oacute;, nhưng sẽ rất tốt nếu mẹ để &yacute; mua ạ.🥶Tấm che chắn gi&oacute; xe n&ocirc;iD&ugrave; trời lạnh, mẹ vẫn phải đưa b&eacute; đi ti&ecirc;m vắc xin v&agrave; kh&aacute;m định kỳ. Mẹ phải chuẩn bị ngay th&ocirc;i, một c&aacute;i thắt lưng bảo vệ v&agrave; tấm che chắn gi&oacute; cho xe n&ocirc;i của b&eacute;. Thắt lưng vừa c&oacute; chức năng bảo vệ b&eacute; vừa c&oacute; t&aacute;c dụng giữ ấm bụng b&eacute;.🙌 &Agrave;, găng tay cho tay cầm xe n&ocirc;i để bố mẹ cũng c&oacute; thể giữ ấm đ&ocirc;i tay của m&igrave;nh khi đẩy b&eacute; ra đường th&igrave; sao ạ? Bố mẹ v&agrave; b&eacute; c&ugrave;ng ấm &aacute;p trong m&ugrave;a đ&ocirc;ng n&agrave;y!😉&nbsp;Baby Billy đ&atilde; chuẩn bị danh s&aacute;ch chuẩn bị đi sinh n&agrave;y cho c&aacute;c bố mẹ nh&agrave; m&igrave;nh rồi!😍 Bố mẹ ấn ngay n&uacute;t b&ecirc;n dưới để tải về v&agrave; in danh s&aacute;ch nh&eacute;! <a class="btn btn-vb btn-block" href="https://billyapi.com/post/3326" rel="noopener noreferrer" target="_blank">Chuẩn bị đồ đi sinh ngay n&agrave;o!</a>

Sản dịch sau sinh của mẹ cũng có thể bất thường!

Hút sữa mẹ bằng máy đúng cách

Tại sao bé hay khóc sau khi ngủ dậy?

Vỗ ợ hơi đúng cách cho bé

Chuẩn bị đồ đi sinh mùa đông cần thêm những gì?

Huấn luyện dùng bô cho bé

Bé 9 tháng tuổi vẫn chưa mọc răng

Tại sao giao tiếp bằng mắt với trẻ lại quan trọng đến vậy!

Lần đầu tiên mẹ tắm cho bé như thế nào?

Sản dịch sau sinh của mẹ cũng có thể bất thường!

Chế độ dinh dưỡng cho bé ăn dặm

Cách xử lý khi bé ăn vạ

Bé ngủ hay lắc đầu có đáng lo?

Lưu ý khi cho bé tập ăn rau

Cách chăm sóc sức khỏe cho bé 8 tháng tuổi